การมาของเครื่องเกม Nintendo Switch นอกจากจะมีเกมดังๆจากนินเทนโดแล้ว หลายค่ายเกมเริ่มกลับหันมาสนใจทำเกมให้ปู่นนินอีกครั้ง รวมทั้งค่ายในตำนานอย่าง Blizzard ที่หลังจากห่างหายไปนานก็กลับมาสร้าง Diablo III: Eternal Collection เวอร์ชั่นบน Nintendo Switch
โดยเกม Diablo III: Eternal Collection คือเวอร์ชั่นเดิมของเกมในตำนานที่ออกวางขายเมื่อปี 2012 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน พอร์ทมาพร้อมกับตัวเกมฉบับอัปเดตล่าสุดแล้ว แน่นอนว่ามองภายนอกหากคุณเคยเล่นมาก่อนอาจจะไม่คุ้มค่า และหลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่ามันจะพอร์ทมาดีแค่ไหน
กราฟิกจัดเต็มและเฟรมเรตลื่นไหล
สัมผัสแรกของเกม Diablo III: Eternal Collection บน Nintendo Switch ถือว่าทำได้น่าประทับใจมาก เพราะมันสามารถถ่ายทอดจากของเดิมลงเครื่องลูกผสมได้สมบูรณ์แบบ ทั้งกราฟิกที่เหมือนยกของเดิมมา และยังมาพร้อมกับเฟรมเรตที่ลื่นไหลมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเล่นบนทีวีต่อกับ Dock ที่ได้ระดับ 60 FPS ลื่นๆแม้จะมีร่วงบ้างเล็กน้อยหากมีศัตรูโผล่ในฉากจำนวนมาก
และแน่นอนว่าแม้ว่าจะย้ายมาลงเครื่องเกมที่ดูเล็กๆแต่ Diablo III: Eternal Collection ก็จัดเต็มยกมาทั้งคัทซีนแบบเต็มๆและพร้อมกับภาพความละเอียดสูง รวมทั้งยังมาพร้อมเสียงพากย์และระบบเสียงระดับดี ต่อให้เล่นในโหมดพกพาก็ยังสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของเกมได้
เกมเพลย์เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโหมดพกพา
รูปแบบการเล่นของ Diablo III: Eternal Collection ก็คือเวอร์ชั่นเดิมที่ออกมายาวนาน โดยนำเสนอรูปแบบเกมแอ็คชั่น RPG มุมมองด้านบนแบบปรับมุมกล้องไม่ได้ ที่เป็นรูปแบบยอดนิยมที่หลายเกมนำไปใช้จนทุกวันนี้ และแน่นอนว่าเวอร์ชั่นบนเครื่อง Nintendo Switch จะนำมาจากคอนโซลที่ปรับมาให้ใช้ปุ่มกดบนจอยในการเล่นทั้งหมด และมันก็ทำได้ดีเยี่ยมลื่นไหลไม่มีติดขัด ระบบเมนูและคำสั่งเข้าใจง่ายมาก ต่อให้ไม่เคยเล่นมาก่อนก็เข้าใจได้ในทันที
โลกของเกมแบ่งออกเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมถึงกันด้วยทางวาร์ป และเราต้องค่อยๆปลดล็อกและจะได้พบกับเรื่องราวที่เข้มข้น รวมทั้งฉากที่ทั้งกว้างใหญ่และซับซ้อน แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปไม่ถูกเพราะมีจุดบอกว่าต้องไปทำอะไรที่ไหนตลอดทำให้การเล่นลื่นไหล บวกกับการออกแบบฉากและเกมเพลย์ที่ลื่นอยู่แล้วยิ่งทำให้การเล่นสนุกขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเอาออกไปเล่นนอกบ้านได้ด้วย
ระบบตัวละครที่แบ่งประเภทเป็นอาชีพ ที่แต่ละตัวจะมีความแตกต่างและมีท่าไม้ตายที่เก่งกันคนละทาง ผู้เล่นสามารถเลือกใช้งานได้ตามใจชอบตั้งแต่เริ่มเกม ส่วนระบบพัฒนาตัวละครก็เรียบง่ายแบ่งออกเป็นเลเวล และมีสกิลให้ใช้ที่หลากหลายและปรับแต่งได้ตามธาตุที่ล้วนมีความจำเป็นต่อการเล่นสิ่งเสริมบน Switch คือตัวละคร Ganondorf จากเกม เซลด้า มาให้ใช้กันด้วย แต่ก็ต้องหาวิธีปลดล็อกออกมา
ระบบเล่นกับเพื่อนก็ลื่นไหล
ส่วนโหมดเล่นเพื่อนแบบออนไลน์ก็เป็นส่วนที่น่าประทับใจเพราะมันยังคงมีความลื่นไหลอยู่ในระดับดีมาก แถมในตอนนี้มีคนเล่นเยอะมากหาคนเล่นด้วยง่าย แต่การออนไลน์ต้องเป็นสมาชิก Nintendo Online ส่วนการเล่นแบบออฟไลน์ก็ยิ่งลื่นไหล โดยเฉพาะการนำไปเล่นกับเพื่อนได้นอกบ้านถือว่าเป็นไฮไลท์ของเวอร์ชั่น Nintendo Switch อย่างมาก แม้ว่าโดยรวมแล้วหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเกมอาจจะมองว่ามันอาจจะสู้ภาค 2 ไม่ได้แต่โดยรวมสำหรับมือใหม่มันคือภาคที่สนุกและเข้าใจง่าย