ในช่วงที่ตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ซบเซา ขาดอุปกรณ์ดีๆ ป้อนเข้ามาในตลาดสักพักใหญ่ Huawei ก็ได้ส่ง MediaPad M3 เข้ามาปลุกชีวิตชีวาให้กับพวกเราอีกครั้ง ด้วยอุปกรณ์แท็บเล็ตที่พัฒนาร่วมกันกับบริษัทขึ้นชื่อเรื่องระบบเสียงชั้นนำของโลกอย่าง harman/kardon ชูจุดเด่นในเรื่องของระบบภาพและเสียงรวมถึงชุดประมวลผล ออกมาเป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงอย่างเต็มตัวในราคาที่ต้องบอกว่าน่าสนใจครับ
Huawei MediaPad M3 ประกาศราคาไทยอย่างเป็นทางการแค่เพียง 12,900 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมากแล้ว แต่ Huawei กลับทำโปรโมชั่นเซอร์ไพร์สคนไทยได้อย่างน่าประทับใจจนแทบจะกลายเป็นเรื่องเป็นราวกันในงาน Mobile Expo เมื่อครั้งที่ผ่านมา ด้วยของแถมสำหรับ 100 คนแรกที่ซื้อ Huawei MediaPad M3 จะได้รับลำโพงของ harman/kardon มูลค่าเจ็ดพันกว่าบาทกลับบ้านไปด้วย แน่นอนครับ คิวร้อยคนเต็มตั้งแต่ยังไม่เริ่มขาย ผู้ที่ไม่ได้ก็ย่อมต้องอารมณ์เสียเป็นธรรมดา แต่ทว่าในงานวันนั้นทั้งวัน ผมก็เห็นคนหิ้ว MediaPad M3 กลับบ้านกันมากมายครับ ขายดีกันตั้งแต่วันเปิดจำหน่าย
Huawei MediaPad M3 เป็นเครื่องที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานจากงาน IFA 2016 ที่เบอร์ลิน แล้วก็นำเข้าไทยมาขายเลยทันที หลังจากที่ผมได้ลองสัมผัสมันไปแล้วจากในงานเปิดตัวเมื่อเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะได้เครื่องมาลองทดสอบใช้จริง รู้สึกประทับใจในเรื่องของระบบเสียงของมันมากครับ เพราะไม่ใช่แค่ว่าจะตีตรา harman/kardon มาให้ดูโก้เฉยๆ แต่ลำโพงคู่ของมันให้ความกว้างของเสียงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ต่างจากลำโพงของแท็บเล็ตโดยทั่วไปมาก
แต่ไม่ใช่ในแนวเรื่องความแน่นของเนื้อเสียงนะครับ เรื่องเบสเรื่องความหนักของเสียงนั้นผมว่ายังไม่โดดเด่นเท่าความใส ดังกังวานและมีมิติ สิ่งที่ทำให้ MediaPad M3 มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์แบบนั่นนั้นเพราะตัวลำโพง, ชิพเสียงภายใน และระบบ SWS 3.0 ที่ Huawei พัฒนามาใหม่ทำงานร่วมกันได้ดี ทำให้ลำโพงเล็กๆ บางๆ สองข้างของ Huawei MediaPad M3 ให้เสียงที่กว้าง กังวานและใส ได้มากกว่าลำโพงแท็บเล็ตปกติโดยทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดครับ
การวางตำแหน่งของลำโพงถือว่าทำได้ดีด้วย ลำโพงสเตอริโอสองข้างเน้นการใช้งานในแนวนอน อยู่เยื้องด้านบนเล็กน้อยเมื่อถือใช้งานในแนวนอนแล้วมือจะไม่ไปบังตัวลำโพง
หน้าจอไวด์สกรีน 16:10 โดยส่วนตัวผมไม่ชอบแท็บเล็ตจอยาวๆ แบบนี้ ถือใช้งานลำบากกว่าอัตราส่วน 4:3 ทั้งแนวตั้งแนวนอน แต่ก็มีข้อดีคือเอาไว้รับชมภาพยนตร์หรือเกมที่เป็นภาพแบบไวด์สกรีนได้เต็มตา
ขอบข้างซ้ายขวามีพื้นที่น้อยทำให้เครื่องดูเล็กดีครับ แต่ก็ถือใช้งานแล้วเมื่อยเหมือนกัน จับด้านข้างไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่
ตัวเครื่องมีน้ำหนักไม่หนักมากครับ แต่ก็เป็นโลหะทั้งตัว รองรับการใส่ซิมการ์ดเพื่อใช้งาน 4G ได้ทุกค่ายในไทย และมันเป็นแท็บเล็ตที่สามารถโทรออกรับสายได้เหมือนโทรศัพท์ (แต่ไม่สามารถสนทนาแบบยกแนบหูได้เพราะเสียงปลายสายจะออกจากลำโพงเครื่อง) รวมถึงมีช่องสำหรับใส่ Micro SD card ให้ด้วย อยู่บริเวณด้านล่างตัวเครื่องครับ ใช้เข็มจิ้มซิมเพื่อเปิดถาดออกมา
ปุ่มโฮมสำหรับการสแกนลายนิ้วมือใต้จอภาพเป็นแบบทัชไม่ต้องกด แต่มากประโยชน์เพราะว่ามันสามารถทดแทนปุ่มมาตรฐานของ Android ได้ทั้งสามปุ่มเลยครับ
โดยตัวมันเองจะทำหน้าที่เป็นปุ่มสแกนลายนิ้วมือสำหรับการเข้าใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องปลุกเครื่องก่อน สแกนได้ไวมากครับแทบจะทันทีที่แตะ แต่เมื่อเข้าสู่หน้าการใช้งานแล้วตัวมันจะรองรับการทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมได้ด้วยเมื่อเราทัชค้างไว้ และทำหน้าที่เป็นปุ่มย้อนกลับได้เมื่อเราแตะ และสุดท้ายคือทำหน้าที่เป็นปุ่ม Recent App หรือเรียกดูรายการแอพที่ใช้งานย้อนหลังได้โดยการสไลด์นิ้วไปทางซ้ายหรือขวาครับ
ออกแบบมาได้ดีจนผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีสามปุ่มดังกล่าวที่อยู่บนหน้าจอแสดงผล เพราะรู้สึกว่ามันใช้งานซ้ำซ้อนกัน
กล้องหน้าความละเอียด 8ล้านพิกเซล กล้องหลังก็ 8ล้านพิกเซล เซลฟี่สนุก แต่ทั้งคู่ไม่มีแฟลชให้นะครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีสายดาต้า USB และตัวชาร์จไฟ พร้อมแผ่นฟิล์มกันรอยมาให้ 1 ชุดนะครับ ไม่มีชุดหูฟัง กล่องดูดีและหรูทีเดียว
[section label=”ประสิทธิภาพการทำงาน” anchor=”performance”]ประสิทธิภาพการทำงาน
เป็นเครื่องระดับสูงครับ ประสิทธิภาพจากหน่วยประมวลผล Kirin 950 2.3GHz แปดหัว และแรมขนาด 4GB ชุดนี่เทียบเท่าสเปคเรือธงระดับเครื่องสองหมื่นขึ้นไปเลยทีเดียวครับ การเข้าใช้งานสลับแอปเปิดปิดได้รวดเร็ว แต่ตัวเครื่องไม่ค่อยมีฟังชั่นอะไรมาให้มากครับ มีธีมให้เปลี่ยนใช้ มีหน้าจอล็อกแบบแมกกาซีนที่จะสลับภาพให้เราได้เองอัตโนมัติเรื่อยๆ เมื่อมีการเปิดปิดหน้าจอ มีการปรับแต่งเพียงเล็กน้อยไม่มาก ใช้งานไม่ยากครับ หน้าโฮมใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
มีโหมดถนอมสายตาลดแสงสีฟ้ามาให้ใช้ด้วยนะ สำหรับการใช้งานในระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะตอนกลางคืน
แอปพลิเคชั่นภายในไม่ได้ติดตั้งมาให้มากนัก อยากใช้อะไรเพิ่มเติมก็ไปดาวน์โหลดเอาเอง แต่ก็มีแอปพลิเคชั่นพื้นฐานมาให้ครบอยู่ เช่นแอปฟังเพลงดุหนัง แอปจัดการเอกสารออฟฟิศ แอปจำเป็นของทาง Google รวมถึงแอปพิเศษของ Huawei ที่เอาไว้จัดการบริหารดูแลเครื่องและการรับประกัน
คุณภาพของหน้าจอแสดงผลก็อยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกันกับเสียงครับ ความละเอียดจอภาพระดับ 2K 2560 x 1600 พิกเซล เป็น IPS ขนาด 8.4นิ้ว สีสันจัดครับ แต่ปรับลดความแรงของสีได้ในการตั้งค่า ผมเองก็ปรับลดเพราะรู้สึกว่าสีและความสว่างพื้นฐานที่ตั้งมาค่อนข้างแสบตาไปหน่อย
ภาพคมชัดมาก รับชมภาพและวีดีโอความละเอียด 2K ใน Youtube ได้เต็มความชัด ภาพก็สวย เสียงก็ดี เครื่องนี้เหมาะเอาไว้เพื่อเอนเตอร์เทนเมนต์จริงๆ
ทดสอบการเล่นเกมและรับชมวีดีโอความละเอียดสูง ทุกอย่างลื่นไหลไม่สะดุดเลยครับ สามารถรับชมวีดีโอเป็นแบบหน้าต่างป๊อบอัพเล็กๆ ได้ เพื่อทำงานอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย
การเซฟภาพหน้าจอที่สามารถเซฟภาพต่อเนื่องยาวลงไปด้านล่างได้ เช่นเซฟภาพหน้าเว็บไซด์เป็นต้นครับ
จากที่ทดสอบใช้งานมาเรื่องการจับสัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณ Wi-Fi ไม่มีปัญหา ค่อนข้างใช้งานได้นิ่งดีด้วยครับ การจับสัญญาณ GPS ก็ทำงานได้ไว จับตำแหน่งได้แม้ไม่ใช้อินเตอร์เน็ตช่วย
ค่าผลทดสอบต่างๆ[section label=”ค่าผลทดสอบต่างๆ” anchor=”test”]
ในเรื่องของแบตเตอรี่ดูจะเป็นเรื่องที่อยากได้เพิ่มอีกสักหน่อย แบตเตอรี่ขนาด 5,100 mAh ของมัน ทดสอบเปิดใช้งานต่อเนื่องกันบนความสว่างจอ 50% เปิดใช้ไปประมาณ 4 ชั่วโมงแบตเตอรี่ลดไป 50% ครับ ฉะนั้นเครื่องนี้ถ้าใช้งานต่อเนื่องไม่มีพัก จะใช้งานได้ยาวนานประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยนะ แต่แท็บเล็ตในสมัยนี้บางรุ่นทำงานได้ต่อเนื่องเกิน 10 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าได้ในระดับนั้นจะเรียกว่าดีครบเครื่องมากๆ สำหรับ M3
กล้องถ่ายภาพ [section label=”กล้องถ่ายภาพ ” anchor=”camera”]
กล้องหน้าและกล้องหลัง 8ล้านพิกเซลทั้งคู่ คุณภาพถือว่าดีกว่าแท็บเล็ตโดยทั่วไปครับ จับภาพได้ไว โฟกัสไม่ค่อยพลาด มีระบบตรวจจับใบหน้าและวัตถุใช้งานได้ดีทีเดียวสำหรับกล้องแท็บเล็ตตัวนี้ มีโหมดการถ่ายภาพให้มาแบบเยอะมากๆ ครับ พร้อมบิวตี้ที่ปรับหน้าใสได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอด้วยนะครับ สาวๆ น่าจะชอบกัน
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปท้ายรีวิว[section label=”สรุปท้ายรีวิว” anchor=”synopsis”]
เป็นเครื่องที่เน้นประสิทธิภาพมากๆ ในด้านองค์ประกอบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่อง ประสิทธิภาพการทำงาน การแสดงผล และคุณภาพเสียง ทำให้การทำงานในทุกอย่างบนระบบ Android ของมันให้ผลลัพท์ในระดับสูง ภาพสวย เสียงดังชัดใส ทำงานลื่นไหล ข้อเสียคืออาจจะมีฟังชั่นและลูกเล่นในการใช้งานไม่มากนัก
ด้วยราคาที่จำหน่ายไม่แพง แต่ได้เครื่องที่ทำงานในระดับสูงแบบครบวงจรเช่นนี้ได้ ก็ขอบอกว่าเป็นเครื่องที่ราคาคุ้มครับสำหรับแท็บเล็ตขนาดหน้าจอกลางๆ ตัวนี้ครับ