เรือธงครบรอบสิบปีของ OPPO Find Series ทำมาได้ประทับใจผมมากครับ ตั้งแต่เห็นความสามารถจากในข่าวหลุด ข่าวลือ จนมาถึงงานเปิดตัว จนมาได้สัมผัสลองใช้งานเครื่องจริง OPPO Find X3 Pro 5G ยกให้เป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องความยอดเยี่ยมไปในทุกด้าน และเป็นเรือธงของเรือธงในตอนนี้สำหรับผมเลยครับ
ครั้งแรกของโลก 10-bit Full-path Colour Engine ระบบการประมวลสีตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึงการแสดงผล
หน้าจอแสดงผลระดับเกรด A+ จาก Display Mate การแสดงผลระดับ 10-bit พันล้านสี HDR10+ ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรทปรับระดับอัตโนมัติ 5-120Hz บนจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ความสว่างสูงสุดระดับ 1300nits เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ขอบจอเล็กมากๆ คิดเป็นสัดส่วนหน้าจอต่อพื้นที่สูงถึง 92.7% ขอบจอบางจนแทบไม่มี รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอโดยตรง ความตรงของสีสัน 0.4 JNCD ในระดับมืออาชีพ ผมคงไม่ต้องบอกว่าจอภาพมันสวยงามมากแค่ไหน อยากจะให้ได้เห็นด้วยตาตัวเองกันครับ ไปสุดจริงๆ
หน้าจอของ OPPO Find X3 Pro 5G มาครบหมด ทั้งในด้านคุณภาพ ความคมชัด เทคโนโลยี สีสัน ความสว่าง และยังไปมากกว่านั้นคือตัวซอฟท์แวร์ที่ OPPO ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานได้กำหนดเอง
ULTRA VISION ENGINE การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์ที่อาจจะทำมาดีไม่พอกับคุณภาพของหน้าจอ เราสามารถเปิดโหมดเพิ่มความคมชัดของรูปภาพวีดีโอได้ หรือจะเปิดใช้ตัวช่วยปรับแสงสีของวีดีโอ ที่บันทึกมาเป็นไฟล์ SDR ให้กลายเป็นแบบ HDR สวยงาม คม รายละเอียดครบ ภาพจะลึกขึ้น เป็นฟังก์ชั่นที่เราจะพบได้ในอุปกรณ์สมาร์ททีวีครับ แต่ทาง OPPO เอามาใส่ในอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของเขาด้วย
เราสามารถกำหนดค่าความละเอียดของหน้าจอได้เอง ระหว่าง FHD+ (2412×1080) และ QHD+ (3216X1440) หรือจะให้ระบบเป็นตัวปรับตั้งให้เราเองโดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมของเนื้อหาที่กำลังทำงาน
ปรับอัตราการรีเฟรชของหน้าจอ ซึ่งรุ่นนี้สามารถปรับระดับรีเฟรชเรทได้เองจาก 5Hz จนถึง 120Hz เพื่อการประหยัดพลังงานในยามที่หน้าจอของเราแสดงภาพนิ่งๆ อยู่ครับ ระบบก็จะลดการกระพริบของหน้าลงเพื่อถนอมพลังงาน
พร้อมรองรับเต็มประสิทธิภาพของภาพ เปิดใช้งาน HDR รองรับทั้งใน Youtube หรือบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ เช่น Netflix ได้รับชมภาพยนตร์ในแบบ HDR แน่นอนครับ
และจะบอกว่าไม่ใช่แค่เรื่องภาพ เพราะลำโพงของรุ่นนี้ให้มาเป็นลำโพงสเตอริโอคู่เสียงดี เสียงมีเนื้อเสียง ใช้รับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมไม่ต้องต่อลำโพงภายนอก รับประกันความมันที่มาทั้งภาพและเสียงเลย
และเมื่อเชื่อมต่อกับหูฟัง ก็จะรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ปรับแต่งแนวเสียงตามคอนเทนต์หรือสภาพแวดล้อมได้ ทิศทางเสียงจะชัดเจนรอบทิศทาง ดูหนังได้อลังการกว่าเดิมเข้าไปอีกครับ
Colour Vision Enhancement เป็นฟังก์ชั่นที่เขาคิดมาเผื่อคนที่ปัญหาทางสายตา บกพร่องทางด้านสีโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งตามสถิติจะเกิดขึ้นกับผู้ชายประมาณ 1 ใน 12 คนและกับผู้หญิง 1 ใน 200 คน ที่การมองเห็นสีไม่ตรงความความเป็นจริง ใน OPPO Find X3 Pro 5G มีการใส่เทคโนโลยี Colour Vision Enhancement สำหรับแก้ปัญหาสายตาให้กับผู้ที่บกพร่องทางการมองเห็นสี มันจะเป็นระบบให้เราทดสอบ ว่าสายตาของเรามีความผิดปกติหรือไม่ โดยให้เราทำการไล่เรียงสีไปตามความใกล้เคียงทีละเฉด ถ้ามีอาการผิดปกติ OPPO Find X3 Pro 5G จะปรับการแสดงผลให้เข้ากับสายตาของผู้ใช้คนนั้นโดยเฉพาะ แล้วก็จะได้เห็นสีของโลกนี้ในแบบที่ไม่เคยเห็นชัดเท่านี้มาก่อน
เอาว่าหน้าจอมันเทพมาก เทพระดับคนสายตาบกพร่องยังใช้งานได้เกิดประโยชน์ และด้วยการแสดงผลที่รองรับภาพแบบ 10-bit จำนวนเฉดสีมันเกินขอบเขตมาตรฐานที่สายตามนุุษย์จะไปถึงอยู่แล้ว ฉะนั้นตาคุณดีมากแค่ไหน เจ้าหน้าจอตัวนี้ก็พร้อมจะตอบสนองโลกที่สวยงามที่สุดให้กับสายตาของคุณได้อย่างแน่นอน
กล้องที่พร้อมจะสร้างคอนเทนต์ 10-bit ได้ด้วยตนเอง?
หน้าจอแสดงผลรองรับพันล้านสี แล้วก็มีกล้องที่สามารถถ่ายภาพพันล้านสีได้ด้วยตัวเอง นี่คือรุ่นแรกและรุ่นเดียวของโลกที่ทำได้ครับ เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพระดับเกินหน้ายุคสมัยเพราะกล้องหลังสี่ตัวมีดีทุกตัว
เริ่มด้วยการใส่กล้องถ่ายภาพเลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล Sony IMX 766 มาให้ถึงสองเลนส์ เป็นเลนส์ Wide และเลนส์มุมกว้างพิเศษ Ultra Wide ทำการบันทุกภาพทุกโหมดหลัก รวมถึงการถ่ายภาพมุมกว้าง ที่ถ่ายได้กว้าง 110 องศา เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ที่ทาง OPPO พัฒนาร่วมกันกับ Sony มาเป็นพิเศษด้วยครับ เพื่อนำมาใช้งานบนสมาร์ทโฟน OPPO โดยเฉพาะ ปรับจูนกันมาตั้งแต่ก่อนนำมาใช้งาน
คุณภาพกล้องหลักสองตัวนี่สุดๆ ครับ ภาพสวย ภาพคม ปกติ OPPO ก็มีกล้องที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว มี AI ที่คอยแนะนำโหมดภาพที่เหมาะสม และปรับสีแสงให้เข้ากับสิ่งที่กำลังถ่าย
และไม่ใช่มีแค่ AI ในภาพนิ่งเท่านั้น เพราะจะมี AI Highlight Video เป็นตัว AI ที่คอยทำงานให้เราในโหมดวีดีโอ เปิดฟังก์ชั่นที่เหมาะสมเมื่อตรวจพบสภาพแสง เช่นเปิด HDR สำหรับการถ่ายย้อนแสง หรือเปิดโหมดกลางคืนเมื่อถ่ายวีดีโอในที่มืดเป็นต้นครับ
และกล้องที่สาม Telephoto 13 ล้านพิกเซล เจ้ากล้องตัวนี้แหละครับที่ทำหน้าที่ในการจับภาพพันล้านสีให้กับเรา รวมถึงช่วยในการซูมภาพ 5X Hybrid Optical Zoom อีกหนึ่งเลนส์กล้องที่ล้ำยุค รองรับการซูมภาพได้สูงสุดแบบดิจิทัล 20X แต่ทีเด็ดคือการซูมแบบไฮปริด 5X ซูมเหมือนไม่ซูม ภาพไม่แตก คมชัดเหมือนเดินเข้าไปถ่ายเองเลย^^ ซูมระดับ 10x ก็ยังเก็บรายละเอียดไหวครับ เอาไว้ซูมถ่ายข้อความหรืออะไรที่ต้องการจัดเก็บไว้ก็ได้
ทำให้ใน OPPO Find X 3 Pro 5G จะมีโหมดการถ่ายภาพแบบ 10-bit หรือพันล้านสี ในขณะที่สมาร์ทโฟนปกติจะบันทึกภาพได้ที่ 16.7 ล้านสีเท่านั้น เราสามารถเปิดใช้โหมด 10-bit ได้ในโหมดการถ่ายภาพทุกระยะซูม รวมถึงโหมดการถ่ายภาพกลางคืนด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการรับประกันว่ากล้องเราจะเก็บเฉดสีได้ครบที่สุดเพื่อนำมาแสดงผลบนหน้าจอของมันเองเป็นหลักนะครับ นำไปใช้ต่อได้ปกติถ้าทำงานจากบนตัวสมาร์ทโฟน แต่ถ้าจะนำไปใช้ในอุปกรณ์อื่น ต้องมีตัวโปรแกรมที่รองรับ HEIC ไฟล์นะครับ เพราะโหมดนี้จะถ่ายภาพออกมาเป็น .heic
เราจะได้ภาพสีสดๆ ภาพสีสวยๆ ไม่ต้องกลัวจะสีซีดสีหาย จะเห็นความแตกต่างแค่ไหนก็แล้วแต่สายตาส่วนบุคคลแล้วละครับไฟล์มาระดับ 10-bit ขนาดนี้
และสุดท้ายคือเลนส์มหัศจรรย์ที่แทบไม่เชื่อสายตา กล้อง Microlens ความละเอียดแค่ 3 ล้านพิกเซล แต่มันคือกล้องจุลทรรศน์ชนิดพกพาชัดๆ ครับ สามารถถ่ายภาพสิ่งเล็กๆ ได้ในระดับซูมกว่าสายตามนุษย์ถึง 60 เท่า! มันเอาหน้ากล้องไปชิดกับวัตถุได้เลยละครับ ส่องเห็นยันใยผ้า ต่อมขน เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ตามนุษย์ไม่มีทางมองเห็น มันถูกออกแบบมาให้พร้อมใช้ในโหมด”กล้องจุลทรรศน์” จ่อชิดวัตถุโดยมีไฟวงแหวนรอบเลนส์กล้องให้ความสว่าง ผลลัพท์ที่ได้ มีแต่ต้องบอกว่า “บ้าไปแล้ว!!”
เพราะกล้องมาโครชาวบ้านเขาถ่ายได้ในระยะ 4 เซนติเมตร หรือ 40 มิลลิเมตร แต่กล้อง Microlens ของ OPPO Find X3 pro 5G จ่อถ่ายวัตถุในระยะใกล้สุด 1 มิลลิเมตร!!! ผลลัพท์ที่ได้เกินกว่าที่หลายคิดไว้แน่นอนครับ
จากดอกไม้สวยๆ สักดอก เราก็ได้เข้าไปเห็นสิ่งที่ปกติตาเราไม่มีทางได้เห็น
สุดติ่งไปทุกเลนส์ นี่มันไม่ใช่แค่กล้องดีครับแต่มันระดับมหัศจรรย์ อยู่ๆ ก็มีเทคโนโลยีเกินสายตามนุษย์เปิดตัวออกมาในสมาร์ทโฟน ทั้งเรื่องของสี 10-bit และการถ่ายภาพระดับจ่อส่องโมเลกุล ถ่ายภาพได้แบบกล้องจุลทรรศน์ แถมมาอยู่ในเครื่องเดียวกันอีก
แม้จะทำเอาการถ่ายภาพอื่นๆ ดูไม่น่าตื่นเต้นไปเลย แต่ยังไงก็ตาม กล้องหลักคู่ของ OPPO Find X3 Pro 5G คุณภาพสูงมากครับ โฟกัสแม่นและจับได้คมทั่วทั้งภาพ หวังผลเลิศไปได้เลยครับ ภาพสวย ถ่ายง่าย จับบุคคลก็แม่นยำ ถ่ายสวยทั้งกลางวันและมีโหมดกลางคืน กล้องหน้าก็สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้เช่นกันนะครับ คุณภาพก็ตามสไตล์ของ OPPO ภาพใบหน้าคนออกมาสวยกว่าตัวจริงได้เสมอ ^^
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคล กล้องหน้าและกล้องหลัง
มีความสามารถในการถ่ายภาพโหมด RAW+ ที่ OPPO พัฒนามาให้สามารถดึงสีได้มากกว่าไฟล์ RAW แบบปกติ ซึ่งจะได้ไฟล์ภาพออกมาเป็น .DNG นำไปแต่งต่อได้ในโปรแกรมแต่งภาพ และถ่ายวีดีโอแบบ LOG เพื่อนำไปปรับแต่งสีสันใหม่ได้แบบพวกมืออาชีพครับ
เมื่อสุดยอดการบันทึกภาพและการแสดงผลภาพมาอยู่ในเครื่องเดียวกัน มันจึงเป็น 10-bit Full-path Colour Engine มีมันรุ่นเดียวเท่านั้นแหละครับที่ทำได้
การออกแบบที่สวยงาม แตกต่าง และพิถีพิถัน
สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปที่เครื่องมีความบาง และ เบา แม้จะมีเทคโนโลยีใส่อยู่เต็มเครื่อง แต่ OPPO ผลิตออกมาได้บางเพียง 8.26 มม. และหนักเพียง 193 กรัม เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรงที่ดูไม่หนาเกะกะ เข้ากันง่ายกับสไตล์การแต่งตัวและพกพาสะดวกครับ
งานผลิตฝาหลังแบบไร้รอยต่อ โค้งเล่นระดับจนด้านล่างไปจนสุดขอบด้านบน มีการเปิดตัวออกมากันสองสีที่พื้นผิวนั้นแตกต่างกัน คือ Gloss Black ผิวออกจะออกมันวาว เงางาม ดูลึกลับหรูหราสะท้อนแสงเหมือนกระจก และสี Blue ที่เป็นวัสดุ frost matte แบบด้าน สัมผัสผิวคล้ายแก้วยิงผิวทราย เย็น ละมุน และป้องกันรอยเปื้อนและรอยนิ้วมือได้อย่างสิ้นเชิง แม้จะเอาฝาหลังมาแนบหน้า ยังไม่มีคราบมันติดขึ้นมาเลยครับ เป็นสีที่ผมชอบ และเห็นอยู่ในรีวิวนี้กันอยู่นั้นเองครับ
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 กันฝุ่นได้ ลุยน้ำได้ บังเอิญทำน้ำหกใส่หรือจะโดนฝนก็ไม่เป็นไรครับ ตกน้ำได้ลึก 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที เอาเครื่องไปล้างน้ำที่สะอาดก็ได้เช่นกัน ใช้พอร์ทชาร์จแบบ USB Type C รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual 5G Dual-Mode
อุปกรณ์ภายในกล่องให้มาครบครัน ชุดหูฟังแบบ USB Type C เพราะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้บนตัวเครื่อง มีเคสยางซิลิโคนสีฟ้าตรงสีเครื่องมาให้ครับ และที่ชาร์จพร้อมสายที่รองรับ 65W SuperVOOC 2.0 มาให้ในกล่อง และบัตรรับประกัน International Warranty สำหรับขอความช่วยเหลือในยามประสบปัญหาเกี่ยวกับตัวเครื่องในต่างประเทศ ก็มีบัตรรับประกันใบนี้มาให้ด้วยครับ
เรามีคลิปแกะกล่องบ็อกเซ็ตของ OPPO Find X3 5G และของแถมสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนจองกันไปก่อนหน้า เอามาให้ดูในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้อีกด้วยครับ
ประสิทธิภาพการทำงานระดับ Best-in-Class
ถ้าอยากได้สมาร์ทโฟนตัวท็อป ก็นี้แหละครับตัวท็อปสุดๆ มันใช้ฮาร์ดแวร์ในระดับแรงสุดของเทคโนโลยีในปัจจุบันทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตประมวลผลที่ใช้ Snapdragon 888 รองรับคลื่นความถี่ 5G ได้มาก 13 แบรนด์ และแรงสุดแล้วในบรรดา CPU ของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในปัจจุบัน
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.2 ใหม่สุดของ OPPO ความลื่นไหลระดับสูงสุด การตอบสนองเร็ว เข้าออกแอพฉับไว ใช้งานมาไม่เจอปัญหา ช้า แลค ค้าง
มาพร้อมแรมขนาดใหญ่ 12GB ที่เป็น LPDDR 5 ใหม่สุด และ ROM 256GB แบบ UFS 3.1 ใหม่สุดอีกเช่นกัน ทั้งโลกมีสเปคเดียวกันไม่ต้องคิดมาก ระดับประสิทธิภาพความแรง มากเกินพอ ถ้าใครจะมาถามว่าเล่นเกม xxxx ลื่นมั้ย? ผมจะกระโดดเข้าไปกระซิบข้างหูเบาๆ “โคตรลื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
ไม่ใช่แค่แรงแต่เรื่องการประมวลผล OPPO Find X3 Pro 5G ยังไปสุดกับระบบชาร์จ รองรับทั้ง 65W SuperVOOC 2.0 ชาร์จไวระดับแบต 4,500 mAh ของมัน เสียบชาร์จแค่ 10 นาทีแต่ได้แบตมากว่า 40%
และระบบชาร์จไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge ตามสเปคบอกว่าชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ 80 นาที แต่จากที่ผมทดสอบกับแท่นชาร์จ OPPO AirVOOC Wireless Charger 45W มันชาร์จจาก 15% มาจนถึง 70% ได้ในเวลาไม่ถึง 40นาทีเท่านั้นครับ ชาร์จไร้สายไวอย่างกับชาร์จเสียบสายของแบรนด์อื่น และมีความปลอดภัยสูงมากด้วยครับสำหรับระบบชาร์จที่ขึ้นชื่อว่า “VOOC”
และตบท้ายด้วยการแปลงกลายตัวเองให้เป็นที่ชาร์จไร้สาย 10W Reverse Wireless Charging เติมพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านบริเวณฝาหลังกลางเครื่อง เป็นแบตสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
รองรับมาตรฐาน Qi จึงสามารถชาร์จไฟกลับให้ได้ทั้งสมาร์ทโฟนหรือจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่รองรับมาตรฐาน Qi ก็ชาร์จไฟผ่านด้านหลังตัวเครื่อง OPPO Find X3 Pro 5G ได้ทั้งหมดครับ
การออกแบบ UI ของ OPPO เต็มไปด้วยศิลปะครับ เขาใช้ศิลปินในการออกแบบเพื่อให้เข้ากับอารมณ์และยุคสมัยของเครื่อง ทั้งภาพพื้นหลัง ไอคอน โทนสี หรือแม้แต่โทนเสียงเรียกเข้า ก็ถูกสร้างขึ้นแบบเป็นมิติที่มากกว่าตัวโน๊ต โดยนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ Hans Zimmer เป็นต้น
ความใส่ใจของ OPPO ถูกเพิ่มเติมเข้าไปแม้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ครับ เช่นโหมดกลางคืนหรือดาร์คโหมด ก็สามารถปรับแต่งได้เพิ่มเติมว่าต้องการใช้งานโหมดกลางคืนในระดับไหน ไม่จำเป็นต้องเป็นค่าตายตัวเสมอไป เราสามารถคงภาพพื้นหลังหรือไอคอนไว้ได้ แต่เปลี่ยนแค่หน้าเมนูให้กลายเป็นสีดำ
โหมดถนอมสายตาตั้งค่าให้เปิดการทำงานได้อัตโนมัติ และเพิ่มความสามารถที่ไม่ใช่แค่ลดแสงสีฟ้า แต่ว่าลดสีทั้งหน้าจอให้กลายเป็นสีขาวดำแบบหน้าจอ E-Ink สำหรับอ่านหนังสือก็ทำได้ด้วยครับ
การปรับแต่งเพื่อความสวยงามก็ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนธีมหรือวอลล์เปเปอร์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่สามารถปรับตั้งค่าให้เป็นแบบที่เราชอบได้แยกอิสระมากมาย แต่ออกแบบมาให้ควบคุมง่ายๆ ในหน้าเดียว
เราสามารถปรับเปลี่ยนธีม เปลี่ยนวอลล์เปเปอร์ทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหว เปลี่ยนรูปแบบไอคน รวมถึงกระทั่งการเปลี่ยนสีเมนู หรือการเปลี่ยนอนิเมชั่นการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ครับ
ใน OPPO Find X3 Pro 5G และระบบ ColorOS 11.2 สามารถตั้งเปิด “การแสดงผลหน้าจอตลอดเวลา” มันเอาไว้แสดงวันเวลา การแจ้งเตือน สถานะแบตเตอรี่ หรืออะไรก็ตามที่เราตั้งค่าเลือกเอาไว้ในหน้านี้ โดยมีให้เลือกมากมายเลยครับ สวยงามทั้งนั้น และปรับตั้งค่าได้ตามใจเราเยอะเลยครับ น่าเล่นมากฟังก์ชั่นนี้ สวยดี
บริการพิเศษที่ OPPO เตรียมไว้ให้ผู้ใช้ ก็มีทั้งสายบันเทิงอย่าง Soloop แอพตัดต่อสร้างคลิปวีดีโอ ที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว สร้างคลิปวีดีโอสั้นได้ด้วยเอฟเฟ็กต์มากมายจาภาพถ่ายและวีดีโอที่มีอยู่ในเครื่อง พร้อมใส่ตัวอักษรและเพลงประกอบให้เราได้ทันที
บริการ Game Space สำหรับคนเล่นเกม ปกติมันจะเป็นตัวรีดประสิทธิภาพเครื่อง และเตรียมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อนำมาใช้เล่นเกมให้มีความลื่นไหลมากที่สุด ตั้งค่าการตอบสนองสัมผัสในขณะเล่นเกม แต่สำหรับ OPPO Find X3 Pro 5G ผมว่าสิ่งเหล่านั้นแทบไม่จำเป็น เพราะมันแรงจนลื่นไหลสุดๆ อยู่แล้วในการเล่นเกม แต่มันยังมีไว้เพื่อทำประโยชน์ในด้านการจัดการการแจ้งเตือนที่อาจจะเข้ามารบกวนเราขณะเล่น
เอาไว้เปิดโหมดเล่นเกมอัตโนมัติ สำหรับเกมที่เปิดให้มันเล่นแบบออโต้ได้ ตัวหน้าจอจะถูกหรี่ดับลง แต่เกมยังคงเดินไป มีไว้เพื่อการประหยัดพลังงานนั้นเองครับ
“O Relax” แอพพิเศษสำหรับการสร้างบรรยากาศ ด้วยการ “ฟัง ผ่อนคลาย และสำรวจ” มันถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้แอพเกิดความสบายใจ สบายใจด้วยเสียง สบายใจด้วยมินิเกม และสบายใจด้วยบรรยากาศครับ
เราสามารถกำหนดเสียงบรรยากาศรอบตัว เป็นสถานที่ธรรมชาติ อย่างป่า เขา ทะเล หรือจะเข้าไปสำรวจเมืองด้วยเสียงสภาพแวดล้อมจำลองของสถานที่สำคัญในแต่ละประเทศ เช่นเข้ากรุงเทพเพื่อเข้าไปฟังเสียงบรรยากาศของวัดอรุณ หรือตลาดท่าเตียนเป็นต้น
ในเวอร์ชั่นใหม่นี่ เราสามารถสร้าง Remix เสียงบรรยากาศผสมได้ด้วยตัวเรา ต้องการผสมเสียงธรรมชาติ เข้ากับเสียงกิจกรรมของมนุษย์ และเสียง ASMR ทีหลายคนอาจจะรู้สึกสบายใจเวลาได้ยิน เช่นเสียงตัดกระดาษ เสียงดินสอ หรือเสียงพิมพ์ดีดเป็นต้น เรานำเสียงเหล่านั้นมาสร้างบรรยากาศเสียงของเราได้เองเลยครับ
และด้วยคุณภาพของลำโพง OPPO Find X3 Pro 5G ผมจะบอกได้เลย เสียงเหล่านั้นมันสร้างบรรยากาศให้เราได้จริง เพราะลำโพงสเตอริโอคู่ของมือถือรุ่นนี้ เสียงค่อนข้างดีมากทีเดียว
สรุปท้ายรีวิว
เรือธงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่แค่ขายสเปคความแรงเพียงอย่างเดียว แต่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ที่พาผู้ใช้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่มากกว่าความแรงของสมาร์ทโฟนทั่วไปจะทำให้ได้
ประสบการณ์ภาพพันล้านสี 10-bit หน้าจอที่สวยงามมากที่สุดจอหนึ่งของวงการสมาร์ทโฟน รองรับ HDR10+ ความละเอียดสูง QHD+ สีสันสวยด้วยจอ AMOLED ขนาดหน้าจอใหญ่ 6.7 นิ้ว เต็มขอบ รีเฟรชเรทดี 120Hz
ประสบการณ์กล้องถ่ายภาพครั้งแรกของโลก กับมือถือที่มีหน้าจอและกล้องถ่ายภาพที่รองรับ 10-bit ครบวงจร กล้องคุณภาพสูง 50 ล้าน Sony IMX766 ที่ใส่มาถึงสองตัว และกล้อง Microlens ซูมระดับกล้องจุลทรรศน์ 60x ตื่นตากับผลลัพท์และความสามารถที่ไม่มีรุ่นไหนเคยให้เราได้มาก่อน
ประสบการณ์การชาร์จแบตเตอรี่ ที่ครบวงจรทั้งเสียบสาย 65W SuperVOOC 2.0 และไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge ระบบชาร์จสองตัวที่รวดเร็วที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด
ประสบการณ์การใช้งานจากการออกแบบสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพที่เบา และบาง ผิวสัมผัสดีจากงานผลิตขั้นสูง มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP68 สวยงาม มั่นใจ พกพาง่าย ไม่หนาเทอะทะแต่ความแรงจัดเต็ม
ประสบการณ์ด้านการใช้งานที่ให้มาสุด ทั้งชิปประมวลผล Snapdragon 888 รองรับ 5G แรมขนาดใหญ่ 12GB LPDDR5 และรอม UFS3.1 พาผู้ใช้ไปสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดของระบบ Android
เราไม่ได้เจอสมาร์ทโฟนที่มาทั้งความครบครันและความล้ำหน้าของเทคโนโลยีไปพร้อมกันแบบนี้กันบ่อยนักครับ แถมผมรู้สึกว่า OPPO ทำราคารุ่นนี้มาได้ดีมากอีกด้วย เปิดในราคา 33,990 บาท มากับโปรโมชั่นที่ดุดันมากครับ
โปรโมชั่นพรีออเดอร์ ตั้งแต่วันนี้ – 2 เมษายน 2564 รับฟรี
- OPPO AirVOOC Wireless Charger 45W
- KEVLAR Case
- Premium Card ที่มาพร้อมสิทธิรับประกัน International warranty service ซ่อมฟรีทั้งในและต่างประเทศ,
- รับความจุของ OPPO Cloud Service เพิ่มเป็น 1TB ในจำนวนจำกัด
- และสิทธิรับประกันตัวเครื่องถึง 2 ปี มูลค่ารวม 13,498 บาท
พิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อ OPPO Find X3 Pro 5G ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายรับส่
ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดของสมาร์ทโฟน Android และโลกของหนึ่งพันล้านสี อยากเห็นธรรมชาติในระดับกล้องจุลทรรศน์ และการชาร์จไวที่ไม่มีใครเร็วไปมากกว่านี้ ก็เชิญสัมผัสทั้งหมดได้ในสมาร์ทโฟนรุ่นเดียว OPPO Find X3 Pro 5G ได้เลยครับ