รีวิว Galaxy Watch 7 เทียบกับ Galaxy Watch 6 คุณสมบัติต่างกันอย่างไร!
Galaxy Watch7 มาในฐานะที่เป็นสมาร์ตวอทช์ซีรี่ส์เรือธงของแบรนด์ Samsung พัฒนามาในด้านความแรงของ CPU ที่มีความแรงขึ้นแบบก้าวกระโดดด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรเป็นรุ่นแรกของโลก เรียกได้ว่าเป็นชิปตัวท็อปของวงการ WearOS ในขณะนี้ มาพร้อมกับระบบเซนเซอร์ใหม่ที่อัปเกรดความแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้การทำหน้าที่ในฐานะสมาร์ตวอทช์สำหรับการดูแลสุขภาพมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม
จะเห็นว่าความแตกต่างสำคัญที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน Galaxy Watch7 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งาน มันถูกเพิ่มเติมเข้ามาให้ทำได้มากกว่า Galaxy Watch6 ในรุ่นก่อนหน้าในหลายด้านมากๆ แต่ราคาจำหน่ายยังถือว่าใกล้เคียงกับรุ่นเดิม
ฉะนั้นสำหรับใครที่ยังไม่เคยมี Galaxy Watch6 แนะนำซื้อเป็นตัว Galaxy Watch7 ในวันนี้จะคุ้มครับ แต่สำหรับใครที่มี Watch6 อยู่แล้วและใช้งานได้ดีอยู่ ยังไม่เก่าเกินไปที่จะใช้งานได้ต่ออีกสักปีครับ
ส่วนใครที่ยังไม่เคยใช้ Samsung Galaxy Watch มาก่อน และอยากจะลองอุปกรณ์ WearOS ที่เอามาใช้คู่กับสมาร์ตโฟน Android ตัวนี้จัดเป็นกลุ่มเรือธง ราคาสมเหตุสมผลกับประสิทธิภาพและเกรดของวัสดุ และความสามารถที่ถือว่ามีเยอะมากที่สุดแล้วในอุปกรณ์ SmartWatch โดยเฉพาะถ้าเอามาใช้กับสมาร์ตโฟนของ Samsung ด้วยกัน ก็จะยิ่งได้ความสามารถแบบครบๆ ทำงานเข้ากันได้ดีมากที่สุด ไม่ต้องลังเลเลยครับ ยิ่งถ้าใครที่จะซื้อ Galaxy Z Flip6 หรือ Z Fold6 กดใส่ตะกร้ามาด้วยกันเลย เพราะจะได้สิทธิ์ส่วนลดค่า Galaxy Watch7 สูงถึง 30% เลยทีเดียว
The Good
- ชิปเซ็ตใหม่ Exynos W1000 เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรรุ่นแรก แรงและเร็วมากในการทำงาน
- ใช้ระบบ Google WearOS 5 ตัวล่าสุดไม่ต้องรออัปเดท
- หน่วยความจำใหญ่ ให้มาในขนาด 32GB ติดตั้งแอปหรือเก็บไฟล์เพลง ไฟล์ภาพได้เยอะมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมเป็น 2 เท่า
- เป็น AI SmartWatch รุ่นแรก ใส่ฟังก์ชั่น AI จาก Samsung เข้ามาช่วยในการทำงาน
- เซนเซอร์ BioActive ใหม่! ติดตั้ง LED ได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า มีความแม่นยำสูงกว่ารุ่นเดิม 30%
- ใช้ระบบ Dual-GPS (L1+L5) จับตำแหน่งได้เร็วและแม่นยำขึ้น
- เฟรมเครื่องแข็งแกร่ง ใช้ Armor aluminum 2 กระจกหน้าจอ Sapphire Crystal ผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD 810H กันน้ำกันฝุ่นระดับ 5ATM
- เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ได้ด้วยตัวเอง รับสายโทรเข้าโทรออกได้จากนาฬิกาโดยตรง
- มีระบบตรวจจับการล้ม การโดนชน หรือตกบันได หรืออื่นใดที่เกิดการกระแทก ถ้านาฬิกาพบว่าผู้สวมใส่ไม่ขยับหรือตอบสนองใน 1 นาที จะทำขอความช่วยเหลือในทันที
- ติดตามการนอนหลับได้ฉลาดมากขึ้น สามารถจับอัตราการหายใจ/ต่อนาทีของผู้สวมใส่ และวิเคราะห์การนอนออกมาเป็นคะแนน
- สามารถบอก Energy Score ของร่างกายในการสรุปของแต่ละวัน
The Bad
- ใช้งานได้กับสมาร์ตโฟน Android เท่านั้น
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
Samsung เปิดตัว Galaxy Watch7 สมาร์ตวอทช์ WearOS รุ่นใหม่ล่าสุด และเมื่อเทียบกับ Galaxy Watch6 ที่เปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้วจะแตกต่างกันอย่างไร? เราควรจะอัปเกรดไปใช้รุ่นใหม่หรือเลือกซื้อรุ่นไหนดี? ในบทความนี้จะมีสรุปคุณสมบัติสำคัญของสมาร์ตวอทช์ทั้งสองรุ่นนี้ให้ได้รู้กันครับ
Galaxy Watch7 เป็นสมาร์ตวอทช์ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาพร้อมๆ กับ Galaxy Z Fold6 และ Z Flip6 และหูฟังไร้สายตัวใหม่ Galaxy Buds3 Series โดยทาง Samsung ได้เปิดตัว Galaxy Watch7 ออกมาในสองขนาดให้เลือก 40 มม. และ 44 มม. ต่างกันแค่ขนาดหน้าจอแต่คุณสมบัติภายในเหมือนกัน โดยจะมีรุ่น Ultra ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่จะมีแบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่ขึ้นและใส่คุณสมบัติด้านการออกกําลังกายในขั้นที่สูงกว่ามาให้ด้วยแต่เราจะไม่ได้พูดถึงรุ่น Ultra ในบทความนี้
จะเน้นไปที่ Galaxy Watch7 เป็นตัวหลักครับ โดยในรีวิวจะนำมาใช้งานคู่กับเครื่อง Galaxy Z Fold6 ที่เป็นสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นใหม่ของ Samsung เช่นกัน ฟังก์ชั่นการใช้งานบางอย่างอาจจะต่างออกไปเล็กน้อยถ้ามีการไปจับคู่ใช้กับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นๆ นะครับ
Galaxy Watch7 ยังคงเป็นสมาร์ตวอทช์ที่หน้าจอยังสวยมากเช่นเดิม ให้จอขนาดใหญ่และความละเอียดสูง เห็นข้อมูลบนหน้าจอได้ชัดแบบไม่ต้องเพ่ง เป็นจอ Super AMOLED ความสว่างสูงสุด 2000nits เพื่อใช้งานได้เห็นชัดแม้จะอยู่กลางแจ้ง รองรับฟังก์ชั่น Always-on display เพื่อการแสดงหน้าปัดนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาแบบประหยัดพลังงาน มีขนาดหน้าจอ 1.47 นิ้ว ความละเอียด 480×480 327PPI (สำหรับรุ่น 44mm) และขนาด 1.31 นิ้ว 432×432 330PPI (สำหรับรุ่น 40mm)
Galaxy Watch7 จะเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ในการเริ่มต้นใช้งานเช่นเดิม *ทั้ง Samsung Galaxy Watch7 และ Galaxy Watch6 ใช้ได้กับสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตในระบบ Android เท่านั้น ไม่รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iOS
ชิปเซ็ตใหม่ Exynos W1000 เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรรุ่นแรก! แรงขึ้นแบบก้าวกระโดด
สิ่งแรกที่จะรับรู้ได้ทันทีตั้งแต่ที่เริ่มใช้งานก็คือความเร็วในการทำงานของ Galaxy Watch7 ที่เร็วขึ้นอย่างมากครับ รู้สึกได้ตั้งแต่หน้าโฮมของนาฬิกา ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์สมาร์ตวอทช์ที่จะมีความสามารถในการทำงานต่างๆ ได้หลากหลาย และสามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้เหมือนกับอุปกรณ์สมาร์ตโฟน ฉะนั้นในเรื่องชิปประมวลผลจึงสำคัญมาก
Samsung Galaxy Watch7 ใช้ชิปเซ็ตที่ใหม่และเร็วที่สุดในบรรดาชิปเซ็ตสำหรับอุปกรณ์ WearOS เป็นเทคโนโลยีที่กระโดดจากระดับ 5 นาโนเมตรของ Exynos W930 Dual-core (2 Core) ที่ใช้ใน Galaxy Watch6 ขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีระดับ 3 นาโนเมตร Exynos W1000 Penta-core (5 Core) ที่นำมาใช้กับ Galaxy Watch7 เป็นรุ่นแรกของวงการ มีประสิทธิภาพดีขึ้น 50% และมีความเร็วเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตรุ่นเก่า
ผลลัพท์ที่ได้ในการใช้ ชัดเจนกว่าตัวเลขซะอีกครับ ความเร็วในการเข้าออกแอปพลิเคชั่น รวมถึงการสไลด์เลื่อนหน้าจอแสดงไทล์ต่างๆ ทำได้เร็วกว่ามากๆ สไลด์ติดนิ้ว ทำอะไรได้ทันใจ เป็นสิ่งที่พัฒนามากขึ้นที่เห็นชัดที่สุดในด้านการใช้งานของสมาร์ตวอทช์สองรุ่นนี้ครับ ให้อารมณ์เหมือนได้ใช้สมาร์ตโฟนเรือธงตัวใหม่ ที่จะรู้สึกได้ว่าเร็วกว่ารุ่นเก่าที่เราเคยใช้งานอยู่เลย ในอุปกรณ์สมาร์ตวอทช์ก็ไม่ต่างกัน
หน่วยความจำใหญ่ขึ้น 2 เท่า! ขนาด 32GB
Galaxy Watch7 มีขนาด RAM 2GB และหน่วยความจำภายในที่ขยายให้ใหญ่กว่า Galaxy Watch6 มากถึงสองเท่า จากขนาด 16GB ขยายมาเป็น 32GB ซึ่งระบบ WearOS เป็นระบบที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้เองอิสระ ฉะนั้นพื้นที่หน่วยความจำจึงจำเป็นสำหรับการติดตั้งแอปเพิ่มเติม
และความสามารถของ Galaxy Wartch จะสามารถใช้พื้นที่ภายในตัวเองสำหรับการจัดเก็บไฟล์ภาพ, จัดเก็บไฟล์เพลง เพื่อใช้ในการเปิดดูและฟังเพลงได้แบบออฟไลน์จากตัวมันเอง สามารถโอนถ่ายไฟล์แบบไร้สายจากสมาร์ตโฟนเข้าสู่ตัวนาฬิกาได้โดยตรงเลยครับ
WearOS 5 ใหม่ พร้อมใช้ไม่ต้องรออัปเดต พร้อมระบบ AI ที่ใส่มาเป็นรุ่นแรกของโลก
ไม่ใช่แค่เรื่องของชิปเซ็ต CPU เท่านั้น แต่ด้วยระบบ OS ที่ใช้ก็แตกต่างกันด้วย เพราะ Galaxy Watch7 จะใช้ Google WearOS 5 รุ่นใหม่ แต่ในขณะที่ Galaxy Watch6 ในอัปเดตครั้งล่าสุดจะยังใช้ WearOS 4 อยู่เลยครับ
WearOS 5 ถูกปรับปรุงมาจาก Google ให้สามารถใช้งานรันแอปพลิเคชั่นต่างบนนาฬิกาได้อย่างเข้ากันมากขึ้น พร้อมกับการกินพลังงานจากแบตเตอรี่ที่น้อยลง แม้ทั้งสองรุ่นจะใส่แบตเตอรี่มาในขนาดเท่ากันช่วยประหยัดแบตเตอรี่ทำให้ใช้งานได้นานมากขึ้นอีกเล็กน้อยครับ โดยเฉลี่ยในการเปิดฟังก์ชั่นพื้นฐานไว้ครบ ก็จะอยู่ได้ประมาณ 3 วันต่อการชาร์จเต็ม 100%
Galaxy Watch7 ยังมาในฐานะที่เป็นสมาร์ตวอทช์ตัวแรกที่มาพร้อมกับ AI ของทาง Samsung แต่อย่างไรคุณสมบัติในด้านนี้ก็ยังไม่เด่นชัดเหมือนความสามารถบนโทรศัพท์ Galaxy มากนัก จะเป็นเรื่องการนำ AI มาใช้ตอบข้อความ และการคำนวนสุขภาพและการออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็มีการใส่คุณสมบัติด้าน AI มาดังนี้ใน Galaxy Watch7
- คำนวน Energy Score ของผู้สวมใส่ออกมาให้ได้ทราบในทุกสิ้นวัน โดย AI จะวิเคราะห์จาก 4 ปัจจัยหลัก: การนอนหลับ, กิจกรรมการเคลื่อนไหว, อัตราการเต้นหัวใจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการเต้นของหัวใจในขณะที่เราหลับ เอาทุกอย่างมาคำนวนเป็นคะแนน เพื่อให้เราสามารถพัฒนาการดูแลสุขภาพตัวเองได้เข้าใจง่ายมากขึ้น ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวันมากเพียงใด
- มีฟังก์ชั่นการแข่งขันกับตัวเอง เมื่อนักวิ่งและหรือนักปั่นจักรยานมีเส้นทางเส้นโปรดที่ใช้ในการออกกำลังซ้ำกันในทุกวัน ระบบ AI จะทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับข้อมูลการออกกำลังครั้งก่อนในสถานที่เดียวกันให้เราได้ทราบ เพื่อเป็นแรงกระตุ้น และเป็นเครื่องมือช่วยรักษามาตรฐานในการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่ให้หย่อนหยานลงไป ยังมีการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการออกกำลังในระดับสูงอีกด้วย อย่างเช่น Aerobic Threshold (AT) / Anaerobic Threshold (AnT) มาแสดงให้ดูได้อีกด้วย
- Galaxy AI ช่วยหาคำที่เหมาะสมในการตอบกลับด่วน โดยวิเคราะห์จากการสนทนาที่ผ่านมาว่าคุณน่าจะอยากใช้คำใดในการตอบคำถามโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เอง
เซนเซอร์ BioActive ใหม่! ติดตั้ง LED ได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า! และระบบ Dual-GPS แบบใหม่จับตำแหน่งได้แม่นยำขึ้น 20%
ทาง Samsung ได้อัปเกรดสิ่งที่สำคัญสำหรับการจัดเก็บข้อมูลสุขภาพผู้สวมใส่ให้แม่นยำมากขึ้น โดยการพัฒนาชุด BioActive Sensor รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาล่าสุด
BioActive รุ่นใหม่ จะเป็นเทคนิคที่ Samsung ใช้วิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการรับแสงของ LED ด้วยการเพิ่มชนิดสีของ LED โดยในแต่ละสีมีหน้าที่และจุดประสงค์ในการตรวจจับที่ต่างกัน และใช้การจัดเรียง LED ใหม่ให้กินพื้นที่ได้น้อยลง เพื่อจะได้พื้นที่ในการติดตั้งเซนเซอร์ LED ให้เยอะกว่ารุ่นเดิมได้มากถึง 3 เท่า (จาก 4 LED มาเป็น 13 LED)
สังเกตเซนเซอร์ด้านหลังตัวเรื่อนของ Galaxy Watch7 กับ Galaxy Watch6 จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จุดนี้ทำให้ความแม่นยำของการวัดข้อมูลร่างกายก็จะต่างกันไปด้วย
BioActive รุ่นใหม่จะสามารถเก็บข้อมูลร่างกายได้แม่นยำมากขึ้น เพื่อนำมาคำนวนเป็นค่าอัตราการเต้นของหัวใจ, คุณภาพการนอนหลับ, ความดันโลหิต, ระดับออกซิเจนในเลือด และระดับความเครียด แม้แต่การวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างการออกกำลังกายก็ยังสามารถวัดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
BioActive รุ่นปรับปรุงใหม่ ถูกใส่เข้ามาใน Galaxy Watch7 เป็นรุ่นแรก
Galaxy Watch7 จะสามารถติดตามการนอนหลับได้ฉลาดมากขึ้น วิเคราะห์การนอนหลับออกมาเป็นสี่ระดับความลึกของการหลับได้เช่นเคย แต่เพิ่มเติมระบบคะแนนการนอนหลับ ที่แจงลักษณะออกมาได้แบบละเอียดว่าคุณมีลักษณะการนอนคล้ายกับสัตว์ชนิดใดในโลก ^^ เป็นฟังก์ชั่นสนุกๆ ในการติดตามสุขภาพครับ
และสามารถตรวจจับอัตราการหายใจในระหว่างที่เรานอนหลับ ออกมาเป็นจำครั้ง/ต่อนาที ให้เราได้เห็นด้วยครับ
ระบบ GPS ก็พัฒนามากขึ้นครับ เพราะ Galaxy Watch7 เป็นรุ่นแรกที่ได้อัปเกรดมาเป็นระบบ GPS แบบความถี่คู่ (L1+L5) ส่วนรุ่น Galaxy Watch6 จะเป็นระบบ GPS แบบความถี่เดียว ดังนั้นในความสามารถด้านการจับตำแหน่งและการติดตามกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดิน การวิ่ง, การปั่นจักรยาน หรือการใช้นาฬิกาในการนำทาง จะทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Galaxy Watch7 รองรับการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3/ Wi-Fi 2.4GHz & 5GHz / Dual GPS / NFC *รุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายจะไม่รองรับ LTE (ส่วน Galaxy Watch Ultra จะรองรับ LTE (E-Sim))
ติดตั้งเซนเซอร์ : Heart Rate Monitor. ECG, BP, BIA, Continuous SpO2, Infrared Temperature, Accel., Gyro, Baro, Ambient Light, Compass, 3D Hall sensor ฉะนั้นวัดได้หมดทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ, ออกซิเจนในเลือด, ECG, ความดันโลหิต, ความเครียด หรือดัชนี AGE
ตัวเรือนสวยงาม เสริมแกร่งด้วยเฟรม Armor aluminum 2
ในปีนี้จะเห็นได้ว่าทาง Samsung ได้ออกแบบผลิตภัณ์ใหม่ทั้งหมดมาในรูปแบบสไตล์เดียวกัน ขอบตัวเครื่องแบบเรียบตัดเหลี่ยม ใช้วัสดูที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นวัสดูโลหะผสมที่ชื่อว่า Armor aluminum 2 และมันถูกนำมาใช้ใน Galaxy Watch7 ด้วยครับ
แม้ทั้ง Galaxy Watch7 และ Galaxy Watch6 จะใช้โครงตัวเรื่อนเป็น Aluminum frame เหมือนกัน แต่ว่าเทคโนโลยีการผลิตและการการันตีความแข็งแกร่งนั้นต่างกันครับ
ใช้กระจกหน้าจอแบบ Sapphire Crystal ทนทานต่อรอยขีดข่วน กันน้ำกันฝุ่นระดับ 5ATM ใช้ในกีฬาทางน้ำได้ ความแข็งแรงผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD 810H ใช้งานลุยกับเราได้ทุกที่ในชีวิตประจำวันรวมถึงการออกกำลังกาย
ปุ่มควบคุมบนตัวเรือนสองปุ่ม ปุ่มบนที่มีมาร์คสีส้มจะเป็นปุ่มหน้าหลัก ส่วนปุ่มล่างจะเป็นปุ่มย้อนกลับ สามารถตั้งค่ากำหนดหน้าที่ได้เองในแอปพลิเคชั่น Galaxy Wearable (กดสองปุ่มพร้อมกันเป็นการเซฟภาพหน้าจอของนาฬิกา)
รวมถึงสามารถกำหนดท่าทางการเคลื่อนไหวของมือเพื่อออกคำสั่งตัวนาฬิกาได้ด้วย รองรับสามรูปแบบ รูปแบบที่หนึ่งคือการจิกนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วอื่นสองครั้ง, รูปแบบที่สองคือการหมุนข้อมือสองครั้ง และรูปแบบที่สามคือการกำมือเหมือนเคาะไปในอากาศสองครั้ง ลักษณะการเคลื่อนไหวของมือทั้งสามแบบนี้ตัวนาฬิกาสามารถรับรู้ และเราสามารถกำหนดหน้าที่ของการเคลื่อนไหวในรูปที่สามให้กับนาฬิกาได้ครับ ว่าต้องการใช้เป็นการเรียกการทำงานของสิ่งใดขึ้นมา
ใช้การดีไซน์ออกมาในโทนคล้ายกับ Galaxy Z Fold6 และ Flip6 ด้วยโทนสีที่เหมือนกันแบบโลหะ ตัดขอบเหลี่ยมดูบางเหมือนกัน จึงเป็นเทรนด์ล่าสุดที่ Samsung ใช้กับสินค้าเรือธงของเขาในปีนี้นั้นเองครับ
ความสวยงามอาจจะแตกต่างกันไปตามรสนิยมของแต่ละบุคคล แต่สำหรับผมบอกได้เลยว่า ในเรื่องของหน้าตาความหล่อเหลาแล้ว Galaxy Watch7 ก็น่าหยิบมาใส่กว่า Galaxy Watch6 แล้วครับ ยังไม่ต้องนับเรื่องของฟังก์ชั่น ^^
ให้สายนาฬิกาแบบ Marine Band เพื่อการใช้งานได้ในทุกกิจกรรม ทนต่อน้ำ แข็งแรง แต่เข้ากับสไตล์ชีวิตคนเมือง สวมใส่ง่ายด้วยการเสียบเก็บปลายสายแบบคล้องเก็บ ไม่ต้องใช้เข็มขัด
ยังคงเป็นสายนาฬิกาแบบ One Click Band กดปุ่มเดียวเพื่อถอดสลักสาย สลับใช้งานได้กับสายนาฬิการุ่นเก่าของ Galaxy Watch6 ได้เช่นเดิม มีขนาดเดียวกัน
สเปค Galaxy Watch7 และความแตกต่างกับ Galaxy Watch6
ในด้านการใช้งานอื่นๆ ของ Galaxy Watch7 ก็ครบถ้วนในการเป็นสมาร์ตวอทช์ของระบบ Google WearOS สามารถติดตั้งและใช้งานแอปพลิเคชั่นที่คนไทยนิยม มาใช้งานกันมาทำงานบนตัวนาฬิกาได้โดยตรง อย่างแอปพลิเคชั่่นของ Google เช่น Google Map สำหรับการนำทาง, Youtube Music, Gmail หรือ Google Wallet สำหรับการชำระเงินแบบไม่สัมผัสด้วยนาฬิกา
ติดตั้งแอป Whatsapp, Line ใช้งานบนสมาร์ตวอทช์ได้จากบัญชีเดียวกันกับที่ล็อคอินไว้บนสมาร์ตโฟน จะอ่านข้อความหรือตอบกลับทางอุปกรณ์ไหนก็ได้หมด แอปเหล่านี้ติดตั้งได้เพิ่มเติมจาก Google Play ที่อยู่บนตัวนาฬิกาได้เลยครับ
สามารถพิมพ์ตอบกลับได้เลย รองรับทั้งแป้นพิมพ์, แปลงลายมือเขียนเป็นตัวพิมพ์ หรือจะใช้ Voice to text พูดเพื่อให้พิมพ์ หรือจะใช้ข้อความล่วงหน้าที่บันทึกไว้ หรือ AI แนะนำ ก็สามารถใช้ตอบกลับได้ทันทีแบบไม่ต้องหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาพิมพ์ตอบครับ
Galaxy Watch7 เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและทำงานได้แบบลำพังด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีสมาร์ตโฟนติดตัว (แต่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน Android ก่อนในครั้งแรกเพื่อการเซ็ตระบบเบื้องต้น) รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ทั้งการดึงสัญญาณมาจากมือถือที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ หรือเชือมต่อกับสัญญาณ Wi-FI ด้วยตัวเองโดยตรง
และการที่ Galaxy Watch7 มีทั้งไมค์โครโฟนและลำโพง มันจึงสามารถรับสายสนทนาและโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ตโฟนครับ ใช้โทรคุยด้วยนาฬิกาได้เลย ถ้าไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงจากลำโพงก็ต่อหูฟังบลูทูธกับนาฬิกาเพื่อใช้สนทนาได้เช่นกันครับ
ควมคุมสมาร์ตโฟน Android ได้ทั้งเป็นรีโมตกล้องถ่ายภาพ ถ้าใช้งานกับอุปกรณ์ของ Samsung (ทดสอบกับ Galaxy Z Fold6) จะสามารถควบคุมการสลับโหมดภ่ายภาพนิ่งกับการถ่ายวีดีโอได้จากนาฬิกาเลย และสามารถกดดูรูปภาพที่ถ่ายไปแล้วจากหน้าจอนาฬิกาได้ทันทีด้วยเช่นกัน
เมื่อใช้ร่วมกับสมาร์ตโฟนจอพับได้ ยิ่งมีประโยชน์มากเลย จะพับไปวางตรงไหนก็ได้ ^^ แล้วใช้นาฬิกาสั่งถ่ายในระยะไกล
เป็นเครื่องมือการควบคุมเพลง แม้ตัว Galaxy Watch7 จะสามารถติดตั้งและใช้งานแอปฟังเพลงอย่าง Spotify หรือ Youtube Music ได้โดยตรง หรือเล่นไฟล์เพลงที่อยู่ในตัวเครื่องมันเองได้แล้วก็ตาม แต่เรายังสามารถใช้นาฬิกาในการควบคุมการเล่นเพลงของสมาร์ตโฟนที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ได้ด้วยเช่นกันนะครับ พร้อมดึงข้อมูลเพลงมาแสดงบนหน้าปัดได้สวยงาม
สามารถกดค้นหาอุปกรณ์ได้ทั้งสมาร์ตโฟนหรือหูฟัง ที่เชื่อมต่อเอาไว้ได้จากบนตัวนาฬิกา
รองรับโปรแกรมการออกกำลังกายกว่า 100 แบบ และการวัดค่า Vo2Max ซึ่งสามารถเริ่มได้จากตัวนาฬิกาโดยตรงไม่ต้องใช้สมาร์ตโฟน
สามารถแสดงสถิติการออกกำลังกาย การแสดงแผนที่ในการออกกำลังกาย กดดูข้อมูลต่างๆ ได้ทันทีบนนาฬิกา ไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์ไปออกกำลังกายด้วยเลยครับ
และสามารถเพิ่มความสามารถในการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายด้วยแอป Samsung Health ได้อีกเยอะมากครับ เป็นแอปที่ภายในใส่โค๊ชช่วยการออกกำลังกาย, การเทรนนิ่งตัวเองในหลักสูตรต่างๆ, การลดน้ำหนัก เป็นหลักสูตรที่สอนโดยมืออาชีพ มาใส่ให้เรียกใช้กันได้ในแอปพลิเคชั่น Samsung Health เพื่อใช้งานคู่กันกับนาฬิกา
มีความสามารถในการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบว่ามีอันตราย เช่นการตรวจจับอัตตราการเต้นของหัวใจที่สูงหรือต่ำเกินไป การตรวจจับการล้ม ตกบันได โดนชน หรืออื่นๆ ที่เกิดการกระแทก โดยระบบจะทำการตรวจจับถ้าภายใน 1 นาที ผู้สวมใสไม่มีการขยับ-หรือไม่ตอบสนอง จะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ พร้อมส่งข้อความ SOS และพิกัดสถานที่ไปยังหมายเลขที่เรากำหนดไว้ทันที
รวมถึงสามารถใช้นาฬิกาเป็นอุปกรณ์ส่งเสียงสัญญาณขอความช่วยเหลือ ด้วยการกดปุ่มหน้าหลักติดกัน 5 ครั้งด้วยตัวเอง
สรุปท้ายรีวิว Galaxy Watch7
Galaxy Watch7 มาในฐานะที่เป็นสมาร์ตวอทช์ซีรี่ส์เรือธงของแบรนด์ พัฒนามาในด้านความแรงของ CPU แรงขึ้นแบบก้าวกระโดด เรียกได้ว่าเป็นชิปเรือธงของวงการ WearOS ในขณะนี้ พร้อมกับระบบเซนเซอร์ใหม่เพื่อให้การทำงานในหน้าที่ของสมาร์ตวอทช์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
จะเห็นว่าความแตกต่างสำคัญที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน Galaxy Watch7 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานครับ มันถูกเพิ่มเติมเข้ามาให้ทำได้มากกว่า Galaxy Watch6 ในรุ่นก่อนหน้าได้เยอะมาก แต่ราคาจำหน่ายยังถือว่าใกล้เคียงกับรุ่นเดิม ฉะนั้นสำหรับใครที่ยังไม่เคยมี Galaxy Watch6 แนะนำซื้อเป็นตัว Galaxy Watch7 ในวันนี้จะคุ้มกว่ามากเลยครับ แต่ถ้ามี Watch6 อยู่แล้วและรู้สึกว่ายังไม่เก่าหรือทำงานได้ทันใจอยู่ ก็สามารถรอไปลุ้นปีหน้าได้ครับ
ส่วนใครที่ยังไม่เคยใช้ Samsung Galaxy Watch มาก่อน และอยากจะลองอุปกรณ์ WearOS ที่เอามาใช้คู่กับสมาร์ตโฟน Android สักเรือนนึง ตัวนี้จัดเป็นกลุ่มเรือธงเลยครับ ราคาสมเหตุสมผลกับประสิทธิภาพและเกรดของวัสดุ โดยเฉพาะถ้าเอามาใช้กับสมาร์ตโฟนของทาง Samsung เองด้วยยิ่งได้ความสามารถแบบครบๆ ทำงานเข้ากันได้ดีมากที่สุดแล้วเพราะเป็นแบรนด์เดียวกัน
ราคาและโปรโมชั่น Galaxy Watch7
Samsung เปิดจำหน่าย Galaxy Watch7 ในสองขนาด
- ขนาด 44mm มีในสี Green ราคา 12,900 บาท
- ขนาด 40mm มีในสี Green และสี Cream ราคา 10,900 บาท
มาพร้อมกับโปรโมชั่นเมื่อซื้อคู่กับ Galaxy Z Flip6 หรือ Galaxy Z Fold6 ตั้งแต่วันนี้ – 1 ก.ย. 67 สามารถแลกซื้อ Galaxy Watch7 ได้ในราคาลดพิเศษถึง 30% ไปได้เลยครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ : Samsung