ROG Flow X13 และ ROG Flow Z13 สองอุปกรณ์ตัวแรงระดับท็อปคลาสของตลาดโน๊ตบุ๊ค และแท็บเล็ตที่มีสเปคประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก และมาในขนาดเล็กพกพาง่าย เรียกว่าแรงซ่อนรูปอยู่ในแท็บเล็ตเกมมิ่งสุดยอดดีไซน์ และอีกหนึ่งคือโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 กับความแรงที่สุดในโลกจากทั้งสองค่าย AMD Ryzen 9 และ Intel Core i9 Gen 12 โดยทั้งคู่จะมีคุณสมบัติและแนวทางการใช้งานที่คล้ายกันมากทีเดียวครับ
ในรีวิวบทความนี้จะพามารู้จักกับทั้งสองอุปกรณ์เรือธงของวงการแล็ปท็อปพกพาของระบบ Windows กันนะครับ โดยจะเริ่มจากแท็บเล็ต ROG Flow Z13 กันซะก่อน
ROG Flow Z13 เกมมิ่งแท็บเล็ตระบบ Windows ที่แรงและทรงพลังมากที่สุดในโลก
ROG Flow Z13 ถููกออกแบบมาได้อย่างสวยงาม และอยู่ในร่างเล็กที่พกพาได้ง่ายๆ มีการออกแบบโดดเด่นและสะดุดมากครับ ด้านหลังตัวเครื่องมีการออกแบบให้เว้นช่องโปร่งแสงเผยให้เห็นแผง PCB ด้านใน พร้อมไฟ RGB โดยได้รับแรงบันดำลใจจาก Space Odyssey ให้ความรู้สึกคล้ายช่องหน้าต่างของยานอวกาศ
ที่เรียกว่าแท็บเล็ต เพราะเป็นการออกแบบที่ไม่มีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดมาในตัว แต่ก็มากับอุปกรณ์เสริมที่เป็นคีย์บอร์ดตัวบาง Backlit Chiclet Keyboard RGB ที่เป็นเคสปิดหน้าจอไปในตัว และยังเป็นคีย์บอร์ดที่รองรับการแสดงไฟสีสัน RGB Aura Sync ได้ด้วยมานั้นเองครับ
ความแรงของสเปค ROG Flow Z13 ก็คือเป็นที่สุดของอุปกรณ์ในยุคนี้แล้ว ทั้งในด้าน CPU และการ์ดจอแยกตัวแรง และสเปครอบตัวทั้งพอร์ตการเชื่อมต่อ หน้าจอ และลำโพง รวมถึงการออกแบบที่มีมาให้ เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์เกมมิ่งระดับโปรที่ซ่อนอยู่ในรูปร่างของแท็บเล็ตเท่านั้นเอง
ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i9-12900H ทำงานร่วมกับกราฟิกการ์ด GeForce RTX 3050Ti GDDR6 ขนาด 4GB เป็น GPU ไฮเอนด์ที่แรงและคุ้มค่าที่สุดในตลาดอุปกรณ์พกพาในขณะนั้ โดยภายในมี MUX Switch ให้สามารถเลือกใช้งานกราฟิกการ์ดแยกมาได้เต็มประสิทธิภาพอย่างอิสระด้วยครับสำหรับอุปกรณ์นี้
หน้าจอขนาด 13.4 นิ้ว รีเฟรชเรทแบบจอเกมมิ่ง 120Hz ตอบสนอง 3ms คุณภาพจอดีครับ ไม่ใช่แค่เรื่องการเล่นเกม แต่เหมาะสมกับการใช้งานด้านครีเอเตอร์ด้วย เพราะเป็นจอที่แสดงช่วงสีได้กว้าง 100% sRGB ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตสื่อสิงพิมพ์ ปรับเทียบสีจาก Pantone Validated เป็นจออัตราส่วนแบบ 16:10, 120Hz WUXGA (1920 x 1200) และสามารถรองรับ Dolby Vision สำหรับการนำไปรับชมคอนเทนต์ภาพยนตร์ได้ดีอีกด้วยครับ ติดตั้งกล้องหน้า 1ล้านพิกเซลเอาไว้สำหรับใช้ในการวีดีโอคอลล์
โดยจอภาพตัวนี เป็นหน้าจอที่เป็นแบบทัชสกรีนได้ สามารถใช้งานได้ร่วมกับปากกา ASUS Pen SA201H ที่แยกระดับแตกต่างของแรงกดได้ 4,096 ระดับ ก็คือเป็นปากกาที่ใช้งานในระดับโปรมืออาชีพเลยนั้นเอง
กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5 ทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนได้ดี งานประกอบสมกับเป็นเครื่องพรีเมี่ยม รู้สึกแกร่ง แข็งแรง ทนทานด้วยวัสดุแบบ CNC อลูมิเนียมทั้งตัวเครื่อง ทำน้ำหนักรวมออกมาได้ดี เพราะหนักแค่ 1.18 กิโลกรัมสบายต่อการพกพา ฝาด้านหลังมีขาพับสำหรับการวางตั้ง กางได้กว้างสูงสุดแบบ 170 องศา
ให้ RAM LPDDR5 16GB 5200MHz (8GB x 2 on board) และ SSD 1TB M.2 2230 NVMe PCIe 4.0 ความเร็วการอ่านเขียน 3,200/3,200 Mbps
ด้วยความเป็นแท็บเล็ต ที่สามารถถือใช้งานได้เมื่อต้องการ ฉะนั้นจึงมีการติดตั้งกล้องหลังสำหรับในกรณีต้องการใช้ ROG Flow Z13 ถ่ายภาพ ก็จะมีกล้องด้านหลังความละเอียด 8ล้านพิกเซลเอามาให้
ลำโพงคู่เสียงดังชัดมาก 2x 1W speaker with smart AMP technology มีความกระหึ่มในตัวชัดเจน รองรับระบบเสียง Dolby Atmos เล่นเกมหรือดูหนังไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเติมครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อรุ่นใหม่ครบ USB Type-C Thunderbolt 4.0 รองรับการเชื่อมต่อเป็น DisplayPort 1.4 และพอร์ตชาร์จ PD ไปในตัว, USB 3.2 Gen 2 พร้อมตัวอ่าน Micro SD Card reader และช่อเสียบหูฟัง 3.5มม.
ROG Flow Z13 รองรับการชาร์จไว ด้วยอะแดปเตอร์ 100W Type C PD ที่ให้มาภายในกล่อง สามารถชาร์จไฟจาก 0% ไปจน 50% ได้ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้นครับ
โดย ROG Flow Z13 เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีพอร์ต ROG XG Mobile Interface เพื่อเชื่อมต่อกับการ์ดจอแยกภายนอก XG Mobile ของ ROG ถ้าต้องการความแรงที่เพิ่มเติมมากขึ้นเป็นระดับเดสท็อปโปรเกมมิ่ง โดยไม่ต้องไปซื้อคอมพ์ประกอบมาใช้งานที่บ้านอีกทั้งชุด ก็สามารถซื้ออุปกรณ์ XG Mobile มาเสริมเพิ่มได้เลยครับ และตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่เกินจะพกออกไปเล่นที่บ้านเพื่อนด้วยนะครับ
เมื่อเชื่อมต่อกับ XG Mobile ตัวการ์ดจอที่จะถูกเรียกใช้งาน ก็จะเปลี่ยนไปเป็นตัวรุ่นใหญ่ ที่อยู่ภายใน XG Mobile นั้นเองครับ โดยการใช้งานอุปกรณ์นี้เราต้องเสียบปลั๊กไฟให้กับ XG Mobile ไว้ด้วย และก็จะเป็นการชาร์จไฟเข้าให้กับ ROG Flow Z13 ไปในตัวด้วยเช่นกัน
และยังมีกระเป๋าพกพาที่ทำให้เราสามารถพกเจ้า ROG Flow Z13 และ XG Mobile ออกไปใช้งานคู่กันได้ด้วยนะ ^^
โดยอุปกรณ์ ROG XG Mobile ก็จะมีตัวเลือกที่นำเข้ามาจำหน่ายอยู่สองสเปคเป็นการ์ดจอจากสองค่ายให้เลือก AMD Redeon RX และ NVIDIA GeForce RTX 3080 แต่เป็นอุปกรณ์ที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายค่อนข้างจำกัดครับ ถ้าใครสนใจต้องรอติดตามการประกาศขายจากทาง ASUS กันสักหน่อย (ติดตามการจำหน่ายได้ที่ลิงก์นี้ )
- รุ่น GC32L ใช้การ์ดจอ AMD Redeon RX 5850M XT 12GB GDDR6 (ROG Boot: Up to 165W) Power Supply 330W น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม ราคา 45,990 บาท
- รุ่น GC31S ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 laptop GPU with ROG Boost up to 1810MHz at 150W 16GB GDDR6 น้ำหนัก 1.0 กิโลกรัม ราคา 49,990 บาท
รายละเอียดพอร์ตการเชื่อมต่อของทั้งสองรุ่น ( XG Mobile เป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมการรับประกันแบบ Global Warranty 2 ปี เข้าศูนย์ได้ 80 ประเทศทั่วโลก และ Perfect Warranty ประกันอุบัติเหตุให้ 1 ปีแรก)
ข้อเด่นของ ROG Flow Z13 อย่างที่เห็นว่าเป็นเครื่องที่สเปคแรงสูงมาก ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแท็บเล็ตเกมมิ่งที่แรงที่สุดในโลกอยู่แล้ว และไม่ต้องเป็นห่วงเลยสำหรับการนำไปใช้งานครีเอเตอร์ ตัดคลิป แต่งภาพ เพราะหน้าจอแสดงผลก็มีคุณภาพที่สูงมากเช่นกันครับ
ทดสอบเล่นเกม Over Watch 2 เปิดกราฟิกสุด เฟรมเรทวิ่งนิ่งๆ ที่ 70Fps ขึ้นไปได้ตลอดเวลา ประสิทธิภาพเกินขนาดตัวไปไกลครับ แต่ถ้าต่อกับ XG Mobile RTX 3080 ที่ได้มาลองใช้คู่กันแล้วละก็ ^^ จอภาพรองรับกี่เฟรมเรท ก็วิ่งสุดตลอดเลยละครับ
ด้วยความเป็นอุปกรณ์ของ ROG ฉะนั้นซอฟท์และระบบภายในจึงใส่ความสามารถในการปรับแต่งและช่วยเหลือผู้ใช้ในด้านเกมและปรับความแรงมาให้เยอะมาก โดยจะมีโปรแกรม Armoury Crate เป็นเหมือนศูนย์กลางในการควบคุมตัวเครื่อง ทั้งการอัพเดทระบบ การปรับระดับของการใช้พลังงาน และการปรับแสงไฟของ Aura Sync
จากที่ทดสอบใช้งาน ROG Flow Z13 ในโหมดใช้งานทั่วไป ตัวแบตเตอรี่สามารถทำงานได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมงครับ และถ้าเปิดโหมด Turbo เพื่อการใช้เล่นเกมแบบเต็มที่บนพลังงานจากตัวแบตเตอรี่ จะสามารถเล่นเกมได้ประมาณ 3 ชั่วโมงครับ
ตัวเครื่องจะมีความร้อนให้รู้สึกเวลาใช้งานในโหมดเทอร์โบ แต่ในโหมดใช้งานทั่วไปแทบจะไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเลยครับแม้จะใช้งานนอกห้องที่มีเครื่องปรับอากาศก็ตาม เพราะภายใน ROG Flow Z13 มีการใส่ระบบระบายความร้อนมาให้ค่อนข้างจัดเต็ม ใช้สารนำความร้อน Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ที่สามารถนำส่งความร้อนได้ดีกว่าซิลิโคนแบบทั่วไปถึง 14 เท่า ใช้เป็นสานนำส่งต่อความร้อนมายัง Vapor chamber ขนาดใหญ่พิเศษภายใน ที่มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 44% ทั้ง CPU, GPU VRAM และวงจรจ่ายไฟทั้งหมด ช่วยลดอุณหภูมิ CPU ลงได้ถึง 15 องศาเลยทีเดียวครับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ROG Flow Z13 ไม่ใช่แค่ใส่ใจกับแค่ตัวเครื่องหลักของมันเท่านั้น แต่อุปกรณ์เสริมภายในกล่องที่ให้มาก็ดูจะคุ้มค่ากับราคาระดับพรีเมี่ยมของมันมากทีเดียวครับ
- กระเป๋า GZ301 sleeve bag
- ปากกาเขียนหน้าจอ ASUS Pen
- ที่ชาร์จ 100W Type C PD
ติดตั้งระบบปฏิบัติกำร Windows 11 Home พร้อมกับ Office Home and Student 2021
ได้รับการรับประกัน ASUS Exclusive Care นานสูงสุด 3 ปี
– 3 years On-site Service ประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมถึงที่ภายในประเทศ
– 3 years Global warranty ประกัน 3 ปี เข้าศูนย์ได้ 80 ประเทศทั่วโลก
– 1 year Perfect warranty ประกัน 1 ปี ในกรณีเครื่องเกิดอุบัติเหตุ ครอบคลุมค่าอะไหล่ 80%
ROG Flow Z13 ราคาจำหน่าย 69,990 THB
ROG Flow X13 ที่สุดแห่งโน้ตบุ๊คพับได ้360 องศา รองรับการใช้แบบ 2-In-1
ROG Flow X13 จะมาในรูปลักษณ์แบบโน๊ตบุ๊คเต็มตัว แต่มีความสามารถในการพับหน้าจอได้แบบ 360 องศา เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ เช่นกางออกใช้งานเป็นอุปกรณ์โน๊ตบุ๊ค พลิกจอกลับหลังกลายเป็นแท็บเล็ต หรือวางในรูปแบบเต๊นท์ เพื่อใช้ในการพรีเซนท์งาน หรือโชว์ภาพหน้าจอแบบเต็มตาโดยไม่ต้องการใช้งานคีย์บอร์ดนั้นเองครับ เป็นทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ตแบบ 2-In-1
ตัวเครื่องเล็ก ออกแบบฝาหลังลวดลายเส้นทแยงคล้ายผิวเคฟร่า น้ำหนักรวม 1.3Kg
แต่ประสิทธิภาพแรงสุดของฝั่งฝาก AMD ด้วยการใช้ Ryzen 9 6900HS 8 คอร์ 16 เธรด โปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสดุของโน้ตบุ๊กจาก AMD ในปี 2022 ทำงานคู่กับ GPU NVIDIA GeForce RTX 3050Ti Laptop 4GB GDDR6 เช่นเดียวกันกับรุ่น ROG Flow Z13 ด้านบน
โดยในรุ่นนี้จะมี MUX Switch สำหรับการใช้งานศักยภาพ GPU ได้อิสระ และให้แรมมาบัสสูงสุดของวงการเลยครับ กับ RAM 1 GB 6400 MHz และหน่วยความจำ SSD PCIe 4.0 NVMe M.2 ขนาด 1TB ประสิทธิภาพเวลาเล่นเกมเท่าที่ทดสอบ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับรุ่นพี่ครับ ในทางตัวเลขก็ประคองเฟรมเรทได้ประมาณ 70 ในการเซ็ตระดับกราฟิกเดียวกัน ส่วนในความรู้สึกก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างกันชัดจนให้สังเกตเห็น
หน้าจอขนาด 13.4 นิ้ว IPS 120Hz Dolby Vision HDR ให้ความรู้สึกสว่างตากว่าเล็กน้อย อัตราส่วนแบบ 16:10, 120Hz WUXGA (1920 x 1200) แสดงช่วงสีได้กว้าง 100% sRGB และได้รับการปรับเทียบสีจาก Pantone Validated จอแบบทัชสกรีนที่ใช้งานได้กับปากกา ASUS Pen SA201H ให้กล้องหน้า 720P HD และคีย์บอร์ดออกแบบพิเศษเพื่อการควบคุมฟังก์ชั่นเครื่องที่คล่องตัวกว่า
พอร์ตเชื่อมต่อมี ROG XG Mobile Interface สำหรับการต่อการ์ดจอภายนอก XG Mobile และ USB 3.2 Gen 2 Type-A, USB 3.2 Gen 2 Type-C x2, HDMI 2.0b และช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ลำโพงคู่เสียงดังชัด 2-speaker system with Smart Amplifier Technology และใช้ปุ่มพาวเวอร์เป็นที่สแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งานได้ในตัว
เรียกว่าสเปคและหน้าจอแทบไม่ต่างกันกับ ROG Flow Z13 เลยครับ แต่แค่เปลี่ยนรูปทรงมาเป็นแบบโน๊ตบุ๊ค และใช้ CPU ของทาง AMD Ryzen 9 แทนเท่านั้น โดยจะเป็นตัวเลือกอีกหนึ่งตัวที่มีความแรงแทบไม่ต่างกัน ในการใช้งานที่แตกต่างกันนั้นเอง ของแถมในกล่องก็เหมือนกันเลย โดยจะมีปากกา ASUS Pen SA201H และกระเป๋า GV301 sleeve bag รวมถึงที่ชาร์จ 100W แถมมาให้ภายในกล่องเช่นกัน
ROG Flow X13 ติดตั้งระบบ Windows 11 Home และ Microsoft Office Home and Student มาให้ และเปิดราคามาย่อมเยากว่าเล็กน้อย อยู่ที่ 59,990 บาท ได้รับการประกันระดับพรีเมี่ยมยาวถึง 3 ปีเช่นกันครับ
- Local Onsite Service 3 ปี เครื่องมีปัญหามีบริการไปซ่อมถึงที่
- Global warranty 3 ปี เข้าศูนย์ได้ 80 ประเทศทั่วโลก
- Perfect Warranty 1 ปี ประกันอุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะน้ำหกใส่ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องตกหล่น
ทั้งสองอุปกรณ์เป็นแล็ปท็อปพกพาที่ให้ประสิทธิภาพความแรงอยู่ระดับสูงสุด พร้อมการใช้งานที่ออกแบบมาเพื่อครีเอเตอร์และคนเล่นเกมโดยเฉพาะ เครื่องราคาพรีเมี่ยมที่ให้คุณภาพระดับพรีเมี่ยม ใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บจำหน่ายจองทางผู้ผลิตโดยตรงได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยนะครับ