ทุกวันนี้ถือว่าเป็นยุคทองของวงการเกมไทย เพราะนอกจากจะมีการเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการของต้นสังกัดอย่าง Sony ซึ่งทำให้เกมมีราคาถูกและรองรับภาษาไทยแล้ว แล้วยังมีผู้สร้างเกมชาวไทยหลายรายที่พัฒนาเกมออกมาให้เล่นกัน และรีวิวเกมวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในเกมแอ็คชั่นที่สร้างโดยทีมงานชาวไทย นาม AeternoBlade 2 ที่ออกวางขายบน PS4 ,Nintendo Switch และออกบน XBoxone ในภายหลังด้วย
ล่าสุดกับการมาของ AeternoBlade 2 ภาคที่สองของเกมแอ็คชั่น 2D ที่ภาคแรกสร้างชื่อไว้พอสมควร มาคราวนี้เรื่องราวสานต่อจากภาคแรกที่ตัวเอก สาวแกร่ง Freyja ที่ต้องกลับมาต่อสู้อีกครั้งในอีกช่วงเวลา โดยคราวนี้เกิดที่ เมืองโครนอส ที่เหล่าสัตว์ประหลาดกลับมาก่อความวุ่นวายอีกครั้ง ส่วนในภาคนี้เรื่องราวจะมีการเล่าเรื่องราวแยกกันผ่านสามตัวละครที่นอกจาก Freyja แล้วยังมี Bernard และ Felix ที่แต่ละตัวละมีความโดดเด่นแตกต่างกัน
กราฟิกโดดเด่นด้วย Unreal Engine 4
สัมผัสแรกของเกม AeternoBlade 2 คือกราฟิกที่ยกระดับขึ้นจากภาคแรกอย่างมากเพราะมันถูกสร้างโดย Unreal Engine 4 ที่แม้จะไม่ได้ละเอียด และมีบางส่วนน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่เมื่อเทียบกับแนวเกม 2D แล้วถือว่าทำออกมาดี เฟรมเรตลื่น และงานออกแบบรวมทั้งงานออกแบบตัวละครที่ดูดีขึ้น และอนิเมชั่นของตัวละครที่ไม่ได้แข็งๆแล้ว โดยรวมสอบผ่านเลยสำหรับงานด้านภาพ
ดนตรีประกอบอัปเดท ที่มีมาพร้อมเพลงเพราะที่ร้องโดยสาวน่ารัก
ดนตรีประกอบของเกมอาจจะไม่โดดเด่น เพราะไม่ได้มีธีมติดหูนัก แต่ก็ลงทุนด้วยการจัดเต็มด้วยเสียงพากย์คุณภาพดี แต่เสียดายไม่ได้มีพากย์ไทย แต่มีซับไทยให้อ่านอย่าง อย่างไรก็ตามเพลงประกอบของเกม ได้นักร้องคุณภาพชาวไทย อย่างน้อง ออย อมรภัทร มาร้องเพลงประกอบนาม Nostalgia Rhapsody หรือ บทกวีแห่งความคิดถึง ซึ่งถือว่าทีมงานลงทุนอย่างมาก และออกมามีคุณภาพดีด้วย
เกมเพลย์ 2D แบบผสมผสาน 3D ด้วย
รูปแบบการเล่นหลักของเกมเป็นแอ็คชั่น 2D มุมมองด้านข้าง ที่เหมือนเป็นภาพแบบ 2.5D แต่ในภาคนี้ยังมาพร้อมกับบางฉากในเกมที่จะมาในรูปแบบ 3D เกมแบ่งเป็นฉากที่มีความกว้างกว่าภาคแรก และผู้เล่นมีอิสระในการเดินสำรวจได้ และรายละเอียดของฉากทำได้ดีกว่าเดิม มีการใช้รูปแบบการแก้ปริศนาไว้เหมือนเดิม และอัพเกรดให้ดีกว่าภาคแรก
การบังคับตัวละครทำได้ดี การโจมตียังคงเน้นการกดปุ่มเช่นโจมตีหนัก และเบา รวมทั้งยังสามารถอัดศัตรูให้ลอยไปกลางอากาศได้ และยังสานต่อมาเป็นคอมโบได้เหมือนเกมแอ็คชั่นทั่วไปที่ทำได้ง่ายและลื่นไหล ส่วนตัวแล้วทำออกมาได้ตามเรียบง่ายตามมาตรฐาน
การย้อนเวลาจุดเด่ยของซีรีส์ AeternoBlade
ตั้งแต่ภาคแรกจุดเด่นของเกม AeternoBlade คือการที่ตัวเอกสามารถใช้พลังในการควบคุมเวลาได้ และในภาคที่สอง ก็ยังคงมีแต่ได้อัปเดทเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีก โดยหลักแล้วจะมีพลังหยุดเวลา ทำให้เราสามารถต่อสู้ได้สะดวกเพราะหยุดการเคลื่อนไหว และยังมาพร้อมกับพลัง Time Paradox ที่จะสามารถใช้พลังในการย้อนเวลา ที่ใช้การบันทึกการต่อสู้ของเราไว้ก่อนแล้วย้อนกลับไป ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการโจมตี เพราะสามารถโจมตีพร้อมกันได้ และยังใช้พลังในการเปิดประตูที่ต้องใช้การย้อนเวลากลับไปได้เรียกว่าเป็นไอเดียที่ดีในการแก้ไขปริศนาในเกมได้
ส่วนระบบอัพเกรดตัวละครก็เรียบง่ายเพราะมีการเพิ่มกลังสกิลท่าไม้ตาย และการใส่อุปกรณ์พิเศษให้กับตัวละครเพื่อเพิ่มค่าพลัง ตัวเกมยากพอสมควรเกมเน้นใช้ความสามารถในการเล่นของผู้เล่นมากกว่า ทำให้บอสโหดพอตัวเหมือนเกม 2D สมัยก่อนที่ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ และแน่นอนว่าพลังในการควบคุมเวลาของเราสามารถช่วยในการต่อสู้กับบอสและศัตรูได้ด้วย เรียกว่าเป็นไอเดียที่สุดๆ
อย่างไรก็ตามข้อเสียบางส่วนของเกมคือฉากในแบบ 3D ของเกมดูธรรมดาและไม่ค่อยเข้ากับเกมเพลย์ และมีปัญหามุมกล้องอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกมหมดสนุก ถือว่าเป็นสีสันหนึ่งของเกมเพลย์ อย่างไรก็ตามเกมมีความคุ้มค่าอย่างมากเพราะมันมียาว 20 ชั่วโมงขึ้นไป ถือว่ายาวมากสำหรับเกมแอ็คชั่นแบบ 2D และต่อให้เทียบกับเกม 3D แล้วก็ยังถือว่ายาวมาก
สรุปเกมแอ็คชั่น 2D ที่สนุก และไม่อยากให้พลาดไป
เกม AeternoBlade 2 ต่อให้ไม่ได้เป็นเกมทีมงานคนไทยสร้าง ส่วนตัวแล้วก็ถือเป็นเกมแอ็คชั่นที่สนุกเกมหนึ่ง เกมเพลย์ที่สนุกอัปเดทเพิ่มเติมหลายส่วนขึ้นจากภาคแรกอย่างมาก ทั้งกราฟิกและเกมเพลย์ และฉากที่ออกแบบมาดีไม่ได้ซับซ้อนเกินไป เล่นได้ยาวนานคุ้มค่า บวกกับราคาเกมที่ไม่ได้แพงอะไรถือว่าเป็นอีกเกมหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดไป ใครมี PS4 และ Nintendo Switch รับไปหามาเล่นได้เลย (เกมออกบน Xboxone ภายหลังด้วย)