OPPO A53 ครบครัน คุ้มค่า ลำโพงคู่ จอเทพ แบตใหญ่ชาร์จไว สเปคดีน่าใช้ ในราคาแค่ 5,499 บาท
สมาร์ทโฟนราคาไม่แพงแต่น่าใช้มากครับ ในราคา 5,499 บาท แต่ได้ประสิทธิภาพเกินราคาหลายด้านเลย หน้าจอขนาดใหญ่ที่ให้รีเฟรชเรท 90Hz แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้มา 5,000 mAh ลำโพงเครื่องที่ให้มาเป็นลำโพงคู่สเตอริโอลองรับเทคโนโลยีเสียง Real Sound ณกล้องถือว่าดีอีกต่างหาก ทำงานได้ดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ประสิทธิภาพการประมวลผลก็เหมาะสม ใช้งานได้เพียงพอในระบบ Android รองรับสัญญาณ Wi-Fi 5.0 ac และ Bluetooth 5.0 ใช้พอร์ท TypeC รองรับชาร์จไว 18W
เครื่องสวย งานประกอบดี ดูมีเอกลักษณ์และงานปราณีต ครบแล้วครับสำหรับสมาร์ทโฟนในราคาแค่นี้ ถ้าชอบ OPPO และมีงบในมือ 5,499 บาท ซื้อได้เลยครับสำหรับ OPPO A53
The Good
- ราคาดี สเปคคุ้ม นำมาใช้เล่นเกมใช้งานต่างๆ ได้ไม่มีปัญหา
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh พร้อมชาร์จไว 18W
- หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว รีเฟรชเรทสูง 90Hz
- ลำโพงสเตอริโอคู่ รองรับเทคโนโลยี Real Sound
The Bad
- ไม่ชุดหูฟังมาให้ในกล่อง
- เครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่าย
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
สมาร์ทโฟนราคาดี OPPO A53 เปิดตัวมาแค่ 5,499 บาท แต่มอบการใช้งานไม่น้อยหน้าใคร คุ้มค่ามากในทุกด้าน ให้หน้าจอขนาดใหญ่ที่มีรีเฟรชเรทสูง 90Hz แบตเตอรี่ขนาดยักษ์ 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จไว 18W
สเปคเครื่องดีเกินราคาพร้อมใช้ในการเล่นเกม และยังมาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอ ได้ครบทุกอย่างไม่ต้องจ่ายแพง แถมตีตรารับประกันความสวยงามตัวเครื่อง จาก OPPO ^^
OPPO A53 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่สเปคน่าสนใจมากครับ ราคาจำหน่ายเปิดมา 5,499 แต่ให้อะไรมาเยอะแยะมากมาย ซึ่งดูจากสเปคแล้วก็เหมาะสมมากสำหรับงานด้านความบันเทิง เพราะหน้าจอแสดงผลใหญ่ครับ เป็นจอ Neo-Display 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ และในราคานี้เรายังได้หน้าจอรีเฟรชเรทสูง 90Hz ด้วยนะครับ ความไวตอบสนองต่อการทัช touch sampling rate สูงถึง 120Hz มีความสว่างสูง 550 nits สู้แสงใช้งานกลางแจ้งได้
การแสดงผลนับว่าเกินตัว สดใสสวยงามลื่นตา ขอบจอไม่ใหญ่ เจาะรูวางกล้องหน้าไว้เล็กนิดเดียว
หน้าจอรีเฟรชเรทที่สูง 90Hz จะช่วยให้การแสดงผลเวลาใช้งานรู้สึกนุ่มนวลสบายตาเรามากขึ้น และลื่นไหลมากขึ้นครับ เพราะจำนวนภาพที่แสดงต่อวินาทีของหน้าจอมันมากขึ้นนั้นเองครับ
จะส่งผลในแอพหรือเกมที่รองรับ รวมถึงการใช้งานทั่วๆ ไป เช่นการใช้งานหน้าเฟซบุ๊ค แค่เลื่อนหน้าฟีดก็จะรู้สึกว่ามันนุ่นนวลลื่นไหลกว่าปกติแล้วครับ
เราสามารถเข้าไปปรับระดับรีเฟรชเรทของหน้าจอ OPPO A53 ได้ด้วยตัวเองนะครับ โดยจะให้เลือกระหว่าง 60hz และ 90hz หรือจะเปิดไว้เป็นอัตโนมัติให้ตัวเครื่องเป็นคนเลือกตามความเหมาะสมก็ได้เช่นกันครับ
มาพร้อมระบบเสียง “ลำโพงคู่” ซึ่งเป็นการจับคู่ที่ยอดเยี่ยม จอใหญ่ที่มากับลำโพงเสียงกว้างแบบสเตอริโอ รองรับระบบเสียง Real Sound เรื่องภาพและเสียงของเจ้า A53 ก็คุ้มกับราคาค่าตัวมันแล้วครับ
แบตเตอรี่ก็ยังให้มา 5,000 mAh ใช้งานได้ทั้งวันครับ จากที่ทดสอบใช้งานจะอยู่ได้เต็มวันสบายๆ เปิดใช้งานหน้าจอต่อเนื่องจะกินแบตชั่วโมงละประมาณ 10% เท่านั้น ใช้งานกันหนักๆ ก็ยังอยู่ได้ทั้งวันอยู่ดีครับ ยิ่งวันไหนใช้เบาๆ ก็ข้ามคืนไปเลยไม่ต้องชาร์จ
และถ้าจะชาร์จ ก็รอไม่นาน เพราะ OPPO A53 มาพร้อมกับอเดปเตอร์ชาร์จไว 18W มาให้ครับ ชาร์จแบตเตอรี่ 5,000 mAh ได้กลับมา 1นาที 1เปอร์เซ็น โดยประมาณ
ในด้านการประมวลผล OPPO ก้เลือกใช้หน่วยประมวลผลแบรนด์ดีไว้ก่อน โดยเลือกใช้ Qualcomm Snapdragon 460 ให้ RAM 4GB และ ROM 64GB สเปคลงตัว และสเปคนี้เล่นเกมได้ แม้จะไม่ลื่นไหลแบบเครื่องรุ่นใหญ่แต่เล่นได้หมดครับ ไม่ว่าจะเป็นแนวกินสเปคน้อยอย่างเกม MOBA อันนี้สบายๆ , กินสเปคสูงขึ้นหน่อยอย่างเกม RPG หรือ FPS ที่กราฟิกสวยๆ ก็ยังเล่นได้ จะมีกระตุกบ้างแต่ก็ไม่มากจนเป็นปัญหา เลือก CPU ได้ดี ให้แรมมาเพียงพอ ให้รอมมาพอใช้งาน ไม่น้อยไปและไม่มากไปจนราคาแพง
รับประกันฟันธงความคุ้มครับ ราคานี้ กับสเปคนี้ แล้วก็แบรนด์ OPPO จ่ายไม่ต้องเยอะ ได้จอเทพ 90Hz มาใช้ แบตอึดชาร์จไว ลำโพงคู่
ในด้านการเชื่อมต่อก็ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง รองรับ 4G ทั้งสองซิมการ์ด ให้ช่องใส่ซิมมาแบบ 3 สล็อตเพื่อใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 256GB อีกช่องหนึ่ง
ให้ที่ชาร์จเป็น USB Type-C พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 5.0 ac/ Bluetooth 5.0 มีพร้อมทุกสิ่งที่ต้องมี จับสัญญาณ GPS ได้ไวแม้ไม่ใช้อินเตอร์เน็ตช่วย
อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้ทั้งเคสใสซิลิโคน สายดาต้า TypeC และที่ชาร์จ 18W แต่จะไม่มีชุดหูฟังมาให้นะครับในกล่อง
พรีวิวแกะกล่อง OPPO A53 ฝากกด Subscribe ช่อง Youtube Appdisqus กันไว้ด้วยนะ ^^
OPPO A53 ใช้ระบบ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 ฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อความสวยงามและความสะดวกของผู้ใช้มีมาให้เยอะครับ มีทั้งธีมสโตล์ ฟอนท์ตัวอักษร ภาพวอลล์เปเปอร์ การปรับแต่งด้านสีสันเหล่านี้ไม่เคยขาดแคลนใน ColorOS ตัวนี้อยู่แล้ว ^^
โหมดการใช้งานเพื่อการถนอมสายตา ที่มีทั้งโหมดลดแสงสีฟ้าและ “โหมดกลางคืน” สำหรับการปรับเปลี่ยนหน้าเมนูต่างๆ ให้กลายเป็นสีดำ ซึ่งทั้งสองโหมดสามารถตั้งค่าเวลาเปิดปิดอัตโนมัติล่วงหน้าไว้ได้ครับ
หน้าจอใหญ่ๆ เราสามารถแบ่งหน้าจอการทำงานเป็นสองแอพพลิเคชั่นพร้อมกันได้นะครับ และทาง OPPO ก็ออกแบบมาให้เรียกใช้ค่อนข้างง่าย ด้วยการสไลด์สามนิ้วขึ้นด้านบนเท่านั้น ส่วนการสไลด์สามนิ้วลงล่างก็จะเป็นการเซฟภาพหน้าจอนั้นเอง
หน้าจอใหญ่ก็อาจจะสร้างปัญหาได้ด้วยเช่นกันนะครับ เพราะบางสถานการณ์เราอาจจะมีเพียงแค่มือเดียว ก็จะมีโหมดสำหรับการย่อหน้าจอลงให้สามารถใช้งานมือเดียวได้ด้วยครับ
OPPO A53 ยังมีโหมดที่เรียกว่า “โหมดเวลาเข้านอน” ซึ่งคล้ายๆ เป็นโปรไฟล์ที่จะปรับระบบให้อยู่ในเตรียมตัวน้อย ไม่ว่าจะเป็นการปิดเสียงรบกวน และการปรับหน้าจอลดสีให้สบายตาไปพร้อมกัน เป็นโหมดเพื่อสุขภาพของผู้ใช้โดยตรง
ผ่อนคลายได้ด้วย OPPO Relax แอพพลิเคชั่นพิเศษของ OPPO ที่ใส่เข้ามาเพื่อให้ช่วยผ่อนคลาย เป็นแอพที่จะเครื่องมือกำหนดลมหายใจ ทำสมาธิ และสร้างบรรยากาศที่สงบให้ผู้ใช้ได้ผ่อนคลายความรู้สึกระหว่างวันกันได้
ในด้านความสนุกสนาน ทาง OPPO ก็ใส่แอพ Music Party ที่จะสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ของ OPPO ให้ใช้สมาร์ทโฟนหลายเครื่องมาเล่นเพลงเดียวกันได้ เพื่อเพิ่มพลังเสียงและความสนุกสนาน
รวมถึงมีแอพอย่าง Soloop แอพที่จะสามารถช่วยสร้างคลิปวีดีโอสั้น จากไฟล์ภาพและวีดีโอที่อยู่ภายในเครื่องได้ในการคลิ๊กครั้งเดียว
ระบบ Game Space ออกแบบมาสำหรับคนเล่นเกม ปิดกั้นการติดต่อเข้ามาที่อาจจะรบกวนคนเล่น รีดประสิทธิภาพและจัดทรัพยากรณ์ของเครื่องเพื่อการเล่นเกมได้ดีที่สุด โหมดนี่ก็มีใส่เข้ามาให้ใช้ใน A53 ก็จะช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมของเราดีมากขึ้นในเวลาใช้งานครับ
จากที่บอกประสิทธิภาพของ OPPO A53 เอามาเล่นเกมได้ครับ ไม่สะดุดไม่กระตุกสำหรับเกมระดับธรรมดา ถ้าเอาไปเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็อาจจะมีสะดุดให้เห็นบ้างแต่ก็ยังพอเล่นได้แน่นอน
ในเกมที่รองรับเฟรมเรทสูงกว่า 60Hz เมื่อมาเล่นบน OPPO A53 ภาพก็จะลื่นๆ สวยๆ เป็นพิเศษ เพราะภาพเกมจะสามารถไปวิ่งบนเฟรมเรทระดับสูงสุดไปจนถึงที่ 90Hz ได้ครับ
ตัวเครื่องและการออกแบบ
แม้จะเป็นเครื่องที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh แต่เครื่องกลับมาความบางแค่ 8.4 มิลลิเมตรและหนักเพียง 186 กรัม ฝาหลังโค้งไล่เฉดสีอ่อนไปเข้ม โดย OPPO A53 จะมีเข้าไทยให้เลือก 2 สี ก็คือสี Electric Black และอีกสีคือสีน้ำเงิน Fancy Blue ที่เห็นในรีวิวนี้ครับ
เครื่องเบา บาง ถือใช้งานง่ายเพราะฝาหลังโค้ง เป็นงานมาตรฐาน OPPO เช่นเดิม มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังมาให้ (รุ่นนี้รองรับการสแกนใบหน้าด้วย)
เลนส์กล้องหลังสามตัว เป็นเลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล กล้อง Depth ความ
ละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครอีก 2 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับ AI
ตัวเครื่องใช้วัสดุผิวกระจก กรอบเคลือบทำสีโลหะ ไล่เฉดสวยเวลาสะท้อนแสง แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือง่ายครับต้องเช็ดบ่อยๆ
กล้องถ่ายภาพ
OPPO A53 ใช้กล้องหน้าความละเอียดสูงครับ 16 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหลังสามตัวที่ทำงานได้หลายระยะ โดยกล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล โฟกัสวัตถุได้ใกล้สุด 4 เซนติเมตร
สามารถซูมภาพได้ในระดับ 2x, 3x ไม่เสียรายละเอียดไปจากปกติมากนัก ภาพยังคมชัด และซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดที่ 6x ครับสำหรับ OPPO A53
ภาพโฟกัสได้ดี มี AI คอยช่วยปรับแนวภาพทำให้ถ่ายภาพสวยๆ ได้ไม่ยาก ทั้งระยะใกล้แบบมาโคร หรือการซูมภาพได้สูงสุด 6x มิติภาพค่อนข้างดีเลยละครับกล้องชุดนี้ของ A53
กล้องสุดท้ายคือ Depth Camera 2 ล้านพิกเซล ไว้ถ่ายภาพหน้าชัดเบลอ โดยเราสามารถปรับระดับโบเก้ได้ตามใจ ต้องการชัดลึกชัดตื้นแค่ไหนก็ปรับได้ก่อนถ่ายครับ และมีฟิลเตอร์ปรับแต่งสีภาพได้หลายอารมณ์
ตัวอย่างภาพถ่ายในหลายๆ โหมดของ OPPO A53
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ทโฟนราคาไม่แพงแต่น่าใช้มากครับ ในราคา 5,499 บาท แต่ได้ประสิทธิภาพเกินราคาหลายด้านเลย หน้าจอขนาดใหญ่ที่ให้รีเฟรชเรท 90Hz แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้มา 5,000 mAh ลำโพงเครื่องที่ให้มาเป็นลำโพงคู่สเตอริโอลองรับเทคโนโลยีเสียง Real Sound ณกล้องถือว่าดีอีกต่างหาก ทำงานได้ดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ประสิทธิภาพการประมวลผลก็เหมาะสม ใช้งานได้เพียงพอในระบบ Android รองรับสัญญาณ Wi-Fi 5.0 ac และ Bluetooth 5.0 ใช้พอร์ท TypeC รองรับชาร์จไว 18W
เครื่องสวย งานประกอบดี ดูมีเอกลักษณ์และงานปราณีต ครบแล้วครับสำหรับสมาร์ทโฟนในราคาแค่นี้ ถ้าชอบ OPPO และมีงบในมือ 5,499 บาท ซื้อได้เลยครับสำหรับ OPPO A53