เมื่อพูดถึงเกมแนว Action RPG ที่ผสมผสานกับเกมแนว Hack & Slash หลายคนจะต้องนึกถึงเกมจากทีม Platinum Games และเมื่อพูดถึงเกมจากทีมนี้ทุกคนก็จะต้องนึกถึง NieR: Automata ที่ได้คุณ Yoko Taro มากำกับเกมกันอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน Square Enix และ Platinum Games ประกาศเปิดตัวเกม NieR: Automata The End of YoRha Edition เกมเวอร์ชั่นที่พอร์ตลงเครื่อง Nintendo Switch และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทีมงาน AppDisqus ก็มีโอกาสได้ลองเล่นและสัมผัสโลกของ NieR ในเครื่อง Nintendo Switch เป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องขอบคุณทาง Square Enix ที่ส่งโค้ดมาให้เราได้ลองเล่นกัน NieR: Automata The End of YoRha จะคุ้มค่ากับการรอคอยและน่าซื้อมาเล่นบน Nintendo Switch หรือเปล่ามาดูกันเลย
ต้องเท้าความก่อนว่า NieR: Automata The End of YoRha Edition ก็คือเกมเวอร์ชั่นเดิมที่พอร์ตมาลงเครื่อง Nintendo Switch และรวม DLC ทั้งหมดของเกม ฉนั้นเนื้อเรื่องและเกมเพลย์ของเกมจะยังคงเหมือนเดิมทั้งหมด แน่นอนว่าที่ทาง Square Enix ทำเกมเวอร์ชั่นนี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการเจาะกลุ่มผู้เล่น Nintendo Switch เพื่อให้แฟน ๆ หน้าใหม่มาติดตามซีรีส์นี้มากขึ้น
สำหรับเรื่องราวในเกม NieR: Automata จะอยู่ในยุคที่โลกมนุษย์ล่มสลายมานานนับพันปี ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น 2B แอนดรอยด์ทหารสาวที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับการทำภารกิจต่าง ๆ บนโลกมนุษย์ เพื่อให้โลกสามารถกลับมาอยู่อาศัยได้ ตัวเกมจะเน้นการนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดด้วยปรัชญาต่าง ๆ เริ่มเกมมาผู้เล่นจะไม่รู้เลยว่าโลกของเกมเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น สงครามมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ฉนั้นเกมจะเน้นให้ผู้เล่นออกสำรวจทำภารกิจเสริมต่างฉากให้มาก เพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวของเกมนั่นเอง
สำหรับใครที่เล่น NieR: Automata The End of YoRha Edition เป็นครั้งแรกจะต้องเล่น Drakengard 1-3 หรือ Nier มาก่อนหรือเปล่า บอกตามตรงว่าไม่ต้องเล่นก็พอจะรู้เรื่องอยู่เพราะไทม์ไลน์ระหว่าง Nier กับ NieR: Automata ห่างกันหลักพันปี พูดง่าย ๆ ก็คือเกมนี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่อยู่พอสมควร แต่ทั้ง 2 เกมก็จะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเกมอยู่ในจักรวาลเดียวกันนั่นเอง ถ้าไปลองเล่นสักนิดก็อาจจะดีกว่าสำหรับคนที่อยากจะเก็บเรื่องราวให้ครบ
เกมเพลย์ใน NieR: Automata The End of YoRha Edition ก็เหมือนเกมภาคต้นฉบับตามที่กล่าวไปข้างต้น เกมมีความเป็น Hack & Slash ที่จะโยนผู้เล่นลงไปในโลก Open World ผู้เล่นสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ รวมถึงในระหว่างการต่อสู้ก็สามารถทำคอมโบกับอาวุธได้หลากหลาย และพอต หุ่นยนต์ที่ช่วยให้สามารถต่อสู้ได้ง่ายขึ้น มีการซื้อขายหรือเก็บไอเทมเพื่อเอามาอัปเกรดอาวุธตามสไตล์เกมแนว RPG ทั่วไป
ต้องบอกว่าเกมเพลย์ของเกมไม่ได้มีความโดดเด่นมากนัก แต่ที่ผู้เขียนชอบมากก็คือมุมกล้องของเกมที่มีจังหวะจะโคนที่ดี ในเกมนั้นจะมีการสลับระหว่างมุมกล้องปกติกับมุม Top Down หรือ Side Scrolling อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่บ่อยจนน่ารำคาญ แถมยังใช้ในสถานการณ์ที่ดี ทำให้เกมการเล่นมีความหลากหลายพอสมควรเลย
งานศิลป์และเรื่องราวสุดลึกซึ้งนั่นแหละที่คือส่วนที่ดีที่สุดของเกมนี้ แล้วที่ไม่พูดก็คงจะไม่ได้นั่นก็คือดนตรีประกอบของเกมนี้ดีทุกเพลงและเข้ากับทุกสถาณการณ์มาก ๆ มีน้อยเกมมากที่ดนตรีประกอบจะเพราะไปหมดซะทุกเพลง เมื่อทั้งสามสิ่งนี้ถูกนำมารวมกัน มันทำให้ NieR: Automata กลมกล่อมมาก ๆ ซึ่งสามารถทดแทนกับเกมเพลย์ที่ไม่ค่อยโดดเด่นได้เลย
Performance ของ NieR: Automata The End of YoRha Edition บนเครื่อง Nintendo Switch อยู่ในระดับที่ดีมากเลย แทบไม่อยากจะเชื่อว่า Nintendo Switch ที่มีสเปกเครื่องเก่ามากแล้วจะสามารถเล่นได้ลื่นขนาดนี้ เห็นได้เลยว่าทีมผู้พัฒนาเก่งมาก ๆ ที่สามารถพอร์ต NieR: Automata ลงเครื่อง Nintendo Switch โดยที่เล่นเกมแล้วยังสนุกเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีอาการกระตุกบ้างในจังหวะที่ในฉากมีศัตรูเยอะ แต่ก็ไม่บ่อยเท่าไร
NieR: Automata The End of YoRha Edition บน Nintendo Switch สามารถเล่นได้อย่าลื่นไหล โดยรันอยู่ที่ 30 FPS แบบนิ่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในโหมด Docking หรือ Handheld แต่ว่าที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองโหมดนี้ก็คือ Resolution โดยในโหมด Docking เกมจะแสดงความละเอียดที่ 1080p ส่วนโหมด Handheld เกมแสดงความละเอียดที่ 720p ซึ่งรายละเอียดของฉากในเกมหากนำไปเทียบกับเกมบนเวอร์ชั่น PS4 หรือ Xbox One จะพบว่าในเวอร์ชั่น Nintendo Switch มีการลดรายละเอียดและความคมของ Texture ไปเยอะ รวมถึงตัด Particle Effect หลายจุดออกไป นี่ก็เพื่อให้เกมสามารถเล่นบน Nintendo Switch ได้นั่นเอง หากคุณไม่ใช่เกมเมอร์สายเสพกราฟิกก็จะไม่ซีเรียสในจุดนี้
โดยรวมแล้ว NieR: Automata The End of YoRha Edition ถึงแม้จะมีการปรับกราฟิกของเกมให้ลดลง แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อให้เกมสามารถเล่นบน Nintendo Switch ได้อย่างลื่นไหล แต่มันก็ไม่ได้ลดความสนุกของเกมลงไปเลยเพราะเกมเพลย์, เนื้อเรื่องที่ชวนน่าค้นหา, งานออกแบบสุดล้ำ และดนตรีประกอบที่เสริมโลกของเกมน่าค้นหา ทำให้ NieR: Automata เป็นอีกหนึ่งเกมที่คุณไม่ควรพลาดเลย หากคุณเป็นเจ้าของ Nintendo Switch อยู่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้ลองหนึ่งในเกมน้ำดีจากคุณ Yoko Taro และ Platinum Games แต่ถ้ามีเกมนี้อยู่แล้วบนแพลตฟอร์มอื่นก็มองข้าม NieR: Automata The End of YoRha Edition ไปได้เลยเพราะมันไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม