เปิดตัวกันไปแล้วนะคะสำหรับ Fitbit Charge4 ฟิตเนสแทรคเกอร์ที่เปิดตัวมา 2 รุ่น เป็นรุ่น Charge4 ปกติเป็นสายยางซิลิโคนราคา 6,490 บาท และ Charge 4 Special Edition ที่เป็นสายผ้าราคา 6,990 บาท และตอนนี้ Appdisqus ได้ตัว Fitbit Charge4 มารีวิวเช่นเดียวกันค่ะ ตัวที่เราเอามารีวิวเป็นสี Rosewood ออกแดงอมม่วง ที่สายจะเป็นยางซิลิโคนเหมาะกับคนชอบออกกำลังกายมากๆ ค่ะ โดยเจ้า Fitbit Charge4 มีการเพิ่ม GPS เข้าไป สำหรับสายกิจกรรมที่อยากเก็บสถิติ และยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ อื่นๆ อีก มีอะไรกันบ้างไปดูกันค่ะ
ภายในกล่องประกอบด้วย
- ตัว Fitbit Charge4
- สายสำรองแถมมาให้อีกขนาดไว้ให้เปลี่ยนตามขนาดข้อมือค่ะ วิธีเปลี่ยนสายก็ง่ายค่ะ ใช้ปลายนิ้วจิกไปที่สลักข้อต่อแค่นี้ก็ทำการเปลี่ยนสายได้แล้วค่ะ
- ตัวหัวชาร์จแบบหนีบแบบเฉพาะของ Fitbit
- คู่มือการใช้งาน
การตั้งค่าการใช้งาน Fitbit Charge4 เริ่มจากการดาว์นโหลดแอพพลิเคชั่น fitbit ซึ่งมีดาว์นโหลดได้ทั้งของแอนดรอยด์และ iOS การเชื่อมต่อไม่ยุ่งยาก หลังจากเชื่อมต่อก็พร้อมใช้งานได้ทันที หน้าจอทัชกรีนแบบป้องกันรอย หน้าจอคมชัดแม้จะอยู่กลางแดด ปรับแสงหน้าจอได้ 3 ระดับ แบบ Nomal , Dim และ Auto ค่ะ
ขนาดหน้าจอใหญ่พอสมควรค่ะ ดีไซน์เรียบหรูสายยางซิลิโคนเป็นลายตารางยืดหยุ่นดีค่ะ เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายกันน้ำกันเหงื่อใส่อาบน้ำได้เลย
ด้านหลังจะเป็นตัวเซ็นเซอร์วัดระดับการเต้นของหัวใจ และขั้วแบตเตอรี่สำหรับชาร์จ ด้านข้างจอของตัว fitbit จะมีปุ่มเพียงปุ่มเดียวมีไว้สำหรับกดเพื่อย้อนกลับ ส่วนการเลือกเมนูรวมถึงฟังก์ชั่นต่างๆ กดสัมผัสได้จากหน้าจอค่ะ การปัดขึ้นก็จะแสดงผลการใช้งานต่างๆ ของวัน เช่นจำนวนก้าวการเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ การเบิร์น ระยะเวลาในการนอน ฯลฯ
ปัดหน้าจอลงจะเป็นข้อความค่ะแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนของเรา ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนสายเข้า หรือข้อความ อีเมล์ แต่ตรงนี้ยังไม่รองรับภาษาไทยก็จะเห็นเป็นภาษาต่างดาวแบบนี้ค่ะ
การปัดขวาไปซ้าย ก็จะมีในส่วนของการออกกำลังกาย (Exercise) ที่สามารถระบุกิจกรรมได้ โดยการกดเข้าไปแล้วสไลด์ข้างเลือกวิธีการออกกำลังกายของเราได้ อย่างเช่นการวิ่ง การเดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ การเดินแบบเวิร์คเอาท์ รวมถึงการออกกำลังกายผ่านอุปกรณ์ออกกำลังกาย
Active Zone Minutes: ฟิตบิทตัวแรกที่มีฟังค์ชันนี้ Active Zone Minutes จะช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านระบบ PurePulse® 24/7 ของฟิตบิท พร้อมกับระบบเตือนแบบ real-time ขณะออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินว่าควรเพิ่มหรือลดความหนักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ Active Zone Minutes ถูกพัฒนาขึ้นตามคำแนะนำด้านสุ
นอกจากการออกกำลังกายที่พูดในช่วงต้นแล้ว ยังมี Built-in GPS: ช่วยแทร็กระยะทางทำกิจกรรมกลางแจ้ง และความเร็วของการเดินแบบ real-timeได้โดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ออกไป สามารถตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายได้มากกว่า 20 โหมด สามารถซิงค์อุปกรณ์เข้ากับแอปพลิเคชันฟิตบิท เพื่อวัดค่าการใช้งานในระบบ GPS-powered heat map สำหรับตรวจสอบความหนักเบาของการออกกำลังกาย ได้ด้วย
หน้าเมนูจะมีสัญลักษณ์ของแอพพลิเคชั่น Spotify สามารถเชื่อมต่อกับแอพฯ ฟังเพลง Spotify ในสมาร์ทโฟน เรียกใช้งานได้จาก Fitbit ผู้ใช้สามารถฟังเพลย์ลิสต์
Smart Wake และ Sleep Score ที่ช่วยดูแลการนอน และมีคะแนนการนอนด้วยเอาไว้อวดกันได้ด้วยว่าใครนอนเก่งกว่ากัน (555 ชอบๆ) ไม่ใช่แค่ระยะเวลาการนอนเท่านั้น ยังดูได้ด้วยว่าในคืนที่ผ่านมานั้นเรานอนหลับลึกแค่ไหน ตื่นบ่อยแค่ไหน โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าสำหรับตรวจสอบได้ผ่าน Charge 4 ที่ข้อมือ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเซนเซอร์ SpO2 ให้ผู้ใช้ได้อ่านกราฟระดับออกซิเจนในเลือดจากแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อประเมินความเข้มข้นของค่าออกซิเจนในเลือด ซึ่งจะช่วยในการประเมินผลการหายใจในช่วงนอนหลับ
และตอนนี้ในแอพ Fitbit มี tab COVID-19 เพื่อให้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ผ่านแอพได้ด้วย และที่สำคัญภาษาอังกฤษล้วนๆ เลยแม่
หลังจากใช้งานมาเกือบสัปดาห์เรียกว่ากินอยู่หลับนอน ไม่เว้นแม่แต่การอาบน้ำก็ใส่อยู่ตลอด แบตฯ อึดมากๆ เข้าสู่วันที่ 7 แบตฯ ยังเหลืออยู่ 14% ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยค่ะ ต้องบอกว่าในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา Work from Home เลยไม่ได้ค่อยออกไปไหน และมีออกกำลังกายแบบจริงจังอยู่แค่วันเดียว นอกนั้นก็ได้แค่แกว่งๆ แขน เดินไปเดินมาในบ้านตัวเลขเลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ครั้งแรกที่ใส่ก็รู้สึกรำคาญเพราะไม่ชินกับการใส่ fitness tracker ตลอดเวลา แต่เพื่อการรีวิวอ่ะเนอะ (ใส่สำเนียงปาล์มมี่) ใส่อาบน้ำสระผมฟอกสบู่ได้เลย ตัวนี้ใส่ว่ายน้ำได้การใส่อาบน้ำก็ไม่เป็นปัญหา ตอนนี้เริ่มชินกับการใส่จนไม่รู้สึกว่าการมี fitbit charge4 ใส่ติดข้อมือตลอดเวลาจะเป็นปัญหาอีกต่อไป
Fitbit Charge4 เหมาะกับใคร
ไม่ใช่ฟิตเนสแทรคเกอร์จะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเท่านั้น คงต้องบอกว่าเหมาะกับทุกคนมากกว่าค่ะ ก็เพราะมันเปรียบเสมือนเครื่องที่ช่วยเตือนอะไรหลายๆ อย่าง นอกเหนือจากการดูแค่เวลาบนหน้าจอ เราจะเห็นจำนวนก้าวที่เดินในแต่ละวัน การเต้นของหัวใจ การนอน สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเตือนให้เราใส่ใจสุขภาพมากขึ้นแบบไม่รู้ตัว เชื่อเถอะว่าแค่คุณใส่ฟิตเนสแทรคเกอร์ก็รู้สึกถึงพลังแห่งการอยากฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา นี่พูดในนามของคนที่ไม่ได้พิศวาสการออกกำลังกายเท่าไหร่นัก แต่บอกไว้เลยว่ามันช่วยกระตุ้นให้เราใส่ใจตัวเองได้มากจริงๆ ค่ะ
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับคนรักสุขภาพ ฟิตบิทได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ลงใน Fitbit Premium อาทิ โปรแกรมออกกำลังกายจากแบรนด์ดังอย่าง barre3, Down Dog, และ Physique 57 และเครื่องมือที่ช่วยให้ทุกคนฝึกฝนจิตใจ ตั้งเป้าหมาย และอีกมากมาย พร้อมกันนี้ฟิตบิทยังมีเนื้อหาด้านสุขภาพ ให้ใช้ฟรีกว่า 40 ชิ้น พร้อมเปิดให้ทดลองใช้ Fitbit Premium โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 90 วัน ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดอุปกรณ์ใหม่ ซอฟต์แวร์และข้อมูลต่างๆ ฟิตบิทพร้อมที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพให้กับผู้ใช้อย่างครบวงจร
ฟิตบิทเปิดให้ Pre-order สินค้า Charge 4 และ Charge 4 Special Edition ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านทางเว็บไซต์ Fitbit.com โดยเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ บนร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่าย อาทิ B2S, Dotlife, Jaymart, King Power, Lazada, Power Buy, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และเริ่มจำหน่ายในร้านค้าทั่วไปตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป Charge 4 มาในสีดำ สี Rosewood และสี Storm Blue/black โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 6,490 บาท และ Charge 4 Special Edition ซึ่งมาพร้อมกับสายข้อมือสีดำแกรนิต และสายสีดำแบบธรรมดา ในราคา 6,990 บาท