สำหรับ OPPO Find X2 5G และ Find X2 Pro 5G ก็เหมาะกับใครก็ตาม ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอแสดงผลที่ดีที่สุด, กล้องถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ตัวเครื่องสวยหรูดูแพง , สเปคเครื่องที่แรงที่สุด, ระบบชาร์จที่ไวที่สุด, ทั้งหมดรวมอยู่ในเรือธงตัวนี้ของ OPPO แล้วครับ ^^ ของดีในระบบ Android
เป็นสองสมาร์ทโฟนที่รีวิวง่ายดีครับ เข้าใจกันง่ายๆ บอกให้รู้ได้เลยตั้งแต่ต้นรีวิวว่า ทุกสิ่งที่ใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนเรือธงรุนนี้ คือความเป็น “ที่สุด” เพราะนี่คือ “เรือธง ของ เรือธง” ที่เรา Appdisqus ขอยกให้เลยครับ หลังจากที่ได้จับสัมผัสลองใช้งานจริง
OPPO Find X2 | X2 Pro 5G เปิดตัวพร้อมประกาศราคาและโปรโมชั่นออกมาแล้วครับทั้งสองรุ่น โดยมีราคาอยู่ที่ 33,990 และ 40,990 บาทตามลำดับ โดยมีโปรโมชั่นของแถมจากทาง OPPO มาให้เต็มกระเป๋า และสามารถหาซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจได้ในราคาพิเศษ ลดสูงสุดกว่า 15,000 บาทผ่านทางเครือข่ายทั้งสามเจ้า ทั้ง AIS, dtac และ True
OPPO Find X2 Series 5G มีออกมาพร้อมกันสองรุ่นและทั้งคู่เป็นสมาร์ทโฟนในยุค 5G เต็มรูปแบบ (รองรับทั้ง NSA และ SA) รวมถึงเสาสัญญาณใช้งานเทคโนโลยี Wi-Fi 6 ax ด้วย มันมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีระดับสูงเต็มเครื่องครับ ซึ่งเป็นไปตามนิยามของ Find Series จากทาง OPPO ที่ออกรุ่นใหม่มา ต้องมีนวัตกรรมที่นำหน้าคนอื่นด้วยเสมอๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับคนที่อยากได้สัมผัสเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของยุคสมัยนั้นเองครับ
นอกจากรองรับสัญญาณ WiFi 6 แล้ว OPPO Find X2 Series 5G ยังมีเทคโนโลยี “WiFi คู่” เชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi 2.4 และ 5.0G ได้พร้อมกัน เพื่อเพิ่มความเร็วของสัญญาณและความเสถียรในการใช้งานมากขึ้น โดยรองรับกับแอพพลิเคชั่นสำคัญหลายตัว เช่น Facebook, Youtube หรือแม้กระทั่ง Netflix ครับ
OPPO Find X2 Series มาพร้อมกับหน้าจอที่ดีที่สุดด้วยขนาดจอ 6.78 นิ้ว เป็นจอชนิด AMOLED ความละเอียด QHD+ ที่มีอัตรารีเฟรทเรทสูงถึง 120Hz และยังให้เทคโนโลยีการชาร์จไวที่เร็วที่สุดในโลก SuperVOOC 2.0 65W ที่นับเป็นระบบชาร์จไฟที่ทั้งเร็วและปลอดภัยมากที่สุด
OPPO Find X2 Series 5G ทำงานด้วยหน่วยประมวลผลที่ใหม่ที่สุด Snapdragon 865 แรงที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟน Android แรมขนาดใหญ่ 12GB และระบบกล้อง Ultra Vision Camera System ที่ได้รับคะแนนทดสอบจาก DxOMark ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก (แบบที่ OPPO บอกว่าไม่แคร์คะแนนซะด้วย ^^)
รันบนระบบ Android 10 และครอบทับด้วย UI ตัวล่าสุดของ OPPO นั้นคือ ColorOS 7.1 ฉะนั้นเรียกว่า Find X2 Series 5G มันคือศูนย์รวมขีดสุดของเทคโนโลยีที่จะมีให้ในปัจจุบันไปทุกทาง โดยเฉพาะ OPPO Find X2 Pro 5G
ถ้าใคร กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับสูงแบบเครื่องเดียวจบครบไปทุกอย่างที่เหนือใคร ก็ตัดสินใจได้เลยไม่ต้องรออ่านรีวิวให้จบก็ได้ครับ ^^ Find X2 Pro 5G คือคำตอบแน่นอน
โดยความแตกต่างของเครื่อง OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G สองรุ่นนี้จริงๆ ก็มีไม่มากครับ ฟังก์ชั่นเด่นและสเปคเครื่องแทบจะเหมือนทุกอย่าง แตกต่างกันในจุดสำคัญเพียงอย่างเดียวก็คือเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้านหลังเท่านั้นครับ
ตัวเครื่องภายนอก
OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G ตัวเครื่องขนาดจะเท่าๆ กันต่างกันที่ความหนาเครื่องเล็กน้อย แต่คุณจะไม่แน่ใจว่าวัสดุหลักของเครื่องมันคือกระจกหรือโลหะ? มันเงางาม ดูแกร่ง มีความแน่นของพื้นผิวสูงมาก ที่ดูไม่ออกเพราะมันคือผิวเซรามิคหนาแน่นสูง ที่ถูกขัดและเคลือบหลายขั้นตอนจนเกิดพื้นผิวพิเศษ สลักลวดลายลงด้วยเทคโนโลยีนาโน พรีเมี่ยมมากๆ ถ้าในยุคสมัยนี้สมาร์ทโฟนเครื่องระดับกลางๆ จะถูกยกระดับขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับเครื่องระดับสูงได้แล้วละก็ ยังไงก็ยังห่างกับความพรีเมี่ยมของ OPPO Find X2 Seires 5G อีกเยอะเลยครับ
เครื่องที่ผมได้มารีวิว เป็นสี Black ซึ่งสวยงามมากครับ จะออกดำผสมโทนสีเทา
ด้านหลังวางชุดกล้องสามตัว โดยเป็นชุดกล้องเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ OPPO โดยชุดกล้องของตัว Pro จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าในพื้นที่ด้านหลัง และยังมีความหนากว่าเล็กน้อยด้วยเพราะระบบกล้องที่มีเลนส์แบบ Periscope สำหรับใช้ในการซูมภาพได้ถึง 10x แบบ Hybrid Optical Zoom และ 60x แบบ Digital Zoom และส่งผลให้ตัวเครื่องหนักกว่าตัว X2 ปกติเล็กน้อยด้วยครับ
OPPO Find X2 5G
- ใช้กล้องหลัก 48MP (F1.7) Sony IMX586
- เลนส์มุมกว้าง 12MP (F2.2) Sony IMX708
- เลนส์เทเลโฟโต้ 13MP (F2.4)
OPPO Find X2 Pro 5G
- กล้องหลัก 48MP (F1.7) Sony IMX689
- เลนส์มุมกว้าง 48MP (F2.2) Sony IMX586
- เลนส์สำหรับซูม Periscope และเทเลโฟโต้ 13MP (F2.4) All Pixel Omni-Directional PDAF
12bit Raw Shot
โดย OPPO Find X2 Pro 5G จะเป็นเครื่องที่ใช้ชุดกล้องตัวใหม่ล่าสุดและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของ OPPO ในขณะนี้ครับ และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Find X2 Pro 5G มีราคาที่สูงกว่า Find X2 5G นั้นเอง
หน้าจอ 6.78 นิ้ว ใหญ่เต็มขอบ ขอบจอโค้งประมาณ 67.8 องศา ถูกออกแบบมาให้รับกับการถือจับบนเครื่องขนาด Find X2 Series 5G ได้พอดี ปุ่มกดแน่นหนา แค่ลองจับสัมผัสและถือไว้ คุณก็รู้ถึงระดับแล้วครับ
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นทั้งสองรุ่น ในมาตรฐาน IP54 และ IP68 ตามลำดับ
หน้าจอของ OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G นี่คือสุดยอดหน้าจอของยุคแล้วครับ ภาพสวยมาก สีสันสดเป็น AMOLED ที่ให้ค่าความแม่นยำของสีโดยเฉลี่ย 0.4 JNCD ถือว่าให้การแสดงสีที่แม่นยำสูงมาก โดยสามารถแสดงสีได้มากกว่าหนึ่งพันล้านสี เหมาะสมกับงานภาพและวีดีโอ เพราะสีตรงสุดๆ ด้วยมาตรฐาน 100% DCI-P3 WCG จอนี้คือจอระดับมือโปรใช้งานแล้วครับ
แถมยังเป็นจอที่มีค่ารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ทำงานบนความละเอียด QuadHD ความไวการตอบสนองสัมผัส (touch sampling rate) ปาเข้าไป 240Hz กดปั๊บตอบสนองปุ๊บ และให้ค่าความสว่าง 1200nit รองรับเทคโนโลยี HDR 10+ อะไรจะขนาดนั้น ศัพท์เทคนิคเพียบ เอาว่าถ้าจะรีวิวแบบภาษาคนใช้งานก็หมายถึง “จอที่ดีที่สุด” ด้วยการให้เกรดจาก DisplayMate A+ grade เกรดระดับยอดมงกุฏของจอสมาร์ทโฟน เทพขนาดนี้พิสูจน์ไม่ยากแล้วเพราะแค่ลองได้ดูด้วยตาตัวเองแล้วจะเข้าใจทันที ^^
จอนี้รองรับการสแกนลายนิ้วมือ ที่สแกนได้ไวมากๆ ครับ
ระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอที่มีแอมพลิจูดขนาด 0.65cc เสียงดังและแน่นมาก โดยลำโพงใต้เครื่องจะมีเนื้อเสียงที่แน่นกว่าลำโพงด้านบนเพียงเล็กน้อย ทำให้ OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G สร้างเสียงสเตอริโอได้สมบูรณ์แบบ สามารถใช้ในการเล่นหนังฟังเพลง เล่นเกม ได้เต็มอรรถรสโดยไม่ต้องต่อลำโพงภายนอก
รองรับสองซิมการ์ดและพร้อมใช้งาน 5G ในคลื่นความถี่ที่ให้บริการในประเทศไทย (หลังอัพเดทระบบ) โดยสามารถใช้งาน 5G สลับได้ทั้งสองสล็อต และสามารถสแตนด์บาย 4G ได้พร้อมกันทั้งสองซิมครับ
ขนาดแบตเตอรี่สองรุ่น มีความต่างเพียงเล็กน้อย OPPO Find X2 5G ใช้แบต 4200 mAh และ X2 Pro 5G ใช้แบต 4260 mAh เรียกว่าแทบจะเท่ากัน ทั้งคู่มาพร้อมกับระบบชาร์จไวที่เร็วที่สุดในโลกขณะนี้ นั้นคือ SuperVOOC 2.0 65W ไวและปลอดภัยระดับนัมเบอร์วันของวงการสมาร์ทโฟน
ซึ่งที่ชาร์จ SuperVOOC 2.0 65W ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มที่ไหน เพราะมีมาให้ภายในกล่องเลยครับ จะบอกว่า OPPO Find X2 Series 5G หรูหราตั้งแต่กล่องของมันแล้วนะครับ มีความใส่ใจตั้งแต่งานออกแบบบรรจุภัณฑ์
โดยภายในกล่องจะมีเคสใส และหูฟังเสียงดีมาให้หนึ่งชุด โดยสองรุ่นจะให้หูฟังมาแตกต่างกันนะครับ ของ Find X2 Pro 5G จะเป็นแบบ In-Ear สีดำ และของ Find X2 5G จะเป็น Ear-Buds สีขาว แต่ทั้งคู่จะเป็นหูฟังเป็นแบบเสียบ USB-C โดยตรงเลยนะครับ เพราะ OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G จะไม่มีรูหูฟังแบบ 3.5 mm มาให้
การใช้งานภายใน
Android 10 ครอบทับ ColorOS7.1 สวยงามทุกหน้าการใช้งาน ยิ่งได้ลองยิ่งเห็นความปราณีต มันมีเอฟเฟ็กต์การตอบสนองที่สวยงามแม้ภาพวอลเปเปอร์พื้นฐานของเครื่อง กอปรกับประสิทธิภาพชุดประมวลผลที่สูงของเครื่อง ทำให้ทุกการสั่งงานไวมาก แทบจะอยากใช้คำว่า “ดีด” มันดีดใส่เราทันทีที่เราทัช
ไล่กระบวนการประมวลผลของเครื่องรุ่นนี้ ก็ต้องพูดกันตั้งแต่หน้าจอที่รับคำสั่งเราเลยครับ ความไวในการตอบสนองต่อการสั่งงานของ Find x2 Series 5G อยู่ที่ 240Hz ซึ่งไวมากๆ สำหรับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน มันรับคำสั่งและส่งข้อมูลมายังชุดประมวลผลที่ประกอบไปด้วย CPU Snapdragon 865 ที่ทำงานคู่กับ RAM ชนิด LPDDR5 ที่เป็นมาตรฐานใหม่สุดของสมาร์ทโฟน แถมมีขนาด RAM ใหญ่ถึง 12GB ไม่มีคำว่าคอขวด และใช้หน่วยความจำแบบ UFS 3.0 โดยมีขนาดที่ต่างกันในสองรุ่นสำหรับ ROM นั้นคือ 256GB และ 512GB ตามลำดับ
ส่งผลลัพท์ออกมาบนหน้าจอแบบ 120Hz ที่มีความละเอียด QHD+ ที่ขั้นตอนทั้งหมดรวดเร็วปาน “ดีด” ใส่หน้าคุณกันเลยทีเดียว
ผมไม่เคยใช้เครื่อง Android ที่มีความไวในการตอบสนองได้เร็วขนาดนี้มาก่อนครับ เพราะอาจจะเป็นเครื่อง Snapdragon 865 เครื่องแรกที่ผมได้ลองใช้งานด้วย จึงค่อนข้างจะประทับใขผลลัพท์ในการใช้งานของมันมากเลยทีเดียว
ซอฟท์แวร์ของ OPPO ทำมาได้ดีเสมออยู่แล้ว เป็นระบบ UI ที่ไม่ค่อยมีปัญหา โดยใน ColorOS เวอร์ชั่น 7.1 มีการพัฒนามาทั้งความสวยงามและความสามารถเลยครับ
ในเรื่องของความสวยงาม ColorOS 7.1 ถูกออกแบบมาให้สวยงามในเชิงของ “ความสบายตา” โดยจะมีไอคอนพื้นฐานมาให้ถึงสามรูปแบบสำหรับเลือกใช้งานครับ พร้อมทั้งสามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ในเรื่องของขนาดและกรอบไอคอน
ใช้วอลล์เปเปอร์ชุดใหม่ ที่เป็นการร่วมมือกันออกแบบกับศิลปินระดับโลกในการทำภาพพื้นหลังให้กับ OPPO Find X2 Seires 5G โดยจะมีทั้งภาพพื้นหลังแบบนิ่ง และแบบภาพเคลื่อนไหวครับ
มีโหมดกลางคืน ที่จะปรับหน้าตาเมนูและการใช้งานต่างๆ ให้เป็นโทนสีดำ หรือจะเรียกว่า Dark mode ของ OPPO ก็ได้ครับ นอกจากจะช่วยในเรื่องลดแสงเพื่อความสบายตาแล้ว ในโหมดมืดจะยังช่วยลดการใช้พลังงานของหน้าจอแสดงผลได้อย่างมากอีกด้วยนะครับ
นอกจากโหมดกลางคืนที่จะช่วยถนอมสายตาได้ตลอดทั้งวันและกลางคืนแล้ว ยังมีระบบถนอมสายตาเพิ่มเติมมาให้ด้วยนะครับ สำหรับการตั้งค่าให้เปิดใช้งานตามเวลาที่เรากำหนด เป็นการลดแสงสีฟ้าลง หรือจะให้หน้าจอของเรากลายเป็นจอภาพแบบขาวดำเลยก็ได้นะครับ เหมาะสำหรับใช้งานอ่านหนังสือนานๆ แบบหน้าจอ e-Ink ตัว ColorOS 7.1 ก็ทำให้เราได้
OPPO Find X2 Seires 5G จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดตัวนึงครับ มันชื่อว่า “Ultra Vision Engine” เจ้าตัวนี้สำคัญครับ ทุกคนควรรู้จัก
Ultra Vision Engine เป็นระบบที่ใช้ชิพพิเศษด้านการประมวลผลภาพ เข้ามาช่วยปรับปรุงภาพวีดีโอในขณะเล่นบนเครื่อง OPPO Find X2 Seires 5G โดยเฉพาะ เพื่อให้ภาพวีดีโอนั้นๆ ได้ใช้งานศักยภาพหน้าจอระดับสูงของ OPPO Find X2 Seires 5G ได้อย่างเต็มที่
โดยจะเข้ามาเพิ่มศักยภาพของตัววีดีโอได้สองรูปแบบนั้นคือ การปรับสีและรายละเอียดของภาพวีดีโอที่เป็นแบบ SDR ให้กลายเป็นแบบ HDR โดยอัตโนมัติ เพิ่มขอบเขตสีของภาพในวีดีโอได้มากขึ้น มองเห็นส่วนที่มืดและแสงจ้าได้มีรายละเอียด รวมถึงดึงสีที่จมลงไปให้เด่นชัดขึ้นมา เพื่อการรับชมวีดีโอที่สวยงามขึ้นบนหน้าจอ HDR ของ Find X2 Seires 5G ครับ
และอีกหนึ่งความสามารถที่น่าทึ่ง ก็คือระบบ Ultra Vision Engine ยังจะสามารถชดเชยเฟรมเรทของวีดีโอที่ถูกบันทึกมาในอัตตรา FPS ที่ต่ำ เติมเข้าไปให้เป็นวีดีโอเฟรมเรทสูง ซึ่งรองรับการเพิ่มเฟรมเรทวีดีโอให้เป็น 60fps ได้แบบเรียลไทม์ทันทีที่เปิดคลิป และยังสามารถเพิ่มเฟรทเรทให้ขึ้นไปสูงได้ถึง 120fps ได้ด้วยครับ แต่ต้องใช้งานในขณะที่เราจำเป็นต้องปรับความละเอียดของจอภาพลงมาเป็นความละเอียด FullHD+ เท่านั้นนะครับ
โดยหน้าจอของ OPPO Find X2 Seires 5G จะปล่อยให้เรากำหนดได้ ว่าต้องการใช้งานจอบนความละเอียดเท่าไหร่ มีให้เลือกระหว่าง FullHD+ และ QHD+ และยังกำหนดอัตตราเฟรมเรทของจอภาพได้ว่าต้องให้ทำงานอยู่ที่ระดับกี่ Hz โดยกำหนดได้ทั้ง 60Hz และ 120Hz
โดยทั้งสองหัวข้อ เราสามารถปล่อยให้ระบบ AI ของเครื่องคอยปรับแต่งให้ได้ในการตั้งค่าไว้ที่ “เลือกอัตโนมัติ” นะครับ ระบบจะจัดการปรับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ให้อย่างเหมาะสมของมันเอง เป็นการประหยัดพลังงานและยังคงประสิทธิภาพของหน้าจอเอาไว้ในการทำงานที่รองรับ
ไม่ใช่แค่เรื่องของภาพนะครับ ทาง OPPO ยังได้ใส่ใจในเรื่องของ “เสียง” ให้กับ Find X2 Seires 5G ด้วย โดยใส่ลำโพงคู่คุณภาพสูงและระบบเสียง Dolby มาให้ภายในระบบ อีกทั้งยังยกเครื่องใหม่สำหรับเสียงริงโทนต่างๆ ของ ColorOS 7.1 มีการปรับเสียงเรียกเข้า เสียงแจ้งเตือน และเสียงของระบบการทำงานใหม่ทั้งหมด โดยการร่วมมือกับ ร่วมมือกับ Epic Sound บริษัทออกแบบเสียงที่มีผลงานร่วมกับแบรนด์และบริษัทชั้นนำทั่วโลก มาออกแบบเสียงต่างๆ ให้กับระบบ โดยการใช้เสียงทั้งหมดที่มาจากเสียงของธรรมชาติ เพื่อทำให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ เวลาใช้ OPPO Find X2 Series 5G นั้นเองครับ
แถมยังมีแอพพลิเคชั่นตัวพิเศษที่หลายคนคงยังไม่เคยเห็นมาก่อน มันคือ “OPPO Relax” แอพพลิเคชั่นเสียงที่สุดยอดมากครับ เป็นแอพที่ใส่เสียงสำหรับการปลอบประโลมชีวิต ใช้เปิดคลอการทำงาน เพื่อเพิ่มสมาธิและผ่อนคลายจิตใจ ยังมีผลต่อการนอนหลับอีกด้วย
โดยภายในแอพ จะมีฟังก์ชั่นสำหรับกำหนดลมหายใจ เหมือนเป็นเครื่องมือช่วยในการนั่งสมาธิ และยังมีชุดเพลงประกอบตามสถานการณ์ที่เหมาะสมต่างๆ รวมถึงเสียงบรรยากาศจำลองของธรรมชาติ เช่นเสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง เสียงป่าอันเงียบสงบ หรือแม้แต่บรรยากาศแสงแดดยามเช้า ซึ่งบางรูปแบบเสียงจะรองรับกับเทคโนโลยี Dolby ATMOS ระบบเสียงรอบทิศทาง ให้เราสวมหูฟังเสพบรรยากาศรอบตัว ผ่อนคลายด้วยเสียงจำลองผ่านแอพพลิเคชั่น OPPO Relax ตัวนี้ได้ครับ ^^
มีแอพพลิเคชั่นสำหรับการทำคอนเทนต์ด้านวีดีโอ Soloop ซึ่งเป็นแอพตัดต่อวีดีโอที่เก่งมาก แค่เลือกไฟล์ภาพหรือวีดีโอที่เราต้องการจะนำมาทำเป็นคลิป แล้วเลือกแนวธีมที่เข้ากัน ใช้เวลาไม่นานเราก็จะได้คลิปวีดีโอเท่ๆ ไว้แชร์ได้ในไม่กี่วินาทีแล้วครับ
สำหรับเรื่องความลับส่วนบุคคล ตัวระบบ Color OS7.1 มีระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัวหลายรูปแบบให้เลือกใช้ครับ เช่นการแยกบัญชีในเครื่องสำหรับสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่ต่างกัน โดยสามารถเพิ่มบัญชีเข้าใช้งานแยกเป็น บัญชีผู้ใช้หลัก บัญชีผู้ใช้ย่อย และบัญชีผู้เข้าชม ซึ่งแต่ละบัญชีจะใช้รหัสต่างกันและเข้าถึงข้อมูลคนละชุดกันแ โดยผู้ใช้บัญชีหลักจะเข้าไปจัดการบัญชีอื่นๆ ได้ทั้งหมดหรือเป็นบัญชีเจ้าของเครื่องนั้นเอง รวมทั้งมีความสามารถในการล็อคแอพพลิเคชั่นบางตัวที่เราไม่อยากให้ให้ผู้อื่นเปิดได้โดยการใส่รหัสเอาไว้
และที่ผมชอบมากที่สุด คือพื้นที่ “ความปลอดภัยส่วนตัว” มันจะเป็นเหมือนพื้นที่ลับที่จะซ่อนไฟล์ต่างๆ เอาไว้ภายใน โดยจะไม่แสดงให้ใครเห็นจนกว่าจะมีรหัสเข้าพื้นที่ส่วนตัวของเราซะก่อน เอาไว้ซ่อนทุกอย่างที่ไม่อยากให้ใครเห็นนั้นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วีดีโอ ไฟล์เสียง สามารถเก็บได้หมด ^^
และมีพื้นที่สำหรับเด็กด้วยเช่นกัน ในกรณีที่เราจำเป็นต้องให้เครื่องกับบุตรหลานไว้เล่นเกมหรือรับชมคอนเทนต์ต่างๆ เราสามารถควบคุมได้ครับ ว่าต้องการให้ใช้งานแอพหรือเกมอะไรได้บ้าง หรือรับชมคอนเทนต์อะไรได้ โดยสามารถล็อคไว้ด้วยรหัสความปลอดภัย และกำหนดเวลาใช้งานให้กับบุตรหลานของเราได้ล่วงหน้าด้วยครับ
ในด้านฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ของเครื่อง OPPO FInd X2 Series 5G ถือว่าเยอะมากนะครับ ยังมีอีกมากมายเลยที่ผมไม่ได้พูดถึงในรีวิวนี้ เพราะมันเยอะมากจริงๆ ปรับแต่งได้แทบทุกอย่าง เห็นหน้าตา UI เรียบๆ แบบนี้ แต่ฟังก์ชั่นเพียบเลยละครับ
ล่าสุด กับการจับมือร่วมกันกับ Vivo และ Xiaomi ระบบแชร์ไฟล์ของ OPPO Share สามารถส่งไฟล์ข้ามค่ายไปหาเครื่อง Vivo และ Xiaomi ด้วยความเร็วแบบ WIFi Direct ได้แล้วนะครับใน OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G
มาดูฟังก์ชั่นด้านการเล่นเกมกันบ้างดีกว่าครับ ด้วยประสิทธิภาพของเครื่อง OPPO Find X2 Series 5G คงไม่ต้องพูดถึงศักยภาพในการเล่นเกมอะไรให้มากนักแล้วนะครับ ลื่นเร็วกว่านี้ไม่มีแล้ว นี่คือระดับท็อปสุดๆ
ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพการตอบสนองของเกมและกราฟิก เร็วและลื่นมากๆ หวังผลเลิศกันได้เลยสำหรับเครื่องรุ่นนี้ รวมกับหน้าจอระดับสูง ภาพสวยและเนียนตามากครับ ภาพใหญ่เต็มขอบ ระบบเสียงดังแน่นดี เครื่องนี้คือความสุดยอดในการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน Android แล้วละ ^^
และใน ColorOS 7.1 ยังมีระบบช่วยเหลือผู้เล่น ด้วยโหมด Game Space ที่จะเป็นศูนย์การควบคุมการทำงานของเครื่อง เพื่อให้เหมาะสมในขณะเล่นเกม เช่นการเคลียร์ระบบต่างๆ เพื่อให้เครื่องมีประสิทธิภาพสูงสุด ปิดกันการใช้เน็ตของการทำงานอื่นๆ เพิ่มเสริมความเสถียนให้กับการเล่นเกมเป็นต้น รวมถึงปิดกั้นการแจ้งเตือนที่ติดต่อเข้ามา และอาจจะขัดจังหวะการเล่นเกมของเราได้ครับ
โดยในหน้า Game Space จะเป็นศูนย์รวมไอคอนเกมที่เราเพิ่มใส่เข้ามารวมกันไว้ได้ เพื่อที่จะให้โหมดเกมเปิดการทำงานทันทีที่เราเรียกใช้เกมในหน้านี้ครับ
มีโหมดที่สามารถปรับแต่งได้ตามความเหมาะสม คือโหมดสมดุลสำหรับการเล่นเกมโดยทั่วไป และโหมดประหยัดพลังงานเมื่อเราต้องการเล่นเกมแต่ยังคงถนอมพลังงานของแบตเตอรี่ไว้ใช้งานระหว่างวัน และโหมดแข่งขัน ที่จะให้ความสำคัญกับการเล่นเกมในขณะนั้นมากที่สุด ทั้งประสิทธิภาพเครื่อง แบตเตอรี่ และการปิดกั้นการติดต่อเข้ามาในช่วงเวลานี้ครับ
เราสามารถเรียกใช้ชุดคำสั่งพิเศษในขณะเล่นเกมได้ด้วยนะครับ โดยการสไลด์มุมหน้าจอลง เพื่อเรียกใช้แอพสำหรับการแชตเช่น Facebook Messenger หรือ WhatsApp เป็นต้น รวมถึงเปิดปิดการทำงานของระบบแจ้งเตือน โดยในหน้านี้จะแจ้งสถานะของเครื่องไว้ทั้งหมด ทั้งจำนวนแบตเตอรี่คงเหลือ คุณภาพสัญญาณเน็ต หรือแม้แต่การทำงานของ CPU, GPU และเฟรมเรทของหน้าจอในขณะนั้นๆ ครับ
การใช้งานในด้านการเล่นหายห่วงครับ ด้วยความแรงที่สูงมากของ OPPO Find X2 Seires 5G ใช้ได้อีกนานและยาวไกลเลยครับ
ในเรื่องของแบตเตอรี่ OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G ทั้งคู่มีขนาดแบตที่ใกล้เคียงกัน และให้อายุการใช้งานระหว่างวันเท่าๆ กันเลยครับ โดยสามารถใช้งานต่อเนื่องแบบเปิดหน้าจอตลอดเวลาได้ประมาณ 7 ชั่วโมง ถือว่าแบตอึดนะครับเมื่อดูจากขนาดหน้าจอและประสิทธิพาของตัวเครื่อง และสามารถใช้งานทั่วไปได้ตลอดทั้งวันครับ ถือว่าเป็นเครื่องที่ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่สักเท่าไหร่
แต่ที่สำคัญคือระบบชาร์จไฟของมัน ต่อให้แบตหมดจริงๆ ก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะ OPPO Find X2 Series 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ชาร์จไฟได้ไวที่สุดในโลก ด้วยระบบ SuperVOOC 2.0 65W สามารถชาร๋จแบต 4,260 mAh ของ OPPO Find X2 Pro 5G จากแบตหมดก้อนจนเต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ 38 นาทีเท่านั้น!
เรียกว่าเสียบแพร่บเดียว ทำตัวเผลอๆ แล้วหันกลับมาอีกทีแบตก็กลับมาเกือบจะเต็มแล้วแน่นอนครับ ^^ แค่สิบนาทีก็ ได้แบตกลับมาเพิ่มอีก 35% แล้ว
โดยตัว OPPO Find X2 Series 5G จะรองรับเทคโนโลยีการชาร์จ SuperVOOC 2.0 และ SuperVOOC รุ่นก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ ใครที่มีอุปกรณ์ชาร์จ SuperVOOC เช่นตัวชาร์จในรถที่เขาแถมในช่วงพรีออร์เดอร์ตอนนี้ ตัวเครื่องก็รองรับด้วยเช่นกันนะครับ โดยจะแสดงสัญลักษณ์ชัดเจนว่ากำลังใช้เทคโนโลยีอะไรประจุไปเข้าแบตอยู่ในขณะนี้ ทำออกมาสวยงามครับ
โดยระบบ SuperVOOC 2.0 ไม่ใช่แค่เป็นระบบชาร์จไวที่มีความไวสูงมาก แต่ยังมีความปลอดภัยสูงมากด้วยเช่นกันครับ ด้วยการออกแบบรับบรักษาความปลอดภัยห้าระดับ ที่ไล่ไปตั้งแต่ตัวอะแดปเตอร์ สายไฟ ไปจนถึงตัวโทรศัพท์มือถือ
และผมต้องบอกว่าใครได้มาสัมผัสระบบชาร์จแบตตัวนี้เข้าไปแล้วละก็ ระบบชาร์จอื่นๆ จะรู้สึกช้าไปเลยละครับ ^^ แต่ยังไงก็ตาม ตัว OPPO Find X2 Series 5G ยังสามารถใช้งานร่วมกับตัวชาร์จไว 9V2A หรือระบบ QC/PD adapters ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันได้ด้วยนะครับ
กล้องถ่ายภาพ
กล้องหน้าของทั้งสองรุ่นจะเป็นกล้อง 32 ล้านพิกเซลทั้งคู่ แต่กล้องหลังต่างกันเยอะพอดูครับ
กล้องหลัง OPPO Find X2 5G
- ใช้กล้องหลัก 48MP (F1.7) Sony IMX586
- เลนส์มุมกว้าง 12MP (F2.2) Sony IMX708
- เลนส์เทเลโฟโต้ 13MP (F2.4)
- ระบบซูม 5x Hybrid Optical | 20x Digital
กล้องหลัง OPPO Find X2 Pro 5G
- กล้องหลัก 48MP (F1.7) Sony IMX689
- เลนส์มุมกว้าง 48MP (F2.2) Sony IMX586
- เลนส์สำหรับซูม Periscope และเทเลโฟโต้ 13MP (F2.4)
- ระบบซูม 10x Hybrid Optical | 60x Digital
ผมจะบอกว่าไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดพิกเซล และระยะการซูมเท่านั้นนะครับ จากที่ทดสอบ ตัว X2 Pro 5G จะมีความคมความเข้มของมิติภาพ และความลึกที่สมจริงสวยงามกว่าตัว X2 5G ในอีกระดับนึงครับ
เพราะจะบอกว่า ชุดกล้องของ Find X2 Pro 5G เป็นระบบใหม่หมด ด้วยระบบ Ultra Vision Camera System ที่มาพร้อมกล้อง Sony IMX689 ความละเอียด 48ล้านพิกเซล + เลนส์ Sony IMX586 ultra-wide-angle ความละเอียดสูง 48MP เช่นกัน + เลนส์ Periscope Telephoto 13ล้านพิกเซล สามเลนส์นี่คือสุดยอดเลนส์ของสมาร์ทโฟนทั้งสามตัวเลยครับ
หน้า UI กล้องของ OPPO Find X2 5G มีการออกแบบใหม่เล็กน้อย ด้วยระบบการซูมที่เป็นแบบวงแหวนเมื่อต้องการลากระยะซูมด้วยตนเอง ตัว Find X2 5G จะรองรับการซูม 5x แบบ Hybrid Optical และ 20x แบบ Digital Zoom ส่วนตัว X2 Pro 5G จะรองรับการซูม 10x แบบ Hybrid Optical และ 60x แบบ Digital Zoom
ซึ่งระบบซูมภาพของทั้งคู่ถูกพัฒนามากขึ้นในรุ่นที่สอง จะมีความนิ่งของการจับภาพในขณะทำการซูม ช่วยให้ถ่ายภาพในระยะซูมไกลได้ง่ายขึ้นเยอะมากครับ ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ก็ยังพอจะซูมภาพ 20x-40x ได้นิ่งมากพอจะถ่ายภาพได้ และในระดับ 60x ก็ถือว่าดีกว่ารุ่นเดิมมากครับ
ตัวกล้องจะมี AI คอยช่วยเหลือในยามที่มันตรวจจับซีนหรือวัตถุที่เรากำลังจะถ่ายได้ โดยจะปรับโหมดกล้อง ปรับสีและแสงให้เขากับสิ่งที่ถ่ายโดยอัตโนมัติครับ เช่นถ่ายภาพบุคคลก็จะปรับภาพแบบชัดลักชัดตื้นให้ในทันที หรือตรวจจับว่าถ่ายภาพในยามกลางคืนก็จะเข้าโหมดกลางคืนให้เช่นกัน
รวมถึงถ้านำกล้องไปใกล้วัตถุจนเข้าระยะมาโคร ตัวกล้องก็จะเปิดโหมดมาโครเลนส์สำหรับการโฟกัสวัตถุระยะใกล้ให้ในทันที
ตัวกล้องยังรองรับการซูมภาพได้ในขณะอยู่ในโหมดมาโครได้ด้วยอีกต่างหาก จะเปิดเลนส์ไวด์ในโหมดมาโครก็กดเลือกได้เลย หรือจะซูมภาพเข้าไปใกล้วัตถุจนเห็นรายละเอียดที่มากขึ้นกว่าเดิมก็ได้เช่นกันนะครับ แค้โหมดมาโคร ก็ยังมีสามารถถ่ายได้หลายระยะด้วย
ตัวกล้องของ Find X2 Pro 5G ทำผมรักมากครับ แค่เปิดโหมดธรรมดาแล้วถ่าย ความลึกของภาพที่เกิดจากตัวเลนส์และ AI มันระดับใกล้กล้องโปรมากเลยนะครับสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงในตอนนี้ ภาพสวยมากๆ
เลนส์มุมกว้างเก็บแสงได้ดี มี HDR ช่วย และขอบภาพไม่เกิดการผิดส่วนมากเกินไป
ภาพมุมกว้าง Ultra Wide Angle ของ Find X2 Pro 5G
ภาพมุมกว้าง Ultra Wide Angle ของ Find X2 5G
เลนส์ซูมหวังผลได้ในระยะ Hybrid Optical Zoom (5x สำหรับ Find X2 5G และ 10x สำหรับ Find X2 Pro 5G) ระยะของไฮปริดซูมหวังภาพในแบบสวยงามได้ครับ แต่ในระยะไกลกว่านั้นออกไปที่ใช้ความสามารถ Digital Zoom จะเป็นการซูมเพื่อประโยชน์ด้านอื่นมากกว่า เช่นการซูมเพื่อถ่ายเก็บข้อมูลหรือซูมเพื่อให้เห็นมากกว่าการถ่ายเพื่อความสวยงามครับ
โดยในระยะ Hybrid Optical Zoom ภาพยังคม สียังสวย และถ่ายง่ายด้วยระบบกันสั่นที่ OPPO ใส่เข้ามาช่วยประคองการถ่ายภาพในเครื่องทั้งสองรุ่นครับ
Find X2 Pro 5G รองรับ Hybrid Optical Zoom 10x
OPPO Find X2 5G รองรับ Hybrid Optical Zoom 5x
โหมดถ่ายภาพกลางคืนก็เป็นรุ่นใหม่เช่นกัน Ultra Night Mode 3.0 รองรับการซูมภาพและรองรับการถ่ายภาพกลางคืนด้วยเลนส์มุมกว้าง ultra-wide-angle ฉะนั้นใช้งานถ่ายโหมดกลางคืนตัวนี้ ได้เหมือนถ่ายตอนกลางวันเลยครับ ^^ อยู่ไกลๆ ยังซูมเห็นตัวอักษรคมชัดครับ
ด้วยระบบกล้องใหม่ที่ทำออกมาเพื่อรองรับการซูม และการถ่ายภาพกลางคืนที่ลดการสั่นไหวของกล้อง ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกันครับ และใช้เวลาบันทึกภาพไม่นาน
แถบทุกโหมดจะรองรับการถ่ายภาพในหลายระยะ ทำให้ใช้งานกล้อง Find X2 Series 5G ได้หลากหลายสถานการณ์
ตัวอย่างภาพถ่ายของ OPPO Find X2 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายของ OPPO Find X2 Pro 5G
ในด้านวีดีโอ จริงๆ แล้วก็เป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้นะครับ เพราะนับเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกที่รองรับการจับโฟกัสในขณะถ่ายวิดีโอด้วยรูปแบบ All Pixel OmniDirectional PDAF หรือการใช้พิกเซลทั้งหมดของเซนเซอร์ในการตรวจจับวัตถุ ทำให้การถ่ายวีดีโอของ OPPO Find X2 Seires 5G จะตรวจจับสิ่งที่โฟกัสได้ต่อเนื่องไปทั้งหน้าเลนส์ จับโฟกัสต่อเนื่องได้แม่นยำมากๆ นั้นเองครับ จากการทดสอบให้กล้อง Find X2 Pro 5G มาตรวจจับใบหน้าของผู้รีวิว มันจะตามหน้าเราได้ตลอดแบบหนีไม่หลุดเลยไม่ว่าจะมูฟหน้าตัวเองไปตรงไหนของภาพ
มีโหมดการถ่ายภาพแบบ Ultra Steady Video 2.0 หรือโหมดกันสั่นพิเศษ เป็นการเก็บภาพวีดีโอที่ลดการสั่นของภาพให้เราได้เหมือนกล้องแอคชั่นแคมนั้นเองครับ
รวมถึงการถ่ายวีดีโอแบบ Live HDR (มีในรุ่น Find X2 Pro 5G) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขอบเขตของสีและเกลี่ยแสงเงาได้แบบเรียลไทม์ในขณะถ่ายวีดีโอ ด้วยฟังก์ชั่นนี้เราจะไม่ต้องกลัวการถ่ายวีดีโอในโลเกชั่นที่มีความต่างของแสงและเงา เพราะระบบจะจัดสรรดูแลรายละเอียดเหล่านั้นให้เราได้แบบเรียลไทม์เลยครับ
โดยในโหมดวีดีโอของกล้อง OPPO Find X2 Seires 5G ยังสามารถทำการซูมภาพขณะถ่ายได้ต่อเนื่องด้วยนะครับ และยังมีระบบ Audio Zoom เมื่อเราซูมภาพไปยังวัตถุใด ตัวระบบก็จะปรับการรับเสียงจากจุดนั้นให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เหมือนการได้เข้าใกล้สิ่งนั้นมากขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพแต่เป็นเรื่องของเสียงด้วย
ก็ต้องบอกว่าทำมาเพื่องานวีดีโออย่างเต็มตัวไม่ต่างจากภาพนิ่งด้วยเช่นกันครับ ภาพนิ่งยอดเยี่ยมมาก งานวีดีโอก็มีเทคโนโลยีใหม่ เรื่องของกล้องถ่ายภาพก็เหลือกินเหลือใช้ มีให้มากกว่าสมเป็นเรือธงในซีรี่ย์ Find ที่ OPPO เน้นขายนวัตกรรมครับ
ทั้งหมดเหล่านี้ผมต้องบอกว่ายังแค่เป็นบางส่วนของสุดยอดสมาร์ทโฟนสองรุ่น OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G เท่านั้นนะครับ คัดมาให้ดูกันแต่ฟีเจอร์หลักที่น่าประทับใจ ภายในยังมีอีกมากมายที่รอให้ผู้ใช้ได้ลองสัมผัสกันเอาเอง แต่ก็ขอฟันธงเลยครับว่าสุดยอดมาก เทคโนโลยีที่ดีที่สุดอยู่ในเครื่องหลายด้านมากๆ สมกับราคาและการรอคอยครับ
OPPO Find X2 5G และ X2 Pro 5G มีการเปิดจองแล้วผ่านทางร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และเครือข่ายทั้งสามเจ้าของเมืองไทย AIS, dtac และ True ตามโปรโมชั่นในลิงก์นี้เลยครับ