รีวิว OPPO Joy Plus ตัวประหยัดแต่จัดหนักฟังชั่นมาเต็มเครื่อง
มาอีกหนึ่งรุ่นจากหนึ่งแบรนด์ครับ สำหรับเครื่องแอนดรอยด์ราคาถูกสุดๆ ที่เปิดตัวมาในราคาไม่ถึงสี่พันบาท OPPO Joy Plus ราคาขาย 3,490 แต่มีจุดเด่นในเรื่องของฟังชั่น และสเปคเครื่องที่ได้รับการอัพเกรดมาจากรุ่นแรกอยู่หลายด้าน โดยจากที่ทดสอบใช้งานมา รู้เเลยว่าทาง OPPO ใส่ฟังชั่นเข้ามาในเครื่องแบบไม่แคร์ราคา ควักน้อยแต่ใช้สนุก ประสิทธิภาพเครื่องพอเพียงใช้งานในการทำงานพื้นฐานของระบบแอนดรอยด์ น่าจะเป็นตัวที่น่าสนใจในช่วงนี้ของผู้ที่มองหาแอนดรอยด์ตัวเลือกดีๆ ในราคาไม่แพงครับ
การออกแบบมาในสไตล์ OPPO เลยครับ “แน่น” วัสดุดูดี ฝาหลังประกายมุกเงาๆ ดูไม่ได้หรูหรามากมาย แต่ดูไม่ได้ถูกตามราคานะครับ
ปุ่มกดเพิ่มเสียงลดเสียงด้านขวา ปุ่มพาวเวอร์อยู่ด้านซ้าย การประกอบดี ปุ่มไม่มีหลวม ขอชมย้อนหลังเรื่องงสานประกอบ OPPO สำหรับผมถือว่าเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องตัวฮาร์ดแวร์ (กดปุ่มพาวเวอร์พร้อมปุ่มลดเสียงเพื่อการเซฟภาพหน้าจอ)
ปุ่มควบคุมหลักสามปุ่ม ไม่มีไฟส่องส่ว่างยามใช้งาน แต่ระบบสั่นเมื่อสัมผัสยังมีอยู่ ปุ่มซ้ายคือปุ่มเมนูที่สามารถทัชค้างไว้เพื่อเป็นปุ่ม Recent App ได้ด้วยในปุ่มเดียว ส่วนมุมโฮมก็สามารถทัชค้างไว้เพื่อเข้าการค้นหา (Google Now) ส่วนปุ่มขวาคือปุ่มย้อนกลับที่ทำได้หน้าที่เดียวครับ
ตัวเครื่องเป็นระบบสองซิมการ์ด ซิมใหญ่หนึ่งสล็อต และซิมไมโครหนึ่งสล็อต รองรับ Micro SD Card ส่วนในเรื่องของ 3G ตัว OPPO Joy Plus รองรับ 3G ทุกค่ายในเมืองไทย และสามารถสลับการใช้งาน 3G ไปมาทั้งสองสล็อตได้โดยไม่ต้องย้ายซิมใส่ครับ ถือว่าครบเครื่องในเรื่องของการทำงานแบบสองซิมครับ
ทดสอบการใช้งาน
ที่ผมบอกว่าเจ้า OPPO Joy Plus มีฟังชั่นมากมายเหมือนรุ่นใหญ่ของทาง OPPO ตัวอื่นๆ นั้นเพราะการที่มันมาพร้อมกับ UI ตัวล่าสุด Color OS2 และแทบจะไม่มีการตัดฟังชั่นการทำงานออกไปเลยครับ หลายๆ อย่างมันจึงเกินหน้าเกินตาเครื่องราคาเท่าๆ กันตัวอื่นในตลาดมาก ในเรื่องของความสามารถเครื่อง แต่น่าเสียดายที่เครื่องยังมาพร้อมกับ Android 4.4 ไม่ได้มาเป็น Android 5 จากวันที่จำหน่ายครับ
ผมชอบตั้งแต่การเซ็ตเครื่องครั้งแรก ที่ทาง OPPO ได้มีการเตือนในเรื่องของการเปิดใช้งาน Data อินเตอร์เน็ต อาจจะสร้างค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้ที่ไม่รู้และไม่เข้าใจ โดยยังไม่มีการไปเปิดแพ็คเกจบริการ 3G มาครับ จะมีหน้าพิเศษย้ำเตือนกันก่อนเปิดใช้งานอินเตอร์เน็ตไว้ให้ครับ
หน้าโฮม UI ของ OPPO Joy Plus จะเป็นตามสมัยนิยมคือจะไม่มีหน้า Appdrawer อีกต่อไป เหลือเพียงแต่หน้าโฮมชั้นเดียวเพื่อลดความซับซ้อน โดบจะวางรวมไว้ทั้งไอคอนแอพและ Widget ตามการจัดวางที่เราต้องการครับ โดยสามารถกำหนดวอลล์เปเปอร์ เอฟเฟ็กต์อนิเมชั่นการเคลื่อนไหวในขณะเลื่อนหน้าจอ เพิ่มหน้าพิเศษสำหรับการถ่ายภาพและฟังเพลง รวมถึงการเปลี่ยนธีม ทั้งหมดสามารถเข้าไปตั้งค่าตามใจได้ง่ายๆ ผ่านปุ่มเมนู
Color OS2.0 ยังมีธีมให้เราดาวน์โหลดมาใช้งานได้อีกเพียบ… ซึ่งธีมเหล่านี้ทาง OPPO เตรียมไว้ให้เป็นบริการฟรีครับ ซึ่งมันจะเปลี่ยนทั้งหน้าตาของภาพพื้นหลัง ไอคอน รวมถึงสามารถเปลี่ยนหน้าจอล็อกสกรีนได้อีกมากมาย หนึ่งในสเน่ห์ที่มีเสมอมาของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ยี่ห้อ OPPO
หน้าการแจ้งเตื่อนสามารถดึงลงมาได้สองจังหวะ ครั้งแรกคือแสดงการแจ้งเตือน ดึงลงมาอีกครั้งเพื่อเข้า Toggle เปิดปิดฟังชั่นเครื่องต่างๆ
ประสิทธิภาพความลื่นไหลในหน้าโฮม จะลื่นไหลมากน้อย จากที่ทดสอบอยู่ที่เราจะวาง Widget ลงไปมากแค่ไหนครับ รวมทั้งการเปิดใช้หน้าพิเศษ (หน้าการเล่นเพลงและหน้าถ่ายรูป) สองหน้าพิเศษนี้มีผลต่อความลื่นไหลในบางจังหวะ แต่บอกก่อนว่าไม่มากนะครับ ส่งผลเล็กน้อย ถ้าวาง Widget ไว้แต่ที่ต้องการใช้ และปิดหน้าพิเศษ ความลื่นไหลอยู่ในระดับน่าพอใจครับ
OPPO Joy Plus Sepcification
ราคาเปิดตัว | 3,490.- |
Color | White / Blue |
Display | 4.0″ IPS-WVGA 480*800, 234ppi |
CPU | Dual-core 1.3 GHz |
RAM | 1 GB |
ROM | 4 GB (Micro SD up to 32 GB) |
SIM | Dual SIM (Normal+Micro) |
Camera | Front 0.3MP Rear 3.0MP, FF, Fill Light |
Network | GSM: 850/900/1800/1900MHz WCDMA: 850/900/2100MHz |
Data Connectivity |
– GPRS – EDGE – HSPA (DL21Mbps/UL5.76Mbps) – Bluetooth 2.1+(BT4.0)EDR – Wi-Fi 802.11 b/g/n – Hotspot |
OS | ColorOS 2.0 (base on Android 4.4) |
Other | – Beautify3.0 by Pure Image – HDR, Audio photo, GIF, Double Exposure – Voice Selfie – Easy Gesture with ColorOS 2.0 – Super power saving mode – GPS/aGPS; G-Sensor – Light & Proximity Sensor |
Size | 124 x 63 x 9.9 mm |
Weight | 125g |
Battery | 1700mAh |
หน้าจอแสดงผลของ OPPO Joy Plus มีความละเอียดแค่ 480 พิกเซล จริงๆ แล้วถือว่าต่ำนะครับในยุคสมัยนี้ ก็ตามราคาจำหน่าย แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจอที่พัฒนาขึ้นเช่นกัน จะเห็นว่าเครื่องหน้าจอ 480P สมัยนี้ก็ดีกว่าสมัยก่อนเยอะอยู่พอสมควรเลย ทั้งเรื่องการเกลี่ยแสง ความคมขอบภาพ ทำได้ดีมองแล้วไม่ขัดตาหรอกครับ โดยเฉพาะบนขนาดหน้าจอสี่นิ้ว
องศาการมองกว้างอยู่ครับ แต่แสงสะท้อนจากกระจกจอในมุมมองด้านข้างเยอะครับ สีของภาพจะออกฟุ้งสว่างหน่อยๆ
ในการทำงานของเจ้าเครื่องตัวจิ๋วตัวนี้ กลับมีหลายอย่างน่าสนใจให้พูดถึง เช่นระบบ Wi-Fi Direct การส่งข้อมูลและการเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Wi-Fi เพื่อการส่งไฟล์เป็นต้น หรือการสลับซิมใช้งานได้ตลอดเวลา จะใช้สายซิมไหน หรือใช้อินเตอร์เน็ตในซิมไหน ไม่ต้องปิดเครื่องไปย้ายซิมใส่สล็อตหนึ่ง แต่ทั้งสองสล็อตรองรับการเชื่อมต่อ 3G ทุกค่ายทุกเครือข่ายครับ
การจัดการแอพพลิเคชั่นในการทำงานเบื้องหลังที่เรากำหนดได้เมื่อทำการเคลียแรม กดล็อกแอพสำคัญที่เราใช้บ่อยๆ เอาไว้ไม่ให้ปิดตัวเองลงไป เพื่อเวลาเรียกใช้งานใหม่ ได้รวดเร็วมากกว่าเดิมครับ
สิ่งที่ผมชอบมากและมักไม่ค่อยเจอในแอนดรอยด์เครื่องอื่นๆ นั้นคือหน้าการตั้งค่า “แอพพลิเคชั่นเริ่มต้น” ขออธิบายก่อนสำหรับคนไม่รู้ แอพพลิเคชั่นเริ่มต้นก็คือแอพที่ทำงานทันทีโดยอัตโญมัติเมื่อเราเรียกใช้ไฟล์หรือการทำงานบางประเภท เช่นการเปิดไฟล์รูป แอพเริ่มต้นในการเปิดดูรูปที่เราเคยกำหนดไว้คือแอพอะไร มันก็จะเปิดแอพนั้นขึ้นมาทำงานทันที แม้จะมีแอพพลิเคชั่นเปิดรูปอีกหลายแอพที่เราติดตั้งไว่ในเครื่องก็ตาม การทำงานเหล่านี่จะมีแอพพลิเขชั่นเริ่มต้นเอาไว้ทุกประเภทครับ เราอาจจะเคย(ไม่ตั้งใจ)อนุญาตมันเอาไว้ ถ้าต้องการจะเปลี่ยนการทำงานเหล่านั้นไปเป็นแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ในการตั้งค่าส่วนนี้ ช่วยเหลือผู้ใช้งานได้มาก โดยเฉพาะ ผู้ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นแอพทำงานเริ่มต้นอย่างไร แยกเอาไว้ในการตั้งค่าแบบนี้จะสะดวกกว่ามาก
ฟังชั่นเด็ดในการเข้าการทำงานขณะหน้าจอเครื่องล็อกไว้หรือหน้าจอปิด ทำงานได้หลากหลายมากครับ เช่นการดับเบิ้ลคลิ๊กหน้าจอเพิ่มเปิดเครื่อง
วาดตัว “O” เพิ่มเปิดการทำงานของกล้องโดยไม่ต้องปลดล็อกเครื่องก่อน
ใช้การวาดสัญลักษณ์ได้โดยตรงจากหน้าจอขณะปิด เพิ่มควบคุมการเล่นเพลง เช่นใช้สองนิ้ววาดลงเป็นเส้นตรงสองเส้นเพื่อเล่นเพลง และทำอีกครั้งเพิ่มหยุดเพลง รวมทั้งใช้นิ้ววาดเป็นลูกศรไปทางซ้ายเพื่อข้ามเพลงและในทิศกลับกันเพื่อย้อนไปเล่นเพลงก่อนหน้านี้ ทั้งหมดสั่งงานได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอขึ้นมาทำงานเลยครับ
ถ้ายังไม่พอใจ อยากจะเพิ่มการทำงานใหม่ๆ เราสามารถเข้าไปกำหนดรูปแบบได้อีกแปดรูปแบบ จะกำหนดเพื่อใช้เปิดแอพพลิเคชั่นใดก็ยังได้นะครับ เอาให้เต็มที่ จำให้ได้หมดละกัน ^^
ไม่ใช่แค่การวาดนิ้วในขณะหน้าจอปิดอยู่เท่านั้นนะครับ ในขณะที่เรากำลังใช้งานเครื่องตามปกติ หน้าจอเปิดอยู่ ทำงานบนแอพพลิเคชั่นใดๆ ก็ตาม มันยังมี Gesture สัญลักษณ์การวาดนิ้วที่ทำงานได้อีกสี่รูปแบบ เช่นการขยุ้มนิ้เข้าหากันสามนิ้วเข้ากลางจอภาพ จะเป็นการเรียกใช้งานการถ่ายรูปขึ้นมาได้ทันทีเลยครับ
การดับเบิ้ลคลิ๊กปุ่มโฮมด้านล่างสองครั้งเพื่อการล็อกหน้าจอโดยไม่ต้องกดปุ่มพาวเวอร์ ซึ่งผมว่าการใช้ปุ่มโฮมมาทำงานแบบนี้ฉลาดมาก เพราะในเครื่องแบรนด์อื่นจริงๆ แล้วก็มีการปิดหน้าจอโดยไม่ต้องใช้ปุ่มพาวเวอร์ แต่เป็นการทัชลงบนหน้าจอ ทำให้ไม่สามารถใช้ฟังชั่นนี้ได้ในขณะหน้าจอทำงานบนแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ย้ายมาลงบนปุ่มโฮมแบบนี้ ไร้ปัญหาเลยครับ
อยากจะจับภาพหน้าจอโดยไม่กดปุ่ม ก็แค่ใช้สามนิ้วของเรา รูดจากบนลงล่าง หรือล่างขึ้นบนก็ได้ จะเป็นการเซฟภาพหน้าจอให้ในขณะนั้นให้เราทันที
และสุดท้ายสำหรับการใช้สองนิ้วของเรา รูดหน้าจอขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มเสียง และสองนิ้วรูดหน้าจอลง เพื่อเป็นการลดเสียง จะเห็นว่า ด้วยฟังชั่นการทำงานเหล่านี้ ทำให้เราแทบไม่ต้องไปกดปุ่มๆ บนเครื่อง OPPO Joy Plus เลยครับ
หน้าจอทัชสกรีนของ OPPO Joy Plus รองรับฟังชั่นการใช้งานขณะที่เราสวมถุงมือได้ด้วยนะครับ เปิดฟังชั่นนี้ ในกรณีที่เราอยู่เมืองหนาว หรือการทำงานที่ต้องสวมถุงมือเอาไว้ขณะใช้งานโทรศัพท์ ก็สามารถใช้งานการสัมผัสหน้าจอได้โดยไม่ต้องถอดถุงมือครับ
ถ้าเรากลัวว่าฟังชั่นทั้งหมดที่ว่า มันเยอะแยะจนเกินไป และอาจจะทำให้ตัวเครื่องแอบทำงานเองได้เมื่ออยู่ภายในกระเป๋า เพราะสารพัดรูปแบบการสั่งงานที่มีมาให้แทยทุกทิศทุกทาง ให้เราทำการเปิดการทำงาน “ป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ” เอาไว้ครับ ตัวเครื่องจะทำการใช้เซนเซอร์เพื่อตรวจจับว่า มันอยู่ในท่าการใช้งานตามปกติ หรือยู่ในกระเป๋าหรือไม่ เพื่อป้องกันการทำงานที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่จากการทำสอบใช้ ถ้าเราเปิดฟังชั่นโน้นนี้นั้นเยอะเกินไป บางครั้งมันก็เอาไม่อยู่ครับ มีแอบทำงานให้เห็นเหมือนกันเวลาหยิบออกมาจากกระเป๋า และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน แนะนำว่า ฟังชั่นไหนไม่จพเป็นก็ปิดๆ ไปดีกว่าครับ ประหยัดแบตเตอรี่
การจัดการแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ OPPO Joy Plus แม้จะมีมาให้แค่ 1,700 mAh แต่ธรรมชาติของเครื่องแอนดรอยด์สายพันธุ์เล็กเหล่านี้ มันกินแบตน้อยมากๆ ครับ เราสามารถใช้งานเจ้า Joy Plus ตัวนี้ได้ข้ามวันได้เลย ส่วนใหญ่ในการใช้พลังงานจะหนักไปที่หน้าจอครับ เปิดแสงหน้าจอสว่างมากๆ เปิดใช้งานตลอดต่อเนื่อง ก็หมดก่อนถึงบ้านได้เช่นกันนะครับ
แต่ OPPO Joy Plus ก็มีโหมดประหยัดพลังงานติดเครื่องมาให้ถึงสองโหมด ในโหมดประหยัดพลังงานแบบธรรมดา ที่เราเซ็ตค่าความสว่างหน้าจอ ปิดการทำงานลูกเล่นบางอย่างลงไป เพื่อให้ตัวเครื่องใช้พลังงานน้อยลง
กับโหมดการประหยัดพลังงานขัั้นสูง ที่จะเปลี่ยนเครื่องสมาร์ทโฟนของเราให้กลายเป็นแค่โทรศัพท์ธรรมดา รองรับการโทรการส่งข้อความ และการทำงานพื้นฐานเฉกเช่นโทรศัพท์ทั่วๆ ไป เพื่อการใช้พลังงานที่ต่ำที่สุด และอยู่กับเราได้นานที่สุดนั้นเองครับ อยู่กันได้เป็นวันๆ เลยละ แม้จะเหลือแบตเพียงนิดเดียว (ของเจ้าอื่นภาพจะเป็นโทนขาวดำ แต่ของ OPPO ยังเป็นการแสดงผลแบบมีสีอยู๋) โดยเราสามารถกำหนดให้เครื่องเปิดโหมดนี้ได้อัตโนมัตินะครับ เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 10%
ลูกเล่นในการแสดงผล
ลูกเล่นในการทำงานก็เยอะแล้ว ในส่วนของการแสดงผลยังมีเพิ่มเติมมาให้อีกต่างหาก ^^ เจ้าเครื่องนี้ฟังชั่นมาเต็มครับ นอกจากธีม, วอลล์เปเปอร์, ที่เราเปลี่ยนได้แล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของภาพวอลล์เปเปอร์ในการแสดงผลแบบเดิมๆ ให้มันแปลกตาไปโดยการเคาะหน้าจอในบริเวณว่างๆ สองครั้ง เพื่อให้ภาพวอลล์เปเปอร์ มันเบลอๆ ลงไป แปลกใหม่ดี สลับไปมากับแบบปกติง่ายๆ ก็แค่เคาะอีกสองทีเพื่อกลับมาเป็นปกติครับ (ยังมีฟังชั่นวอลล์เปเปอร์วันพิเศษที่ภาพหน้าจอจะเปลี่ยนเองอัตโนมัติเมื่อถึงวันสำคัญๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ)
เลือกการแสดงผลในส่วนของ Status Bar ได้ตามใจ อยากจะเห็นชื่อเครือข่ายที่ใช้หรืออยากเห็นเป็นโลโก้สวยๆ อยากเห็นความเร็วการใช้งานอินเตอร์เน็ตก็เปลี่ยนได้ครับ โดยทั้งสามอย่างนี้ จะแสดงพร้อมกันไม่ได้นะครับ ต้องเลือกเอา
แอพพลิเคชั่นน่าใช้ภายในเครื่อง
นอกจากความสามารถในการทำงานจะมาจากฟังชั่นของตัวเครื่องแล้ว ด้วยความที่มันเป็นสมาร์ทโฟน ก็อย่าลืมเรื่องของความสามารถจากทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นที่ทาง OPPO ให้มาด้วยนะครับ เพราะแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ส่วนใหญ่ จะไม่มีใน Google PlayStore แต่จะมีเฉพาะในเครื่อง OPPO เท่านั้น ซึ่ง OPPO Joy Plus แม้จะถูก แต่ก็มีเพียบเช่นกันครับ ผมจะแนะนำให้รู้จักกับตัวแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ บางตัวนะครับ
เช่นแอพพลิเคชั่นที่สามารถช่วยเราในเรื่องของการแจ้งเตือน เวลาส่วนตัว วันหยุดที่เราต้องการพักผ่อน ไม่ต้องปิดเครื่อง ตั้งเวลาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วมันจะทำงานเองให้เราในทุกๆ วัน โดยเราสามารถกำหนดรายชื่อคนสำคัญเอาไว้ได้นะครับ ว่าใครในชีวิตเรา ที่เราพร้อมรับการติดต่อจากเขาเสมอๆ ^^ หรือจะเปิดการอนุญาตพิเศษสำหรับสายเร่งด่วน ที่โทรหาเราถึงสามครั้งภายในสามนาที มันคงต้องเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ตัวเครื่องก็จะอนุญาตให้ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาได้ในกรณีพิเศษครับ
แอพพลิเคชั่นสำหรับการแบ็คอัพข้อมูล เราสามารถเก็บข้อมูลรายชื่อ ข้อความการติดต่อ รวมทั้งการตั้งค่าต่างๆ เช่นการจัดเรียงหน้าโฮมที่เราทำไว้ และแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งไว้ภายในเครื่อง ให้สำรองเป็นข้อมูลส่วนตัวไว้เรียกกลับมาใช้ในยามที่เรารีเซ็ตเครื่องใหม่นั้นเองครับ
ศูนย์รักษาความปลอดภัย แอพพลิเคชั่นดีๆ ที่ควรรู้จักและหัดใช้นะครับ เป็นแอพที่ควบคุมความเป็นส่วนตัวที่สำคัญมาก เช่นการบล็อกบุคคลที่เราไม่ต้องการจะติดต่อด้วย ทั้งในแบบสายสนทนาและทั้งในแบบข้อความ ใครไม่ชอบหน้า จัดเอาเข้าแบล็คลิสเราเอาไว้ในหัวข้อ “บล็อค” ของแอพพลิเคชั่นตัวนี้
ในแอพศูนย์รักษาความปลอดภัยยังมีความสามารถในการเข้าถึงการทำงานของแอพพลิเคชั่นภายในเครื่องของเราอีกด้วย ว่าแอพพลิเคชั่นใดที่เราไว้ใจและไม่ไว้ใจ หรือไม่ต้องการให้มันทำงานในขณะที่เราไม่รู้ตัว เป็นการกำหนดความสำคัญของแอพพลิเคชั่นภายในเครื่องเพื่อความปลอดภัยและประหยัดพลังงานไปในตัวครับ โหมดนี้เราจะกำหนดแอพที่เราเชื่อถือเอาไว้ต่างหาก ถ้าเราเปิดการทำงาน แอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่เราไม่อนุญาต จะไม่สามารถทำงานใดๆ ได้อีกต่อไปครับ
โหมดผู้ใช้ชั่วคราว เป็นการทำงานในกรณีที่เราจำเป็นต้องให้ใครสักคนเข้าใช้โทรศํพท์ แต่ไม่อยากให้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัวเรา เช่นรูปภาพ วีดีโอ หรือรายชื่อบุคคลที่เป็นความลับ เมื่อเราเปิดโหมดผู้ใช้ชั่วคราว ตัวเครื่องจะให้เราทำการตั้งรหัสการเข้าใชงานซะก่อนครับ เพื่อให้ผู้ที่ยืมเครื่องไปไม่สามารถออกจากโหมดนั้นได้ถ้าไม่รู้รหัส เขาก็จะไม่เห็นสิ่งที่เราไม่อนุญาต และยังสามารถกำหนดการใช้งานของแอพพลิเคชั่นในเครื่องได้ด้วยว่า จะให้เขาสามารถใช้แอพพลิเคชั่นใดได้บ้าง จึงสามารถนำไปใช้ในกรณีต้องการให้เด็กหรือลูกของเราใช้งานได้ในบางสถานการณ์ครับ
ผลการทดสอบต่างๆ ของเครื่อง
การจับสัญญาณ GPS ลำพังใช้แต่ตัวเครื่องทำได้ช้านะครับ ถ้าเป็นสัญญาณอินเตอร์เน็ตช่วยจะดีกว่ามาก สามารถทำงานเป็นเครื่องนำทางได้อยู่ครับ
พื้นที่ใช้งานของเครื่อง 4GB ใช้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นได้จริงประมาณ 1.9 GB น้อยมากครับ แต่สามารถพอแก้ไขได้โดยการใช้การ์ดความจำภายนอกช่วย ใส่เข้าไปแล้ว เข้าไปที่การตั้งค่า “ตำแหน่งติดตั้งที่ต้องการ” ให้เลือกเป็น SD การ์ด ไว้ครับ แม้จะช่วยไม่ได้มากในกรณีเจอแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งลงการ์ดภายนอกไม่ได้ ฉะนั้น ตัวเครื่องไม่ค่อยเหมาะจะลงเกมขนาดใหญ่ๆ สักเท่าไหร่ครับ
สิ่งที่จะเจอ ถ้าลงเกมที่กินพื้นที่เยอะๆ หลายเกมเข้า ก็คือพื้นที่หน่วยความจำเต็ม เป็นจุดอ่อนของเจ้า Joy Plus ตัวนี้ครับ
ทดสอบการเล่นวีดีโอความละเอียด 720p เล่นได้ครับ แต่เมื่อลองขยับไปทดสอบกับวีดีโอความละเอียด Full HD เกิดอาการกระตุกครับ เล่นไม่ลื่นเลย ฉะนั้น หาไฟล์วีดีโอให้เท่ากับความละเอียดจอจะคุ้มสุดครับ ชัดพอๆ กันบนหน้าจอ Joy Plus เล่นลื่นๆ และประหยัดพื้นที่กว่าเยอะครับ
ทดสอบการเล่นเกมระดับ HD ใหญ๋สักหน่อย กับ Marvel Future Fight มันก็พอเล่นได้นะครับ แต่กระตุกนิดๆ สะดุดหน่อยๆ ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นักครับ (แต่ผมก็เล่นเพลินไปไกลเลย 555) ถ้าเป็นพวกมินิเกมเล็กๆ สบายครับ ยังเอาไหวอยู่
ทดสอบเสียงจากลำโพงตัวเครื่อง Joy Plus ธรรมดาๆ เลยครับ เสียงแหลมๆ วางเครื่องหงายบนพื้นราย เสียงดังขึ้นแต่แบนลง ความดังเสียงประมาณกลางๆ นะครับ ไม่ดังมาก แต่ก็ไม่เบามากเช่นกัน ส่วนตัวเล่นเพลงของ OPPO Joy Plus ก็ไม่มีอะไรมากครับ โชว์ปก แสดงเนื้อร้องได้ เขย่าเครื่องเพื่อเปลี่ยนเพลงได้
การถ่ายภาพ
เจ้าตัว Joy Plus มาพร้อมความละเอียดของกล้องหน้า 0.3 ล้าน และกล้องหลัง 3.0 ล้าน ดูน้อยครับสำหรับความละเอียด แต่ฟังชั่นการทำงานก็ดันมาเต็มอยู่ ทั้งการสั่งงานกล้องถ่ายภาพด้วยเสียง (พูดแค่คำว่า Color หรือ ชีสสสส เครื่องก็ถ่ายภาพให้) มาพร้อมกับโหมดไม้ตายประจำแบรนด์ OPPO นั้นคือบิวตี้โหมด 3.0 ฉลาดขึ้น หน้าเราก็สวยขึ้น ^^ และมีโหมดลูกเล่นสนุกๆ อย่างเช่นโหมดถ่ายภาพรับแสงสองครั้ง ที่นำภาพสองภาพมาซ้อนกันเป็นความสนุกใหม่ๆ ในโลกของกล้องมือถือครับ
การตั้งค่าต่างๆ ภายในกล้อง
ตัวอย่างภาพถ่าย OPPO Joy Plus
โหมด Multi Exposure หรือการถ่ายภาพแบบสองครั้งมาผสมผสานกัน
โดยรวมในเรื่องการถ่ายภาพไม่ค่อยดีครับ โฟกัสไม่เข้าเพราะไม่รองรับการทัชโฟกัส ต้องอาศัยออโต้โฟกัสซึ่งไม่ค่อยจับในจุดที่เราต้องการสักเท่าไหร่ สีค่อนข้างซีดไปเล็กน้อย และความละเอียดต่ำมากครับ โดยเฉพาะกล้องหน้าเป็นแค่ VGA แต่ยังดีมีโหมดฟรุ้งฟริ้งให้เล่น เลยอนุโลมให้ หน้าใสดี 555
สรุปท้ายรีวิว
เจ้าแม่แห่งฟังชั่นและลูกเล่น OPPO (ทำไมผมชอบคิดว่า OPPO คือผู้หญิงนะ – -) แม้จะเป็นเครื่องรุ่นเล็ก แต่ก็ใส่ใจในการทำงานต่างๆ มาให้อย่างเต็มที่ เป็นเครื่องราคาประหยัดที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสความแปลกใหม่อยู่เยอะพอประมาณเลยครับ แต่ประสิทธิก็เป็นไปตามเครื่องราคาประหยัดจากแบรนด์ใหญ๋ จะจุใจเหมือนเครื่องหน้าใหม่ราคาถูกคงไม่ไหว การทำงานทั่วไปพอเพียง แต่การทำงานหนักๆ ดูเกินตัวเช่นวีดีโอความละเอียดสูงหรือเกมระดับ HD ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์ ตัวเครื่องภายนอกแข็งแรงดี จุดขายเครื่องนี้คือฟังชั่นและลูกเล่นการถ่ายภาพ และเป็นเครื่อง 3,490 บาทจากแบรนด์ OPPO นั้นเองครับ
[gradeC]