OPPO Reno 10x Zoom ตัวจริงสุดยอดมากครับ เป็นสมาร์ทโฟนที่มีขั้นตอนการคิด, การผลิต, และผลลัพท์ ทำออกมาได้ดีมากในทุกขั้นตอน ระดับสูงทั้งหมดครับ ทั้งการเลือกใช้สเปคภายใน และความซับซ้อนในการผลิตตัวเครื่องภายนอก และในครั้งนี้มันยังรวมถึง “บริการหลังการขายด้วย”
Reno 10x Zoom จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยเทคนิคการผลิตมากมายเลยครับ เทคโนโลยีใหม่ๆ เพียบ ศัพท์เทคนิคเต็มเครื่องแบบต้องอธิบายไทยคำอังกฤษคำเลยละครับ แต่ว่าตามสไตล์ของ AppDisqus เราจะย่อยอะไรยากๆ ให้เข้าใจกันง่ายๆ ในรีวิวนี้ครับ
ก็ย่อยให้ง่ายๆ เลยว่า OPPO Reno 10x Zoom ดีครับ หรูครับ สเปคสูงครับ และสวยมากครับ ดีไซน์แตกต่างมีเอกลักษณ์มากครับ ฉะนั้นถ้าชอบ ซื้อได้เลยครับ ^^
อันนี้ก็ย่อยง่ายไป 555 ฉะนั้นตามผมมาดูกันทีละเรื่องดีกว่า ว่า OPPO Reno 10x Zoom เครื่องนี้ มันมีดีอะไรขนาดไหน
ตัวเครื่องภายนอก
OPPO Reno 10x Zoom น่าจะเป็นเครื่องที่ผลิตยากมากที่สุดแล้วละครับ เทคนิคที่ใช้ในการผลิตแค่ฟังก็รู้สึกพรีเมี่ยมแล้ว
โดยเฉพาะด้านหล้งเครื่องของ Reno ซึ่งมาพร้อมสองเฉดสี ที่ทั้งสองสีไม่มีอะไรธรรมดาสักอย่าง ทั้งสี Jet Black และสี Ocean Green ที่ผมได้มารีวิว มันเป็นพื้นผิวแบบไล่เฉดสีที่ไม่เหมือนใครเลยครับ
ผิวกระจกหนึ่งชิ้นแต่มีพื้นผิวสองแบบทั้งผิวเงาและผิวด้าน สร้างเอฟเฟกต์ 3D โดยใช้สีเพียงสีเดียว เขาใช้การผลิตผ่านกระบวนการขัดผิวสองแบบบนฝาหลังตัวนี้ แม้การทำแบบนั้นจะส่งผลให้เกิดความหนาบนพื้นผิวที่ไม่เท่ากัน ฉะนั้นในขั้นตอนการผลิตปิดท้าย เขาจึงเคลือบด้วยผิวอีกครั้งด้วยการขัดสารเคมีลงบนทั้งสองด้านของผิวกระจก แล้วทำการขัดเงาละเอียดระดับนาโน เผื่อให้ความหนาระหว่างกระจกเรียบเนียนไปด้วยกัน เวลาเราลูบคลำไปตามฝาหลัง จึงจะรู้สึกได้เบาๆ ถึงความแตกต่างของชั้นผิวเลยละครับ ไม่ใช่เป็นแค่การสกรีนลายทำสีแบบหลอกตาอีกต่อไป
กล้องหลังสามตัวของ Reno Series ถูกซ่อนไว้อยู่ใต้กระจก ไม่มีส่วนเลนส์กล้องใดๆ ที่ยื่นนูนออกมาแม้แต่นิดเดียวครับ ส่วนเลนส์กล้องมีการเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยีนาโนไว้หลายชั้น และเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจจะเกิดขึ้นบนฝาหลังได้โดยง่ายเวลาวางหงายลงบนพื้น ทาง OPPO จึงใส่ O-Dot หรือเม็ดเซรามิคความแกร่งสูงเอาไว้รองรับการวางหงายลงบนพื้น แถมเป็นเหมือนเครื่องประดับที่ฝังใส่ไว้ที่ฝาหลังอีกด้วย
ทั้งตัวกล้อง ทั้ง O-Dot และโลโก้ของ OPPO ถูกออกแบบวางไว้อยู่ตรงกลางเครื่องบริเวณพื้นผิวเงาแบบสมมาตร เพิ่มความเด่นเหมือนตีกรอบให้กับตราสัญลักษณ์และจุดวางเลนส์ของเครื่อง
ซึ่งผลลัพท์ของมันผมอยากให้ทุกคนได้ไปพิสูจน์ด้วยการสัมผัสผิวจริงด้วยมือตัวเองมากๆ เลยครับ รู้สึกดีสุดๆ แถมเป็นรอยยาก ไม่เกิดคราบลายนิ้วมือเวลาถือจับได้ง่ายๆ และเวลาสะท้อนกับแสงมันจะเหมือนสีที่สะท้อนแสงออกมาผ่านหมอก สวย เด่น และไฮโซมาก
มาถึงด้านหน้าตัวเครื่อง Reno 10x Zoom ก็มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว กระจกจอแกร่งด้วย Corning Gorilla Glass 6 และขอบจอก็เล็กสุดๆ ตัวเลขสัดส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสะใจมาก เพราะหน้าจอ Reno 10x Zoom นับเป็น 93.1% ของพื้นที่เครื่องเลยทีเดียวครับ เหลือไว้เป็นขอบเพียง 6.9% คิดดูเอาว่าจอรุ่นนี้จะสุดขอบมากขนาดไหน มันเต็มตาสุดๆ เลยละ
ความละเอียดจอเป็น FullHD+ 2340×1080 พิกเซล ซึ่งเจ้าจอตัวนี้แอบซ่อนเทคโนโลยีพิเศษเอาไว้ใต้ล่างอีกด้วย เพราะมันเป็นจอที่แอบเซ็นเซอร์แสงเอาไว้ใต้จอแสดงผลได้สำเร็จครับซึ่งเป็นการออกแบบที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ OPPO ใช้ประโยชน์จากความโปร่งใสของหน้าจอ AMOLED โดยแสงที่ได้จะถูกกรองโดยใช้อัลกอริทึมของ OPPO เท่านั้น ทำให้เซ็นเซอร์แสงบนหน้าจอของ OPPO สามารถนำไปติดตั้งวางได้ทุกที่ ไม่เหมือนการใช้เซ็นเซอร์แสงแบบเดิมๆ ที่ ต้องวางไว้ใต้กรอบกระจอที่เป็นสีดำเท่านั้นครับ
โดยหน้าจอนี้ฝังระบบการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเอาไว้อีกด้วย ซึ่งทาง OPPO ก็ได้พัฒนาเจ้า Reno มาใช้ Hidden Fingerprint Unlock รุ่นที่ 2.0 แล้วครับ มันสแกนลายนิ้วมือได้แม่นยำมากขึ้น ลดความผิดเพี้ยน โดยอัตราความแม่นยาของ Hidden Fingerprint Unlock 2.0 จะสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% – 30% และความเร็วในการปลดล็อกสูงขึ้น 28.5%
มีการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาใช้เพื่อลดความผิดพลาดในกรณีนิ้วมือชื้นเกินไปหรือแห้งเกินไป อัลกอริธึมที่มีอยู่จะยังสามารถซ่อมแซมลายนิ้วมือที่เห็นไม่ชัดเจนให้สมบูรณ์ได้ครับ
จากการทดสอบใช้งาน หน้าจอของ Reno 10x Zoom สุดขอบจริงๆ ครับ เหลือขอบบางๆ แต่เพียงพอเห็น การจับถือไม่ลำบากเพราะหลังเครื่องโค้งรับกับรูปมือ และการสแกนลายนิ้วมือก็ทำได้ไวมากจริงๆ ตั้งแต่ทดสอบใช้งานมามีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ต้องวางนิ้วสแกนใหม่ครับ ค่อนข้างแม่นทีเดียว
ตบท้ายความไฮเทคของรุ่นนี้ด้วยกลไก “Pivot-Rising” โครงสร้างสำคัญที่ทำให้เครื่อง Reno 10x Zoom มันโคตรเจ๋งก็คืออันนี้แหละครับ มันเป็นพื้นที่พิเศษที่สามารถเก็บตัวเองและเลื่อนออกมาอัตโนมัติเมื่อต้องการใช้งาน มันใช้เอาไว้ซ่อนกล้องหน้า ใส่ลำโพง ติดตั้งไฟแฟลชด้านหน้าและด้านหลัง ชิ้นส่วนเล็กๆ แต่มีความสำคัญในการออกแบบเพื่อทำให้หน้าจอของ Reno 10x Zoom ได้พื้นที่แบบจัดเต็มอย่างที่เห็นนี้แหละครับ
และเมื่อเราต้องการใช้กล้องหน้าหรือไฟแฟลชด้านหลัง หรือเปิดไฟฉาย เจ้า Pivot-Rising จะเลื่อนขึ้นอัตโนมัติ โดยทาง OPPO บอกว่ามันใช้เวลาเพียง 0.8s เท่านั้นครับ ออกมาเร็วแต่เงียบ เลื่อนขึ้นลงได้สมูทมาก เคลื่อนตัวได้ดูผู้ดีสุดๆ 555 ^^
นอกจากนี้ Pivot-Rising ยังมีความแข็งแรง ทาง OPPO กล้ารับประกันว่า มันสามารถใช้งานได้มากกว่า 200,000 ครั้ง ใครไม่เชื่อลองเล่นและนับเอาไว้ได้เลย ^^
ตัว Pivot-Rising มันยังสามารถตรวจจับสถานะการหล่นของเครื่องได้ด้วยนะ ถ้าเครื่องตก Pivot-Rising จะเลื่อนเก็บตัวเองเข้าไปอัตโนมัติ
OPPO Reno 10x Zoom เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนสองลำโพงครับ เป็นสเตอริโอแบบรองรับ Dolby Atmos บนลำโพงตัวเครื่องเองเลย
หนึ่งลำโพงด้านล่างเครื่องเสียงดังฟังชัด อีกหนึ่งตัวอยู่ที่ Pivot-Rising ทำหน้าที่เป็นตัวเสริม เสียงจะเบากว่า แต่ช่วยเพิ่มทิศทางเสียงได้ดี ลำโพงคู่ชุดนี้ให้เสียงดังดี มีมิติ และมีเนื้อเสียงในระดับดูหนังฟังเพลงภายในห้องส่วนตัวได้โดยไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่มแล้วละครับ
รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual 4G เทคโนโลยีด้านสัญญาณไร้สายไปไกลเกินกว่าผู้ให้บริการเมืองไทยจะใช้มันได้เต็มประสิทธิภาพ ฉะนั้นสบายใจได้เลยครับว่าอยู่ในระดับท็อปเมื่อใช้งาน 3G/ 4G และ Wi-Fi
ถาดใส่ซิมของ Reno 10x Zoom จะเป็นแบบสองหน้า โดยสามารถสลับช่องซิมที่สองเพื่อใส่ Micro SD card ได้แทนนะครับ
และถ้าจะสังเกต ตัวเครื่อง OPPO Reno 10x Zoom มีการติดตั้งไมค์โครโฟนรับเสียงเอาไว้รอบเครื่องถึง 3 ตัว มันเอาไว้ช่วยทำงานสำหรับการกำจัดเสียงรบกวน ทั้งในขณะสนทนาในที่มีเสียงรบกวน หรือแม้ขณะใช้งานในเวลาเล่นเกมและเกิดเสียงแทรกจากการใช้งานเครื่อง รวมถึงเอาไว้ใช้ในการอัดวีดีโอเพื่อระบบบันทึกเสียงรอบทิศทางได้แบบ 360 องศาครับ ซึ่งเจ้า OPPO Reno มีระบบอัดเสียงในวีดีโอที่สุดยอดมาก มันกำหนดทิศทางเสียงและระยะที่มาของเสียงได้ตามการถ่ายวีดีโอของเราเลยครับ
และ Reno 10x Zoom เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ภายในมีมอเตอร์สั่นสองระบบครับ ซึ่งเป็นเทรนด์เครื่องยุคใหม่เลย ตัวมอเตอร์ระบบที่สองจะไม่ใช่เป็นแบบหมุน แต่เป็นการสั่นแกว่งในแนวนอน มันไว และมีความเหวี่ยงสูงกว่า สองระบบสั่นจะสร้างการสั่นในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเครื่องปกติซึ่งมีการสั่นแบบหมุนเพียงอย่างเดียว มันจะช่วยกันสร้างทิศทาง กำหนดน้ำหนัก และแรงตอบรับแบบหลายระดับ มีประโยชน์มากทั้งในเวลาใช้งานปกติรวมถึงการเล่นเกม ซึ่งแล้วแต่ตัวซอฟท์แวร์จะออกแบบ เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ผู้ใช้จะชอบในเวลาใช้งานกันจริงๆ ครับ
พอร์ตชาร์จใต้เครื่องเป็น USB Type-C ซึ่งเป็นพอร์ต Type-C ที่รองรับระบบชาร์จไว VOOC 3.0 แล้วนะครับ ใช้งานกับที่ชาร์จที่มีมาให้ภายในกล่องได้เลย
อุปกรณ์ในกล่องก็พรี่เมี่ยมไม่ต่างไปจากตัวเครื่องเลยครับ เพราะแปลกตาตั้งแต่ตัวกล่องเลย กล่องทรงสูง ภายในมีมาให้ทั้งสายชาร์จและชุดชาร์จ VOOC 3.0 พร้อมกับหูฟัง in-ear แบบ USB Type-C รวมถึงเคสสวมใส่ที่ “พรีเมี่ยมสุด” เคสแถมที่ให้มาในกล่องของ Reno 10x Zoom สวยมาก วัสดุเกรดดี และมีไม่กี่เครื่องที่แถมเคสระดับนี้มาให้ตั้งแต่ในกล่องครับ
คลิปแกะกล่อง OPPO Reno 10x Zoom มีอะไรมาให้บ้าง?
แค่ตัวเครื่องภายนอกก็สะท้อนถึงความเป็นระดับท็อปของ OPPO Reno 10x Zoom แล้วละครับ ใส่ใจกันทุกรายละเอียดขนาดนี้ ใช้เทคนิคการผลิตระดับนี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพียบเลย ไม้ต้องกังขาเกรดของสินค้าตัวนี้ที่ OPPO ตั้งใจนำเสนอเลยครับ สำหรับรุ่นนี้คำว่า “พรีเมี่ยม” ไม่ได้สักแต่ใส่เข้ามาแค่ให้ดูดีครับ
การใช้งานภายใน
อย่าหลงไปเพียงกับหน้าตาสวยๆ ภายนอกของมันเท่านั้น เพราะเจ้า Reno 10x Zoom สเปคภายในก็สุดติ่งกระพรวนแมวเหมือนภายนอกของมันเลยครับ ด้วย CPU แรงสุดในยุคและมีความเป็นสากลที่สุด Snapdragon 855 อย่ามาถามว่าเล่น ROV หรือ PUBG ลื่นมั้ย? กันอีกนะ ^^
แรมชนิด LPDDR4x ขนาด 8GB และหน่วยความจำ 256GB เป็นชุดที่แรงที่สุดเท่าที่ OPPO เคยมีมา จากการทดสอบใช้งานก็ตามคาดแหละครับ สเปคระดับนี้คงไม่มีใครจะคิดว่ามัน “ไม่แรง” จากที่ผมทดสอบเอามาเล่นเกมกราฟิกระดับสูง มันลื่น มันเร็ว และตอบสนองไวมาก
ตัว UI ของ Reno 10x Zoom ใช้ ColorOS 6 ซึ่งเป็นหน้าการใช้งานแบบใหม่สุดของ OPPO ครอบทับบน Android 9.0 P มีหน้าตาการใช้งานที่ง่ายๆ ปรับมาให้เหมาะกับโทรศัพท์แบบแสดงผลได้เต็มหน้าจอแบบไม่มีติ่ง
มีระบบปรับแต่งเก๋ๆ และน่ารัก ตามสไตล์ OPPO เช่นเดิมครับ แต่ฟีเจอร์เด็กของ UI นี้ก็คือ Smart Sidebar หรือหน้าเรียกใช้งานพิเศษที่เราเรียกออกมาได้ในทุกหน้าการใช้งาน เป็นที่เรียกใช้สำหรับฟังก์ชั่นด่วนสำคัญๆ เช่นการบันทึกหน้าจอ ทั้งแบบภาพและแบบวีดีโอ รวมถึงการแชร์ไฟล์ การปิดกั้นการรบกวน และการเรียกใช้แอพพลิเคชั่นใช้งานบ่อยที่เรากำหนดไว้เองได้ครับ
รองรับการใช้ได้ทั้งแนวตั้งและขณะใช้งานเครื่องในแนวนอน
ในเครื่อง OPPO เขามีบริการ Cloud services ด้วยนะครับ เอาไว้บริการลูกค้า โดยเป็นพื้นที่ออนไลน์พิเศษที่ผู้ใช้สามารถสารองข้อมูล, รูปภาพ, วิดีโอ, รายชื่อติดต่อ รวมถึงการตั้งค่าส่วนตัวอื่นๆ เช่นรหัสผ่าน Wi-Fi และบันทึกต่างๆ รวมถึงบุ๊กมาร์กของเบราว์เซอร์ โดยจะจัดเก็บสำรองไปยัง Cloud ให้ในไอดี OPPO ของเราโดยอัตโนมัติ และเมื่อวันไหนเรามีการย้ายเครื่องหรือรีเซ็ทเครื่องใหม่ ก็สามารถดาวน์โหลดและกู้คืนข้อมูลของเรากลับมาได้จากใน Cloud เลยครับ
มีสโตร์สำหรับแนะนำแอพพลิเคชั่น สโตร์สำหรับแนะนำเกม และสโตร์สำหรับการดาวน์โหลดธีมและวอลล์เปเปอร์ เห็นได้ชัดว่าทาง OPPO กำลังเดินหน้าจะทำ Cloud services ของเขาเองเด่นชัดเลยครับ
ในงานด้านความบันเทิงเหมาะมากสำหรับ OPPO Reno เพราะจอใหญ่ ไม่มีติ่ง ลำโพงเสียงดี และประสิทธิภาพการประมวลผลสูง ดูคลิป เล่นเกม เต็มตาสุดขอบสะใจเลยครับ
เวลาเล่นเกมนอกจากจะไหลลื่นแล้ว ตัวระบบยังถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะด้วย เพราะเมื่อเล่นเกมตัวเครื่องจะมีโหมด Game Assistant หรือผู้ช่วยนักเล่นเกม ที่จะปรับแต่งระบบการแจ้งเตือนไม่ให้รบกวนสายตา กล่องข้อความแจ้งเตือนจะปรากฏแบบโปร่งแสงและลดเวลาในการแสดงให้เห็นสั้นลง ปิดกั้นการแจ้งเตือน Game Space พื้นที่พิเศษสำหรับกำหนดให้เครื่องรับรู้ว่าแอพพลิเคชั่นเหล่านี้คือเกม และให้เครื่องรีดประสิทธิภาพออกมาในระดับที่เราต้อง เน้นการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้กับเรามากขึ้น เป็นต้นครับ
เพราะจะบอกว่ามันไม่ใช่แค่สเปคนะครับสำหรับความแรงจาก OPPO Reno ระบบข้างในมันมี HyperBoost 2.0 หรือระบบช่วยเหลือการประมวลผลอยู่ด้วย (สเปคระดับนี้ยังจะช่วยอีก 555 ) Reno series จะใช้ระบบบูสช่วยอีกหลายตัวครับ มันเป็นการใช้ระบบอัจฉริยะวิเคราะห์และคาดเดาการทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่ภายในแบบเรียลไทม์ ก่อนที่การทำงานจะเกิดขึ้นตัวระบบช่วยเหลือจะรู้ก่อน และเข้าไปแก้ไขทันทีก่อนปัญหาจะส่งผลต่อการใช้งาน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาสำคัญเช่นเกมค้าง มันเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมทั้งหมดรวมถึงการตอบรับของการทัชสัมผัส เอาเป็นว่าผู้ใชงานจะได้รับประสิทธิภาพเครื่องสเปคสูง ตามแบบที่มันควรจะเป็นอย่างแท้จริง ด้วยระบบ HyperBoost 2.0 ที่มีอยู่ภายในของ OPPO นี้แหละครับ
แบ่งจอทำงานสองแอพพลิเคชั่น เล่นเกมไปด้วย แชตไปด้วย เกมยังไหลลื่นได้ 100% สบายๆครับ ปรับขยับขนาดแบ่งหน้าจอได้แบบเรียลไทม์ ไม่ต้องกลัวหลุดหรือแลคแต่อย่างใดครับ
อีกสองตัวช่วยเด่นที่สำคัญในด้านการเล่นเกมโดยเฉพาะ นั้นคือ ระบบ Frame Boost เป็นระบบที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์แบบ real-time ได้ในขณะเล่นเกม เพื่อประคอง frame rate และความเสถียรของการเล่นเกมแบบตลอดการเล่นไม่ให้ตกคุณภาพลงไปครับ
และระบบ Touch Boost ที่จะทำงานให้ทุกๆ การสัมผัสหน้าจอ ถูกตอบสนองได้เร็วขึ้น ซึ่งทาง OPPO เคลมไว้ว่ามันมีส่วนช่วยในทุกๆ การใช้งานเลยครับไม่ใช่แค่การเล่นเกมเท่านั้น แต่ก็ต้องบอกว่าจากที่ทดสอบมา มันตอบสนองต่อการทัชไวจริงๆ ครับ ทั้งการพิมพ์ การเลื่อนสไลด์ กดแล้วติ๊กๆ ดีดขึ้นมาทันทีเลย ใครชอบเครื่องที่พิมพ์มันๆ ผมรับประกันว่าถูกใจ Reno แน่นอนครับ
จุดเด่นอีกหนึ่งจุดสำคัญของ Reno ก็คือเรื่องของระบบการชาร์จแบตเตอรี่ครับ Reno Series ใช้ระบบชาร์จ VOOC 3.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชาร์จที่เร็วและปลอดภัยของ OPPO โดยเฉพาะ จากการทดสอบใช้งาน ผมสามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,065mAh ของ Reno 10x Zoom จาก 37% ไปจน 77% หรือประมาณ 40% ได้ในเวลาแค่สามสิบนาทีเท่านั้นเองครับ
ชาร์จไว และปลอดภัยครับ เพราะจากที่ทดสอบใช้งานไปด้วยชาร์จไปด้วยเครื่องแทบไม่มีความร้อนให้รู้สึกขึ้นมาเลย ทั้งที่ระบบชาร์จไฟก็แรงหน่วยประมวลผลก็แรงมาก แต่เพราะภายในของ Reno ใช้ระบบระบายความร้อนแบบหลายทางเข้าช่วยกันป้องกันความร้อนสูงเมื่อเล่นเกม มีทั้งกราไฟท์ ตัวทำความเย็นด้วยท่อทองแดง และเจลระบายความร้อน ช่วยกันกระจายความร้อนจากโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็วและสม่าเสมอมากขึ้น ฉะนั้นในด้านความมั่นใจยังคงทำได้ดีสม่ำเสมอครับ
ผลทดสอบต่างๆ
ผลทดสอบ Benchmark สูงมาก ได้คะแนนเกินสามแสนหกหมื่นเลยครับ และระบบการจับสัญญาณ GPS ก็จับได้ไวมาก ในเครื่อง Reno 10x Zoom ใช้ระบบ Dual-frequency GPS หรือระบบการจับตำแหน่งสองสัญญาณ จับได้ทั้ง L1+L5 นอกจากจะจับแม่นแล้วยังจับได้ไวด้วยครับ
กล้องถ่ายภาพ
Reno 10x Zoom ใช้กล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ถูกซ่อนไว้ในกลไก Pivot-Rising มีระบบที่ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยและภาพย้อนแสงคมชัดเป็นพิเศษด้วยโหมด HDR และสามารถเบลอฉากหลังได้แม้จะมีกล้องหน้าเพียงกล้องเดียวในโหมดภาพถ่ายแบบบุคคลครับ พร้อมปรับแต่งระดับความบิวตี้ได้ละเอียดถึง 100 ระดับ!
และผลลัพท์ก็ได้รับการยืนยันจากสาวๆ อีกครั้ง ว่าผลงานยังถูกใจเช่นเดิม ^^ แต่พัฒนามากขึ้นอีกครับเพราะถ่ายเซลฟี่ได้แบบไม่ต้องห่วงเรื่องย้อนแสงสักเท่าไหร่ ระบบมีการเติมรายละเอียดบนใบหน้าด้วย HDR ช่วยได้เยอะครับ ไม่ต้องกังวลว่าฉากหลังมีความสว่างและหน้าเราจะมืด
แต่ความเด่นของกล้อง Reno คือด้านหลังครับ มีการใช้กล้องด้านหลังสามตัวที่รองรับการถ่ายหลายระยะและความละเอียดสูงมาก กล้องหลักความละเอียดสูงถึง 48พิกเซล พร้อมเลนส์เทเลโฟโต้ 13ล้านพิกเซล และเลนส์ไวด์มุมกว้าง 8ล้านพิกเซล และเป็นกล้องที่รองรับการซูมระดับ 10x (Hybrid Zoom) ตามชื่อของมันครับ มีโหมดเด่นๆ เช่น Ultra Night Mode 2.0 สำหรับการถ่ายภาพกลางคืน และ Dazzle Color Mode 2.0 สำหรับการเร้งสีภาพและการปรับภาพให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งหมดถูกช่วยเหลือไว้ด้วย AI สำหรับการเลือกซีนภาพได้ตามสิ่งที่จะถ่ายโดยอัตโนมัติครับ
การเปิดและปิด Dazzle Color Mode 2.0 มีส่วนช่วยในการปรับสีและความสดของภาพได้สองแบบตามแต่ต้องการครับ
มีโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ ตรวจจับใบหน้าและบุคคลได้ไวมาก ตัดภาพฉากหลังเบลอได้แม่นแม้แบบจะไม่ได้ยืนห่างจากฉากหลังมากนักก็ตาม
ระยะเลนส์ครอบคลุมได้เยอะมาก ทั้งการถ่ายภาพมุมกว้างระดับ 16mm ไปจนถึงระยะการซูม 160mm หรือ 10x แบบภาพไม่สูญเสียรายละเอียด ซึ่งระยะ 10x นับเป็นระยะซูมที่หวังผลความคมชัดได้เต็มที่ไม่ต่างจากการถ่ายแบบปกติเลยครับ
จากการทดสอบคุณภาพกล้องซูม ขนาดซูมถ่ายภาพแสงไฟในที่มืด ภาพยังออกมาคมมีรายละเอียดสุดยอดมากครับ เป็นอีกขั้นของระบบกล้องมือถือจริงๆ เจ้า Reno ตัวนี้
แถมยังซูมภาพดิจิทัลได้สูงถึง 60x ซึ่งเป็นระยะการซูมที่ไกลที่สุดของสมาร์ทโฟนในขณะนี้เลยครับ แต่คุณภาพของภาพนั้นผมนับว่ายังเป็นการซูมเพื่อให้เห็น มากกว่าจะเป็นการซูมเพื่อเจตนาถ่ายให้สวยงามครับ ภาพจะไม่มีความคมเพราะซูมดิจิทัลไกลมากขนาดนี้ ได้แค่นี้ก็ปาฏิหาริย์แล้วครับ
แต่ผมเชื่อว่ามันคือความสุดยอดในการซูมอยู่ดีครับ ลองดูครับว่าจากตำแหน่งยืนถ่ายมันไกลจากยอดโบสท์ขนาดไดน
ฉะนั้นผมสรุปว่าการซูมภาพระดับ 60X จะเหมือนเป็นการซูมเพื่อให้เห็นเหมือนใช้งานกล้องส่องทางไกลมากกว่าจะใช้เก็บภาพเพื่อความสวยงามนะครับ จากที่ทดสอบ ยากมากที่จะเก็บภาพให้ได้คมชัดในระยะไกลขนาดนี้
และ OPPO Reno เก่งกาจในการถ่ายภาพกลางคืนมากครับ แถมยังรองรับการถ่ายภาพกลางคืนได้ในทุกระยะการซูม เล่นกันสนุกเลยละ มีคุณภาพและใช้งานง่าย โดยเฉพาะเลนส์ไวด์ที่รองรับโหมดกลางคืน มันได้ใช้งานคู่กันเสมอๆ อยู่แล้วครับ
การซูมภาพในตอนกลางคืนยืนอยู่จุดเดียวกัน ถ่ายได้หลากหลายระยะ สวยทุกระยะ จนถึงการซูมระยะ 10X ยังคมชัดสบายๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน
สรุปท้ายรีวิว
Reno 10x Zoom เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนที่ OPPO ตั้งใจมากครับ ทั้งงานออกแบบ งานผลิต การกำหนดสเปคเครื่อง ทั้งหมดอยู่ในระดับสูงสุดของตลาดทั้งหมดครับ จอภาพใหญ่เต็มตา เครื่องเล็กเพราะขอบบาง โครงสร้าง Pivot-Rising ที่เก็บซ่อนตัวเองได้ในรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Reno เครื่องนี้ดูไฮเทคและเหนือล้ำกว่าคู่แข่งในตลาดครับ
และยังเหนือกว่าในเทคโนโลยีการซูมของกล้องถ่ายภาพด้านหลัง รองรับระยะทั้งเลนส์กว้าง และเลนส์ไกล ด้วยการซูม 10X แบบไม่เสียรายละเอียด และซูมดิจิทัล 60X ได้เพียงรุ่นเดียวในตลาด กล้องจึงมีคุณภาพและความสนุกในเครื่องเดียวครับ
ตัวเครื่องสวยงามพรีเมี่ยม จับสัมผัสรู้สึกได้ถึงคุณภาพในงานผลิต สเปคเครื่องภายในแรงไร้ข้อกังขาในการใช้งาน เพราะใช้หน่วยประมวลผลตัวแรงที่เป็นสากล Snapdragon 855 แบตเตอรี่ใหญ่และรองรับช VOOC 3.0 ชาร์จไวและปลอดภัย
มั่นใจได้ทั้งในด้านความสวย ความแรง และความปลอดภัยเลยครับ
ผมจึงขอยกให้ OPPO Reno 10x Zoom เป็นงานศิลป์ ที่แสดงถึงความปราณีต ตั้งใจ ใส่ใจในรายละเอียด OPPO ทำออกมาได้สมบูรณ์จริงๆ ครับรุ่นนี้
และขอปิดท้ายด้วยบริการหลังการขายระดับพรีเมี่ยมของ OPPO Reno 10x Z0om สำหรับใครที่จอง OPPO Reno 10x Zoom ในระหว่างวันที่ 4-13 มิถุนายนนี้ รับฟรี!
- ขาตั้งกล้อง Tripod และ Diamond Card ที่มาพร้อมกับ international warranty การรับประกันระหว่างประเทศ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถรับการประกันซ่อมและอัพเกรดที่ศูนย์บริการ OPPO ได้ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
- พร้อมสิทธิ Fast Lane ได้คิวก่อนใครเมื่อเข้าบริการศูนย์บริการ OPPO
- และการรับประกันเปลี่ยนสินค้าเครื่องใหม่ให้ เมื่อเจอปัญหาที่มาจากการผลิตด้วยครับ
รายละเอียดโปรโมชั่นและส่วนลดจากผู้ให้บริการทั้งสามค่าย AIS, dtac และ truemove H อ่านได้ที่นี่ <<<<