Lenovo P2 สมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ตอนนี้ออกมาจำหน่ายแล้วในเมืองไทย ซึ่งมีจุดขายที่ผมต้องบอกว่าถูกใจใครหลายๆ คนแน่ครับ เพราะมันมีทั้งความแรงที่เหมาะสมในตัวมันเอง เป็นเครื่องหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วตามมาตรฐานนิยมในปัจจุปัน สีสันสดใสและมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,100 mAh ลงตัวน่าใช้ ราคา 11,990 บาท วางจำหน่ายไปกันแล้วตอนนี้ที่ Jaymart และ TG Fone ครับ
ด้วยราคา และด้วยจุดเด่นของรุ่น ก็เป็นตัวหนึ่งที่แนะนำในช่วงนี้ครับ ดีทั้งการใช้งานภายใน ซึ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมายที่เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้กัน และตัวเครื่องภายนอกก็สวยด้วยครับ ตัวเครื่องของ Lenovo P2 เป็นโลหะทั้งตัว รองรับสองซิมการ์ด มีที่สแกนลายนิ้วมือ รองรับ NFC
ตัวสแกนลายนิ้วมือทำหน้าที่เป็นได้ทั้งปุ่มโฮมและที่สแกนนิ้วครับ สามารถสแกนเข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องกดปุ่มปลุกเครื่องก่อน ซึ่งสแกนได้ไวมากครับ แต่วางนิ้วก็เข้าใช้งานได้ละ
และมีสวิทช์พิเศษสำหรับการปรับตัวเองให้เข้าไปสู่โหมดประหยัดพลังงานสำหรับรุ่น P2 โดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าสวิทช์พิเศษนี้ จะเปลี่ยนตัวมันเองจากสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นฟีเจอร์โฟนธรรมดา แบตเตอรี่ที่อึดอยู่แล้วก็ยิ่งอึดเข้าไปใหญ่ อยู่กันได้เป็นอาทิตย์เลยละครับถ้าจะใช้งานเป็นแค่เพียงโทรศัพท์เท่านั้น
ปรับสวิทช์ขึ้นเพื่อเข้าสู่โหมดพิเศษ ที่จะตัดความสามารถในการเป็นสมาร์ทโฟนของเครื่อง P2 ให้กลายเป็นเพียงโทรศัพท์ธรรมดา แต่ได้มาซึ่งการประหยัดพลังงานขั้นสูงสุดครับ น่าจะเหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องการถนอมแบตไว้ติดต่อในยามจำเป็น หรือในช่วงเวลาที่แบตเตอรี่ใกล้หมดแต่ไม่อยากขาดการติดต่อครับ สับสวิทช์เอาแบบง่ายๆ ก็เข้าโหมดประหยัดพลังงานได้แล้ว
อุปกรณ์ภายในกล่องให้มาครบครับ มีฟิล์มกันรอยและเคสพลาสติกใส มีหูฟังและที่ชาร์จกับสายดาต้า รวมทั้งตัว USB-OTG สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกที่ใช้พอร์ต USB มาตรฐาน
ซึ่งเคสใสก็ทำมาได้สวยครับ ใส่แล้วหล่อขึ้น ^^
ส่วนตัวชาร์จไฟตัวนี้ เก็บไว้ให้ดีนะครับอย่าหายของดีทีเดียว ใช้ชาร์จไฟเข้าเครื่อง P2 ได้ไวครับ (Rapid Charger) เอาไปชาร์จกับอุปกรณ์อื่นก็ไวนะ แรงดันไฟกำลังน่าใช้เลย
USB-OTG ที่มีภายในกล่องใช้ต่อพ่วงกับอุปกรณ์ภายนอกอย่างพวกหน่วยความจำแบบแฟลชไดร์ฟก็ได้ครับ
การใช้งานภายใน[section label=”การใช้งานภายใน” anchor=”performance”]
อย่างที่บอกไปว่า Lenovo P2 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใช้งานภายในที่เด็ดดวงหลายตัวครับ การใช้งานจึงใช้ได้สนุกและมีประโยชน์มากสำหรับผม โดยเฉพาะโหมด “แอพคู่” (Dual apps) ฟังก์ชั่นที่จะสามารถแยกร่างแอพพลิเคชั่นที่มีในเครื่อง จากหนึ่งให้เป็นสอง และใช้งานพร้อมกันได้แบบสองไอดีในเครื่องเดียว เช่นแอพพลิเคชั่น Facebook, Line, Wechat หรือแม้แต่เกมบางเกมที่ต้องใช้ไอดีล็อกอิน เราสามารถล็อกอินแอพพลิเคชั่นและเกมเหล่านี้ได้เป็นสองไอดี โดยใช้สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวเท่านั้นครับ โดยไอคอนแอพที่แยกตัวออกมาจะมีสัญลักษณ์วงกลมสีฟ้าติดอยู่มุมขวาล่างครับ
*ในเกมบางเกมผู้พัฒนาเกมจะไม่อนุญาตให้ใช้ความสามารถในการล็อกอินสองไอดี เพราะจะตรวจพบความผิดปกติ
ฉะนั้นถ้าใครมีไอดีสำหรับการติดต่องานกับส่วนตัวที่แยกกัน ไม่ว่าจะเป็น Line หรือ Facebook ก็ไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์สองเครื่องแล้วนะครับ
อีกหนึ่งฟังชั่นที่เด็ดไม่แพ้กัน และมีความคล้ายกับการทำงานของโหมด “แอพคู่” (Dual apps) นั้นก็คือ โหมด “ระบบปลอดภัย” สำหรับโหมดระบบปลอดภัยนี่ ตัวเครื่องจะไม่ได้แค่แยกแอพพลิเคชั่นออกเป็นสองแอพเท่านั้น แต่ระบบจะแยกตัวเองออกเป็นสองสถานะเลยทั้งระบบ เหมือนแยกตัวออกมาเป็นสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่ง ซึ่งใครที่จะเข้าใช้งานในส่วนที่แยกออกมานี้ได้ จำเป็นต้องมีรหัสผ่านตามที่เราตั้งไว้ซะก่อนครับ
ระบบปลอดภัยจะมีพื้นที่ใหม่เป็นของเราเอง แยกการทำงานออกจากโหมดปกติ แอพพลิเคชั่นหรือเกมที่เราเลือกนำมาใช้ในโหมดปลอดภัยจะสามารถล็อกอินใหม่เป็นอีกหนึ่งไอดีไม่เกี่ยวกับแอพที่อยู่ในโหมดปกติ ฉะนั้นมันจึงทำงานได้สองไอดีในแอพพลิเคชั่นเดียวกันภายในเครื่องสมาร์ทโฟนเดียวกันได้เช่นความสามารถของโหมดแอพคู่ แต่จะเพิ่มความปลอดภัยมากกว่าด้วยที่ว่า คนอื่นที่เปิดเครื่องเราขึ้นมาใช้จะไม่สามารถเรียกใช้แอพพลิเคชั่นหรือไฟล์ข้อมูลใดๆ ที่อยู่ในระบบปลอดภัยของเราได้ถ้าไม่เข้าโหมดปลอดภัยด้วยรหัสที่ถูกต้องซะก่อนนั้นเองครับ โดยสามารถสลับโหมดการใช้งานแบบปกติและโหมดปลอดภัยได้ง่ายๆ ด้วยไอคอนเล็กๆ ที่ลอยอยู่เหนือหน้าจอ
และในยามฉุกเฉิน เราสามารถเลือกลบโหมดปลอดภัยทิ้งไปได้ในคำสั่งเดียว ข้อมูลต่างๆ ที่เราเก็บไว้และแอพพลิเคชั่นที่อยู่ในโหมดปลอดภัย จะโดนลบทิ้งหายไปจากเครื่อง คงเหลือไว้แต่ข้อมูลและแอพพลิเคชั่นในโหมดปกติให้เราใช้งานได้ต่อไปแบบไม่มีปัญหาครับ
ซึ่งทั้งสองโหมดที่ผมว่ามา ผมเชื่อว่าน่าจะได้ใช้กัน และมีประโยชน์กันเราแน่ๆ ครับ มีข้อเสียอยู่ว่า เราจำเป็นต้องเลือกใช้โหมดใดโหมดหนึ่งระหว่างโหมดแอพคู่และโหมดปลอดภัย เพราะมันไม่สามารถเปิดทำงานพร้อมๆ กันได้ทั้งสองโหมดครับ
ในด้านการใช้งานพื้นฐานของ Lenovo P2 อยู่ในระดับสูงครับ ลื่นไหล เพียงพอใช้กับแอพพลิเคชั่นและเกมทั้งหมดของระบบ Android ด้วยแรมขนาด 4GB และหน่วยประมวลผลที่เป็นสากล Qualcomm Snapdragon 625 ความเร็ว 2.0 GHz ทำให้โอกาสเจอปัญหาน้อยครับ
มีการปรับแต่งให้หน้าแรกอยู่พอสมควร มีธีมให้เลือกใช้ มีหน้าจอล็อกสกรีนให้เลือกใช้ Lenovo UI ปรับเปลี่ยนได้หลายอย่าง
หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด FullHD ขอบจอกระจกโค้ง 2.5D ตามสมัยนิยม เป็นจอชนิด Super AMOLED for vivid colors สีสันสดใสมากครับ มีความคมชัดมากเพียงพอใช้รับชมวีดีโอและเล่นเกมได้แบบงามๆ ครับ
หน้าจอ Super AMOLED for vivid colors จะสามารถปรับแต่งโทนสีได้ และตัวเครื่อง Lenovo P2 ยังมีโหมดสำหรับการใช้งานในยามค่ำคืนเพื่อการถนอมสายตาครับ เสียงลำโพงก็เสียงดังดีด้วยนะครับ ดูหนังฟังเพลงแบบไม่ต้องต่อลำโพงได้ในระดับห้องนอนสบายครับ
และผมบอกเลย สำหรับใครที่ชอบเทคโนโลยี VR น่าจะถูกใจกับระบบของเจ้า Lenovo P2 แน่ๆ ครับ เพราะมันเป็นเครื่องหนึ่งที่สามารถทำการแสดงผลแบบแบ่งเป็นสองหน้าจอเพื่อใช้งานกับแว่น VR ได้โดยเฉพาะแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาแอพพลิเคชั่นใดๆ ตัวระบบมันทำให้เองเลยครับ จึงทำให้ทุกๆ การทำงานของมันใช้กับแว่น VR ได้ทั้งหมด ตั้งแต่เปิดเครื่องหน้าแรก ยันทุกๆ แอพพลิเคชั่นเลยครับ ได้ดู 3D VR กันแบบสมใจในทุกการทำงาน
ฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะมากจริงๆ ครับ แต่การที่เราจะใช้ความสามารถเหล่านั้นของเครื่องได้แบบเต็มไม้เต็มมือในแต่ละวัน แบตเตอรี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ
และนี่จุดเด่นสุดๆ ของเจ้ารุ่น Lenovo P2 ขนาดแบตเตอรี่ที่ใส่เข้ามาให้มีขนาดถึง 5,100 mAh ในการทดสอบใช้ มันแทบเป็นไปไม่ได้ในการที่จะใช้เจ้าตัวนี้ให้แบตหมดภายในหนึ่งวันครับ แถมมีระบบจัดสรรพลังงานถ้าต้องการให้แบตมันอึดขึ้นอีก สำหรับผมเอง ใช้งานแบบทั่วไปตามปกติที่เคยใช้ในรุ่นอื่น มันอยู่กับผมได้สบายๆ สามวันสองคืน ไม่ต้องแวะชาร์จ ไม่ต้องห่วงเรื่องพกแบตเสริมเลยละครับ
แต่ตัวมันเองต่างหาก ที่สามารถเป็นแบตเตอรี่เสริมให้กับอุปกรณ์อื่นได้ ด้วยอุปกรณ์ตัว USB-OTG ที่ให้มาภายในกล่อง เสียบกับพอร์ตใต้เครื่อง Lenovo P2 แล้ว มันจะกลายเป็นแบตเตอรี่เสริมให้กับอุปกรณ์อื่นได้เหมือนพาวเวอร์แบงค์ก้อนหนึ่งเลยครับ เรื่องพลังงานเทพจริงๆ
ผลทดสอบต่างๆ[section label=”ผลทดสอบต่างๆ” anchor=”test”]
การจับสัญญาณ GPS จับได้ไวแม้ไม่ได้เปิดอินเตอร์เน็ตช่วย
กล้องถ่ายภาพ[section label=”กล้องถ่ายภาพ” anchor=”camera”]
ตัวกล้องถ่ายภาพของ Lenovo P2 ความละเอียดภาพ 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF จับภาพได้ไวครับ
และมีโหมด Smart ที่ผมอยากแนะนำให้รู้จัก มันเป็นระบบที่เข้ามาช่วยผู้ใช้ในการจัดองค์ประกอบภาพ ให้คำแนะนำว่าควรเข้าไปใกล้วัตถูหรือถอยห่าง จัดวางจุดโฟกัสบนภาพอย่างไรดี ภาพเอียงหรือไม่ ซึ่งระบบ Smart มันจะทำหน้าที่ของมันเองในการวิเคราะห์แยกแยะว่าสิ่งที่เราจะถ่ายนั้นเป็นอะไร เป็นบุคคล ทิวทัศน์หรือเป็นอาหาร ควรวางภาพแบบไหนภาพถึงสวย เป็นระบบที่ฉลาดและแปลกใหม่มากครับ
Lenovo P2 มีโหมดการถ่ายภาพที่เยอะมากครับ การถ่ายภาพแบบโปรที่ตั้งค่าความสว่าง สปีดชัตเตอร์ หรือ ISO ของภาพได้ และโหมด HDR ที่แยกรูปแบบพรีเซ็ตไว้ให้หลายแบบ กล้องของ Lenovo P2 ถ่ายสนุกเลยครับ
แต่ก็มีบางครั้งที่โหมดอัตโนมัติของกล้อง วัดแสงไฟในอาคารแล้วออกเหลืองไปครับ ให้ปรับไปโหมด Pro หรือ HDR จะได้ภาพที่สีตรงกว่าครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าและกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายพาโนรามา
สรปุท้ายรีวิว[section label=”สรปุท้ายรีวิว” anchor=”synopsis”]
Lenovo P2 เป็นการวางกำหนดสเปคที่ดูว่าเหมาะสมมาก ตามความต้องการในปัจจุปันของสิ่งที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนต้องการ ก็คือเรื่องขนาดหน้าจอต้องมีขนาดใหญ่สักหน่อย ไม่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป มีแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานแบบต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ต้องใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งหมดในราคาที่ไม่สูงเกินไป
ซึ่งทั้งหมดเป็นจุดหลักๆ ที่ทาง Lenovo กำหนดมาใน P2 ได้อย่างพอดิบพอดีครับ จึงขอยกเป็นรุ่นแนะนำที่น่าสนใจในเครื่องราคาหมื่นต้นๆ ในช่วงนี้ครับ