Atlas Fallen ต่อกรกับเทพเจ้า บนผืนทะเลทรายสุดอันตราย
Atlas Fallen อาจจะเป็นเกมระดับ AA ที่ไม่ได้มีทุนมากมายนัก ทำให้คุณภาพของเกมมันไม่ถึง แต่การนำเสนอที่ Deck 13 Interactive ใส่เข้ามาในเกมนี้มันน่าสนใจมาก ๆ เลยทั้งเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และเกมเพลย์ที่พยายามให้ผู้เล่นโจมตีศัตรูบ่อย ๆ เพื่อเก็บเกจพลังไปใช้สกิลหรือความสามารถต่าง ๆ กับระบบการอัปเกรดที่ดีกว่าหลายเกมในปัจจุบัน ทำให้เกมมันควรไปต่อได้ แต่เพราะทุนสร้างที่ไม่ได้มากคุณภาพของเกมในส่วนต่าง ๆ ทำให้เกมดูแย่ไปหน่อย แต่โดยรวม Atlas Fallen ก็ยังเป็นเกมที่ถ้าคุณรอได้ ก็รอมันลดราคาดีกว่า เพราะในตอนนี้มันคือเกมที่ดีในเวลาที่ไม่ใช่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของแนวทางใหม่จาก Deck 13 Interactive
จุดเด่น
- Conceการออกแบบโลกและเกมเพลย์ของ Atlas Fallen น่าสนใจ
- บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในเกมสวยงามมาก
ต้องปรับปรุง
- UI และ Sound Design อยู่ในระดับที่แย่มาก
- เกมเพลย์ขาดความลื่นไหลและระบบล็อกเป้าที่ชอบมั่ว
- Performance ของเกมบน PS5 ทำให้ประสบการณ์ที่ได้รับยังไม่ดีพอ
เกมตระกูล Soul-Like เป็นอีกหนึ่งแนวเกมที่ผู้พัฒนาทั่วทุกมุมโลกชอบทำซึ่งในนั้นก็คือ Deck 13 Interactive ทีมผู้พัฒนา Lord of the Fallen, The Surge และ The Surge 2 เกมแนว Soul-Like แต่หลังจากที่สตูดิโอพัฒนาเกมแนวนี้มารวดเดียว 3 เกม ทีมงานได้ตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางเพื่อทำสร้างสิ่งใหม่จนกำเนิดเป็น Atlas Fallen เกมแนว Action สวมบทบาทในมุมองบุคคลที่ 3 พัฒนาโดยใช้ Fledge เอนจิ้นของพวกเอาเอง ตัวเกมได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก God of War (2018) และซีรีส์ Horizon
ตัวเกมเปิดตัวครั้งแรกในงาน Gamescom 2022 ในเดือนสิงหาคม โดยได้ Focus Entertainment มาเป็นผู้จัดจำหน่าย Atlas Fallen หลังจากที่มีการเลื่อนวางจำหน่ายหลายรอบในที่สุด Atlas Fallen วางขายในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา บนเครื่อง PC, PlayStation 5 และ Xbox Series X|S แน่นอนว่าพวกเรา AppDisqus ได้ลองสัมผัส Atlas Fallen กันมาแล้ว สิ่งที่นำเสนอในเกมนี้จะสนุกแค่ไหนเรามาดูกันเลย
เนื้อหาน่าติดตามแต่เล่าเรื่องเร็วเกินไปหน่อย
Advertisement Advertisement Advertisement
Atlas Fallen เล่าเรื่องราวของการต่อสู้ระหว่างเทพและมนุษย์ Thelos เทพผู้ต้องการสิ่งที่เริยกว่า “Essence” ที่อยู่ในโลกมาใช้เสริมพลังให้ตัวเอง และสังคมที่ถูกกดขี่ภายใต้การปกครองของ Thelos ถูกเรียกว่า “The Unnamed” กลุ่มคนพวกนี้มีหน้าที่เพียงแค่ขุดและขน “Essence” เพียงเท่านั้น ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นมนุษย์ผู้ไร้ชื่อคนหนึ่ง ที่บังเอิญไปพบเข้ากับ “Gaunlet” ถุงมือที่มีพลังและจิตวิญญาณของ Nyaal เทพองค์หนึ่งสถิตไว้อยู่ แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าทำไมเขามาอยู่ที่นี่และมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา เพื่อค้นหาความทรงจำที่หายไปและรวบรวมชิ้นส่วน “Gaunlet” เพื่อให้พลังกับมาสมบูรณ์อีกครั้ง การเดินทางในดินแดนอันกว้างใหญ่บนผืนทะเลทรายจึงเริ่มต้นขึ้น
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องราวในโลกของ Atlas Fallen มันน่าสนใจไม่น้อย สำหรับผมอาจจะเป็นฉากที่ค่อยคุ้นชินเท่าไรสำหรับเกมแฟนตาซี แต่ก็น่าติดตามเรื่องราวการต่อสู้ของมนุษย์และเทพ เนื้อเรื่องย่อยง่าย เข้าใจได้ไม่ยากแค่ต้องขยันสำรวจ คุณจะได้รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้อมากขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่เป็นจุดด้อยของการเล่าเรื่องใน Atlas Fallen คือลำดับการเล่าเรื่องแปลก ๆ ช่วงเริ่มเกมคุณตจะได้วนอยู่กับการตามหาชิ้นส่วนของ “Gaunlet” ที่กระจัดกระจาย, เรียนรู้ระบบเกมและความทรงจำของ Nyaal ด้วยความที่ถ้าเล่นเนื้อเรื่องแบบยิงยาวเลยจะใช้เวลาจบเพียง 9-10 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้เนื้อเรื่องส่วนที่ควรจะค่อย ๆ เล่าเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นดันไปกระจุกอยู่ในช่วงแรกหมดเลย แถมบางตัวละครก็ดันทำอะไรแปลก ๆ ซะงั้น เข้าใจว่าอยากให้เนื้อเรื่องจุดนี้ไปจุดชนวนฉากต่อไป แต่มันสามารถใช้วิธีที่ดีกว่านี้ได้ ตัวเกมมีตัวเลือกตอบคำถามระหว่างบทสนทนา ซึ่งมีผลกับเนื้อเรื่องของเกม และเป็นองค์ประกอบที่ทำให้คุณได้ไอเทมบางอย่างมาใช้ได้ด้วยผ่านการไปคุยกับพวก NPC
เกมเพลย์มีความหลากหลายแต่ไปไม่ถึงฝัน
อย่างที่บอกไปว่า Atlas Fallen คือเกมแนว Action-RPG มุมมองบุคคลที่ 3 ในโลก Open World ไม่ใช่ Souls-Like แบบ 3 เกมก่อนหน้า นั่นก็เป็นเพราะว่าทีมงานต้องการสร้างบางอย่างที่ให้เข้าถึงผู้เล่นส่วนใหญ่ ไม่ยากเกินไป แต่สำหรับใครที่ชอบความยากในแบบ Souls-Like คุณก็สามารถปรับได้
โลกของเกมถูกออกแบบมาให้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากอยู่ในระดับกลาง ๆ ซะด้วยซ้ำ แล้วอย่างที่บอกไปว่าผู้พัฒนาไม่ได้อยากให้เกมเป็นแนว Souls-Like การออกแบบฉากหรือเส้นทางจะไม่ได้มีความซับซ้อนมากนักเพื่อให้ผู้เล่นเพลิดเพลินไปกับการสำรวจ พื้นที่แต่ละแห่งนั้นจะมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันแต่ก็มีทางเชื่อมถึงกันทั้งหมด นอกเหนือจาก Fast Travel ตัวละครของคุณสามารถเดินทางได้รวดเร็วมากโดยการใช้ทราย พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือไถลไปกับทรายจะขึ้นหรือลงก็ทำได้หมดขอแค่พื้นที่คุณเหยียบอยู่เป็นทราย
ระบบการ Combat ในเกมนี้น่าสนใจมาก Atlas Fallen นำเสนอสิ่งที่เรียกว่า Momentum ทุกการฟาดฟันอาวุธของคุณลงบนตัวศัตรู หลอดนี้จะเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 3 ขั้น ถ้ายิ่งเพิ่มขึ้นอาวุธที่คุณใช้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและทำดาเมจได้มากขึ้นอีกด้วย แต่เมื่อการต่อสู้จบหลอดนี้จะลดลงไปจนหมด นอกจากนี้ประโยชน์ของมันก็คือเมื่อค่า Momentum ถึงจุด ๆ หนึ่งมันสามารถใช้ท่าพิเศษหรือสกิลต่าง ๆ ได้อีกด้วย ถ้าคุณบาดเจ็บจากการต่อสู้คุณก็แค่ใช้ “The Idol” ที่ได้จากการต่อสู้มาฟื้นฟู HP ของคุณ หรือพูดอีกแบบมันก็คือ Potion นั่นแหละแต่คุณไม่ต้องไปซื้อมาใช้ เพียงแค่คุณขยันโจมตีศัตรูคุณก็จะมียาที่ช่วยฟื้นฟู HP ตลอดเวลา
จุดที่ต้องตินิดนึงก็ศัตรูในเกมซ้ำซากไปหน่อยและระบบการต่อสู้ที่เหมือนจะดีแต่มันดูขัด ๆ ไปหมด คงเป็นเพราะแอนิเมชันของตัวละครมมันช้าและแข็งมากไปหน่อย รวมถึงพวกศัตรูด้วยทำให้เวลาต่อสู้มันไม่ค่อยสะใจเท่าไร รวมถึงมุมกล้องเวลาล็อกเป้าขณะศัตรูมาเยอะ ๆ มันก็มั่วซั่วมากชอบไปล็อกตัวที่เราไม่ต้องการ แล้วผมก็ตายบ่อย ๆ เพราะเหตุผลนี้
นอกจากนี้เกมยังมีระบบการอัปเกรดตัวละครที่หลากหลายพอสมควรตั้งแต่ Abilities, Perk, Gaunlet, Armour และ Momentum สกิลทั้งหมดในเกมจะปลดล็อกออกมาตามเนื้อเรื่อง, เปิดหีบสมบัติ หรือพูดคุยกับ NPC ตอนแรกผู้เล่นจะได้มาเป็น Recipe มาก่อน ขั้นต่อมาก็คือผู้เล่นต้องตามเก็บวัตถุดิบที่อยู่ตามฉากหรือของที่ดรอปจากศัตรูมาคราฟต์เป็นสกิลแต่ละอัน การอัปเกรดสกิลให้มีระดับสูงขึ้นก็ใช้ระบบนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นคุณก็สามารถนำสกิลของคุณไปใส่ในสล็อต Momentum ทำให้เวลาต่อสู่แล้วหลอด Momentum เพิ่มถึงจุดที่คุณวางสกิลต่าง ๆ ไว้ สกิลเหล่านั้นจะสามารถใช้งานได้ แต่ในช่วงเริ่มต้นสล็อตสำหรับใส่สกิลจะถูกล็อกไว้อยู่ ผู้เล่นสามารถใช้เงินปลดล็อกสล็อตต่าง ๆ เพิ่มเติมได้
พูดถึงเงินแล้วนอกจากอัปเกรดหลอด Momentum ยังสามารถเอาไปอัปเกรดชุดเกราะตัวละครผู้เล่นได้อีกด้วย เมื่ออัปเกรดเรียบร้อยผู้เล่นจะได้รับ Perk Tokens สำหรับปลดล็อก Perk จุดที่ผู้พัฒนาใส่ใจผู้เล่นอีกอย่างก็คือ ชุดที่เราชอบค่าสถานะโดยรวมอ่อน แต่ชุดที่ไม่สวยดันสูงกว่าซะงั้น ในเกมนี้ผู้เล่นเลยสามารถใช้ชุดที่ค่าสถานะสูง ๆ แต่เลือกให้โมเดลตัวละครของเราใส่ชุดที่เราชอบแทนได้ ก็เป็นจุดเล็ก ๆ ที่เกมสมัยนี้ึควรทำ อย่างสุดท้ายก็คือ Gaunlet อันนี้ปลดล็อกความสามารถต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่องได้เลย
แนวคิดของเกมสนุกใช้ได้แต่อาจเป็นเพราะทุนสร้างมีไม่มากเลยทำให้มีปัญหาตามา
สำหรับประสิทธิภาพของ Atlas บนเวอร์ชัน PS5 ทำออกมาอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ว่าเกมจะอยู่ในโหมด Performance หรือ Quality ทั้งคู่มีจังหวะที่เฟรมเรตตกอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ขั้นน่าหงุดหงิดเพราะส่วนใหญ่เกิดระหว่างที่คุณอยู่ในฉากใหญ่ ๆ แต่อาการโหลด Texture ไม่ทันก็ยังมีอยู่บ่อย รวมไปถึงมีบัคบนตัวโมเดลอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้น่าหงุดหงิดเท่าไร แต่ตลกซะมากกว่า คาดว่าคงได้รับการแก้ไขในอนาคต แลพต่อให้มีขุมพลัง SSD ของ PS5 เกมก็โหลดช้าอยู่ดี เท่าที่ผมได้ลองสัมผัสมันมารู้สึกใช้โหลดฉาก, Fast Travel หรือเข้าเกมจะใช้เวลาเฉลี่ยราว ๆ 9-10 วินาที
คิดว่าเกมอาจไม่ได้มีทุนสร้างสูงเท่าไรสังเกตุได้จาก Sound Design และหน้าตา UI ที่โคตรตกยุคอย่างกับเกมยุค 2000 องค์ประกอบตรงนี้ทำให้เกมดูถูกมาก ๆ ทุกครั้งที่กดเข้าไปหน้าเมนูมันทำให้ผมคิดตลอดว่าทำไมเกมแย่ได้ขนาดนี้ ส่วนเรื่องของ Sound Design ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ 2 เรื่องคือเวลาที่ศัตรูเดินอยู่เสียงดันเหมือนคนเป๊ะ ทั้ง ๆ ที่ศัตรูตัวนั้นมีหลายขามากแต่เสียงเดินดันเหมือนคน 2 ขาซะงั้น และ Background Music จะถูกตัดไปดื้อ ๆ หากคุณกดเข้าเมนู ทำให้ประสบการณ์ที่ได้รับมันไม่ต่อเนื่องกัน
Atlas Fallen อาจจะเป็นเกมระดับ AA ที่ไม่ได้มีทุนมากมายนัก ทำให้คุณภาพของเกมมันไม่ถึง แต่การนำเสนอที่ Deck 13 Interactive ใส่เข้ามาในเกมนี้มันน่าสนใจมาก ๆ เลยทั้งเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และเกมเพลย์ที่พยายามให้ผู้เล่นโจมตีศัตรูบ่อย ๆ เพื่อเก็บเกจพลังไปใช้สกิลหรือความสามารถต่าง ๆ กับระบบการอัปเกรดที่ดีกว่าหลายเกมในปัจจุบัน ทำให้เกมมันควรไปต่อได้ แต่เพราะทุนสร้างที่ไม่ได้มากคุณภาพของเกมในส่วนต่าง ๆ ทำให้เกมดูแย่ไปหน่อย แต่โดยรวม Atlas Fallen ก็ยังเป็นเกมที่ถ้าคุณรอได้ ก็รอมันลดราคาดีกว่า เพราะในตอนนี้มันคือเกมที่ดีในเวลาที่ไม่ใช่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของแนวทางใหม่จาก Deck 13 Interactive