OPPO Find X การกลับมาอีกครั้งสำหรับการทำตลาดรุ่น Find ของ OPPO ที่กลับมาคราวนี้ก็กลับมาแบบสะดุดตาเลยครับ จากการออกแบบตัวเครื่องที่ต้องขอชมเลยว่าสวยและแนวคิดดีมาก มีความล้ำยุคด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และการออกแบบที่กล้าจะซ่อนกล้องทั้งกล้องหน้าและกล้องในแบบกลไก ซึ่งไม่ง่ายแน่ๆ ในขั้นตอนการผลิตครับ แต่สุดท้าย OPPO ก็สร้างผลลัทพ์ที่ยกได้ว่าเป็นงานระดับมาสเตอร์พีชออกมาได้สำเร็จ
OPPO Find X เป็นสมาร์ทโฟนดีไซน์จอแสดงผลขอบโค้งมน Panoramic รุ่นแรกของโลก หน้าจอแสดงผล OLED ขนาดใหญ่มาก กว้างถึง 6.4 นิ้ว บนอัตราส่วน 19.5 : 9 แต่ใช้สัดส่วนพื้นที่แสดงผลด้านหน้าได้มากถึง 93.8% ฉะนั้นเครื่องโดยรวมจึงไม่ใหญ่ครับ นับเป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าจอแทบจะไร้ขอบอย่างแท้จริง เพราะไม่มีแล้วรอยบากแปลกๆ ด้านบนขอบหน้าจอ ฉะนั้นในเวลาใช้งานด้านรับชมภาพมันจะเต็มตาสุดขอบ ด้านข้างจอมีความโค้งแบบ 3D รอบเด้าน จึงทำให้รู้สึกว่าหน้าจอมันกินขอบเข้าไปอีกด้วยนะครับ การออกแบบของ Find X ลองส่องไปรอบๆ ตัว จะเห็นรายละเอียดจากการออกแบบในทุกโค้งทุกมุมของเครื่องเลยจริงๆ
มีการเคลือบผิวเครื่องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าจรดด้านหลัง ซึ่งด้านหน้าเครื่องว่างามแล้ว ด้านหลังของ OPPO Find X ยิ่งสวยกว่า งานออกแบบและการให้สีเป็นระดับเครื่องประดับเลยครับ มันจะมีความเหลื่อมเงาของเฉดสีในเวลาสะท้อนแสง โดยทาง OPPO ปล่อยออกมา 2 สีครับ นั้นคือสี Bordeaux Red และ Glacier Blue ซึ่งเป็นตัวที่ผมถือไว้ในมือเครื่องนี้ สวยมากจริงๆ
ในความสวยงามที่ว่า ยังซ่อนนวัตกรรมล้ำยุคเอาไว้ข้างในอีกด้วย นวัตกรรมซ่อนกล้องแบบ Stealth 3D Cameras ทันทีที่คุณต้องการใช้งานกล้องแต่เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที (0.6 วิ) กล้องที่ถูกซ่อนไว้ก็จะปรากฏออกมาพร้อมถ่าย
ต้องบอกเลยว่ามันโผล่กล้องมาได้ดูดีมากครับ ช้าๆ ไม่รีบ ออกมาเนียนๆ แบบนางงามเดินพรมแดง ^^ กางกล้องออกมาแต่ละที คนเห็นมีร้อง “ว้าว” มันทำงานเงียบครับ แทบไร้เสียง มีเพียงการเคลื่อนไหวของกลไกเบาๆ ให้เราพอรู้สึก
ใครที่กลัวว่ากลไกของมันจะช้าไม่ทันใจ ผมบอกเลยว่าคิดผิดครับ เพราะถ้าวัดกันจริงๆ แล้ว กล้องของ OPPO Find X จากสภาพซ่อนไว้จนถึงพร้อมทำงาน ไวกว่าการเปิดกล้องแบบปกติของเครื่องระดับเรือธงบางรุ่นซะอีกครับ เอาว่าตอบสนองไม่มีช้าแน่นอน
ตัวกล้องหน้าก็เช่นกันครับ มันก็แทบจะพร้อมทำงานในทันทีเมื่อเปิดกล้อง หรือแม้แต่ตอนเปิดเครื่องขึ้นมาเพื่อการสแกนใบหน้าก็ไม่ต้องรอครับ การตอบสนองและจังหวะการทำงานของมันไม่ทำให้เกิดการสะดุดใดๆ แค่มองไปที่หน้าจอเอาไว้ (จริงๆ ไม่ต้องมองตรงมันก็สแกนได้แล้ว) ซึ่งสแกนไวและแม่นมาก ในเวลา 0.6 สแกนเสร็จพร้อมเก็บกล้อง และสามารถสแกนได้แม้ในที่มืดสนิทด้วย ผมลองปิดไฟสแกนก็สามารถสแกนได้ทันทีครับ
FInd X เป็นเครื่องที่ไม่มีที่สแกนลายนิ้วมือนะครับ ฉะนั้นจึงต้องมีระบบสแกนใบหน้าชั้นสูงใส่เข้ามา โดยใช้อินฟราเรดประมวลผลจากจุดต่างๆ บนใบหน้าของเรามากกว่า 15,000 จุดในเสี้ยววิ แล้วนำมาใช้ระบุตัวตน ฉะนั้นไม่ใช่แค่การจดจำลักษณะใบหน้าครับ แต่มันอ่านค่าของหน้าเราให้เป็นรหัสแบบดิจิทัล ความแม่นยำของเทคโนโลยีนี้ว่ากันว่าแม่นยำกว่าการสแกนลายนิ้วมือเป็นเท่าตัวครับ
ตัวกล้องจะยืดออกแบบไม่ฝืนมือ อาจจะมีตกใจหน่อยในช่วงแรกๆ ^^ แต่รับรองได้เรื่องความเท่ครับ เราสามารถกดออกโหมดกล้องเพื่อให้กล้องปิดลงโดยอัตโนมัต หรือจะลองกดหัวให้มันเข้าที่เองก็ได้เช่นกันนะครับ ไม่ต้องไปห่วงในเรื่องความทนทานเพราะว่าถ้ามีปัญหายังไงทาง OPPO เขาก็รับประกันครับ ^^ ฉะนั้นเอาให้เต็มที่
อย่าไปกลัวด้านการใช้งาน ดูงามๆ แต่ไม่อ่อนแอครับ เพราะเขาทดสอบแล้วว่ามันมีความแข็งแรงทนทานสูง ตัวกลไกมีอายุการใช้งานประมาณการยาวนานกว่า 5 ปี จากทดสอบเลื่อนขึ้นลงไม่ต่ำกว่ำ 300,000 ครั้ง (ขอบอกว่า ตัวกล้องมีระบบตรวจจับแรงโน้มถ่วงด้วยนะครับ มันจะเก็บตัวเองทันทีเมื่อตรวจจับว่าเครื่องกำลังตกหรือหล่น แต่ผมไม่กล้าลอง 555)
ระบบสแกนใบหน้าของ OPPO Find X มีความปลอดภัยในระดับถูกรองรับให้ใช้ในการชำระเงินได้อย่างปลอดภัยเลยครับ สามารถชำระเงินผ่าน AliPay ในประเทศที่เปิดให้บริการได้ โดยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่ถูกซ่อนไว้ของ Find X เกิดจากการรวมชิปเซ็นเซอร์และกล้องหน้าทั้งหมดเอาไว้ในแผงวงจรเดียวกัน ผลิตยากขึ้นแต่สวยงามเป็นระเบียบสำหรับผู้ใช้ครับ
จากที่สัมผัสตัวเครื่องภายนอก แค่เพียงสิบนาที ผมก็รู้เลยว่างานประกอบของเครื่องรุ่นนี้ทำยากและต้นทุนไม่ธรรมดาแน่นอน ซึ่งต้องชมทีม R&D ของ OPPO เลยครับ ทำออกมาได้ดีจริงๆ
รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual 4G ใช้งาน 4G ได้ทั้งสองสล็อตซิม มีพอร์ตชาร์จที่รองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge (ต้องใช้กับอเดปเตอร์ที่แถมให้มาในกล่อง ) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชาร์จที่ไวกว่าปกติ 4 เท่า เครื่องไม่ร้อนและมีความปลอดภัยสูง แถมพอร์ตชาร์จของเครื่องยังเป็น USB Type C 3.0 ชาร์จไวแล้วก็ยังเชื่อมต่อโอนถ่ายข้อมูลได้ไวด้วยครับ
ตัวเครื่องภายนอกของ Find X คือความพรีเมี่ยมระดับสูงของจริงครับ ทั้งการออกแบบ การให้สี งานประกอบ และกลไกของนวัตกรรมซ่อนกล้อง งานผลิตไม่มีง่าย OPPO ไม่ใช่พูดลอยๆ แต่เป็นของจริงที่เราเห็นผลลัพท์เป็นชิ้นเป็นอัน ฉะนั้นคะแนนสำหรับงานตัวเครื่องภายนอกของ Find X ผมขอให้คะแนน 100/100 เลยครับ
และที่ผมชอบมาก คือไฟแจ้งเตือน ^^ สว่างวาบเป็นแสงเรืองรอบหน้าจอแบบนี้ขึ้นมาเลยครับ วางไว้เฉยๆ ยังทำตัวสวยใส่ 555
การใช้งานภายใน
Qualcomm Snapdragon 845 AIE หน่วยประมวลผลที่แรงที่สุดของ Qualcomm ที่มาพร้อมกับ AI ปัญญาประดิษฐ์สำหรับช่วยเหลือในด้านการใช้งานต่างๆ GPU Adreno 630 พร้อมแรมขนาด 8GB หน่วยความจำ 256GB และระบบ Android 8 ครอบทับด้วย ColorOS 5.1 ใหม่ล่าสุด
สเปคสุด! ไม่มีอะไรคาใจ แรงกว่านี้ก็เครื่องบินแล้ว ^^
นอกจากความแรงแล้วก็ยังพร้อมกับฟังก์ชั่นเด่นๆ อีกหลายตัวครับ แม้หน้าแรกจะถูกออกแบบเอาไว้แบบเรียบง่าย แต่ UI ของ OPPO เด่นอยู่แล้วในเรื่องของลูกเล่น การปรับแต่งได้จากธีมที่อยู่ในสโตร์ มีหน้า Smart Assistant ซึ่งเป็นหน้าที่ผมเรียกว่า “หน้ารู้ใจ” ซึ่งจะรวมไว้ซึ่งข้อมูลที่เราจะใช้บ่อยเช่นเบอร์โทรคนโปรด แอพด่วย หรือแจ้งสภาพอากาศและนับก้าวเดินของเราให้โดยอัตโนมัติ
จากการลองใช้งาน ก็มั่นใจได้เลยว่าประสิทธิภาพของ OPPO Find X อยู่ในระดับสูงสุดของระบบแน่นอนครับ ทั้งด้านความแรงและความเข้ากันของระบบเพราะว่าใช้หน่วยประมวลผลสากลที่เป็น Snapdragon ด้วย การเปิดปิดเข้าออกแอพต่างๆ ทำได้ไวและตอบสนองลื่นมาก
มีความสามารถที่น่าสนใจเช่นโหมดสำหรับการใช้งานหน้าจอแบบเต็มพื้นที่ให้คุ้มค่ากว่าเดิม (นี่ขนาดจอใหญ๋มากแล้วนะ ) โดยการเอาปุ่มควบคุมหลักทั้งสามปุ่มด้านล่างออกไปครับ และใช้การสไลด์นิ้วจากขอบจอด้านล่างแทนคำสั่ง ทำให้เราได้พื้นที่ใช้งานกว้างมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก ^^
สามารถใช้พื่นที่ขอบจอเพื่อเป็นพื้นที่สั่งงานพิเศษ โดยการสไลด์นิ้วสองครั้งเพื่อสลับเปิดแอพล่าสุด หรือการสไลด์สวนทางกันสองข้างเพื่อเปิดฟังก์ชั่น Multi Window ในทันทีครับ
หน้าจอใหญ่ๆ แบบนี้ แบ่งสองจอใช้งานก็ยังเต็มตาครับ ประสิทธิภาพและขนาดแรมที่มีให้มา ทำงานสองแอพได้เหลือๆ แทบไม่สะกิดหรือเกิดอาการสะดุดเวลาเข้าหรือออกแอพเลยครับ
หรือจะเปิดสองแอพซ้อนกันแบบนี้สำหรับขณะใช้งานแอพพลิเคชั่นที่แสดงผลเต็มหน้าจอก็ได้นะครับ รองรับการใช้งานแอพข้อความหรือ Socail Chat ต่างๆ ในขณะที่เราดูหนังก็แชตไปพร้อมๆ กันด้วยได้
เด่นมากในการใส่ฟังก์ชั่นแบบเกสเจอร์เข้ามา ทั้งการเซฟภาพหน้าจอโดยการใช้สามนิ้วลาก หรือการเปิดฟังก์ชั่นหรือแอพด่วนได้ด้วยการวาดสัญลักษ์ตั้งแต่หน้าจอยังล็อก
และ OPPO Find X น่าจะเป็นเครื่องที่ถูกใจคนชอบเล่นเกมแน่นอนเลยครับ ด้วยข้อแรกที่หน้าจอของมันใหญ่ สีสันสดและจอชัดมาก และข้อสองคือจอมันกินพื้นที่สแดงผลสุดขอบ ซึ่งสุดจริงๆ ไม่ทิ้งรอยบากรอยแหว่งอะไรไว้เลย
เต็มตาสุดๆ
และที่สำคัญสุดคือข้อสาม ที่ประสิทธิภาพของมันสูงครับ แถมยังมีโหมดสำหรับคนเล่นเกมที่จะรีดเร้นทุกสิ่งอย่างเพื่อให้การเล่นเกมของเราเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยโหมด Game Space ซึ่งจะตัดการดึงเน็ตหรือป้องกันการแจ้งเตือนจากแอพอื่นที่ติดต่อเข้ามา ให้เหมาะสมขณะเราเล่นเกมโดยทันทีครับ
เรียกว่าถ้าเอา Find X ไปเล่นเกม จะฟินทั้งลูกตา และ อารมณ์ ^^
ตัวเล็กๆ บางๆ แต่เสียงลำโพงดังดีมาก มีแอพ Music Party ใส่เข้ามาให้ในเครื่อง เป็นแอพที่ใช้สมาร์ทโฟนหลายๆ เครื่อง เชื่อมต่อกันเพื่อเป็นลำโพงเล่นเสียงร่วมกันให้กลายเป็นลานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ ^^
แบตเตอรี่ใหญ่ซ่อนรูป กับขนาดแบต 3,730 mAh จอก็เบ่อเริ่ม เครื่องบางนิดเดียวใส่เข้าไปตรงไหน รองรับการ VOOC Flash Charge ที่ชาร์จไวมาก เสียบไว้แพร่บเดียว 5 นาทีถึง 10 นาที ถือออกมาเล่นเกมต่อได้เกือบเป็นชั่วโมง หรือถ้าเอามาโทรก็โทรไปได้อีกร่วมสองชั่วโมงอะครับ ชาร์จไวมาก (นี่ยังไม่เคยได้ลอง SuperVOOC ที่อยู่ในรุ่น Find X Automobili Lamborghini Edition นะ เขาว่าไว้กว่าได้อีก ชาร์จเต็ม 100% ใน 35 นาทีเท่านั้น)
รีวิวมาถึงตรงนี้ จากเครื่องภายนอก มาถึงการทำงานภายใน ก็ต้องบอกว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนที่สุดยอดมากจริงๆ ครับ
กล้องถ่ายภาพ
อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่น OPPO Find X ก็คือการพัฒนากล้องถ่ายภาพของเครื่องให้ดีขึ้นไปอีก ทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้าเลยครับ
ซึ่งคราวนี้ทาง OPPO มีการใส่เทคโนโลยี 3D AI-enhanced camera เข้ามาช่วยมากกว่าแค่พัฒนาในด้านโมดูลของกล้องเท่านั้น โดยกล้องหน้ามาพร้อมกับ AI Beauty ตัวใหม่ที่เรียกว่า 3D AI Beauty ที่ไม่ใช่แค่จับผิวหน้า แต่มันเป็นระบบที่จับ “ทั้งโครงหน้า” เลยครับ
ตัวเซ็นเซอร์กล้อง ใช้เซ็นเซอร์ตัวท็อป IMX 576 ของ Sony ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล f 2.0 มีความแม่นยำในการตรวจจับรายละเอียดบนใบหน้าได้มากกว่า 296 จุด แล้วนำมาวิเคราะห์ปรับได้หลากหลายรูปแบบโดยอิงจากอายุ และเพศรวมถึงสีผิว โดย 3D AI Beauty จะจับหน้าผู้ถ่ายเอาไว้ได้แล้วขึ้นรูปเป็นโมเดล 3D กันเลย มันจึงเข้าใจและปรับแต่งรูปหน้าได้อย่างแม่นยำว่า อันไหนโหนก อันไหนจมูก อันไหนคาง หรือปาก หรือตา แลัวผู้ถ่ายก็จะสามารถมาเลือกสไตล์การปรับหน้าที่ต้องการได้ถึง 4 สไตล์ และในครั้งต่อๆ ไป AI จะช่วยปรับแต่งให้เองตามการอ้างอิงเดิมแบบเรียนไทม์เลยครับ
OPPO พาการเซลฟี่มาไกลขนาดนี้แล้ว 555 สมเป็นแบรนด์เจ้าแม่แห่งการเซลฟี่จริงๆ
ระบบ 3D Omoji การแต่งเติมความน่ารักและความสนุกให้กับการถ่ายภาพบุคคล โดยการใส่ AR เป็น Omoji ที่ OPPO ออกแบบเอาไว้ เป็นการ์ตูนลายน่ารักๆ จับลงบนในหน้าผู้ถ่ายและแสดงผลให้เห็นแบบเรียลไทม์ เพื่อถ่ายภาพหรือวีดีโอเก็บไว้ได้ครับ
กล้องหลังคู่ 16 ล้าน ( IMX 519) + 20 ล้านพิกเซล (IMX376k) มีระบบกันสั่น OIS พร้อม Sensor HDR 2.0 ซึ่งเป็นการถ่ายภาพไล่เฉดแสง 3 ระดับได้ในแต่ละพิกเซล นับเป็นชุดเซ็นเซอร์คุณภาพสูงครับ ทำให้มันถ่ายภาพได้ง่ายกว่าเดิมทั้งในแสงแรงๆ ตอนกลางวัน ด้วย HDR 2.0 และแสงน้อยยามกลางคืนด้วยการช่วยของกันสั่น OIS
มีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการจับสิ่งที่จะถ่ายเพื่อปรับภาพให้เหมาะสมได้ โดยทาง OPPO บอกว่า ตัว AI Scene Recognition 2.0 ที่ใส่เข้ามานั้น แยกตรวจสิ่งที่จะถ่ายได้ถึง 21 ประเภท ปรับภาพให้เหมาะสมได้มากกว่า 800 ซีน ผู้ใช้แค่เพียงส่องกล้องไปยังสิ่งที่จะถ่าย ที่เหลือให้เป็นงานของ AI กล้องจัดการปรับทุกอย่างให้เองครับ
กล้องจะรับรู้เลยว่าเราจะถ่ายอะไร ที่ไหน เช่นถ่ายกลางแจ้ง ถ่ายในอาคาร ถ่ายหมา ถ่ายแมว ถ่ายคน ถ่ายกลางวันหรือกลางคืน กล้องจะปรับภาพให้เหมาะสมกับแสงและสภาพแวดล้อมนั้นๆ ให้เองครับ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรมากมาย
และสำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพบุคคล OPPO ก็มีการใส่ AI Portrait Mode สำหรับการถ่ายภาพคนเข้ามาให้ด้วยครับ เป็นระบบวิเคราะห์การให้แสงแบบสามมิติ (3D Lighting) โดย AI จะจับบุคคลในภาพ แล้วปรับแต่ง จัดแสง ปรับระยะชัดลึกชัดตื้นได้ เหมือนการใช้กล้องโปรถ่ายภาพคนในสตูดิโอเลยครับ แต่เราใช้แค่เพียง OPPO Find X และความสามารถของ AI ที่จะปรับแสงของภาพได้ในโหมดต่างๆ กันถึง 9 โหมด
- กล้องหลัง natural light , film light , mono-tone light , bi-color light , canvas light , shake light
- กล้องหน้า natural light , rim light , face light , bi-color light , canvas light , local light
ซึ่งก็จะช่วยให้มีการจัดแสงเพื่อให้หน้าผู้ถ่ายดูโดดเด่นขึ้นมาในแบบต่างๆ กันครับ ซึ่งผลลัพท์ของกล้องหน้า OPPO Find X ใช้ง่ายตามคาดครับ ถ่ายหน้าไม่หล่อ ไม่สวย ก็ยังออกมาดูสดใสได้ง่ายๆ ถ้าใครหน้าหล่อหน้าสวย ผมว่ายิ่งไปกันใหญ่ละครับ มันมีประกายของตา อารมณ์ภาพ และความชัดใสของกล้องเข้ามาช่วย
ถ่ายเซลฟี่ในที่ร่ม ค่อนข้างมืดนะครับในสถานที่จริง ก็ยังทำให้ดูดีขึ้นได้ (ดูดีแล้วนะเนี่ย ^^)
มีระบบซูมภาพสองเท่าไปม่สูญเสียรายละเอียดครับ โดยการใช้เลนส์หลังคู่ของมันทำการซูม
มีโหมดโปรสำหรับการควบคุมกล้องเอง คนเล่นกล้องที่ชอบถ่ายภาพกลางคืนน่าจะถูกใจครับเพราะปรับสปีดชัตเตอร์ ปรับค่า ISO ปรับสมดุลแสงได้
ยังมีโหมดการถ่ายภาพสนุกๆ ให้ใช้กันในเครื่องครับ ก็แล้วแต่โอกาสที่ต้องการจะใช้ แต่ใช้ถ่ายภาพกันสนุกแน่ๆ ครับ สุดท้ายผมเอาภาพถ่ายมาฝากกันชุดหนึ่งก่อนจากกันในบทความรีวิวนี้ครับ
ภาพถ่ายในที่แสงน้อย ยืนถ่ายไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องนะครับ
สรุปท้ายรีวิว
ระดับสูง พรีเมี่ยม และสวยมาก การออกแบบและงานประกอบรวมถึงการเลือกใช้วัสดุและเฉดสีไปในทิศทางเดียวกัน ให้อารมณ์ของความงามในแนวหรูได้ทันทีที่เห็น มีความกล้าในการออกแบบและตัดสินใจใช้กลไกซับซ้อนเพื่อให้ผลลัพท์ของการสแดงผลที่ไร้รอยบาก จอสุดขอบ ภาพคมสวยงาม
ประสิทธิภาพเครื่องไม่มีจุดอ่อน สเปคเครื่องระดับสูงรอบด้าน กล้องถ่ายภาพถูกพัฒนามากขึ้นทั้งในประสิทธิภาพ ลูกเล่น และความง่ายในการถ่ายภาพ
ยอดเยี่ยมทั้งภายในและภายนอก OPPO Find X พรีเมี่ยมตัวจริง เสียงจริงครับรุ่นนี้
OPPO Find X ราคา 29,990 บาท จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 สิงหาคม จะได้ของแถม เป็น Tripod ชุดขาตั้งกล้อง (มูลค่า 1,700 บาท) และที่ชาร์จแบบไวสำหรับรถยนต์ (มูลค่า 1,500 บาท)
และสำหรับ OPPO Find X Automobili Lamborghini Edition ราคา 49,990 บำท และจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายนครับ