nubia Neo 3 5G เกมมิ่งโฟนสุดคุ้ม เด่นด้วยไฟ RGB! เปิดตัวแรงในราคาเบาๆ
nubia Neo 3 5G คือคำตอบของเกมเมอร์ที่ต้องการสมาร์ตโฟนสเปคจัดเต็มแต่ไม่ต้องควักเงินหลักหมื่น ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ และดีไซน์ที่แตกต่าง มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะใช้เล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปก็คุ้มค่าในทุกด้าน
หน้าจอขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ บนตัวเครื่องที่มีไฟ RGB สวยงามครบเครื่อง ในตามแบบที่เกมมิ่งโฟนควรจะเป็น
The Good
- ราคาคุ้มค่า – เปิดตัวเพียง 6,999 บาท แต่ให้ฟีเจอร์ระดับเกมมิ่งโฟน
- ดีไซน์โดดเด่น – ฝาหลังมีไฟ RGB เปลี่ยนสีได้ สะท้อนความเป็นเกมเมอร์
- หน้าจอใหญ่ 6.8 นิ้ว / 120Hz – เหมาะสำหรับเล่นเกม ดูหนัง ภาพไหลลื่นสวยงาน สบายตา
- แบตเตอรี่อึด 6,000mAh – ใช้งานได้ยาวนาน เล่นเกมได้ทั้งวัน รองรับชาร์จไว 33W
- ระบบระบายความร้อนยอดเยี่ยม เล่นเกมได้นานตัวเครื่องไม่ร้อนง่ายจนต้องพักบ่อย มีโหมดการชาร์จไฟแบบบายพาสเพื่อลดความร้อนในขณะเสียบไฟใช้งาน
- AI Game Space 3.0 – จัดการประสิทธิภาพเครื่องขณะเล่นเกม ฟีเจอร์ช่วยเล่นเกมเพียบ : แม็ปปิ้งปุ่ม, AI Trigger, ทัชมาโคร, โหมดได้เปรียบมาแบบครบเครื่อง]
- ปุ่ม Dual Shoulder Triggers – เพิ่มความได้เปรียบในการเล่นเกม
- มี AI แปลภาษาสนทนาได้แบบเรียลไทม์
- ลำโพงสเตอริโอเสียงดัง
The Bad
- ฝาหลังเป็นวัสดุมันเงา – เป็นรอยนิ้วมือง่าย ต้องเช็ดบ่อย
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. – ต้องใช้หูฟังไร้สายหรือผ่านอะแดปเตอร์
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากค่าย nubia กับรุ่น nubia Neo 3 5G ที่มาพร้อมสโลแกน “Born To Win” ออกแบบมาเพื่อสายเกมเมอร์โดยเฉพาะ ในราคาที่จับต้องได้เพียง 6,999 บาท วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เน้นหนักด้านเกมมิ่งเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบปุ่มพิเศษ Shoulder Triggers การใส่ระบบ AI Game Space 3.0 และแบตเตอรี่อึดจุใจ 6,000mAh ที่สามารถใช้งาน พร้อมฟังก์ชั่นการชาร์จไฟผ่านตัวแบตไปยังตัวเครื่องโดยตรง เพื่อลดอุณหภูมิการใช้งานโดยรวมในขณะเล่นเกม หรือแม้กระทั่งดีไซน์ฝาหลัง RGB Light ที่เป็นการออกแบบสะท้อนตัวตนของเกมเมอร์อย่างชัดเจน
เรียกได้ว่าแต่ละฟีเจอร์เป็นเกมมิ่งโฟนตัวจริง และมาโดดเด่นที่สุดอยู่ในระดับราคา ต่ำกว่า 7,000 บาท ในขณะนี้แล้วครับ
ในบทความนี้
ดีไซน์ดุดัน มีไฟ RGB สะท้อนตัวตนเกมเมอร์
จุดที่น่าสนใจของ nubia Neo 3 5G คือดีไซน์ฝาหลังพร้อม RGB Light ที่เรืองแสงได้ สร้างความเท่และไม่ซ้ำใคร สามารถเปลี่ยนสีได้ 5 สี และเปลี่ยนสไตล์การแสดงรูปแบบแสงได้ 4 อย่าง โดดเด่นมากโดยเฉพาะเมื่อใช้งานในที่แสงน้อย
เพิ่มความมีสไตล์ในแบบเกมเมอร์ โชว์แสงไฟด้านหลังในขณะเล่นเกม สามารถกำหนดหน้าที่ให้ไฟ RGB ด้านหลังแสดงเป็นไฟแจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า หรือแสดงสถานะในขณะชาร์จแบตได้
ปรับแต่งสีไฟของ RGB และกำหนดหน้าที่ของแสงไฟ รวมถึงรูปแบบการกระพริบได้ที่หน้าการตั้งค่าภายในเครื่องครับ ไม่ต้องกลัวเปลืองพลังงาน เพราะนอกจากควบคุมได้เองแล้ว สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็แบตเตอรี่เยอะมากพอจะให้เปิดไฟทิ้งไว้ได้ทั้งวันโดยที่ไม่กินพลังงานมากนัก
nubia Neo 3 5G มีหน้าจอขนาดใหญ่มาก 6.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ความสว่างสูงสุด 1,000 nits ถือว่าแสงสว่างดี ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย รองรับรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz เพื่อให้ภาพคมชัด ลื่นไหล ในขณะเล่นเกม
ลำโพงสเตอริโอคู่เสียงดังมาก เปิดดังสุดลำโพงเสียงไม่แตก ใช้งานภายในห้องไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่ม ระบบเสียงจัดเต็มด้วยเทคโนโลยี DTS:X Ultra เพิ่มมิติและความชัดของเสียง ให้การเล่นเกมหรือชมคอนเทนต์มีความสมจริงยิ่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้ยืนหนึ่งในกลุ่มราคานี้คือ Dual Shoulder Triggers ปุ่มสัมผัสพิเศษที่ด้านบนขอบเครื่องซ้ายขวา ใช้เป็นปุ่มควบคุมเกม โดยเฉพาะเกมแนว FPS หรือ MOBA จะสร้างความได้เปรียบมาก เราสามารถตั้งค่าให้ตอบสนองตามสไตล์การเล่นของเราได้ทันที
ใช้ที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องตรงปุ่มพาวเวอร์ ทำปุ่มเป็นสีตัดกับสีตัวเครื่อง สวยงามดีครับ
หนึ่งในไฮไลต์ที่สายเกมไม่ควรมองข้ามคือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000mAh ช่วยให้เล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปได้ยาวทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงาน รองรับการชาร์จไว 33W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที
แม้จะเน้นเกมมิ่ง แต่ nubia Neo 3 5G ก็ไม่ละเลยในด้านกล้อง โดยมาพร้อมกล้องหลัง 50MP พร้อมกล้องเสริม 2MP สำหรับการถ่ายภาพทั่วไป และกล้องหน้า 16MP มีฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพใส่มาเยอะพอสมควร
รองรับการซูมภาพสูงสุด 10x แบบดิจิทัล จากที่ลองทดสอบสามารถถ่ายภาพได้ที่ 5x ยังดูคมชัดอยู่ใช้ได้ มีโหมดถ่ายภาพครบ ทั้งถ่ายภาพกลางคืน, ถ่ายภาพบุคคล, และโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ใส่มาให้ใช้หลายตัวครับ คุณภาพกล้องพอใช้ได้ แม้ราคาเครื่องจะไม่แพง ติดตัวเอาไปใช้ท่องเที่ยวได้ ภาพถ่ายสวย คม ใช้เวลาโฟกัสไม่นาน
ในด้านการเชื่อมต่อ nubia Neo 3 5G รองรับ WiFi แบบ Dual Band ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz , Bluetooth 5.4, เครือข่าย 5G แบบ 2 ซิม ให้ถาดใส่แบบสองสล็อตไฮบริด เปลี่ยนใส่ microSD Card ได้ในสล็อตซิมที่สอง
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีที่ชาร์จ 33W แถมมาให้ พร้อมกับเคสพลาสติกที่สามารถโชว์แสงไฟตัวเครื่องด้านหลังได้เห็นอยู่ครับ และสายดาต้า USB Type-C
ข้อเสียของการออกแบบเครื่อง Neo 3 5G ก็มีนะครับ นั้นคือตัวเครื่องฝาหลังเป็นวัสดุมันเงา จะมีรอยมือให้เช็ดบ่อยมาก และไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. ในตัวครับ
การใช้งานภายใน ออกแบบมาเพื่อคนเล่นเกมโดยเฉพาะ
ตัวเครื่องขับเคลื่อนด้วยชิป Unisoc T8300 แบบ Octa-core 2.2GHz รันด้วยระบบ Android 15 ครอบทับด้วย MyOS 15 ให้ RAM มาในขนาดรวม 20GB ( 8GB จริง + 12GB Virtual RAM) และหน่วยความจำภายใน 256GB
ชิปเซ็ตรุ่นนี้ทำผลทดสอบได้ดีครับ มีประสิทธิภาพน่าสนใจ จากการลองทดสอบใช้ในการเล่นเกม ถือว่าเล่นได้ดีเลยครับ ไม่ได้ไหลลื่นแบบเครื่องรุ่นใหญ่ราคาแพงก็จริง แต่ก็สามารถเล่นเกมได้ดีกว่าเครื่องมาตรฐานในระดับราคาเดียวกัน อาจจะบอกได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ได้ความแรงสูงกว่าระดับราคาจำหน่ายครับ
นอกจากนี้ยังมี AI Game Space 3.0 ระบบจัดการทรัพยากรที่ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลยิ่งขึ้น รักษาเฟรมเรท ปรับปรุงการใช้พลังงาน
พร้อมความสามารถที่ใส่เข้ามาเพื่อช่วยในการเล่นเกมที่เยอะที่สุดในตลาดเลยทีเดียว เช่นการกำหนดหน้าที่ปุ่ม Dual Shoulder Triggers ด้านบน ว่าต้องการแม็ปปิ้งกับปุ่มกดใดบนหน้าจอ และตั้งค่าให้เป็นปุ่มเทอร์โบหรือการทัชค้างได้ด้วยนะครับ ค่อนข้างเป็นปุ่มที่โกงทีเดียว
มี AI Trigger ที่เราสามารถระบุให้ AI ทัชให้เราได้เองเมื่อตรวจพบสิ่งที่เราระบุเอาไว้บนหน้าจอ อันนี้ก็ค่อนข้างโกงเลยครับ ตั้งเอาไว้ก่อนเลยเวลาเราต้องเล่นเกมแคชชวล หรือกดชิงรางวัล โกงมากครับ ไม่ต้องอยู่หน้าจอเลยด้วยซ้ำ และสามารถตั้งชุดการทัชมาโครเอาไว้ล่วงหน้าได้ด้วย อันนี้ก็ได้เปรียบเพิ่มไปอีก 555
มีอีกหลายฟังก์ชั่นครับ เช่น ใส่ฟิลเตอร์ขยายบางส่วนบนภาพ หรือย้อมสีฉากให้เห็นฉากได้ชัดมากขึ้น, ตั้งเป้ายิง, มีอะไรเยอะมากจริงๆ สำหรับสายเกมในระบบของ Neo 3 5G
ด้วยความที่ nubia เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนเกมมิ่งแบรนด์หนึ่ง ที่มีอุปกรณ์เสริมสำหรับสายเกมเปิดตัวมาเยอะมาก จึงมีแอป Go Per สำหรับการควบคุมและตั้งค่าอุปกรณ์เสริมเหล่านั้นติดตั้งมาให้ในเครื่องด้วยครับ นำมาใช้งานคู่กันได้เลยสำหรับอุปกรณ์จากซีรี่ส์ Red Magic
MyOS 15 ใน Neo 3 5G ใส่หน้าล็อคสกรีนและวอลล์เปเปอร์ที่ดูเข้ากับสายเกมมิ่งใส่มาเยอะมาก ทั้งวอลล์เปเปอร์แบบเคลื่อนไหว และไอคอนต่างๆ ถูกใจสายเกมมิ่งแน่นอน
Neo 3 5G มีคุณสมบัติพิเศษอีกหลายอย่างที่น่าใช้ครับ เช่น Live Island การใช้พื้นที่บริเวณกล้องหน้าเป็นพื้นที่แสดงผลพิเศษ บอกสถานะไฟเข้าในขณะเสียบชาร์จแบตเตอรี่ หรือการแสดงการเล่นเพลงให้เราเห็นแบบเรียลไทม์
Live Island เป็นช็อตคัดในการเข้าควบคุมแอปที่แสดงอยู่ได้ทันทีในอีกทางหนึ่งด้วยครับ สวยงามและมีประโยชน์
nubia AI ระบบอัตโนมัติช่วยเหลือการใช้งาน และการแปลภาษา
มีระบบ AI ใส่เข้ามาให้ใช้งานด้วยครับ เช่นระบบแปลภาษาสนทนาแบบเรียลไทม์ ในเครื่อง Neo 3 5G เราสามารถโทรศัพท์คุยกับชาวต่างชาติ โดยให้ AI ทำการแปลภาษาเป็นเสียงที่เราเข้าใจได้ครับ รวมถึงสามารถบันทึกคำสนทนาเอาไว้เป็นข้อความให้เรามาอ่านย้อนหลังได้ด้วยเช่นกัน
การจับสัญญาณ 5G แบบอัจฉริยะ ด้วยการที่ Neo 3 5G รองรับ 5G ได้ทั้งสองซิม ตัวระบบ AI จะสามารถจดจำและวิเคราะห์คุณภาพสัญญาณ และสลับไปมาได้ระหว่าง WiFi และสัญญาณ 5G จากทั้งสองซิมครับ เพราะเกาะกับสัญญาณที่ดีที่สุดในขณะนั้นได้เองแบบอัตโนมัติ ถ้าเราเปิดความสามารถตัวนี้เอาไว้
ระบบการปรับแต่งภาพด้วย AI มีใส่เข้ามาครบ ทั้งการลบวัตถุบนภาพ สามารถลากและวงสิ่งที่ต้องการลบ และ AI จะลบให้ได้เองอย่างเนียนๆ
ปรับปรุงความคมชัดของภาพ ลดความเบลอ ปรับแต่งด้วย AI ได้หลากหลายมากสำหรับระบบจัดการภาพใน Neo 3 5G
สรุป: สมาร์ตโฟนเกมมิ่งตัวจริง
nubia Neo 3 5G คือคำตอบของเกมเมอร์ที่ต้องการสมาร์ตโฟนสเปคจัดเต็มแต่ไม่ต้องควักเงินหลักหมื่น ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ และดีไซน์ที่แตกต่าง มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะใช้เล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปก็คุ้มค่าในทุกด้าน
หน้าจอขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ บนตัวเครื่องที่มีไฟ RGB สวยงามครบเครื่อง ในตามแบบที่เกมมิ่งโฟนควรจะเป็น ในราคาแค่ 6,999 บาทเท่านั้น