NAS หรือ Network Attached Storage อุปกรณ์ที่คอยช่วยในการจัดการหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีความสามารถมากมายแบบคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งแต่เน้นไปในทางการจัดการเกี่ยวกับหน่วยความจำเป็นหลัก รองรับการใช้งานกับฮาร์ดดิสได้หลายสิบ TB และรองรับการเข้าใช้งานได้แบบหลายทางแบบออนไลน์ รวมถึงประหยัดไฟและสามารถทนทานในการเปิดใช้งานได้แบบไม่ปิดไม่พัก 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ได้แบบสบายๆ
มันจึงเหมาะมากสำหรับการใช้งานทั้งตามบ้านและองค์กรในปัจจุบัน เช่นการใช้เป็นเครื่องศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ทั้งเพลง, หนัง, ภาพ หรือเอกสาร เข้าถึงได้ทั้งแบบส่วนบุคคลและแบบใช้ร่วมกันทั้งองค์กร เป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลที่มีสมองทำงานได้เองหลายอย่าง เช่นการดาวน์โหลดไฟล์อัตโนมัติหรือสำรองไฟล์เอาไว้ในตัวมันเองแบบระบบคลาวด์
NAS ยังใช้อะไรได้อีกมากมายตามการออกแบบที่ผู้ผลิตจะผสมผสามความสามารถของแหล่งจัดเก็บข้อมูลเข้ากับเทคโนโลยีตัวเครื่องของ NAS เอง ซึ่ง Synology ก็เป็นแบรนด์ผู้นำแบรนด์หนึ่งสำหรับอุปกรณ์ DiskStation หรือ NAS ที่ว่ามาครับ
Synology มีการนำเข้าอุปกรณ์ NAS มาจำหน่ายในประเทศไทย ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ รวมถึงรุ่นที่ผมนำมาแนะนำกันในบทความนี้นั้นคือ Synology รุ่น DiskStation DS718+ ซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้ภายในบ้าน ในโฮมออฟฟิต และมีความหยืดหยุ่นสูงเมื่อต้องการนำไปใช้ในองค์กรทั้งขนาด เล็ก, กลาง, ใหญ่ ได้ทั้งหมด เพราะว่า DS718+ เป็น NAS ที่มาในรูปแบบ 2-Bays แต่สามารถขยายได้เพิ่มสูงสุดถึง 7 Bays ด้วยอุปกรณ์เสริมถ้าต้องการครับ รองรับความจุของฮาร์ดดิสที่นำมาใช้ได้รวมกันถึง 70TB ครับ
จุดเด่นของ DiskStation DS718+ ก็คือการเป็นสินค้าจาก Synology นี้แหละครับ เพราะ Synology เป็นผู้พัฒนาระบบ NAS ที่ได้รับรางวัลในด้านนี้มามากมาย โดยเฉพาะตัวโปรแกรม DiskStation Manager 6.1 ที่มีเอาไว้ควบคุม ตั้งค่า และกำหนดการทำงานของ NAS ได้ผ่านทางเบราว์เซอร์ มันมีความง่ายและความสามารถมากมายเลยครับ ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นและทำความเข้าใจความสามารถของ NAS จาก Synology ได้ไม่ยากเลยครับ
ตัวเครื่องภายนอก
DS718+ มีพอร์ต eSATA และรองรับ USB 3.0 รอบตัวถึงสามพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อในระดับความเร็ว 5Gbps โดยพอร์ต USB ด้านหน้าเครื่องยังทำหน้าที่ในการดูดข้อมูลแบบด่วนจากอุปกรณ์ที่นำมาเสียบได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว
ด้านหลัง DS718+ ใช้ระบบ dual LAN ports (LAN 1GB สองพอร์ต) ไม่ต้องกลัวเรื่องเน็ตเวิร์คตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา เพราะเรายังสามารถเชื่อมต่อได้อยู่ถ้าเสียบสำรองไว้อีกหนึ่งเน็ตเวิร์ค และตัวมันยังสามารถทำ Link Aggregation เพื่อนำความเร็วจาก LAN สองตัวมาใช้งานรวมกัน
ตามสเปคของ DS718+ แล้ว มันกินไฟน้อยมากครับ ประมาณ 9W ในขณะที่อยู่ในสถานะ HDD Hibernation และกินไฟประมาณ 20W ในขณะใช้งาน ฉะนั้นค่าไฟต่อเดือนต่อให้เปิดตลอดแบบไม่ปิดไม่พัก ก็ไม่น่าจะเกิน 50 บาทต่อเดือนครับ
มีไฟแจ้งเตือนสภานะการทำงานเครื่อง, ระบบอินเตอร์เน็ต และสถานะของฮาร์ดดิสที่อยู่ภายใน มีกุญแจสำหรับการล็อคดิสกันเด็กหรือคนไม่ได้ตั้งใจมาเปิดเล่นได้ครับ
การออกแบบตัวเครื่องสวยงามตามสไตล์ NAS แบรนด์ดี เพราะว่าความน่าใช้ของมันก็อยู่ที่หน้าตาภายนอกนี้แหละครับ สำคัญ ^^ เพราะมันต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งโชว์ได้แบบเก๋ๆ ได้ด้วย
การทำงานภายใน
DS718+ ทำงานด้วยชุดประมวลผล Intel Celeron J3455 Quad Core 2.3GHz แรม 2GB DDR3L พื้นฐานจะรองรับการใส่ฮาร์ดดิสได้ 2 Bay แต่จะขยายได้ถึง 7 Bay ด้วยอุปกรณ์เสริมของ Synology รวมถึงขยายแรมได้มากสุด 6GB ประสิทธิภาพรองรับการแปลงข้อมูลวีดีโอได้ 2 ช่องทาง สามารถแปลงไฟล์วีดีโอขนาด 4K ในฟอร์แมต H.265/H.264 ได้ครับ
การทำงานส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะกระทำผ่านโปรแกรม DiskStation Manager บนเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล, การตั้งค่า และการควบคุมต่างของ DS718+ ได้จากทุกที่ทุกเวลา ด้วยอุปกรณ์ที่สามารถเปิดเว็บเบราว์เซอร์ได้ครับ
ปัจจุบัน DiskStation Manager ของ Synology ก็มาถึงเวอร์ชั่น 6.1 แล้ว เป็นโปรแกรมที่โกยรางวัลมาเพียบครับ เพราะว่ามันออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายเป็นจุดขาย
DiskStation Manager จะเป็นโปรแกรมที่เราใช้ตั้งแต่การเซ็ตวอลุ่มของตัวฮาร์ดดิสภายใน NAS ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งตัวโปรแกรมจะถูกออกแบบมาให้เป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำและสอนวิธิการเซ็ตค่าตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น ไปจนถึงความสามารถสำคัญที่ผู้ใช้ควรทราบ
DS718+ รองรับทั้งการใช้งานฮาร์ดดิสเพียงลูกเดียวหรือใช้งานแบบคู่เพื่อทำ RAID เพิ่มความเร็วในการอ่านและเขียน (สูงสุด 226 MB/s สำหรับการอ่าน และ 184 MB/s สำหรับการเขียน เมื่อทำ RAID 1) หรือใช้เพื่อการสำรองข้อมูลเพิ่มความปลอดภัยในกรณีฮาร์ดดิสลูกใดลูกหนึ่งเสียหายไป ข้อมูลสำรองก็ยังคงจะเก็บอยู่ในฮาร์ดดิสอีกลูกหนึ่ง
รวมถึงรองรับระบบไฟล์แบบ Btrfs ซึ่งเป็นระบบไฟล์ยุคใหม่ที่มีความสามารถในการตรวจหา, เปรียบเทียบ, ซ่อมแซม, และสำรองข้อมูลด้วยตัวมันเองได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะมีความปลอดภัยของตัวไฟล์ที่ถูกจัดเก็บเอาไว้บน NAS ได้สูงมากครับ
ระบบการใช้งานพื้่นฐานส่วนใหญ่พร้อมทำงานตั้งแต่เริ่ม หน้าตาของระบบมี Widget การแจ้งสถานะการทำงานต่างๆ ของ NAS และฮาร์ดดิสเอาไว้ครบถ้วน และจะมีตัว File Station สำหรับการจัดการไฟล์ต่างๆ เช่นย้าย, คัดลอก, ลบ, หรือเปลี่ยนชื่อไฟล์ที่เราจัดเก็บไว้ในฮาร์ดดิสบน NAS ซึ่งสั่งงานได้ไม่ต่างจากการจัดการไฟล์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเลยครับ แต่พิเศษกว่าเมื่อไฟล์เหล่านั้นมาถูกจัดเก็บอยู่บน NAS แล้ว เพราะว่าเราจะสามารถควบคุมการเข้าถึงไฟล์ได้มากกว่าอยู่บนเครื่อง PC ตามปกติครับ
เราสามารถแชร์ไฟล์ส่งให้เพื่อน หรือมอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ใน NAS ได้หลายระดับความปลอดภัย เช่นการเข้ารหัส หรือการสร้างกลุ่มแยกของผู้ที่สามารถเข้าถึงได้ต่างกลุ่มต่างไฟล์กัน
ยังมีความสามารถต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าจะให้ DS718+ ทำงานอะไรให้กับเรา ก็ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เราต้องติดตั้งจากเมนู Package Center (คล้ายๆ กับการติดตั้งแอพพลิเคชั่นจากในสโตร์) ซึ่งความสามารถของแพ็คเกจแต่ละตัวที่ติดตั้งก็จะแตกต่างกันไป โดยมีหลายตัวที่น่าสนใจที่ทาง Synology แยกแนะนำเอาไว้ในหน้า Recommended ครับ
Package Center ศูนย์รวมความสามารถของ NAS ที่เข้ามาดาวน์โหลดติดตั้งและการอัพเดทแพ็กเกจทั้งหมดของเครื่อง โดยแพ็กเกจที่ติดตั้งลงบน NAS ของเรา จะไปแสดงเป็นไอคอนเรียกใช้งานได้จากในรายการแพ็กเกจบนหน้าเดสท็อปของ DiskStation Manager ครับ
แพ็กเกจที่มีความสามารถน่าสนใจอย่างเช่น Download Station ตัวช่วยเหลือการดาวน์โหลด
เป็นแพ็กเกจที่รับภาระการดาวน์โหลดที่เราโยนไปให้ NAS รับผิดชอบแทนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดแบบไดเร็คลิงก์ หรือ Bit Torrent เราก็โยนให้ NAS รับหน้าที่ดาวน์โหลดไฟล์แทนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไป ก็จะทำให้ไฟล์ต่างๆ ถูกดาวน์โหลดลง NAS ได้โดยตรง แบบไม่ต้องเปิดเครื่องคอมพ์ให้เปลืองไฟและต้องย้ายไฟล์หลายทอดให้เสียเวลาครับ รวมถึงรองรับการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ที่หน่วยความจำของเครื่องคอมพ์อาจจะเหลือไม่พอได้ด้วย
แพ็กเกจสำหรับการทำคลาวด์และระบบสตรีมมิ่ง เพลง, หนัง, ภาพถ่าย
Synology ไม่ได้พัฒนาแต่โปรแกรมบนเครื่องคอมพ์หรือแพ็กเกจบนอุปกรณ์ NAS เท่านั้นนะครับ แต่ยังมีแอพพลิเคชั่นสำหรับการใช้งานได้บนอุปกรร์สมาร์โฟนและแท็บเล็ตในระบบ Android และ iOS ด้วย ในชื่อว่า DS note, DS audio, DS video, DS photo+, DS cloud, DS file, DS download และ DS cam ซึ่งแต่ละแอพจะทำงานร่วมกับแพ็กเกจบน NAS ของ DS718+ ได้ทั้งหมดครับ
เช่นเมื่อเราอัพเพลง, หนัง หรือภาพถ่ายลงผ่านทางแพ็กเกจ Audio Station, Video Station และ Photo Station ไปยังหน่วยความจำในอุปกรณ์ NAS ของเราแล้ว ก็จะสามารถใช้อุปกรณ์อื่นๆ ทั้งในวงแลนและที่เชื่อมต่อสัญญาณออนไลน์ เข้าถึงไฟล์มีเดียทั้งหมดแบบสตริมมิ่งเพื่อรับชม รับฟัง แบบออนไลน์ผ่านวงอินเตอร์เน็ต
รวมถึงยังใช้อุปกรณ์ Android และ iOS ที่เป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เข้าถึงไฟล์ในระยะไกลได้ผ่านแอพพลิเคชั่น DS audio, DS video และ DS photo+ ได้ด้วยครับ
รับชมภาพยนตร์ระดับความละเอียด 4K แบบสตรีมมิ่งได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องโอนไฟล์ไปมาระหว่างอุปกรณ์ครับ ^^
แพ็กเกจ USB Copy ใช้โอนถ่ายข้อมูลจากอุปกรณ์จัดเก็บภายนอกผ่านทาง USB ได้ด้วยเพียงปุ่มเดียว เป็นความสามารถเฉพาะของเครื่องซึ่งรุ่น DS718+ ก็รองรับด้วยครับ
โดยเราสามารถนำหน่วยความจำภายนอกเช่น Flashdrive หรือ HDD มาเสียบกับ USB ที่พอร์ตด้านหน้าตัวอุปกรณ์ เราจะสามารถใช้แพ็กเกจ USB Copy ในการดูดไฟล์ทั้งหมดเข้ามาจัดเก็บไว้ใน NAS ได้ด้วยปุ่มตัว “C” ด้านบนพอร์ต USB เพียงปุ่มเดียวครับ โดยเรากำหนดค่าไว้ล่วงหน้าได้ ว่าต้องการแค่ไฟล์ในประเภทใดบ้าง และจะให้นำไฟล์ที่ดึงไว้ไปจัดเก็บที่โฟลเดอร์ใดใน NAS ครับ
เมื่อดูดไฟล์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไฟแสดงสถานะจะดับลงพร้อมเสียงการแจ้งเตือน
สำหรับผู้ใช้คลาวน์ซิสเต็มอยู่แล้ว การมี NAS เพิ่มก็น่าสนใจครับ เพราะมันสามารถทำงานทดแทนกัน และเสริมกันได้ในหลากหลายลักษณะตามแพ็กเกจที่เราเลือกนำมาติดตั้ง
เช่นการใช้หน่วยความจำใน NAS สำหรับเป็นคลาวด์ส่วนตัวของเราเอง รวมถึงการใช้หน่วยความจำของเราใน NAS เป็นแหล่งจัดเก็บสำรองของไฟล์ในระบบคลาวด์ ซึ่งจะดึงไฟล์ทุกอย่าง (หรือบางอย่าง ตามความต้องการของเราในการตั้งค่าได้) ให้มาจัดเก็บเอาไว้อัตโนมัติใน NAS ได้ทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นบริการของ Google Drive, Microsoft Onedrive หรือ Dropbox และบริการ BOX ซึ่งเป็นเหล่าคลาวด์เซอร์วิสที่นิยมใช้ระดับโลกทั้งนั้นครับ
สรุปท้ายรีวิว
ประโยชน์ของ NAS ยังมีอีกมากมายเลยครับ ซึ่งเน้นในเรื่องของระบบจัดเก็บเป็นสำคัญ ซึ่งจากที่ผมทดสอบใช้ในปัจจุบัน แพ็กเกจต่างๆ ที่มีให้ ก็ครอบคลุมทั้งในด้านความบันเทิง ด้านความปลอดภัย ด้านธุรกิจเอกสาร และการจัดเก็บสำรองข้อมูลต่างๆได้ครบครันแล้วครับ แถมตัวระบบของ DS718+ ยังค่อนข้างใช้งานง่าย ออกแบบสวย และมีความเสถียร ไม่เจอปัญหาของการใช้งานเลยในด้านระบบตลอดหลายอาทิตย์ที่ได้ลองใช้
ตัวเครื่อง DS718+ ยังทำงานได้เงียบ และแทบไม่มีความร้อนสะสมครับ ผมเปิดทำงานต่อเนื่องกันไม่เคยปิด ไม่ร้อนไม่มีเสียง แต่เสียอย่างเดียวคือไฟสถานะเยอะและสว่างมาก – –
ราคาจำหน่ายของ DS718+ ในประเทศไทยมีหลายราคาแยกตามร้านค้าจำหน่าย รับประกันสามปี
ก็นำมาแนะนำกันสำหรับอุปกรณ์ NAS แบรนด์ดี ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพรองรับตั้งแต่ในระดับบ้านไปจนถึงองค์กรที่ใช้งานหนักในระดับหนึ่งเลยครับ