สำหรับสมาร์ทโฟนของทางฝั่งแอนดรอยด์ ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าเป็นแบรนด์จากทางเกาหลี ยังไงก็คงจะนึกถึงผลิตภัณฑ์ของทาง Samsung เป็นซะส่วนใหญ่ แต่ในระดับตลาดโลก อีกหนึ่งแบรนด์จากทางเกาหลีอย่าง LG เอง ก็มียอดจำหน่ายอยู่ในกลุ่มท็อบของส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเสมอมาครับ และผลิตภัณฑ์ของทาง LG ก็มักจะมีจุดเด่นในเรื่องของการดีไซน์และความแปลกใหม่ในฟังชั่นและฟีเจอร์ใช้งานภายในที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร
และสำหรับ LG Optimus L9 เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในตลาดระดับ Mid-End ราคาปรับมาล่าสุดที่ทาง LG ประเทศไทยประกาศ อยู่ที่ 11900 บาท แน่นอนว่าราคานี้นับเป็นราคาที่มีตัวเลือกในตลาดมากอยู่พอสมควรเลยทีเดียว แต่จากการที่ผมได้ทดลองใช้มา บอกได้เลยว่า “สู้ได้สบาย” ครับ ^^
LG Optimus L ซีรีย์ เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ชี่รี่ย์หนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในยอดขายวางจำหน่ายไปทั่วโลก ล่าสุดกับปริมาณการส่งออกไปกว่าสิบล้านเครื่อง ซึ่งจุดเด่นในซีรีย์ Optimus L นั้นอยู่ที่ความแตกต่างในเรื่องการดีไซน์และคุณสมบัติภายในของตัวเครื่องในแต่ละรุ่น ซึ่งจะมีออกมาจำหน่ายในรุ่นของ LG Optimus L3, Optimus L5, Optimus L7 และรุ่นใหญ่สุดนั้นคือ LG Optimus L9 ที่เรากำลังจะพูดถึงเครื่องนี้ครับ
ตัวเครื่องของ Optimus L9 นั้นจะมีสองสีครับ ขาวและดำ ส่วนเครื่องที่ผมได้รับมารีวิวนั้นเป็นเครื่องสีดำซึ่งเป็นสีที่ส่วนตัวผมคิดว่ามันเหมาะกับสินค้าของ LG มากกว่า และผมชอบสมาร์ทโฟนสีดำอยู่แล้วด้วยครับ ^^
การออกแบบ
การดีไซน์ของทาง LG ผมให้อารมณ์ของคำว่า “งาม” มากกว่าคำว่าสวยครับ เน้นโทนดำกับความเงาของเนื้อวัสดุ คล้ายมองหญิงสามวในชุดราตรีดำ หรือมองหนุ่มมาดดีในชุดสูทสีดำสนิทกลางค่ำคืนในงานราตรี ตัวเครื่องของ L9 ทำจากวัสดุหลักคือพลาสติกมันเงา ด้านหลังทำพื้นผิวขรุขระ ทรงเครื่องเน้นเหลี่ยมมุม พร้อมแสงไฟจากปุ่มทัชสกรีนที่สว่างสดใสเป็นแสงสีขาวตัดกับตัวเครื่องสีดำ ดูเด่นและชัดเจนมากแม้ในเวลากลางวันครับ ตรงนี้เป็นจุดกระชากให้เห็นการดีไซน์ที่เน้นระหว่างความเข้มและแสงขาวใสของทาง LG โดยรวมผมชอบในดีไซน์สมัยใหม่ของตระกูล Optimus มาก และคิดว่า LG น่าจะเจอแนวการออกแบบของตัวเองที่ลงตัวแล้วครับ
ปุ่มควบคุมด้านล่างมีแสงส่องสว่างเป็นจุดเด่นแรกของเครื่องจากซีรีย์ Optimus
ตัดกับตัวเครื่องที่ใช้วัสดุมันวาว ถ้าเป็นสีดำ ก็จะดำขลับตัดกับแสงไฟ และออกแนวหรูแม้จะเป็นเครื่องราคาประมาณกลางๆ
ขอบเครื่องด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบเครื่องด้านขวาเป็นปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนเป็นช่องเสียงหูฟังขนาด 3.5 mm ด้านล่างเป็นช่อง Micro USB และไมด์รับเสียงสนทนาครับ ข้างหลังเป็นกล้องหลักขนาด 8 ล้านและไฟแฟลช LED
เปิดฝาด้านหลังมาเป็นช่องใส่ซิมขนาดปกติครับ และ ช่องใส่ SD card ด้านล่าง (ต้องถอดแบตก่อน) รองรับสูงสุด 32 GB
ระหว่างความเข้มและแสงขาวใสของทาง LG โดยรวมผมชอบในดีไซน์สมัยใหม่ของตระกูล Optimus มาก และคิดว่า LG น่าจะเจอแนวการออกแบบของตัวเองที่ลงตัวแล้วครับ
หน้าจอ 4.7 นิ้วแบบ IPS สว่างสดใสเป็นพิเศษ และผมย้ำอีกทีว่า หน้าจอปัจจุปันของสมาร์ทโฟน ผมชอบการให้โทนสีและแสงในจอของ LG มากที่สุดครับ ความละเอียดแบบ qHD 960×540 พิกเซล ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่า จอของ L9 จะหยาบกว่าเครื่องที่มีจอ 720P มากเท่าใด เทียบกันใกล้ๆ ยังมองความต่างได้ยากครับ
จุดเด่นภายใน
LG Optimus L9 มาพร้อม UI ที่ชื่อว่า Optimus UI 3.0 มีจุดเด่นในส่วนติดต่อผู้ใช้อยู๋หลายจุดทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นในหน้าของ Notify page ที่งานนี้ LG จับใส่มาเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Quick Memo บันทึกด่วนที่สามารถเรียกใช้งานได้จากตรงแทบ Status Bar เป็นต้น
แต่ Android 4.0.4 ดูจะตกยุคไปสักหน่อยกับช่วงเวลาล่าสุดที่หลายๆ แบรนด์เริ่มหนีกันไปใช้ Android 4.1 Jelly Bean กันหมดแล้ว แต่ถ้าพูดถึงการใช้งานก็ยังนับว่าตอบสนองรวมเร็วทันใจไม่แพ้เครื่องในราคาระดับใกล้เคียงกันเลยนะครับ ถ้าได้อัพเป็น JB 4.1 เมื่อไหร่น่าจะแจ๋วน่าดูทีเดียว
มีแอพพลิเคชั่นและ Widget ที่รองรับการทำงานด้าน Social เป็นของตัวเอง ที่ออกแบบมาได้น่าใช้ครับ
แอพพลิเคชั่นที่เป็นของทาง LG ใส่มาให้ก็น่าสนใจ เช่น LG Smart World ที่เป็นคลังแอพพลิเคชั่นที่ทาง LG คัดสรรแล้วว่าเจ๋งจริง และ Smart World จะมีให้ใช้เฉพาะผู้ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จากทาง LG เท่านั้นครับ โดยจะจัดมาให้อัพเดทต่อเนื่องตลอดเวลา รับรองว่าแต่ละแอพปลอดภัย ถ้าใครกลัวจะโดนไวรัสละก็นะครับ ^^
ยังมีแอพพลิเคชั่น Smart Share ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Wi-Fi หรือเทคโนโลยี DLNA เพื่อส่งผ่านข้อมูลมัลติมีเดียเช่น เพลง หนัง หรือภาพถ่ายระหว่างอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องเสียบสาย หรือส่งเพลง ภาพ หนังไปแสดงยังบนสมาร์ททีวีที่บ้านของคุณผ่านสัญญาณ Wi-Fi ได้อีกด้วยครับ ซึ่งเทคโลยีนี้ไม่ได้แต่จะออกแบบมาให้ใช้งานกับเครื่องสมาร์ททีวีของ LG เท่านั้นนะครับ สมารถใช้งานร่วมกับสมาร์ททีวีของแบรนด์ใดก็ได้ที่รองรับการส่งภาพ เพลง หนัง ผ่านระบบ DLNA ทีนี้เราก็สามารถเล่นหนังความละเอียดสูงๆ ในตัวเครื่อง Optimus L9 ของเราบนทีวีจอยักษ์ได้แล้วครับ ^^
ไม่เพี่ยงเท่านั้น แอพพลิเคชั่น Smart Share ยังสามารถทำให้ Optimus L9 เป็นตัวกลางในการควบคุมการเล่นไฟล์วีดีโอ หรือไฟล์เพลงได้อีกด้วยครับ การเป็นตัวกลางก็หมายถึง ไฟล์สื่อมีเดียที่เราต้องการใช้งานอาจจะอยู่ในหน่วยความจำบนเครื่องคอมพ์พิวเตอร์ และเราต้องการจะให้สื่อบนเครื่องคอมพ์ของเราสามารถไปเล่นแสดงผลยนหน้าจอสมาร์ททีวีของเราได้ ก็จะใช้เจ้า Optimus L9 สั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น Smart Share ในการควบคุมตามความต้องการนี้ได้ครับ
จุดเด่นอีกอย่างของแบรนด์มือถือจากเกาหลีคือการเปิดระบบรองรับการส่งไฟล์ผ่านสัญญาณ Wi-FI direct ไว้ด้วย ที่บอกแบบนี้เพราะหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า เครื่องที่รองรับระบบ Wi-FI Direct ไม่ใช่ทุกเครื่องที่จะเปิดให้ใช้ในการรับส่งไฟล์กันระหว่างอุปกรณ์ได้ครับ แต่สำหรับ LG และ Samsung เป็นสองแบรนด์ที่มักจะเปิดให้ใช้งานรับส่งไฟล์ได้ในเครื่องรุ่นที่รองรับระบบดังกล่าว ฉะนั้น ด้วยแอพพลิเคชั่น FileShare ของ Optimus L9 จะทำให้เราสามารถส่งข้อมูลขนาดเป็น GB ผ่านสัญญาณ Wi-FI Direct ไปสู่อีกเครื่องหนึ่งที่รองรับได้ในเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นครับ ซึ่งในปัจจุปันเป็นวิธีการโอนย้ายไฟล์ที่เร็วที่สุดครับ
ระบบสำรองข้อมูลที่ทาง LG จัดเอาไว้ให้ก็ยอดเยี่ยมครับ สามารถสำรองข้อมูลสำคัญๆ อย่างเช่นการตั้งค่า, ข้อความ, ข้อมูลการโทร, รายชื่อและอื่นๆอีกหลายอย่างเอาไว้ในตัวหน่วยความจำได้ครับ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าที่คิดพอสมควรครับ 2150 mAh ระยะการใช้งานนับเป็นจุดเด่นเล็กๆ ได้อีกหนึ่งจุดเลยสำหรับ Optimus L9 เพราะการใช้งานที่ผมทดลองใช้มา ก็อึดกว่ามาตรฐานอยู่ประมาณหนึ่งครับ
ด้านเอนเตอร์เทนเม้นต์
หน้าจอ iPS อย่างที่ผมเคยบอก ว่าเป็นหน้าจอที่ผมชอบมากเป็นอันดับต้นๆ ของจอภาพทั้งหมดของสมาร์ทโฟนในปัจจุปัน ด้วยสีสันและความสดของแสง ทำให้ความละเอียดแบบ qHD บนหน้าจอ Optimus L9 ดูคมกว่าจอความละเอียดเท่าๆ กัน และการดูคลิปวีดีโอของ Optimus L9 ก็ไมต้องห่วงครับ สามารถเล่นไฟล์ AVI จาก Youtube ที่ระดับความละเอียด 1080P ได้แน่นอนครับ ภาพชัดดีด้วยครับ ^^
เปิดเบราว์เซอร์ อ่านข้อความได้คมชัดดีครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องภาพจะแตกครับ (เว็บอะไรเนี่ย คุ้นๆนะเนี่ย )
ลำโพงด้านล่างของตัวเครื่อง ให้เสียงไม่แตกเมื่อเปิดดังสุด เสียงไม่เบาแต่ก็ไม่ได้ดังมาก มาตรฐานระดับกลางๆ แค่พอใช้ครับ ส่วนที่ผมลองทดสอบกับหูฟัง ก็ถือว่าพอใช้ ได้หูดีๆ ตัวเล่นเพลงเดิมๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ
ด้านการเล่นเกมของ LG Optimus L9 ด้วยหน่วยประมวลผล dual-core 1GHz และ GPU PowerVR SGX 540 ทำให้ LG Optimus L9 สามารถเล่นเกมได้แทบทุกเกมใน Playstore ได้เกือบทั้งหมดครับ ถ้าเป็นเกม HD ที่มีกราฟฟิคระดับสูงมากๆ อาจจะมีอาการแลคสะดุดบ้างให้เห็น แต่ไม่มากจนเป็นอุปสรรคในการเล่นเกมมากมายอะไรครับ
การถ่ายภาพ
สำหรับการถ่ายภาพของ Optimus L9 ต้องบอกว่าในที่แสงพอเพียงสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีเยี่ยมเลยละครับ ซูมภาพเข้าไปดูรายละเอียดต้องยอมรับเลยว่า LG หลังๆ มานี่พัฒนาในเรื่องของการถ่ายภาพไปมากพอสมควร
แต่ในที่แสงน้อยเช่นตอนกลางคืน ก็ไม่ต้องลุ้นอะไรมากครับ ตามสภาพสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป
ในราคาหมื่นต้นๆ สำหรับผม Optimus L9 เพียงพอในการใช้งานในทุกด้านครับ ใช้งานลื่นไหล ประสิทธิภาพในการตอบสนองรวดเร็วทันใจ อาจจะมีเกเรให้เห็นบ้างแต่ไม่บ่อย สิ่งที่ดูจะเป็นจุดอ่อนของรุ่นนี้ที่สำคัญ คือหน่วยความจำของตัวเครื่องที่มีให้มาน้อยเกินไปหน่อยครับ คงต้องอาศัยเอาไฟล์มีเดียต่างๆ ไปเก็บไว้ใน SD card เพียงอย่างเดียว นอกนั้น ทุกอย่าง HAPPY Ending ครับ ^^
[box_info]
ระบบปฏิบัติการ Android 4.0.4 Ice Cream Sandwich
จอแสดงผล 4.7 IPS LCD ความละเอียด qHD 960×540 พิกเซล
CPU OMAP4430 dual-core 1GHz
GPU PowerVR SGX 540
RAM 1GB
หน่วยความจำ 4GB, รองรับ microSD card สูงสุด 32GB
Wi-Fi, Wi-Fi Direct, Wi-Fi Hotspot, GPS (A-GPS), Bluetooth 3.0, DLNA
แบตเตอรี่ความจุ 2150 mAh
กล้องหลักตัวหลัง 8 ล้านพิกเซล LED Flash กล้องหน้าความละเอียด
ราคา 11,900
[/box_info]
[gradeB]