OPPO F11 ไม่ต้องสับสนกับ OPPO F11 Pro นะครับ คนละรุ่นกัน และจำหน่ายคนละราคากัน เพราะเจ้า OPPO F11 เปิดจำหน่ายมาแค่ 8,990 บาทเท่านั้นครับ แม้จะมีอะไรแตกต่างกับตัวรุ่นพี่ แต่ยังคุณภาพระดับโปร โดยไม่ต้องมีคำว่า Pro เลย ^^
OPPO F11 ลดองค์ประกอบบางอย่างจากรุ่น F11 Pro ที่ทำให้ราคาเครื่องถูกลงไปได้อีก เช่นไม่ได้ใช้กล้องหน้าแบบ Rising Camera แต่เป็นหน้าจอติ่งหยดน้ำกว้าง 6.5 นิ้วแทน คมชัดยังคงระดับความละเอียด FHD+ กล้องหลังคู่ก็ยังคงใช้กล้องความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ใหญ่ 4020 mAh พร้อมระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge 3.0 เช่นเดิมครับ พร้อมระบบ Hyper Boost ผู้ช่วยหน่วยประมวลผลที่จะสร้างผลลัพท์ให้การเล่นเกม การใช้งานตัวระบบ และการใช้แอพพลิเคชั่น ของ OPPO F11 ทำงานได้ทันใจมากกว่าปกติครับ
เหล่านี้ก็คือจุดเด่นของเจ้า OPPO F11 ที่ดูแล้วก็แทบจะมีความเจ๋งไม่แตกต่างไปจากรุ่นพี่ของมันเลย และจากการทดลองใช้ของผม มันมีจุดน่าสนใจที่ยังคงมาตรฐานงานดีอยู่อีกหลายอย่าง มาดูกันในรีวิวนี้ของ OPPO F11 กันครับ
เริ่มแรกเลยคือตัวเครื่องภายนอก ผมการันตีได้เลยว่าตัววัสดุ งาน การออกแบบ น้ำหนัก ผิวสัมผัส และรูปทรง ถ้าได้ลองจับลองถือตัวจริง ทุกคนต้องคิดว่ามันเป็นเครื่องต่ำหมื่นที่ดูแพงดีจัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO F Series มาหลายรุ่นแล้วละครับ สวยๆ ทั้งนั้น
ใช้การออกแบบสมดุลซ้ายขวา วางโลโก้ ที่สแกนนิ้ว และกล้องถ่ายภาพด้านหลังเป็นแนวเดียวกันทั้งหมด ตัดขอบเลนส์และที่สแกนนิ้วเป็นสีทอง ตัดกับสีเครื่อง (Marble Green) สีนี้ เป็นสีที่ผสมกันระหว่างสีเขียวเข้มและกับสีดำ ดูคลาสสิค ดูขรึม ราคาแพง สะท้อนสีตามสภาพแสงที่ต่างกัน
หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว กินพื้นที่ด้านหน้าเครื่อง 90.90% เลยครับ ขอบจอเล็กรอยบากแบบหยดน้ำ ความคมชัดหน้าจอผ่าน ดูสบายตาด้วยความละเอียด FullHD+ ออกแบบให้มีมุมโค้งตรงขอบหน้าจอเพื่อให้สวยงามมากขึ้น พร้อมเคลือบฟิล์มด้านหน้าตรงบริเวณกล้องให้เลนส์กล้องหน้าเป็นสีดำเข้ากันกับขอบเครื่องและหน้าจอ
ตัวลำโพงของ OPPO F11 เป็นการออกแบบที่ดีครับ มันเป็นลำโพงที่มีรูเสียงสามช่อง ถ้านิ้วหรือมือเราไม่บังทั้งสามช่อง เสียงจะแทบไม่เปลี่ยนไปเลยครับแม้จะเหลือทางออกแค่รูเดียว ซึ่งก็ดี ด้วยตำแหน่งและการออกแบบ ทำให้มือเราไม่ค่อยไปยังเสียงจากลำโพงมันสักเท่าไหร่ครับ และเสียงก็ดังชัดเจนดี เปิดสุดเสียงชัด ไม่แตก
รองรับสองซิมการ์ดแบบ Hybrid นะครับ ต้องเลือกใช้ระหว่างซิมการ์ดที่สองหรือใส่ Micro SD รองรับ 4G ทั้งสองซิมนะครับ
พอร์ตชาร์ตด้านล่างยังคงใช้เป็น Micro USB ครับ ซึ่งเป็นมาตรฐานปัจจุบันของระบบชาร์จ VOOC 3.0 เป็นระบบชาร์จจใหม่สุดของ OPPO มีมาให้ใช้ในรุ่นนี้ด้วย โดยชาร์จกับอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องได้เลย
อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้ครบเลยรุ่นนี้ มีเคสใส ที่ชาร์จและสายชาร์จ ซึ่งรองรับ VOOC 3.0 ฟิล์มกระจกติดมาให้แล้ว มีชุดหูฟังพร้อมเพราะรุ่นนี้ยังมีรูหูฟัง 3.5mm อยู่นะครับ
สรุปด้านตัวเครื่องภายนอกผ่านครับตัวนี้ งานดี ดูแพง จอใหญ่ภาพชัด เครื่องไม่หนาแต่แบตเยอะ มีชาร์จไว ครบสิ่งที่ควรต้องมี อาจจะขาดแค่ถาดใส่ซิมที่เป็นแบบไฮปริดไม่สามารถใส่ซิมที่สองพร้อมใช้ Micro SD card ได้
การใช้งานภายใน
หน่วยประมวลผล Helio P70 นับว่าเป็นหน่วยประมวลผล ที่น่าจะดีที่สุดที่ถูกใช้ในเครื่องระดับกลางของ MTK แล้วครับ ใช้ UI Color OS 6.0 ครอบทับ Android 9 หน้า UI ดูเป็นมิตรใช้งานไม่ยาก เข้าใจง่ายและมีหน้าพิเศษ” ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่จะรวบรวมข้อมูลสำคัญของเราตามการใช้งาน ให้เราสะดวกกับการเรียกใช้แอพสำคัญที่ใช้ประจำ หรือแจ้งเตือนกำหนดการต่างๆ รวมไว้ในหน้าแรกของ UI หน้าเดียวครบเลยครับ
ความไหลลื่นระดับ Mid-High กึ่งกลางกึ่งสูง สามารถเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ได้หมดครับจากที่ผมทดสอบ การตอบสนองอาจจะไม่สุดเหมือนหน่วยประมวลผลรุ่นใหญ่ๆ
หน้าจอชัดเต็มตาครับ สีสันดี จอมีมิติ แสงสด ขอบจอเล็ก ต่างกับรุ่น Pro ที่ติดติ่งด้านบนหน้าจอมาเพียงนิดเดียว
ที่มันทำได้ดีส่วนหนึ่งมาจากระบบซอฟท์แวร์ที่ดีของ OPPO ครับ โดยเฉพาะตัว Hyper Boost เทคโลโนยีหลักภายใน ที่เหมือนเป็นตัวช่วนเหลือหน่วยประมวลผล ด้วยเทคนิคการรวบรวมข้อมูลในหน่วยความจำไม่ให้กระจัดกระจายเพื่อความไวในการเรียกใช้ สามารถรับรู้แอพพลิเคชั่นที่ไม่ใช้แล้วได้อย่างชาญฉลาดแม่นยำเพื่อเรียกคืนหน่วยความจำตามเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า รวมถึงเทคนิคบีบอัดข้อมูลแบบ zSTD ทำให้ระบบสามารถบีบอัดข้อมูลก่อนส่งไปใช้งานได้เพิ่มขึ้นจากปกติ 30% และใช้เวลาลดลง 10%
ทั้งกระบวนการ มันส่งผลให้การเกิดการตอบสนองที่ไวขึ้นทั้งการเปิดปิดแอพ การประมวลผล ซึ่งส่งต่อมาให้เราเห็นผลลัพท์ทั้งการใช้งานระบบเครื่อง การใช้งานแอพพลิเคชั่น และยังส่งผลต่อ Frame rate ขณะใช้เล่นเกมอีกด้วยครับ
ในระบบของทาง OPPO จะมีโหมดสำหรับการเล่นเกมที่ชื่อว่า Game Space มันเป็นโหมดที่ออกแบบมาเพื่อให้เราระบุตัวแอพเกมที่ต้องการให้เครื่องคอยรีดประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในขณะใช้งาน รวมถึงเปิดการปิดกั้นการรบกวนได้ทันทีที่เข้าเกมครับ
โดยเราไม่ต้องสนใจว่าเกมจะรองรับกับระบบหรือไม่นะครับ เพราะเราเลือกที่จะใส่เกมเข้าไปได้ด้วยตัวเอง จากที่ทดสอบระหว่างยังไม่ใส่รายชื่อเกมเข้าไป กับเปิดเกมผ่าน Game Space ตัวเกมลื่นไหลต่างกันชัดเลยครับ และหน้า Game Space ก็ออกแบบได้สวยงามดี น่าใช้ สามารถบันทึกภาพการเล่นเกมของเราไว้ได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเลยครับ
เราสามารถเปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมาซ่อนกันเพื่อทำงานได้พร้อมกับการเล่นในโหมดนี้ด้วยครับ เช่นการอ่านข้อความที่แจ้งเข้ามาโดยไม่ต้องออกจากเกมครับ
มีระบบเสียง Real sound ที่ใช้งานร่วมกับหูฟัง ซึ่งเป็นการออกแบบร่วมกันระหว่าง OPPO และ Direc สำหรับการรับฟังเสียงจากทิศทางที่แน่นอนเมื่อสวมใสา่หูฟังในขณะใช้งานหรือการเล่นเกมครับ ลองใช้แล้วก็ชอบนะครับมันเพิ่มความสมจริงได้อีกมากเลย และยังสามารถให้เราปรับแต่งแนวเสียงตามที่เราต้องการได้ด้วยครับ ต้องการแนวเสียงของป๊อบ, ร็อค หรือแจ็ส ก็สามารถเลือกจากพรีเซ็ตเสียงได้เลยเป็นต้นครับ
จากการทดสอบใช้งาน แบตเตอรี่ขนาด 4,020 mAh ถือว่าอึดนะครับ อยู่กับเราได้ทั้งวัน และที่สำคัญชาร์จไฟกลับไวด้วย เขาว่าระบบ VOOC 3.0 ชาร์จแค่ 80 นาทีแบตเต็ม แต่ตั้งแต่ใช้มาผมยังไม่เคยชาร์จนานขนาดนั้นเลยครับ 555 เพราะยังไม่เคยชาร์จจาก 0% และมันก็ชาร์จไวจริงๆ เสียบไว้ประมาณชั่วโมงนึงแบตก็เต็มแล้ว เพราะความพิเศษของมัน คือการที่ OPPO สามารถทำให้ระบบ VOOC 3.0 สามารถยังคงความสามารถในการชาร์จไวได้แม้แบตเตอรี่จะเกิน 70% ขึ้นไปแล้วก็ตาม ซึ่งตามปกติจะเป็นช่วงที่ระบบชาร์จไวอื่นๆ จะชลอความไวลงกันแล้วนั้นเองครับ
แต่ VOOC 3.0 ยังคงชาร์จไวต่อเนื่องไป และใช้งานไปพร้อมกันได้ โดยเครื่องมีความอุ่นขึ้นเพียงนิดเดียวจนแทบไม่รู้สึกครับ จุดนี้สำคัญ VOOC 3.0 เป็นระบบชาร์จไฟที่ใช้งานแล้วอุ่นใจได้มากในขณะชาร์จครับ
ผลทดสอบต่างๆ
การจับสัญญาณ GPS ทำได้ดีครับจับสัญญาณไว เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz
การถ่ายภาพ
OPPO F11 เป็นสมาร์ทโฟนที่กล้องหลังความละเอียดสูงมากนะครับ 48 ล้านพิกเซล มาพร้อม AI Ultra-clear Engine
พร้อมโหมดการถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยโดยเฉพาะ Ultra Night Mode และโหมดน่าใช้ Dazzle Color Mode ที่จะเพิ่มเติมสีแสงให้ได้ภาพที่สดใสมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
โดยใน OPPO F11 ตัว AI Scene Recognition จะสามารถวิเคราะห์ความแตกต่างของสิ่งที่ถ่ายได้ถึง 23 แบบแล้วนะครับ (ได้แก่ ภาพกลางคืน, พระอาทิตย์ขึ้น/พระอาทิตย์ตก, หิมะตก, อาหาร, ท้องฟ้า, ภาพในอาคาร, หญ้า, ข้อความ/เอกสาร, ภูมิทัศน์, ชายหาด, ดอกไม้ไฟ, ทารก, สุนัข, แมว, สปอตไลท์, ภาพบุคคล, ภาพบุคคลแบบกลุ่ม, ภาพมาโคร, แบล็คไลท์, ภาพถ่ายกับพื้นหลังสีเฉดเดียว(สีเหลือง/สีเขียว/สีน้าเงิน), Moire (ภาพหน้าจอ), ดอกไม้ และ ใบไม้)
แต่สิ่งเหล่านี้ผู้ใช้ไม่ต้องไปท่องจำ หรือทำความเข้าใจอะไรครับ จริงๆ ไม่ต้องไปสนใจเลยก็ได้ มันทำงานของมันโดยอัตโนมัติแม้คุณจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เปิดกล้อง ส่องไปที่สิ่งที่อยากจะถ่าย ทัชโฟกัสจุดที่ต้องการ แล้วก็กดถ่าย
คุณภาพของกล้อง OPPO F11 กับ AI มันจะทำงานของมันเอง ผลลัพท์ก็คือกล้องตัวนี้เก่งมากพอจะถ่ายภาพสวยๆ ให้กับเราได้ทั้งกลางวันและกลางคืนครับ
UI กล้องของ OPPO ในรุ่นหลังๆ ออกแบบมาให้ใช้ง่ายสุดๆ ครับ มีโหมดการถ่ายภาพหลักแค่ถ่ายภาพทั่วไป, ถ่ายวีดีโอ และถ่ายภาพบุคคล ซึ่งโหมดถ่ายภาพบุคคลก็คือการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอนั้นเอง ซึ่ง OPPO ได้พัฒนาระบบจับภาพบุคคลมาได้ดีนะครับ หยิบขึ้นมาส่องเจอหน้าคนทันทีเลย โฟกัสใบหน้าได้แม่นและไวมาก
กล้องหน้าก็มี AI นะครับ ซึ่งปรับใบหน้าใสหน้าเนียนให้ได้อัตโนมัติ จับใบหน้าผู้ถ่ายได้เก่งเช่นกัน ผมว่าซอฟท์แวร์ของ OPPO เก่งเรื่องจับใบหน้าคนมากเลยนะ
ไม่ใช่แค่คน แต่มันจับโฟกัสได้แม่นแทบทุกอย่างครับ ทัชไปที่สิ่งที่ต้องการโฟกัสจับได้แทบทันทีเลย ตัวกล้องมีมิติและสร้างภาพความลึกได้ดีด้วย
มีระบบกาารซูมภาพสองเท่า โดยความละเอียดภาพไม่สูญเสีย เรียกใช้ได้ง่ายๆ เช่นกันด้วยไอคอนบนหน้า UI ของกล้อง
โหมดสำคัญ Ultra Night Mode หรือโหมดถ่ายกลางคืน เปลี่ยนแสงสีกลางคืนให้กลายเป็นความสวยงามง่ายๆ ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องใดๆ เข้าช่วยเลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปท้ายรีวิว
ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง เครื่องภายนอกสวย สเปคใช้งานได้ดี มีกล้องความละเอียดสูงมากและมีโหมดถ่ายภาพที่สำคัญมาครบ
แบตเตอรี่ใหญ่ ใช้งานได้ยาวนาน และชาร์จไวด้วยระบบ VOOC 3.0 ซึ่งเป็นระบบชาร์จแบตที่ดีมากในตลาดตอนนี้ครับ ชาร์จไฟได้ไว ชาร์จไปใช้งานไปไม่ร้อน ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในขณะใช้งาน