Infinix ZERO 30 5G มือถือสเปคเรือธง ให้มากกว่าใครในราคาหมื่นต้น
ราคาคุ้มมาก Infinix ZERO 30 5G เป็นสมาร์ทโฟนสเปคดี ให้คุณสมบัติเครื่องมาสูงกว่าราคาขาย ครบครันทั้งเรื่องหน้าจอคุณภาพสูง จอใหญ่ รีเฟรชเรท 144Hz และกล้องถ่ายภาพคุณภาพดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง บนความละเอียดกล้องในระดับที่ไม่มีคู่แข่งในตลาดรุ่นไหนที่ให้มาได้เทียบเท่ากัน
ตัวเครื่องบาง เบา งานประกอบเนี้ยบสมเป็นเรือธงของแบรนด์ ให้แบตเตอรี่ใหญ่พร้อมชาร์จไว 68W รองรับ 5G จากชิปเซ็ต Dimensity 8020 5G และแรมขนาดใหญ่ 12GB ที่สามารถขยายได้อีกเป็น 21GB
Infinix ZERO 30 5G เปิดจำหน่ายในราคา 11,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีเขียว และ สีทอง จากคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเครื่องและราคาจำหน่าย จึงนับเป็นเครื่องที่คุ้มค่ามากในเรทราคาหมื่นต้นๆ
จุดเด่น
- หน้าจอคุณภาพสูง จอใหญ่ 6.78 นิ้ว AMOLED รีเฟรชเรท 144Hz
- กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงมาก กล้องหน้า 50MP และกล้องหลัง 108MP
- แบตเตอรี่ใหญ่ 5000mAh พร้อมชาร์จไว 68W
- ชิปเซ็ต Dimensity 8020 รองรับ 5G และเทคโนโลยีการจับสัญญาณ Ultra Powerful Signal (UPS)
- แรมขนาดใหญ่ 12GB ที่สามารถขยายได้อีกเป็น 21GB
- ตัวเครื่องบาง เบา ใช้วัสดุฝาหลังเกรดดี
ต้องปรับปรุง
- ไม่รองรับการใส่ microSD Card
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5มม. บนตัวอุปกรณ์โดยตรง
Infinix ZERO 30 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปของแบรนด์ระดับสากลเพียงหนึ่งเดียว ที่ให้กล้องหน้า 50MP สามารถถ่ายวิดีโอความคมชัด 4K เฟรมเรท 60 FPS และหน้าจอ AMOLED 10bit รีเฟรชเรทสูง 144Hz มาในราคาแค่ 11,990 บาทเท่านั้น ฉะนั้นในด้านความคุ้มค่า ตัวนี้จึงเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งในช่วงราคาตลาดกลางเลยครับ
ZERO 30 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นท็อปของแบรนด์ Infinix ที่ปกติจะออกโปรดักส์มาเน้นตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ Gen Z ให้วัยรุ่นวัยเรียนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ในราคาไม่แพง โดยเฉพาะรุ่นนี้น่าจะถูกใจใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูปหรืออัดคลิปลงโซเชี่ยลหรือการทำวีดีโอ Vlog ส่วนตัวอย่างแน่นอนครับ
Infinix ZERO 30 5G ใช้การออกแบบหน้าจอโค้งขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว สีสันเน้นความสดใส ด้วยการใช้จอ AMOLED Display ความละเอียด FullHD+ ที่มีรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง และใช้เทคโนโลยีการหรีแสงจอในระดับความถี่ได้สูงถึง 2160Hz ซึ่งถือว่าเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ให้คุณภาพหน้าจอในระดับนี้ มาในเรทราคาแค่นี้ครับ
ลำโพงสเตอริโอคู่เสียงดังชัด ได้คุณภาพเสียงที่ดีแล้วครับ ใช้งานในห้องส่วนตัวไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเติมแล้ว
และยังเน้นหนักมาในเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้านหน้าด้วยครับ ด้วยจุดเด่นที่กล้องหน้ามีความละเอียดสูงถึง 50MP และมีความสามารถในการถ่ายวีดีโอ 4K 60fps ได้ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ทำได้ในกลุ่มราคาระดับกลางด้วยเช่นกัน
การออกแบบตัวเครื่องทำมาอย่างใส่ใจ ใช้วัสดุฝาหลังพิเศษเล่นระดับ และพื้นผิวที่สะท้อนแสงได้แวววาวในตัวเครื่องสีทอง และใช้ผิวฝาหลังแบบวัสดุหนังวีแกน ให้ผิวสัมผัสแบบนุ่มมือและไม่เกิดคราบมันรอยนิ้วมือใดๆ ซึ่งเป็นคุณลักษณะของผิวสัมผัสจากเครื่องสีเขียว ซึ่งเป็นสีเครื่องที่เห็นในบทความรีวิวนี้ครับ
ดีไซน์ตัวเครื่องแบบพรีเมี่ยม ใช้หน้าจอโค้งจรดขอบเครื่องสีทอง ด้วยกรอบจอที่เล็กแคบเพียง 2.8 มม. ทำให้ดูเป็นโทรศัพท์ที่เครื่องเพรียวบางมากๆ จับกระชับมือ ลูบไล้ไม่มีรอยต่อ
ตัวเครื่องบาง 7.9 มม. น้ำหนัก 185 กรัม กับหน้าจอใหญ่ระดับนี้ ถือเป็นมือถือที่จอใหญ่แต่เครื่องเล็กดีทีเดียวครับ ผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP53 ทนต่อการโดนน้ำฝนกระเซ็นใส่ ไม่เสียหายจากการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่ายๆ
ด้านหลังทำฐานกล้องยกระดับสีทอง ล้อมด้วยกรอบโลหะซึ่งเคลือบสีทองเอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยในรุ่นนี้ก็ให้กล้องหลังความละเอียดที่สูงมากมาด้วยครับ เป็นกล้องหลังมีกันสั่น OIS ความละเอียด 108MP ทำงานกับกล้องมุมกว้าง 13MP และกล้องช่วยโฟกัส 2MP
ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ 5G ได้ทั้งสองซิมการ์ด และภายในติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh มาให้ใช้ครับ และยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จไว 68W ของทาง Infinix อีกด้วย
โดยอุปกรณ์ภายในกล่อง ก็จะมีเคสใสซิลิโคน, สาย USB Type-C และที่ชาร์จ 68W แถมมาให้เลย แต่จะไม่มีชุดหูฟังแถมมานะครับ และเครื่องรุ่นนี้ก็ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงด้วย
การใช้งานภายใน
Infinix ZERO 30 5G ให้สเปคเครื่องคุ้มราคามากครับ ใช้ชิปประมวลผลในกลุ่มระดับเรือธง Dimensity 8020 5G เทคโนโลยีการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร และแรมขนาด 12GB ที่สามารถผสานแรมด้วยเทคโนโลยีฟิวชั่นเมมโมรี่ได้ใหญ๋ถึง 21GB (RAM 12 + Virtual RAM 9GB) รันบนระบบ Android 13 ครอบทับไว้ด้วย XOS 13.1 และหน่วยความจำภายในที่ให้มา 256 GB
ระบบ XOS 13.1 มีลักษณะพิเศษ ด้วยการแจ้งเตือนด่วนตรงกึ่งกลางหน้าจอ เช่นแสดงสถานะการชาร์จแบต สวยงามน่ารักดีครับ
จากการทดสอบใช้งานต่างๆ ชิปเซ็ตตัวนี้อยู่ในกลุ่มระดับท็อปของค่าย MediaTek และที่ Infinix ใส่ให้มาเป็นซีรี่ส์ระดับสูงกว่าท้องตลาดในระดับราคาเดียวกัน การใช้งานลื่นไหลดีมากเลยครับ เล่นเกมได้เต็มที่แม้จะเป็นเกมที่มีกราฟิกสูงก็ยังเล่นได้ไหว ในด้านประสิทธิภาพไม่เป็นรองใครแน่นอนในเรทราคานี้ครับ
ด้วยหน้าจอ AMOLED 10bit ที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz และอัตราการรับสัมผัส 360Hz ทุกการปัดและสัมผัสในขณะเล่นเกมจะอยู่ในระดับที่สูงครับ ใช้เล่นเกมภาพลื่นไหลและตอบสนองต่อการทัชสั่งงานได้ไว
รับชมภาพยนตร์ หรือใช้ดูคลิปดูวิดีโอ จอใหญ่ สีสดใส แสงสว่างดี (950nits) และลำโพงคู่ดังชัดเสียงดี ไม่มีปัญหาใดๆ ในการใช้งานด้านความบันเทิงครับรุ่นนี้
Infinix ZERO 30 5G ยังเป็นรุ่นที่ใช้นวัตกรรมการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใหม่ นั้นคือเทคโนโลยี Ultra Powerful Signal (UPS) ซึ่งเป็นระบบการเร่งการส่งและรับสัญญาณระหว่างตัวอุปกรณ์และสถานีฐาน
โดยอัลกอริธึมของ UPS จะทำการปรับปรุงการเชื่อมต่อใหม่ให้เราทันทีเมื่อเราติดอยู่ในสภาพแวดล้อมปิด เช่นในช่วงที่เราอยู่ในลิฟต์ ในห้องใต้ดิน และพื้นที่อื่นๆ ที่อาจจะส่งผลต่อความแรงสัญญาณหรือรับสัญญาณได้อ่อนมากๆ สิ่งนี้จะช่วยให้เครื่องสามารถสลับเครือข่ายไปจับสัญญาณที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็วที่สุด ผู้ใช้ Infinix ZERO 30 5G จึงสามารถสัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อสัญญาณเครือข่ายในมาตรฐานแบบสมาร์ทโฟนเรือธง จากเครื่องราคาระดับกลางตัวนี้ได้นั้นเองครับ
กล้องถ่ายภาพ
Infinix ZERO 30 5G มีสิ่งที่เหนือกว่าใครในเรทราคา ด้วยกล้องหน้า 50MP ที่สามารถถ่ายวิดีโอความคมชัดสูง 4K บนเฟรมเรทระดับ 60 FPS ใครที่ชอบถ่ายคลิปด้วยกล้องหน้า ทำวีดีโอ VLOG อัพลงโซเชี่ยล TikTok ต่างๆ ภาพสวยกล้องหน้าดี มีตัวเลือกในความคมชัดระดับสูงครับ
กล้องหน้ามีทั้งระบบ ออโต้โฟกัส, ระบบ Eye AF หรือจับโฟกัสดวงตา พร้อมผู้ช่วยที่เป็น AI, HDR และการปรับแต่งใบหน้าเนียนใสพร้อมการแต่งหน้าให้เราได้หลายสไตล์ด้วยฟิลเตอร์
กล้องหน้าและกล้องหลังมีคุณสมบัติในการถ่ายบุคคลในระดับที่ทำได้แทบจะเหมือนกัน กล้องหลังก็จะมี AI และ HDR คอยช่วยปรับโทนภาพและแสง รวมถึงการปรับแต่งรูปร่าง และกำหนดโบเก้ชัดลึกชัดตื้นได้ครับ
ไม่ต้องไปเติมแป้งทาปากจริงๆ พร้อมกับรองรับการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ ทั้งในการถ่ายวีดีโอเคลื่อนไหวและการถ่ายภาพนิ่งเลยครับ
กล้องหลังของ Infinix ZERO 30 5G ก็มีคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน มาพร้อมกล้องหลัง 108MP เซนเซอร์ 1/1.67” มีเทคโนโลยีกันสั่น OIS และ EIS พร้อมเลนส์ซูม 3 เท่าที่ทำให้ซูมระยะไกลแบบที่ภาพไม่สูญเสียความละเอียด และมีเลนส์ 13MP มุมกว้าง 120 องศา และเลนส์ช่วยโฟกัสบุคคล 2MP
ทำให้การถ่ายภาพวิว กลางวันและกลางคืน หรือภาพบุคคล ก็ทำได้ยอดเยี่ยมครับสำหรับกล้องรุ่นนี้
ถ่ายก่อนแล้วมาซูมทีหลังภาพก็ยังชัด เพราะมีโหมดความละเอียดสูง 108MP
มีโหมดภาพยนตร์สำหรับการถ่ายทำคลิปสั้นด้วยเอฟเฟ็กต์พิเศษ ในสัดส่วนเสมือนถ่ายภาพยนตร์ 2.35:1
มีโหมดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Dual View ที่ใช้ในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวจากกล้องหน้าและกล้องหลังไปพร้อมๆ กัน เพื่อเก็บบรรยากาศสถานที่ หรือถ่ายรีวิวสิ่งของได้ด้วยตัวเองครับ
ที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ คือโหมด “SKY SHOP” เป็นการถ่ายภาพที่ไม่ต้องสนสภาพท้องฟ้า ตัว AI จะเปลี่ยนท้องฟ้าในวันแย่ๆ ให้กลายเป็นท้องฟ้าตามที่เราเคยจินตนการเอาไว้ได้ง่ายๆ เลยครับ ^^ จะเอาฟ้าใส, มีรุ้ง, หรือดวงจันทร์กลมโต แม้กระทั่งทางช้างเผือกก็เนรมิตมาให้ได้แบบไม่สนท้องฟ้าจริงหรือถ่ายกลางวันกลางคืน
สรุปท้ายรีวิว โปรโมชั่นและราคา Infinix ZERO 30 5G
ราคาคุ้มมาก Infinix ZERO 30 5G เป็นสมาร์ทโฟนสเปคดี ให้คุณสมบัติเครื่องมาสูงกว่าราคาขาย ครบครันทั้งเรื่องหน้าจอคุณภาพสูง จอใหญ่ รีเฟรชเรท 144Hz และกล้องถ่ายภาพคุณภาพดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง บนความละเอียดกล้องในระดับที่ไม่มีคู่แข่งในตลาดรุ่นไหนที่ให้มาได้เทียบเท่ากัน
ตัวเครื่องบาง เบา งานประกอบเนี้ยบสมเป็นเรือธงของแบรนด์ ให้แบตเตอรี่ใหญ่พร้อมชาร์จไว 68W รองรับ 5G จากชิปเซ็ต Dimensity 8020 5G และแรมขนาดใหญ่ 12GB ที่สามารถขยายได้อีกเป็น 21GB
Infinix ZERO 30 5G เปิดจำหน่ายในราคา 11,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีเขียว และ สีทอง จากคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเครื่องและราคาจำหน่าย จึงนับเป็นเครื่องที่คุ้มค่ามากในเรทราคาหมื่นต้นๆ ในช่วงนี้เลยครับ