มาจ้า..หูฟัง In ear ไร้สาย TWS ที่เป็นตัวท็อปสุดของซีรีส์ Huawei FreeBuds Pro ที่เค้าบอกกันว่าตัวนี้มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) Active Noise Cancellation ขั้นเทพ พลังเสียงเป็นเลิศ และใช้ได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง โดยตัวหูฟังทำมา 3 สี คือ Carbon Black, Ceramic White และ Silver Frost ซึ่งตัวที่เราได้มารีวิวจะเป็นตัวหูฟังสีขาว Ceramic White จะจริงอย่างที่ใครพูดกันว่าคุณภาพระดับโปรหรือไม่ ทีม Appdisqus จะมารีวิวเจ้าหูฟังไร้สายตัวนี้กัน
แกะกล่อง
มาดูภายในกล่องของตัวหูฟัง Huawei FreeBuds Pro มาในกล่องสีขาวและโลโก้สีทอง มีอะไรมาให้ในกล้องบ้าง!
- ตัวเคสใส่หูฟัง
- ตัวหูฟัง Huawei FreeBuds Pro
- จุกซิลิโคนอีก 2 ไซส์
- สายชาร์จ USB Type C
- Warranty card
- คู่มือการใช้งาน
ดีไซน์
มาดูกันที่ดีไซน์ของเจ้าตัว FreeBuds Pro กันค่ะ มาในตลับเคสทรงเหลี่ยมมุมโค้งมนขนาดกระทัดรัดกำลังดี น้ำหนักเบาอยู่ที่ 60 กรัม สีขาว Ceramic White มีความมันวาวแบบเซรามิกให้ความรู้สึกที่เรียบหรู
ด้านหลังตัวเคส ตรงกลางจะเป็นบานพับสีเงินแบบกระจกเงาพร้อมสกรีนโลโก้ของหัวเว่ย สวยดีนะคะ แต่ก็เปื้อนรอยนิ้วมือง่ายเหมือนกัน
ตัวฝาพับที่แน่นและแข็งแรงดูไม่ก๊องแก๊ง เปิดฝาจะมีตัวหูฟังและไฟ LED บอกสถานะ
- ไฟสีเขียวบอกสถานะ แบตเตอรี่เต็มพร้อมใช้งาน
- ไฟสีเหลือง คือแบตเตอรี่ใกล้หมด ควรชาร์จได้แล้วจ้า
- ไฟสีแดง คือแบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 20%
- ไฟขาวกระพริบอยู่ในสถานะกำลังอยู่ในโหมดแพร์ริ่งกับอุปกรณ์อื่น
ด้านข้างสังเกตุดีๆ จะมีปุ่มวงกลมไว้สำหรับแพร์อุปกรณ์ที่เราต้องการจะเชื่อมต่อ แต่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนหัวเว่ย เพียงเปิดผาก็ทำการเชื่อมต่อได้ทันที
ด้านล่างของตัวเคสจะเป็นไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ และพอร์ตชาร์จ USB Type C
ตัวหูฟังเป็นหูฟังแบบมีก้านที่ดีไซน์ให้สั้นลง สวย ดูแพงเลยทีเดียว
การใช้งาน HUAWEI FreeBuds Pro
หูฟังไร้สาย FreeBuds Pro มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนรอบข้าง Active Noise Cancellation แบบไดนามิกอัจฉริยะ ที่ผสานพลังไมโครโฟน 3 ตัว ดักจับเสียงจากภายนอก และเซ็นเซอร์จับการสั่นสะเทือนของกระดูกหู (Bone Sensor) เพื่อปรับระดับเสียงผู้ใช้ โดยไมโครโฟนจะดูดเสียงผู้ใช้ เพื่อให้เสียงที่ส่งไปชัดเจน รวมถึงตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติ ให้ปลายเสียงได้ยินชัดทุกบทสนทนา โดยสามารถตัดเสียงรบกวนได้สูงสุดถึง 40 เดซิเบล
เห็นทรงหัวอ้วนๆ แบบนี้แต่ก็ใส่ได้นานไม่รู้สึกเจ็บหูเลยค่ะ แน่นกระชับไม่หลุดง่าย
ใช้โหมด Active Noise Cancellation โดยการ “บีบ” ที่ก้านหูฟัง ตัวนี้ตัดเสียงรบกวนได้เงียบเลยทีเดียว เทคโนโลยี Hybrid Active Noise Cancelling ไมโครโฟนที่หันเข้าด้านในและหันหน้าออกไปด้านนอกจะตรวจจับเสียงรบกวนที่ตกค้างจากภายนอกและในหูจากนั้นไดรเวอร์ไดนามิกจะสร้างสัญญาณป้องกันเสียงรบกวนที่แม่นยำ ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังรบกวน เช่น บนเครื่องบิน บนเรือ หรือระหว่างโดยสารรถไฟฟ้า
ลองทดสอบใส่หูฟังในร้านกาแฟที่เป็นอาคารติดกับถนนใหญ่ ใส่หูฟังกับตอนถอดบรรยากาศคนละเรื่องเลยค่ะ เสียงแอร์ เสียงรถวิ่งนอกอาคารคือไม่ได้ยินเลย แต่เสียงคนคุยกันรอบๆ และเสียงเพลงที่เปิดคลอในร้านยังพอได้ยินแบบแผ่วบาง ทำให้การฟังเพลงเป็นส่วนตัวและชัดเจนมากขึ้น
Awareness Mode หรือ “โหมดการรับรู้” เพื่อให้ได้ยินเสียงสนทนาจากผู้คนรอบข้างเพียง “บีบ” หูฟังข้างใดข้างหนึ่ง โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกให้เสียเวลา เหมาะเวลาใช้งานบนรถไฟฟ้า หรือในสนามบินจะได้ยินเสียงประกาศต่างๆ
อุปกรณ์ (dual-devices connection) เป็นไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้ ใช้งานง่ายเพียงสัมผัสที่ตัวหู
- บีบ 1 ครั้ง เล่น-หยุดเพลง หรือ รับ-วางสาย
- บีบ 2 ครั้ง เล่นเพลงถัดไป / ปฏิเสธสาย
- บีบ 3 ครั้ง กลับไปจุดเริ่มต้น หรือ เล่นเพลงก่อนหน้า
- บีบค้างไว้ Noise Cancelling / Awareness / Off
- สไลด์ ขึ้น เพิ่มเสียง 1 ระดับ
- สไลด์ ลง ลดเสียง 1 ระดับ
นอกจากนี้ยกระดับความเสถียรด้วย Dual Bluetooth Antennas พร้อมเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังเป็นหูฟัง TWS ตัวแรกของโลกที่ใช้เสารับสัญญาณคู่ (Dual Bluetooth Antennas) ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อระหว่างดีไวซ์เสถียรขึ้น รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับดีไวซ์ 2 เครื่องได้พร้อมๆ กัน ใช้งานสลับไปมาไม่มีสะดุด
ทดสอบฟังเพลง HUAWEI FreeBuds Pro
หูฟังใช้ไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11 มม. ลองทดสอบการฟังเพลงผ่านแอพฟังเพลงสตรีมมิ่งในแนวเพลงต่างๆ มาดูว่าจะเหมาะกับคนชอบฟังเพลงแนวไหนกัน นำออกจากเคสชาร์จเสียบเข้าหูแล้วเปิดเพลงฟัง ครั้งแรกคือเสียงโอเคมากไม่ต้องผ่านการเบิร์นใดๆ ทั้งสิ้น เสียงอยู่ในระดับกำลังน่าฟัง ไม่แหลมไป เบสแน่น เสียงร้องชัดใสนุ่ม ชวนให้นึกถึงเพลงที่มีเสียงอะคูสติกกีตาร์เพราะๆ ของ BABAYFACE เพลงนี้ขึ้นมา แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ
ลองมาฟังในแนวซินท์ป๊อบที่ใช้เสียงสังเคราะห์เยอะหน่อย เสียงดนตรีชิ้นเล็กชิ้นน้อย กุ๊กกิ้ง ป๊อกแป๊ก เรียกว่าเก็บหมด เสียงเบสที่แน่นชวนให้รู้สึกสนุกกับเพลงไปด้วย ใครที่ชอบฟังเพลงจังหวะสนุกๆ น่าจะชอบ
ในส่วนของการดูหนังผ่านแอพ Netflix และชมคลิปผ่านทาง Youtube เสียงค่อนข้างตรงปาก จะมีบางคลิปที่ความละเอียดสูงหน่อยจะรู้สึกดีเลย์ไปนิด แต่ถ้าไม่จับสังเกตุมากก็แทบจะไม่รู้สึกค่ะ ดูได้แบบไม่ขัดสายตา
และด้วยชิปเซ็ต Kirin A1 ซึ่งใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ ทำให้สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสูงสุด 7 ชั่วโมงเมื่อปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และใช้ได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสสำหรับชาร์จ รองรับการชาร์จไร้สายทั้งจากตัวเครื่องชาร์จหรือจากอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชัน Reverse Charing
สรุปความน่าใช้ หูฟังไร้สาย TWS ตัวท็อปสุดของซีรีส์ มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนรอบข้าง Active Noise Cancellation นับว่าเป็นอีกหนึ่งของหูฟัง TWS ที่เสียงดีและน่าใช้มากค่ะ วัสดุประกอบดี ดีไซน์สวย ระบบตัดเสียงรบกวนตัดได้เงียบดีเยี่ยม ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสูงสุด 7 ชั่วโมง เมื่อปิดโหมดการตัดเสียงรบกวนและใช้ต่อเนื่องยาวนานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีให้เลือกถึง 3 สี จะเรียบเท่คลาสสิกด้วยสีพื้นฐานอย่าง Carbon Black และ Ceramic White หรือต้องการดูล้ำทันสมัยก็มีสีเงินเมทัลลิก Silver Frost
เปิดราคามาที่ 5,499 บาท วางจำหน่ายเป็นทางการวันที่ 6 พฤศจิกายน นี้