รีวิวนี้สำหรับสมาร์ทโฟนที่มีจุ ดขายแตกต่างกับเครื่องอื่นๆ ในตลาดแบบชัดเจนครับ นั้นคือเรื่องของความปลอดภั ยของข้อมูลส่วนบุคคล ฉะนั้นแนะนำว่าถ้าสนใจในตัวผลิ ตภัณฑ์คงต้องอ่านกันละเอียดสั กหน่อยนะครับ เพราะเจ้า Blackphone 2 ตัวนี้มีความสามารถบางอย่างที่ แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนตัวอื่นๆ ซึ่งผมจะไล่อธิบายไปทีละอย่ างในรีวิวนี้นะครัย
Blackphone 2 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ทางบริ ษัทซีเคียวเอเซียนำเข้ามาจำหน่ ายในประเทศไทย โดยวางราคาจำหน่ายไว้ที่ 22,990 บาท ซึ่งถ้ามองดูจากสเปคเครื่ องตามความเคยชินเดิมๆ ของผมก็ต้องบอกว่าแพงครับ เพราะประสิทธิภาพเครื่องอยู่แค่ ในระดับกลางๆ เท่านั้น
แต่เนื่องจาก Blackphone 2 นำเสนอความแตกต่างมาในเรื่ องของระบบ ฉะนั้นผมในฐานะผู้รีวิวจะไม่ฟั นธงว่าคุ้มค่าหรือไม่ในทุกอย่าง เพราะดูแล้วว่ามันเป็นสมาร์ ทโฟนที่ค่อนข้างเฉพาะทาง ดังนั้นจะเน้นอธิ บายการทำงานของมัน และตัดสินแค่บางอย่างจากมุ มมองผู้ใช้ทั่วไปนะครับ
โดยเริ่มมาดูกันที่ตัวเครื่ องและอุปกรณ์ที่เขาให้มากันในกล่ องกันก่อนครับ
กล่อง Blackphone 2 ในประเทศไทย ดูเหมือนจะให้ผู้ซื้อมาสองกล่ องด้วยกันนะครับ เป็นกล่องตัวเครื่องซีลแน่ นหนาจากเมืองนอกตีตรา U.S.A และอีกหนึ่งกล่องเป็นกล่องของแถมซึ่งเป็นอุ ปกรณ์เสริมพิเศษ ภายในจะมีเคส กระจกกันรอย และตัวชาร์จไฟแถมมาให้
ตัวเครื่อง Blackphone 2 เป็นเครื่องสีดำล้วนทั้งด้านหน้ าและด้านหลัง มีความหนาและความใหญ่ของเครื่ องอยู่พอประมาณ สำหรับผมหน้าตาของมันดูเป็นมื อถือเพื่อการทำงานอย่างเต็มตัว มีเคสสวมใส่ด้านหลังที่ ออกแบบมาเพื่อมั นโดยเฉพาะแถมมาให้ในกล่องอุ ปกรณ์พิเศษ เคสสวยครับ
ตัวเครื่องหน้าหลังเป็นกระจกเช็ ดให้เงาๆ ก็สวยดีครับ แต่เกิดรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ ายมาก ซึ่งผมจะบอกว่าเจ้า Blackphone 2 น่าจะเป็นเครื่องเดียวในตลาดที่มี ราคาเกินสองหมื่นบาทแต่ไม่มีที่ สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งน่าสนใจว่าเป็นความตั้งใจที่ จะไม่ใส่เข้ามาหรือเปล่า? ลายนิ้วมืออาจจะไม่สะดวกกับรู ปแบบการใช้ของระบบมันหรืออย่ างไร? แต่ส่วนตัวจากที่ผมทดสอบใช้ผมว่ ามันควรจะมีที่สแกนลายนิ้วมื อมาให้ด้วยมากๆ ครับ
อุปกรณ์ในกล่องมีมาให้หมด ทั้งที่ชาร์จ ฟิล์มกระจกแบบเต็มหน้าจอ เคสด้านหลังที่ค่อนข้างสวยทีเดี ยว และที่ชาร์จไฟแบบ Quick charge 2.0 ซึ่งมีมาให้สำรองถึงสองตัวครับ แบบขากลมและขาแบน (หนึ่งตัวในกล่องโทรศัพท์และอี กหนึ่งตัวในกล่องอุปกรณ์พิเศษ)
คลิปแกะกล่อง Blackphone 2
VIDEO
[section label=”การใช้งานภายใน” anchor=”performance”]
จริงๆ แล้วหน้า UI ในการใช้งานของ Blackphone 2 นั้นเรียบง่ายมากครับ มีความคงเดิมตามสไตล์ระบบ Android สูงมาก แต่ UI ตัวนี้มีชื่อครับ ว่า Silent OS ด้วยเพราะความสามารถบางอย่างที่ ใส่ครอบเข้ามาแบบที่ไม่เหมือนใครนั้ นเอง
โดยในการใช้งานครั้งแรก เราจำเป็นจะต้องมีการสร้างแอคเคาท์หรือล็อกอินแอคเคาท์เดิมเพื่อเข้าใช้งานเครื่องก่อน โดยจะสามารถเข้าใช้เครื่องด้วยแอคเคาท์ Gmail ของทาง Google เพื่อใช้กับระบบ Android ได้แบบทั่วๆ ไป และแอคเคาท์ของทาง Silent Circle สำหรับการใช้งานฟังก์ชั่นพิเศษของเครื่องในด้านความปลอดภัยครับ ซึ่งผู้ใช้ Blackphone ควรสมัครเอาไว้ครับ
โดยจุดเด่นแรกของระบบ Silent OS ใน Blackphone2 ก็คึอ “Space” ความสามารถในการแยกสิทธิใช้งานเครื่ องได้ตามวรรณะ เราซึ่งเป็นเจ้าของเครื่ องจะสามารถเข้าไปกำหนดค่าได้ทุ กอย่าง สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ ได้ไม่ต่างกับสมาร์ ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วๆ ไปได้ทั้งหมด และสถานะเจ้าของเครื่องอย่างเราจะเป็นผู้เดียวที่สามารถอนุญาตผู้ ใช้คนอื่นๆ ในสถานะรองลงมาได้ และกำหนดสิ ทธิในการใช้เครื่องของผู้ใช้ เหล่านั้นได้ตามที่เราต้ องการครับ ซึ่งผู้ใช้แต่ละบุคคลที่ผมว่ ามานี่ ใน BlackPhone 2 จะเรียกมันว่า Space นั้นเองครับ
Space หลักคือตัวเราเองที่เป็นเจ้ าของเครื่อง Space รองคือผู้ใช้ที่เราสร้างขึ้น โดยกำหนดสิทธิใช้งานตามที่เราต้ องการ อาจจะเพื่อเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในกรณีใช้งานเองระหว่างวัน หรืออาจจะสร้างเพื่อให้พนักงานในองค์กรคนอื่นๆ ไปใช้งาน
เช่น….
เราจะสร้าง Space หนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เครื่อง Blackphone2 เครื่องนี้แก่ลูกน้องในบริษั ทเราไปใช้งาน เรากำหนดไว้ก่อนได้เลยว่า ใน Space นี้ห้ามมีการติดตั้งแอพเพิ่มเติ ม ห้ามต่อ WiFi หรือห้ามเปิดแอพ Youtube, facebook เป็นต้น โดยเรากำหนดได้ลึกมาก แม้กระทั่งจะให้มันกลายเป็นแค่ มือถือธรรมดาก็ยังสามารถทำได้
และเขาก็จำเป็นต้องใช้เครื่ องในลักษณะที่เรากำหนดไว้ให้เท่ านั้น ออกไปใช้ Space อื่นๆในเครื่องไม่ได้ถ้าไม่รู้ รหัสของ Space อื่นๆ ในเครื่องครับ
เมื่อเราต้องการเครื่องกลั บมาใช้งาน หรือต้องการเปลี่ยนมือเป็นพนั กงานคนอื่นใช้งาน ก็แค่สร้าง Space เพิ่ม ตั้งชื่อ Space กำหนดรหัสผ่านที่ไม่เหมือนกัน กำหนดสิทธิการใช้ให้ตรงตามต้ องการ ก็เป็นการแยกแต่ละผู้ใช้ให้ ออกจากกัน โดยมีสิทธิในการเรียกใช้ฐานข้ อมูล ไฟล์ต่างๆในเครื่อง และสิทธิเรียกใช้ฟังก์ชั่ นของเครื่องได้ต่างกันแล้วครับ
และเมื่อเราไม่ต้องการใช้งาน Space ใดอีกต่อไปแล้ว ก็สามารถลบทิ้งทั้ง Space นั้นได้ง่ายๆ แค่กดเพียงไม่กี่ครั้งบนหน้ าจอครับ รวมถึงการโอนย้ายไฟล์ไปมาระหว่าง Space เราซึ่งเป็นเจ้าของก็สามารถทำได้ด้วยครับ
ซึ่ง Space ที่ผมว่ามานี้ มันต่อยอดออกไปกับแอพพลิเคชั่นภายนอกได้ด้วย เพราะตัว Blackphone 2 รองรับการสร้างรูปแบบ Space แบบอัตโนมัติได้เอง โดยผ่านการสแกน QR code ซึ่งจะได้มาจากแอพพลิเคชั่ นบางตัวที่อาศัยความสามารถตรงนี้ ของ Blackphone 2 ในการกระจายการทำงานแบบองค์ กรได้ครับ
ซึ่งมาถึงตรงนี้ ผมมองว่าประโยชน์ของ Blackphone 2 ที่มันทำงานภายใต้ระบบ Silent OS นั้น ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานเครื่ องแบบปกป้องหลายชั้นครับ หรือใช้งานกันหลายบุคคลครับ หรือเป็นการซื้อใช้ในบริษั ทและองค์กรที่ผู้เป็นเจ้ าของเครื่องไม่ได้เป็นผู้ใช้ งานเองครับ
ความสามารถของ Blackphone 2 นอกจากตัวระบบที่สามารถแยก Space ของแต่ละผู้ใช้ได้แล้ว ก็จะมีส่วนเสริมที่เป็นแอพพลิ เคชั่นพิเศษของทาง Blackphone เองอีกสองตัว นั้นก็คือ “Silent phone”
ตัว Silent phone นี่คือแอพสำหรับการติดต่อสื่ อสารแบบพิเศษครับ มันเป็นบริการโทรศัพท์และส่งข้ อความผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตนั้ นเองครับ (VOIP) แต่มันมีความพิเศษที่ไม่เหมื อนใครก็คือ มันสามารถโทรหาหมายเลขโทรศัพท์ ปลายทางใดๆ ในโลกก็ได้แม้เขาจะไม่ได้อยู่ ในระบบ Silent Phone เช่นเรา โดยในการลงทะเบียนใช้งานครั้ งแรก เราต้องผูกข้อมูลของเรา (เบอร์โทรศัพท์และอีเมล) เข้าไปในระบบซะก่อน เพื่อสร้างไอดีส่วนตัวในแอพ Silent phone ( เหมือนการสร้างไอดีเราในแอพพลิ เคชั่น Line เป็นต้น)
หลังจากนั้นระบบของ Silent phone จะนำข้อมูลเราไปผูกกั บหมายเลขโทรศัพท์พิเศษที่สร้ างขึ้นมาเป็นหมายเลขจากบริ การในประเทศอเมริกา ซึ่งตรงนี้สำคัญครับ เพราะหลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้ใช้ Blackphone 2 ทุกคน จะได้รับบริการ Silent world ที่จะได้โทรฟรีไปทั่วโลกจำนวน 100 นาที ฟรีทุกเดือน ตลอดหนึ่งปีเต็มครับ ซึ่งถ้านาทีใช้งานเราหมดก็ สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 9.95$ ต่อ 100 นาที (ประมาณ 320บาท) ซึ่งใช้ในการโทรไปยังปลายทางต่ างประเทศที่ราคาจะถูกกว่ าการโทรแบบปกติครับ
ในส่วนของระบบการส่งข้ อความตรงนี้แตกต่ างจากระบบการโทรอยู่ครับแต่ก็ ใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตในการรั บส่งเช่นกัน บริการตัวนี้จะคล้ายๆ ของแอพพลิเคชั่นแชตทั่วไป เช่น Line หรือ Whatsapp ซึ่งจะต้องใช้กับผู้ที่อยู่ ในระบบด้วยกัน หมายถึงรับส่งข้อความหากันได้กั บผู้ใช้ Blackphone อาจจะในองค์กรหรือบริษัทที่ใช้ เครื่องเหมือนกันเป็นต้น
โดยจุดเด่นของระบบส่งข้อความใน Silent Phone ก็คือ มันสามารถตั้งเวลาในการลบข้ อความที่อ่านแล้วทิ้งไปได้ครับ ซึ่งจะลบออกจากทั้งหน้าแชตฝั่ งเครื่องของเราและลบออกทั้งฝั่ งคู่สนทนาด้วยเช่นกัน เหมาะสำหรับการสนทนาที่อยากจะมั่ นใจว่าไม่มีบุคคลที่สามมาอ่ านเจอในภายหลังครับ
อีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นในระบบเพื่ อความปลอดภัยของตัวเครื่อง Security Center แอพสำหรับการจัดการความปลอดภั ยและความเป็นส่วนตัวของเครื่อง เป็นแอพหลักเลยครับ การจัดการ Space ต่างๆ ก็ต้องจัดการผ่านหน้าแอพตัวนี้ นั่นเอง
อีกทั้งยังใช้ ในการสแกนความปลอดภัยของแอพพลิ เคชั่นอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องอีกด้วย โดยตัวแอพจะตรวจสอบสิทธิส่วนบุ คคลที่แอพพลิเคชั่นภายในเครื่ องร้องขอ ว่ามีการร้องขอใดที่ไม่ เหมาะสมหรือไม่
รวมทั้งเป็นหน้าการลงทะเบียนฟั งก์ชั่นลบข้อมูลเครื่องผ่ านระบบออนไลน์ (Wipe data) ในบางสถานะการณ์ที่เครื่องเราสู ญหาย หรือไปอยู่กับบุคคลที่เราไม่ต้ องการให้เข้าถึงข้อมูลเครื่ องเรา สามารถกดสั่งลบข้อมูลเครื่องผ่ านทางหน้าเว็บของ Blackphone ได้เลยครับ
ตัวแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ Blackphone 2 และการอัพเดทระบบของตัวเครื่อง สามารถอัพเดทออนไลน์ได้ผ่านหน้า Security Center
ฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่น่าสนใจของเครื่อง Blackphone 2 ก็คือการรองรับ Gesture การขีดสัญลักษณ์บนหน้าจอเพื่ อเรียกการใช้งานต่างๆ ได้ทันที ตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ เช่นการวาดรูปหัวใจเพื่อเปิ ดแอพพลิเคชั่น Line เป็นต้น เราสามารถกำหนดได้หลากหลายสัญลั กษณ์ครับ
แม้ตัวเครื่องจะไม่มีที่ สแกนลายนิ้วมือ แต่ก็มีฟังก์ชั่นที่คนอื่น/ม่ สามารถแอบดูรหัสเข้าใช้เครื่ องของเราได้ง่ายๆ เพราะเครื่อง Blackphone 2 สามารถสลับตำแหน่งตัวเลขที่ใช้ ในการปลดล็อกบนหน้าจอได้ ตัวเลขจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิ มเพื่อให้ยากต่อการคาดเดาเมื่ อดูจากการขยับนิ้วของเราครับ และต้องใช้เลข PIN ถึง 5 ตัวไม่ใช่ 4 ตัวแบบที่เราคุ้นเคยด้วยนะครับ
จะเห็นว่าตัวระบบของ Silent OS ไม่ค่อยเน้นในเรื่องเล่น แต่เน้นไปในการทำงาน ติดต่อสื่อสาร และควบคุมสิทธิการเข้าถึงที่ แตกต่างกันในแต่ละบุคคล รวมถึงความปลอดภัยในข้อมูลส่ วนตัวภายในเครื่องเป็นหลัก จริงๆ แล้วตัวระบบยังรักษาความปลอดภั ยในปลีกย่อยให้เราตลอดเวลาอีกด้ วย เช่นการตรวจจับสัญญาณ WiFi ที่เครื่องเชื่อมต่อว่ามี ความปลอดภัยแค่ไหน แจ้งเราทันทีที่มีการเชื่อมต่ ออัติโนมัติเป็นต้น
ซึ่งตัวเครื่องจะคุ้มค่ากั บราคาของมันหรือไม่ ก็อยู่ที่ใครจะต้องการใช้ฟังก์ ชั่นเหล่านี้มากแค่ไหนนั่ นเองครับ
เพราะในส่วนของประสิทธิภาพพื้ นฐานของเครื่อง เจ้า Blackphone 2 จะเทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนระดั บกลางๆ เท่านั้น ดูหนังฟังเพลงได้ในระดับทั่วไป ความไหลลื่นปานกลาง ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องลื่ นปรู๊ดปร๊าดระดับสูง เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง ใช้งานได้รอบตัวอยู่ครับ
ผลทดสอบต่างๆ
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้วันต่ อวันระดับกลางๆ ครับ การจับสัญญาณ GPS ทำได้ดีสามารถใช้นำทางได้
กล้องถ่ายภาพ[section label=”กล้องถ่ายภาพ” anchor=”camera”]
blackphone 2 กล้องถ่ายภาพอยู่ในระดับพอใช้
ครับ ไม่โดดเด่นมาก ใช้งานได้ดีในตอนกลางวันแสงเพี
ยงพอหวังผลได้ครับ โหมดการถ่ายภาพมีไม่มาก แต่มีโฟกัสตรวจจับใบฟน้
าและโหมดพาโนรามาให้ใช้งาน กับฟิลเตอร์ปรับสีต่างๆ ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังและกล้องหน้า
สรุปท้ายรีวิว[section label=”สรุปท้ายรีวิว” anchor=”synopsis”]
ข้อดีคือระบบที่เป็นมือถื อเฉพาะทาง เน้นการทำงานและการติดต่อสื่ อสารเป็นหลักแบบชัดเจน เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกั นหลายบุคคล เช่นใช้ในองค์กรหรือบริษัท สามารถกำหนดสิทธิให้ผู้ถือเครื่ องใช้ได้แค่ภายใต้ขอบเขตที่เจ้ าของเครื่องเป็นผู้กำหนดเท่านั้ น
ข้อเสียคือเครื่องมีราคาสู งมากเมื่อดูจากสเปคเครื่อง ไม่มีที่สแกนลายนิ้วมือซึ่งน่ าจะง่ายกว่าในการจำแนกบุ คคลโดยไม่ต้องจดจำรหัส