Marvel’s Spider-Man 2 เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่อร่อยกว่าเดิม
Marvel’s Spider-Man 2 ก็ยังคงเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ดันอร่อยมากขึ้น ด้วยระบบหลายอย่างที่ใส่เข้ามาจนทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ใหม่ เกมยังคงมีการต่อสู้ที่ลื่นไหล แต่เนื้อเรื่องดันดรอปลงกว่าภาคแรกในหลายแง่ เพราะเกมใช้เวลาเล่าเรื่องตัวละครหลายตัว ทำให้เราไม่ได้โฟกัสคนใดคนหนึ่งมากพอ ก็หวังว่าในอนาคต Insomniac Games คงปล่อย DLC ใหม่สำหรับคลายปมบางอย่างที่ยังไม่ถูกแก้ในภาคนี้ หรืออาจจะไปเล่นในภาคต่อแทนก็ได้ อีกทั้งยังรองรับซับไตเติลภาษาไทยอีกใครที่ไม่แม่นภาษาอังกฤษก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้แน่นอน ถ้าคุณเป็นแฟนสไปเดอร์แมน Marvel’s Spider-Man 2 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
จุดเด่น
- นำเกมเพลย์เดิมมาต่อยอดได้ดี
- ฉากต่อสู้สนุกเหมือนเดิม แอ็คชันหนักขึ้น
- ใช้จุดเด่นของ PlayStation 5 และ DualSense ได้คุ้มมาก ๆ
- นำเรื่องราวทั้งหมดจากภาคก่อนมาร้อยเรียงได้ดีไปอีกแบบ แม้จะไม่อิมแพคเท่าภาคแรก
ต้องปรับปรุง
- เนื้อเรื่องสั้นกว่าที่คิดไว้และไม่เป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่
- การออกแบบหน้าตา UI ในส่วนต่าง ๆ ดรอปลงจากภาคก่อน
- ปัญหาด้าน Performance ที่กวนใจเล็กน้อย
-
เนื้อเรื่อง
-
ภาพและกราฟิก
-
เสียงและดนตรีประกอบ
-
การควบคุมและเกมเพลย์
นับตั้งแต่การมาของ Marvel’s Spider-Man จาก Insomniac Games ในปี 2018 นี่กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ Exclusive จาก Sony ที่น่าจับตามองมากที่สุด จนมีภาคแยกอย่าง Marvel’s Spider-Man: Miles Morales ออกมาในปี 2020 นอกจากเล่าเรื่องตัวละครต่างกันไปแล้วยังมีระบบใหม่ ๆ ใส่เข้ามาอีกด้วย จนกระทั่งการมาของ Marvel’s Spider-Man 2 ภาคนี้คือการรวมจุดเด่นทั้งหมดของเกมภาคก่อนเข้าไว้ด้วยกัน และพวกเรา AppDisqus ก็ลองเล่น Marvel’s Spider-Man 2 กันเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอขอบคุณ PlayStation ที่ส่งโค๊ดเกม Marvel’s Spider-Man 2 บน PlayStation 5 มาให้เราได้ทดสอบกัน หลังจากที่เราได้เล่นจบไปแล้ว Marvel’s Spider-Man 2 คุ้มค้าสมกับการรอคอยหรือเปล่าเราจะมาเล่าให้ทุกคนฟังกัน
การผจญภัยครั้งใหม่ของเพื่อนบ้านที่แสนดี
Advertisement Advertisement Advertisement
เรื่องราวของ Marvel’s Spider-Man 2 จะเล่าเรื่องราวของ Peter Parker และ Miles Morales หลังจากที่ทั้งคู่ผ่านเหตุการณ์การต่อสู้กับ Dr.Octopus และการเข้าไปพัวพันกับบริษัท Roxxon ของ Miles หลังจากนั้นสไปดี้ทั้ง 2 คนต่างก็ต้องก้าวข้ามความเสียใจไปพร้อม ๆ กับการเป็นสไปเดอร์แมน ตัวละครทั้ง 2 ต่างก็ต้องโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้นในด้านของ Peter นอกจากการเป็นสไปเดอร์แมนออกไปปกป้องผู้คนในเมืองแล้วเขาก็ต้องทำหน้าที่เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปด้วย ส่วนตัว Miles กำลังจะก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาลัยซึ่งนี่เป็นช่วงที่ Miles กำลังค้นหาตัวเองอยู่ จนอยู่มาวันหนึ่ง Kraven ผู้นำของ The Hunter ได้มาเยือนมหานครนิวยอร์คเพื่อออกล่าฮีโร่และวายร้ายทั้งหมด แต่เป้าหมายแท้จริงของเขาคืออะไรนั้นยังไม่มีใครรู้
นอกจากนี้ Peter ยังได้กลับมาพบ Harry Osborn เพื่อสนิทของเขาอีกครั้ง ในภาคนี้ก็มีการปูบทเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่าง 2 ตัวละครนี้เพิ่มเติมเพราะในภาคก่อน Harry ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาเลย เท่าที่เรารู้ก็เป็นแค่เพื่อนสนิทกัน แต่เกมให้เวลาเล่าเรื่องตรงนี้น้อยเกินไปจนเราไม่รู้สึกอินไปกับตัวละคร ผมสนใจการเล่าเรื่องในส่วนของ Miles Morales มากกว่าเพราะปมบางอย่างที่เกิดขึ้นจากภาคก่อนก็ส่งผลกับจิตใจตัวละครในภาคนี้ด้วยเช่นกันมันทำให้เราเห็นอีกด้านที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงแม้ตัวละครอื่น ๆ จะมีอีกด้านที่เราไม่เคยเห็นเหมือนกันแต่มันก็ไม่เท่ากับ Miles Morales แต่ก็ติดตรงที่เนื้อเรื่องของเกมสั้นเกินไป บวกกับการเล่าเรื่องหลายตัวละครทำให้เราไม่ได้สำรวจเรื่องราวของตัวละครที่เราสนใจมากพอแบบที่มันควรจะเป็น แต่ก็เข้าใจได้เพราะทั้ง Marvel’s Spider-Man และ Marvel’s Spider-Man: Miles Morales มันปูไว้ก็เพื่อให้เรื่องราวมาถึงจุดนี้
ถ้าใครที่อยากจะเล่น Marvel’s Spider-Man 2 ผมคงต้องขอแนะนำให้คุณเล่น Marvel’s Spider-Man และ Marvel’s Spider-Man: Miles Morales รวมไปถึง DLC ทั้ง 3 ตัวของเกมภาคแรกด้วย เพราะเรื่องราวทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด บางอย่างอาจจะไม่ใช่เนื้อหลักแต่มันก็คือผลของเหตุการณ์ในอดีต อย่างไรก็ตามตัวเกมมีการสรุปเรื่องราวของภาคก่อนให้คุณดู แต่ต้องบอกว่ามันไม่มากพอให้คุณเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมด สุดท้ายคุณก็จะไม่เข้าใจจนต้องหาเกมภาคก่อนมาเล่นอยู่ดี สำหรับ Marvel’s Spider-Man 2 ใช้เวลาเล่นจนจบและเก็บเนื้อเรื่องทุกอย่างให้ครบใช้เวลาราว ๆ 30 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นกว่าภาคแรกเสียอีก มีความเป็นไปได้ว่าปมหลาย ๆ อย่างที่ถูกทิ้งไว้ในภาคนี้อาจถูกนำไปสร้างเป็นภาคต่อหรือ DLC ในอนาคต
ระบบการต่อสู้ที่ตัดของเดิมและเพิ่มสิ่งใหม่จนเกิดประสบการณ์ใหม่
สำหรับเกมเพลย์ของ Marvel’s Spider-Man 2 คือการนำระบบต่าง ๆ จากภาคก่อนมาใช้เหมือนเดิมหมดไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้สุดมันส์ ลื่นไหลและกดดัน รวมไปถึงการระบบการลอบเร้นอีกด้วย เอาเป็นว่าใครที่เคยเล่นเกมภาคที่แล้วมก่อน พอจับภาคนี้ก็สามารถเล่นได้ทันทีแต่ถ้าใครที่ไม่ได้ซ้อมมือมาก่อนแล้วมาเจอกับระบบสกิลแบบใหม่ที่ใส่เข้ามาในภาคนี้ก็อาจงงปุ่มหน่อย ระบบสกิลของตัวละครในภาคนี้จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่สกิลที่เป็นความสามารของตัวละครเช่นพลังของ Symbiote และ Venom Blast โดยสกิลส่วนนี้จะอยู่ที่มุมซ้ายล่างของจอ กับอุปกรณ์ของ Spider-Man เช่นเครื่องยิงใยประเภทต่าง ๆ ความสามารถส่วนนี้อยู่ที่มุมขวาล่างของจอ สกิลเหล่านี้มีให้ใช้อย่างหลายอย่างกับสถานการณ์ทีคุณกำลังเจอ แต่ก็มีบางอย่างที่ผมรู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์ไปหน่อยเมื่อถึงเวลาต่อสู้จริง ๆ
ที่ถูกปรับลดลงไปก็อย่างเช่น Suit Power พลังรูปแบบต่าง ๆ ที่จะปลดล็อกมากับชุดทึ่คุณปลดล็อก หรือ Suit Mod การอัปเกรดความสามารถติดตัวของตัวละคร แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะผู้พัฒนาใส่การอัปเกรดส่วนอื่นเข้ามาทดแทน ถึงชื่อจะแตกต่างกันแต่มันคือความสามารถรูปแบบเดียวกัน ทรัพยากรสำหรับการอัปเกรดก็ยังคงเป็นการใช้ Token ที่หามาได้จากการทำภารกิจต่าง ๆ ในเกมเหมือนเดิม
เมื่อพูดถึงภารกิจก็ต้องบอกว่าในเกมภาคนี้ตัวละครมี Web Wings เข้ามาทำให้เกมมีภารกิจแบบใหม่ที่แปลกหูแปลกตาไปกว่าภาคก่อน อย่างเช่นการไล่ล่าเป้าหมายจากเดิมคุณทำได้แค่โหนใยเท่านั้น แต่ในบางจังหวะคุณต้องใช้ความเร็วสูง การใช้ Web Wings เลยตอบโจทย์มากกว่า แล้วทั่วทั้งเมืองจะมีกระแสลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ตรงไหนที่กระแสลมแรงเกมก็มีไอคอนบอกไว้ การใช้ Web Wings ท่ามกลางกระแสลมจะช่วยให้คุณเคลื่อนที่ได้ไวขึ้นกว่าปกติ จนหลายครั้งการเดินทางของคุณแทบไม่ต้องพึ่งพาการโหนใยเลย
นอกจากนี้ตัวเกมยังมาพร้อมกับระบบการแสดงภารกิจแบบใหม่ที่ในคราวนี้เวลาคุณกดดูภารกิจผู้เล่นสามารถดูได้ในเกมเลยไม่จำเป็นต้องกดเข้าแผนที่เลยแม้แต่น้อย การผจญภัยในเกมภาคนี้เลยรู้สึกลื่นไหลกว่าภาคก่อน อีกทั้งเมื่อผู้เล่นทำภารกิจต่าง ๆ จนเลเวลขอบ District Progress เพิ่มขึ้นถึงเลเวล 2 คุณสามารถ Fast Travel ได้แต่จากเดิมที่เกมจะมีฉากคัตซีนคั่นไว้ มาในภาคนี้เกมไม่มีฉากโหลดเลยแม้แต่ฉากเดียวทำให้ประสบการณ์ที่เราได้รับมีความต่อเนื่องแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณขุมพลังของ PlayStation 5 จริงๆ นอกจากนี้บางภารกิจนั้นถูกกำหนดไว้ด้วยว่าต้องเป็น Peter หรือ Miles ที่จะเล่นภารกิจนั้น เกมเลยใส่ระบบการสลับตัวละครเข้ามาในเกม ถึงแม้จะมีฉากโหลดคั่นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดเลย
ในภาคนี้มีศัตรูใหม่ ๆ เข้ามาแต่พื้นฐานแล้วมันก็เป็นศัตรูจากเกมภาคก่อน ๆ ที่นำมาปรับแต่งเล็กน้อยให้มีความสามารถใหม่ ๆ ศัตรูทุกตัวจะรู้หน้าที่ของตัว ตัวไหนที่โจมตีระยะไกลก็จะคอยโจมตีเราตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เรานิ่งอยู่กับที่ แต่เมื่อเราหลบศัตรูไปบนอากาศ ก็จะมีศัตรูอีกกลุ่มรอโจมตีคุณจากบนฟ้า เรียกว่าเกมนี้มีศัตรูครบทุกรูปแบบ ผู้เล่นจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดีว่าควรจัดกการตัวไหนก่อน
โดยรวมเกมภาคนี้ยังคงกลมกล่อมเหมือนเดิม ตั้งแต่การใส่ระบบเล็ก ๆ อย่าง Web Wings และการแสดงตำแหน่งของภารกิจในฉากของเกม องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ของเกมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงแม้จะมีหลายอย่างถูกตัดทิ้งไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงไปเลยเพราะมันมีสิ่งใหม่ที่คล้ายกันมาทดแทน จนทำให้ผมมองข้ามข้อสังเกตุเล็ก ๆ จุดนี้ไปได้ รวมถึงฉากของเกมที่ขยายใหญ่ขึ้นก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นรวมถึงเหตุการณ์สำคัญมากมายที่รอคุณไปสำรวจอีกด้วย ถ้าใครชอบเกมเพลย์หรือฉากแอ็คชันมันส์ ๆ จากภาคก่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วภาคนี้คุณก็ไม่ควรจะพลาดเด็ดขาดเลย เพราะภาคนี้เขาจัดเต็มจริง ๆ
ดึงศักยภาพของ PlayStation 5 มาใช้อย่างเต็มที่
Marvel’s Spider-Man 2 ยังคงมีการใช้เอนจินเดิมเหมือนกับภาคก่อน แต่การมาของ PlayStation 5 ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ภาคแรกทำไม่ได้อย่างเช่นการ Fast Travel แบบไร้รอยต่อ ไม่มีฉากโหลดสไปดี้กำลังนั่งรถไฟอีกต่อไป และการแสดงผล Ray Tracing ได้แบบ Realtime ตัวเกมมีให้เลือก 2 โหมดคือ Fidelity Mode ที่จะรันเกม 30 FPS ปรับการแสดงผฃกราฟิกออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของเส้นผมหรือการสะท้อนบนพื้นผิวน้ำและกระจก กับ Performance Mode โหมดนี้รันเกมที่ 60 FPS และมีการแสดงผล Ray Tracing ในบางจุดเท่านั้น รวมถึงมีการลดรายละเอียดของเส้นผมกับสภาพการจราจรในเมืองบางจุดให้น้อยลง นอกจากนี้ยังสามารถเปิด VRR และการแสดงผลแบบ 120Hz แต่คุณต้องใช้สาย HDMI 2,1 เท่านั้นและจอต้องรองรับด้วย แน่นอนว่าทั้ง 2 โหมดนี้ทำออกมาได้ดีทั้งคู่ จะมีเฟรมเรตตกบ้างก็ตอนที่ศัตรูกับฉากมีรายละเอียดเยอะ รวมถึงมีบัคหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นตัวละครค้างจนไม่สามารถขยับไปไหนได้หรือสิ่งปลูกสร้างหายก็ไมีให้เห็นในเกมนี้ (ภาพทั้งหมดที่อยู่ในรีวิวนี้เป็นภาพจาก Fidelity Mode ที่ความละเอียด 1080p)
เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่อร่อยมากขึ้นกว่าเดิม
Marvel’s Spider-Man 2 ก็ยังคงเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ดันอร่อยมากขึ้น ด้วยระบบหลายอย่างที่ใส่เข้ามาจนทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ใหม่ เกมยังคงมีการต่อสู้ที่ลื่นไหล แต่เนื้อเรื่องดันดรอปลงกว่าภาคแรกในหลายแง่ เพราะเกมใช้เวลาเล่าเรื่องตัวละครหลายตัว ทำให้เราไม่ได้โฟกัสคนใดคนหนึ่งมากพอ ก็หวังว่าในอนาคต Insomniac Games คงปล่อย DLC ใหม่สำหรับคลายปมบางอย่างที่ยังไม่ถูกแก้ในภาคนี้ หรืออาจจะไปเล่นในภาคต่อแทนก็ได้ อีกทั้งยังรองรับซับไตเติลภาษาไทยอีกใครที่ไม่แม่นภาษาอังกฤษก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้แน่นอน ถ้าคุณเป็นแฟนสไปเดอร์แมน Marvel’s Spider-Man 2 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน