OPPO Enco Air2 หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดของ OPPO มาพร้อมสโลแกน “Fresh Sound in the Air” มาในดีไซน์โดดเด่นด้วยเคสชาร์จแบบโปร่
แกะกล่อง
มาดูอุปกรณ์ภายในกล่องกันค่ะ มีอะไรมาให้บ้าง
- เคสและหูฟัง OPPO Enco Air2
- คู่มือการใช้งาน
อุปกรณ์ภายในกล่องมีแค่นี้ ทางเราพยายามเคาะกล่องดูแล้วคือมีแค่นี้จริงๆ ตัวเคสออกแบบโค้งมนแบบ Pebble-round ขนาดพอดีกับฝ่ามือ ทรงแบน ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายๆ ไม่รู้สึกเกะกะ น้ำหนักเบามาก หูฟังรวมเคสชาร์จแล้วน้ำหนักจะอยู่ที่ 39.9 กรัมเท่านั้นเอง ยังคงดีไซน์เคสแบบกึ่งโปร่งแสงที่เป็นที่ชื่นชอบมาจากรุ่นก่อน
ด้านหน้ามีไฟบอกสถานะของแบตเตอรี่ ด้านล่างเป็นพอร์ตชาร์จ USB Type-C
เคสของ OPPO Enco Air2 นี้จะช่วยชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าสู่ตัวหูฟังได้มากถึง 6 รอบ รวมเวลาใช้งานได้นาน 24 ชั่วโมงต่อการชาร์จหูฟังและแบตเตอรี่ของเคสให้เต็ม 100% เวลาที่ใช้ในการชาร์จทั้งหมดเฉลี่ยประมาณ 1.5 ชั่วโมง
รวมเคสแล้วแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ตลอดวัน เวลาเดินทางไกลก็ชาร์จให้เต็ม 100% แล้วเราก็ไม่ต้องชาร์จเพิ่มระหว่างวัน
ตัวหูฟังนี่น้ำหนักเบามาก สวมใส่ได้นานใส่สบาย ไม่อึดอัดหรือรู้สึกรำคาญหู ออกแบบมาให้กระชับเข้ากับสรีระหูพอดี ใส่ได้พอดีและใส่สบายด้วยแรงกดที่เบามากจนแทบไม่รู้สึก แรงดันในหูแทบไม่มีอยู่เลย น้ำหนักของหูฟังเพียงข้างละ 3.5 กรัมเท่านั้น
รับรองการกันน้ำระดับ IPX4 หูฟังจึงสามารถทนต่อการกระเซ็นของน้ำทุกวันได้โดยไร้ปัญหา นั่นหมายความว่า ทนต่อการใช้เดินทางท่ามกลางสายฝนโปรยปราย หรือออกกำลังกายอย่างหนักที่ยิม
การใช้งานและการเชื่อมต่อ
OPPO Enco Air2 รองรับระบบส่งสัญญาณแบบ Binaural ส่งเสียงสู่หูฟังสองข้างพร้อมกัน เป็นเทคนิคการเชื่อมต่อของหูฟัง True Wireless รุ่นใหม่ เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth 5.2 มันใช้พลังงานน้อยลง และได้ค่าความหน่วงที่ต่ำ และจะต่ำยิ่งกว่าเมื่อจับคู่การใช้งานของหูฟังรุ่นนี้เข้ากับสมาร์ทโฟนของ OPPO จะมีความหน่วงต่ำมากเป็นพิเศษเพราะถูกจูนมาเพื่อให้เข้ากันเป็นอย่างดี
แค่เพียงเราเปิดฝาเคสของหูฟัง อุปกรณ์สมาร์ทโฟน OPPO ที่อยู่ใกล้ๆ ถ้าเปิดสัญญาณบลูทูธเอาไว้ ก็พบเจอกันและพร้อมเชื่อมต่อใช้งานได้ทันทีเลย
ควบคุมแบบสัมผัสอัจฉริยะ คำสั่งการใช้งานต่างๆ จบบนหูฟัง แต่ยังไงก็ตามเราสามารถเข้าไปตั้งค่าคำสั่งต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึงตัวเลือกเอฟเฟกต์เสียงสเตอริโอ และการบอกระดับแบตเตอรี่คงเหลือได้ในแอป ฯ HeyMelody
แต่สำหรับสมาร์ทโฟนแบรนด์ OPPO เราไม่จำเป็นต้องใช้งานแอปฯ HeyMelody เพราะภายในระบบของโทรศัพท์ มีการติดตั้งความสามารถในการเชื่อมต่อและตั้งค่าที่ครบถ้วนเอาไว้ให้แต่แรกแล้ว และเราสามารถเข้าไปเปิดปิดการใช้งสานฟังก์ชั่นเสียงคุณภาพสูงอย่าง AAC ในการตั้งค่านี้ด้วยเช่นกัน
คำสั่งสัมผัสการใช้งานพื้นฐาน ที่ทัชสั่งงานได้จากตัวหูฟังตั้งแต่แรกเชื่อมต่อ สามารถทำได้แทบครบทุกคำสั่งโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อควบคุม สามารถควบคุมได้ดังนี้
- แตะ 2 ครั้ง ที่หูซ้าย/หูขวาเพื่อเล่นเพลงถัดไป
- แตะ 2 ครั้งเพื่อรับ/วางสาย
- แตะ 2 ครั้งเพื่อถ่ายภาพ
- แตะ 3 ครั้ง เข้าสู่ Game mode
- แตะค้างไว้ แตะหูฟังด้านซ้ายค้างไว้เพื่อลดระดับเสียง และแตะหูฟังด้านขวาค้างไว้เพื่อเพิ่มระดับเสียง เมื่อหูฟังอยู่นอกเคสและกำลังใช้งาน ให้แตะหูฟังทั้งสองข้างค้างไว้ 4 วินาทีเพื่อเข้าสู่โหมดจับคู่
แม้ว่าการควบคุมคำสั่งต่างๆ ทำได้ผ่านตัวหูฟังโดยตรงและมีการตั้งค่าพื้นฐานมาให้อยู่แล้วเกือบทั้งหมด แต่เราก็สามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเพิ่มเติมตามต้องการได้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมกล้องถ่ายภาพได้ด้วยนะ ซึ่งความสามารถต่างๆ เราจะใช้งานได้หลังการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนไปแล้ว
หมดห่วงเรื่องเสี
และสำหรับการเล่นเกม ตัวหูฟังจะมีระบบ Game mode เป็นโหมดที่จะเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดความหน่วงของเสียงให้เหลือในระดับเพียง 80ms เวลาเล่นเกมจะช่วยให้เสียงกับภาพที่เห็นมีความเหลื่อมน้อยมาก แต่ก็จะใช้พลังงานมากขึ้นกว่าปกติตามไปด้วย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปิดการใช้งานได้ทันทีเช่นกัน ด้วยการแตะสามครั้งบนตัวหูฟังค่ะ
พลังเสียงของ OPPO Enco Air2 มาจากการใช้ฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาพิเศษอย่างไดรเวอร์ Composite Titanized Diaphragm Driver ที่มีขนาดใหญ่ถึง 13.4 มม. ด้วยพื้นที่ที่มีให้แผ่นไดอะแกรมด้านในสามารถสร้างแรงลมอัดออกมาได้ ทำให้เราได้ยินเสียงแนวเบสที่หนักจากหูฟังรุ่นนี้
แต่อย่างไรก็ตามทาง OPPO ได้มีการพัฒนาพรีเซ็ตเสียงที่จะสร้างความแตกต่างเพื่อการฟังเพลงและการใช้งานที่ต่างแนวกัน โดยตัวหูจะพร้อมตัวเลือกเอฟเฟกต์เสียงสเตอริโอ 2 แบบ ให้ใช้ ได้แก่ Bass Boost (พลังเสียงเบส) สำหรับการเพิ่มพลังเสียงเบสแบบเต็มที่ และ Clear Vocals (เสียงขับร้องที่ชัดเจน) เพิ่มความใส ชัดเจน เพื่อแนวเพลงหรือภาพยนตร์ที่ต้องการความนุ่มนวลและชัดเจนของเสียงที่มากกว่า
นอกจากเรื่องของคุณภาพเสียงแล้ว หูฟังรุ่นนี้ก็จะมีความเสถียรในการเชื่อมต่อสูงมาก เพราะมีการติดตั้งเทคโนโลยี Dynamic Buffer (ทำงานเฉพาะเมื่อไม่ได้เปิด Game Mode) โดยหูฟังจะเน้นสร้างการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดสัญญาณรบกวนและความไม่ราบเรียบของสัญญาณเสียง
โดยใช้เทคนิคการปรับ Dynamic Buffer ของสัญญาณ Bluetooth ให้เพิ่มขึ้น ค่าความหน่วงไดนามิกของหูฟังรุ่นนี้จะขึ้นลงอยู่ที่ประมาณ 200ms-400 ms สร้างความเสถียรของสัญญาณให้อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม และการเชื่อมต่อก็จะมีความเสถียรมากนั้นเอง เวลาใช้งานก็จะไม่เกิดอาการติดๆ หลุดๆ ให้รำคาญใจ
ลองทดสอบคุณภาพในแต่ละหมวดแนวเพลงกันค่ะ มาดูกันที่เคลมกันว่าเบสหนักแน่นมันจะประมาณไหนกัน กับซาวด์ดนตรีที่เน้นบีทสนุกๆ เบสก็อยู่ในระดับที่ตุบกำลังดีไม่ถึงขนาดขี้หูสะเทือน เบสชัดแน่นทุ้มลึก เสียงกลางเสียงแหลมที่ปรับมาในระดับที่กำลังดี มิติเสียงที่ค่อนข้างกว้างทำให้การฟังเพลงแนวนี้มีอรรถรสมากขึ้นไปอีกค่ะ กับแนวเพลงเมโลดี้สบายๆ รวมถึงซาวด์ดนตรีเน้นไปที่การแสดงอารมณ์ทางเสียงนักร้องก็ทำออกมาได้ดีค่ะ เสียงร้องชัดใส เสี
สำหรับการสนทนา ตัวไมค์รับเสียงของ OPPO Enco Air2 ใช้ระบบ AI deep noise cancellation for calls เพื่อช่วยตัดเสียงรอบตัวให้การสนทนาของผู้ใช้ไร้เสียงรบกวน โดย AI จะเรียนรู้ในการแยกแยะเสียงของมนุษย์ และใช้อัลกอริธึเพื่อแยกเสียงพูดของเราออกจากเสียงอื่นๆ รอบตัว และลดเสียงที่ไม่เกี่ยวข้องได้แบบเรียลไทม์นั้นเอง ไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟหรือติดอยู่บนการจราจรที่คับคั่ง
สเปคหูฟังไร้สาย OPPO Enco Air2
สี – ขาว
รุ่นเคสชาร์จ – ETE12
ขนาดไดรเวอร์ – 13.4mm Dynamic driver
ค่าความไวไดรเวอร์ – 128±3dB
ย่านความถี่ – 20 Hz- 20 kHz
Bluetooth codec – AAC/SBC
Bluetooth version – 5.2
ระยะการเชื่อมต่อ Bluetooth – 10 เมตร
ความจุแบตเตอรี่ – 27 mAh (earbuds) / 440 mAh (charging case)
ระยะเวลาการเล่น – 4 ชั่วโมง (single charge) / 24 ชั่วโมง (with charging case)
ระยะเวลาในการชาร์จ – Earbuds full charge: 1.5 ชั่วโมง Earbuds + Charging case full charge: 2 ชั่วโมง
ระบบชาร์จไฟ – Type-C
มาตรฐานการกันน้ำ – IPX4
น้ำหนัก – รวมน้ำหนักเคสชาร์จ 39.9 กรัม หูฟังไร้สาย : 3.5 กรัม
สรุป
OPPO Enco Air2 สมกับสโลแกน “Fresh Sound in the Air” คุณภาพเสียงดี ให้อารมณ์เสียงได้ทั้งเบสแน่นๆ และเสียงใสๆ ตัวหูฟังพกพาง่าย น้ำหนักเบา และการออกแบบฝาเคสใสที่ดูสมกับสโลแกนด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นการเชื่อมต่อไม่มีปัญหาสะดุดเลยตลอดการทดสอบใช้งาน
ราคาดีมาก เปิดตัวมาที่ 1,999 บาท ตัดสินใจได้ไม่ยาก ออกแบบโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และชอบที่ตัวหูฟังรับคำสั่งการสัมผัสได้หลายรูปแบบ ทำให้เราสั่งงานได้ผ่านตัวหูฟังโดยตรงแทบทุกคำสั่งค่ะ ถ้าจะบอกว่าคุ้มค่าเกินราคาก็คงไม่เกินจริง
มีโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อซื้อตอนนี้จะได้รับลด 500 บาท เมื่อซื้อคู่กับสมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/3sl7IcF