Harvestella ปลูกผักทำฟาร์มในโลกแฟนตาซี
Harvestella เป็นเกมที่ดีแต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะบางคนอาจจะชอบ JRPG แต่ไม่ได้ชอบแนวทำฟาร์ม หรือบางคนอาจชอบทำฟาร์มแต่ไม่ได้ชอบ JRPG ฉนั้นการที่นำเกมสองแนวนี้มารวมกันจึงทำให้ Harvestella เป็นเกมเฉพาะกลุ่มสุด ๆ ถึงเกมเพลย์บางส่วนหรือการใช้ดนตรีประกอบเข้าขั้นแย่ เกมก็ทดแทนมาด้วยเรืองราวที่น่าติดตามนั่นเอง ใครที่อยากหาเกมมาเล่นฆ่าเวลาสักเกม Harvestella ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ผู้เขียนแนะนำให้รอซื้อมาเล่นช่วงที่เกมลดราคาดีกว่า
The Good
- เรื่องราวในโลก Harvestella น่าติดตามชวนให้อยากเล่นต่อจนจบ
- ระบบบริหารจัดการและการทำฟาร์มใส่เข้ามาได้อย่างลงตัว
The Bad
- ดนตรีประกอบทำออกมาได้ดี แต่ใช้ผิดจังหวะจนทำให้ผู้เล่นไม่มีอารมณ์ร่วม
- ระบบการต่อสู้น่าเบื่อและขาดความท้าทาย
- ระบบสร้างตัวละครขาดความหลากหลาย และตัวละครไม่มีเสียงพากย์
-
เนื้อเรื่อง
-
เกมเพลย์และการควบคุม
-
ภาพและกราฟิก
-
เพลงและดนตรีประกอบ
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
ใครจะไปคิดล่ะว่า Square Enix ที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง Final Fantasy อยากจะทำเกมแนว RPG ที่ผสมผสานกับเกมปลูกผักทำฟาร์มได้ล่ะ แต่หลังจากที่เราได้ลองเล่น Harvestella ผลงานล่าสุดจากทีม Live Wire ก็ต้องบอกเลยว่าทีมงานสามารถนำเกมการเล่นแบบ Final Fantasy และ Rune Factory เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว แต่อย่างไรก็ตาม Harvestella เป็นเกมที่เราสามารถเล่นได้เพลิน ๆ แต่อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน
เรื่องราวใน Harvestella ผู้เล่นจะตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่งที่มีคริสตัลขนาดยักษ์เรียกว่า Seaslight คอยค้ำจุนฤดูกาลทั้ง 4 อยู่ทั้งฤดใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งวัฐจักรนี้จะหยุดชะงักลงเมื่อ Quietus ฤดูแห่งความตายมาเยือนดินแดนนี้จนทำให้พืชผลที่ชาวเมืองปลูกเหี่ยวแห้งตายทั้งหมด ชาวบ้านก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เลยเนื่องจากละอองแห่งความตายลอยอยู่ในอากาศ และในแต่ละปี Quietus ก็ยิ่งนานขึ้นเรื่อย ๆ คุณจะต้องหาพันธิมิตรและออกเดินทางเพื่อหาความจริงและหยุดยั้งภัยพิบัตรครั้งนี้ให้ได้
ต้องบอกไว้เลยว่าเรื่องราวในโลก Harvestella มีเซตติ้งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ทั้งน่าติดตาม น่าค้นหา ตลอดการเดินของตัวละครเอกเกมจะพาคุณไปยังสถานที่และพบกับตัวละครใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ว่าการเล่าของเกมนั้นช้าไปหน่อยในหลายจังหวะ และบางอย่างไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้ ตรงจุดนี้ก็อาจทำให้เกมน่าเบื่อไปบ้าง แต่ก็ยังมีจุดที่ดีอยู่ตรงที่การเล่าเรื่องช้าแบบนี้จะทำให้คุณรู้จักตัวละครอื่น ๆ ในเกมมากขึ้นทั้งนิสัยใจคอ หรือ เป้าหมายของตัวละครนั้น
แต่จุดที่ผู้เขียนไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไรในเกมนี้ก็คือตัวละครทุกตัวในเกมไม่มีเสียงพากย์ ถึงแม้ในตอนที่สร้างตัวละครผู้เล่นสามารถเลือกเสียงตัวละครเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงได้ก็ตาม การพูดคุยของตัวละครทั้งหมดในเกมจะมีกล่องข้อความ (Text box) ตลอดการเล่นตามสไตล์เกมแนว JRPG เลยเป็นจุดไม่ชอบสักเท่าไรที่เกมราคาระดับนี้แต่ดันไม่มีเสียงพากย์ตัวละครซะงั้น
อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่า Harvestella มีเกมการเล่นที่ผสมผสานระบบการต่อ Action RPG เข้าไว้กับเกมปลูกผัก เลยจะขอเริ่มในส่วนของระบบการต่อสู้ในเกมนี้ก่อน Harvestella มีคลาสต่าง ๆ ให้เลือกเล่นมากมายไม่ว่าจะเป็น Fighter, Mage, Avenger หรือ Shadow Walker ซึ่งสามารถเปลี่ยนคลาสไปมาได้ในระหว่างการเล่น แต่ละคลาสก็มีความจำเป็นที่ต่างกันไป เช่นมอนสเตอร์บางชนิดจะไม่ได้รับความเสียจากการโจมทางกายภาพ แต่ใช้เวทย์มนตร์สร้างความเสียหายได้ คุณก็สามารถเปลี่ยนคลาสได้ในตอนที่สู้เลย รวมถึงแต่ละสายก็มีสกิลมากมายให้อัปเกรดด้วยค่าประสบการณ์ที่ได้จากการต่อสู้
หลัก ๆ แล้วสิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้เขียนก็คือการปลูกผักทำฟาร์มและการใช้ชีวิตในโลกของ Harvestella ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่า อย่างแรกเลยคือ ระบบวันเวลา และฤดูกาล สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดำเนินเรื่องแล้วยังมีผลกับการปลูกพืชแต่ละชนิด ฉนั้นจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ให้ดี จากนั้นผู้เล่นก็ต้องนำพืชผักเหล่านี้ไปขายเพื่อนำเงินที่ได้มาอัปเกรดฟาร์ม, อาวุธ หรือซื้อเมล็ดพันธ์ุ ที่ร้านค้าในเมือง รวมถึงมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำมากมายทั้ง ทำอาหาร, ตกปลา หรือแม้กระทั่งหาของมาคราฟต์ไอเทมต่าง ๆ เพื่อให้การลงดันเจี้ยนในแต่ละครั้งสบายมากยิ่งขึ้น
ดนตรีประกอบของเกมสำหรับผู้เขียนถือว่าโอเคกับเกมแนวนี้ แต่ที่เข้าขั้นแย่มาก ๆ ก็คือจังหวะการใช้ไม่ค่อยลงตัว รู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ ไปหน่อย แทนที่จะช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกอินไปกับโลก Harvestella ดันสร้างความน่ารำคาญเสียมากกว่า อีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คืองานออกแบบฉากและแผนที่โดยรวมของเกมทำออกมาได้ดีเลย มีความหลากหลายน่าค้นหา รวมถึงการออกแบบตัวละครก็น่ารักและสวยถูกใจผู้เขียนมาก ๆ เรียกได้ทีมงานทำการบ้านจุดนี้มาดีพอสมควร
โดยรวมแล้วระบบการต่อสู้ของ Harvestella น่าเบื่อไม่มีความท้าทายสักเท่าไร และขาดความหลากหลายไปมากพอสมควร รวมถึงในฐานะที่เป็นเกมแนว RPG แต่ระบบสร้างตัวละครตื้นเขินสุด ๆ คุณสามารถปรับแต่งตัวละครได้แค่ เพศ, สีผิว, สีผมและเสียงพูดของตัวละคร ทั้งที่จริง ๆ แล้วเกมระดับนี้ควรจะใส่ความหลากหลายให้มากกว่านี้ สิ่งที่ทำให้เกมยังมีความสนุกอยู่ก็คือการทำฟาร์มเนี่ยแหละ ที่ทีมงานก็พยายามใส่ความหลากหลายเข้ามาทำให้เกมเพลย์ไม่น่าเบื่อจนเกินไป
ในด้าน Performance ของ Harvestella บน Nintendo Switch นั้นทำออกได้น่าประทับใจถึงแม้เฟรมเรตของเกมจะไม่ถึง 30 FPS อาจจะมีตกบ้าง แต่รายละเอียดและความสวยงามของฉากกับเอฟเฟคของเกมยังคงอยู่ครบถ้วน เมื่อเทียบกับเกมเวอร์ชั่นอื่น ๆ แต่ดความละเอียดและความคมของภาพลงมาหน่อยเพื่อให้เกมยังพอเล่นได้บนเครื่อง Nintendo Switch ถ้าหากคุณเป็นคนที่ซีเรียสกับความลื่นไหลและกราฟิกของเกม เราขอแนะนำคุณให้ซื้อเกมบนเวอร์ชั่น PC มาเล่นดีกว่า
Harvestella เป็นเกมที่ดีแต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะบางคนอาจจะชอบ JRPG แต่ไม่ได้ชอบแนวทำฟาร์ม หรือบางคนอาจชอบทำฟาร์มแต่ไม่ได้ชอบ JRPG ฉนั้นการที่นำเกมสองแนวนี้มารวมกันจึงทำให้ Harvestella เป็นเกมเฉพาะกลุ่มสุด ๆ ถึงเกมเพลย์บางส่วนหรือการใช้ดนตรีประกอบเข้าขั้นแย่ เกมก็ทดแทนมาด้วยเรืองราวที่น่าติดตามนั่นเอง ใครที่อยากหาเกมมาเล่นฆ่าเวลาสักเกม Harvestella ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ผู้เขียนแนะนำให้รอซื้อมาเล่นช่วงที่เกมลดราคาดีกว่า สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณทาง Square Enix ที่ส่งโค้ด Harvestella มาให้เราได้ลองเล่นกัน