ถ้าคุณเป็นคนชอบพกพาแท็บเล็ตเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ยังรู้สึกว่าหน้าจอขนาด 9.7 นิ้วยังไม่เต็มตามากพอ ตอนนี้ก็ไม่ต้องคิดเยอะแล้วครับ สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้วตัวใหม่ของ Apple หน้าจอใหญ่ขึ้นบนขนาดเครื่องไม่ใหญ่ไปกว่าเดิมมากแถมทรงพลังมากกว่าใครด้วยหน่วยประมวล ผล A10X Fusion 64 บิต 6 core และโปรเซสเซอร์ M10 ในตัว
ตัวเครื่องภายนอกรูปทรงไม่ต่างไปจาก iPad ในรุ่นเดิมๆ มากนักครับ รุ่นที่ผมนำมารีวิวเป็นรุ่น Wi-Fi ไม่รองรับการใส่ซิมการ์ดซึ่งจะเป็นที่ถูกกว่ารุ่นรองรับการใส่ซิมอยู่ประมาณห้าพันบาทครับ ซึ่งนอกจากจะไม่มีที่ใส่ซิมแล้วจะยังไม่มี Assisted GPS และ GLONASS สำหรับช่วยในการจับตำแหน่งอีกด้วยครับ นั้นคือสามข้อใหญ่ๆ ที่แตกต่างกันสำหรับรุ่น Wi-Fi กับรุ่น Wi-Fi + Cellular
และรุ่น Wi-Fi จะมีน้ำหนักเบากว่าเล็กน้อย 469 กรัมครับ (รุ่นรองรับ Cellular 477 กรัม)
มีแยกจำหน่ายสามระดับหน่วยความจำ 64GB, 256GB และ 512GB ซึ่งมีการกำหนดราคามาได้เชิญชวนให้ซื้อรุ่น 256GB จริงๆ ครับ เพราะดูเป็นขนาดหน่วยความจำที่กำลังน่าใช้ ในขณะที่ราคาอยู่ในระหว่างกลางที่เพิ่มจากตัว 64GB ไม่กี่พันเท่านั้น
ตัวเครื่องภายนอกขอบเครื่องบาง มีพื้นที่ขอบจอที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้ iPad Pro 10.5 ขนาดโดยรวมไม่ใหญ่ไปกว่า iPad 9.7 ในอดีตมากนัก แถมการถือจับจะกระจายน้ำหนักได้ดีกว่า แม้จะมีน้ำหนักกว่าสี่ร้อยกรัม แต่ถือจับรู้สึกว่าเบาครับ
แต่เลนส์กล้องค่อนข้างยื่นนูนชัดเจนครับ มือไปโดนบ่อยมากและระวังขอบเลนส์ถลอกเพราะเป็นจุดลงน้ำหนักของเครื่องเต็มๆ เลยถ้าไม่ใส่เคส แต่ตัวกระจกเลนส์ไม่น่าจะเกิดรอยได้ง่ายๆ เพราะใช้วัสดุเป็นผลึกแซฟไฟน์มาทำกระจกเลนส์ครับ
รอบเครื่องจะมีลำโพงอยู่ถึงสี่ตัวด้วยกัน ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก เรียกว่าถ้าใช้งานในห้องนอนเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเติมเลยครับ
รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนปุ่มโฮม ต้องกดปุ่มปลุกเครื่องก่อนถึงสแกนนิ้วได้ครับ ซึ่งความสามารถอื่นๆ ทั้งหมด ก็มีตามระบบ iOS 10.3.2 มีให้ครับ
แม้ตัวเครื่องจะบางแต่ก็ยังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5mm ให้ใช้งาน ด้านใต้เครื่องใช้พอร์ตชาร์จและโอนถ่ายข้อมูลเป็นแบบ Lightning ซึ่งภายในกล่องจะมีสายชาร์จและตัวชาร์จไฟมาให้ด้วย จริงๆ แล้วทั้งหมดภายในกล่องของ iPad Pro 10.5 ก็มีแค่นั้นครับ ตัวเครื่อง คู่มือ สายชาร์จ และที่ชาร์จไฟ
ตามสเปคตัว iPad Pro 10.5 น่าจะรองรับการอัพเดทระบบจาก Apple ไปอย่างน้อยๆ อีกสามปีครับ หายห่วงเรื่องอนาคตได้เลย และเตรียมพบกับ iOS 11 ได้อย่างแน่นอนภายในปีนี้ครับ
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ความละเอียด 2224 x 1668 ( 264 ppi) เทคโนโลยี ProMotion จอภาพขอบเขตสีกว้าง ความสว่างระดับ 600 นิต ทำให้ใช้งานด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เต็มสะใจลูกตา จะใช้ดูหนังอ่านหนังสือ หรือจะใช้งานเอกสารทดแทนเครื่องแล็ปท็อปเลยก็ไหว อยู่ที่การทำงานนั้นมีแอพพลิเคชั่นรองรับบนระบบหรือเปล่าเท่านั้นเพราะประสิทธิภาพมันเกินแล็ปท็อปในตลาดโดยทั่วไปซะอีกครับ
แต่เดิมผมไม่ค่อยชอบใช้แท็บเล็ตในการเขียนข่าวหรือบทความในเว็บไซด์ ด้วยเพราะมันมักจะมีอาการแลค ค้าง ช้า และไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สำหรับ iPad Pro 10.5 ทำบทความหลังบ้านได้เต็มที่ครับ ประสิทธิภาพสูงมากจริงๆ การเล่นเกมดูหนังทำได้ 100% เต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว เปิดทำงานสองแอพพลิเคชั่นพร้อมกันยังไม่รู้สึกแลคช้าลงเลย
แต่ผมก็ใช้มันคู่กับคีย์บอร์ดบลูทูธปกตินะครับ เพราะราคาของสมาร์ทคีย์บอร์ดที่ออกมาคู่กัน ราคาสูงมากไป
ชิปหน่วยประมวลผลตัวนี้ทำผลทดสอบ Benchmark เกือบสองแสนเลยทีเดียว
จุดเด่นที่ยังคงอยู่คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือความอึดของแบตเตอรี่ นอกจากจะแรงแล้ว ยังใช้งานได้ยาวนานมากกว่า 10 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แม้จะใช้งานหนักแค่ไหนผมก็ยังไม่มีทางทำให้แบตมันหมดก่อนถึงบ้านได้สำเร็จเลยครับ
กล้องถ่ายภาพ
กล้องของ iPad Pro 10.5 ตัวนี้ กล้องหลังมีแฟลช ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f1.8 มีระบบกันสั่น กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล คุณภาพกล้องหลังถือว่าไม่ขี้เหร่ครับ จะบอกว่าค่อนข้างดีเลยละครับ ใช้งานพกพาไปถ่ายภาพยามท่องเที่ยวได้ถ้าไม่ลำบากกับขนาดของมันมากเกินไป ^^
ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพยังคงน้อยเช่นเดิม ปรับระดับความละเอียดของภาพไม่ได้ ปรับได้แค่ลดสัดส่วนมันลงมาเป็นแบบจตุรัสเท่านั้น สำหรับการถ่ายวีดีโอการถ่ายวีดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K และถ่ายภาพสโลว์โมชั่น 240 Fps ที่ความละเอียด 720p ได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
แต่กล้องหน้านี้แย่หน่อยครับ ดูจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเซลฟี่ เพราะคุณภาพไม่ได้แถมยังไม่มีโหมดภาพถ่ายใดๆ ที่สนับสนุนการถ่ายภาพบุคคลเลย เอาไว้ใช้ในการวีดีโอคอลล์หรือเฟซไทม์ดีกว่าครับ
สรุปท้ายรีวิว
Apple iPad Pro 10.5 คงคุณภาพของแท็บเล็ตได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิม เพิ่มขนาดจอใหม่ที่เหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ทำขอบจอได้เล็กลง ดูหนังอ่านหนังสือได้เต็มตามากขึ้น และทำให้ใช้งานได้กับปากกา Apple Pencil ถนัดมากขึ้นด้วย (iPad Pro 10.5 รองรับการใช้กับ Apple Pencil ซึ่งจะมีรีวิวแยกเรื่องการทดสอบใช้งานร่วมกันตามมาแน่นอนครับ)
หน้าจอสวย แบตเตอรี่อึดมาก ประสิทธิภาพสูงสุดๆ อนาคตยาวไกล ราคาแม้จะออกตัวมาสูงสักหน่อยเพราะหน่วยความจำมีปรับขนาดให้เยอะมากขึ้น และคุ้มค่าแน่นอนครับ