OPPO Reno11 5G สมาร์ตโฟนถ่ายคนอย่างโปร ภาพสวยคมชัด ละลายหลังอย่างเป็นธรรมชาติ
ตัวเครื่องสวยงาม กระจกจอและฝาหลังโค้งให้ความสวยงามดูมีราคาแบบเครื่องพรีเมี่ยม งานประกอบแน่นหนา เพียวบางน่าใช้ ทำสีและลวดลายไม่เหมือนใคร ดูทันสมัยแต่มีความเป็นธรรมชาติในตัว
สเปคดีมีฟังก์ชั่นครบ ระบบทำมาได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้งานได้ลื่นไหลไม่เจอปัญหาใดๆ ในการทดสอบใช้งาน มีเทคโนโลยีการเร่งจับสัญญาณเมื่อพบจุดอับที่สัญญาณอ่อน
กล้องถ่ายภาพออกแบบมาได้อย่างดี มีโหมดสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่ครบครัน ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มาครบทั้งฟังก์ชั่นและคุณภาพของกล้อง
เหมาะกับคนชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายภาพ อยากได้สมาร์ตโฟนเครื่องสวยที่มีความทนทานแต่บางเบา ใช้เก็บภาพท่องเที่ยวได้สวยงาม ตัวนี้ยกให้เลยว่าตรงงานที่ต้องการแน่นอน
The Good
- ตัวเครื่องสวยงาม บางเบา สีสันและลวดลายใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
- กล้องถ่ายภาพยอดเยี่ยม มาพร้อมโหมดพอร์ตเทรตที่ซูมได้ ถ่ายบุคคลได้ ถ่ายได่สวยงามทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ฟังก์ชั่นครบ
- หน้าจอใหญ่ ขอบจอเล็กมากเพียง 1.57 มม. ขอบบางมากที่สุดในตลาดขณะนี้
- ลำโพงคู่สเตอริโอ เร่งเสียงได้ดังกว่าปกติ 300%
- รองรับระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC ระบบชาร์จที่ดีที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกัน
- มีเทคโนโลยี LinkBoost ตัวเร่งการจับสัญญาณได้รวดเร็วและต่อเนื่องกว่าใคร ลดปัญหาเวลาเข้าจุดอับสัญญาณหรือมีผู้ใช้บริการอยู่รวมกันเยอะๆ
The Bad
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนอุปกรณ์โดยตรง
- ไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ภายในกล่อง
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
OPPO Reno11 5G สมาร์ตโฟนจากซีรี่ส์ Reno11 ที่โดดเด่นกว่าใครในเรื่องของการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลหรือโหมดพอร์ตเทรตนั้นเอง เพราะรุ่นนี้ใส่เลนส์เทเลโฟโต้คุณภาพสูงที่รองรับการซูมภาพแบบ 2x ในโหมดพอร์ตเทรตมาให้ มีมุมมองการถ่ายบุคคลในสองระยะที่ให้ความลึกของภาพแตกต่างกัน แต่มีความคมชัดในระดับที่ไม่แตกต่างกันเลยนั้นเองครับ
และยังเปิดตัวออกมาพร้อมตัวเครื่องจริงที่สวยสะดุดตามาก ผิวฝาหลังที่ทำมาเป็นพิเศษ เลียนแบบเรื่องราวจากธรรมชาตินำมาทำเป็นลวดลายและสีสันใหม่ ดูทันสมัยและมีความเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวเอง ในขณะที่เจ้าอื่นเริ่มทำตัวเครื่องออกมาได้สวยงานมากขึ้น แต่ OPPO ก็ยังนำไปได้ไกลกว่าในด้านความเป็นแฟชั่นอยู่เสมอ
และสำหรับ OPPO Reno11 5G นอกจากสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ง่ายๆ จากภายนอกแล้ว ยังมีการใช้งานภายในที่ได้พัฒนาใหม่เข้ามาอีกมากมายครับ โดยในรีวิวนี้ผมจะพาไปรู้จักกับความสามารถของ Reno11 5G กันแบบครบๆ ในบทความเลยนะครับว่าจะมีอะไรบ้าง
กล้องถ่ายภาพ ที่มาพร้อมความสามารถถ่ายคนได้อย่างโปร
OPPO Reno11 5G มาพร้อมกับระบบกล้องที่มีคุณภาพทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ในการถ่ายภาพเลยครับ เริ่มจากตัวกล้อง
- กล้องหลังตัวหลัก Sony LYT600 ความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS ในตัว เป็นเซนเซอร์ขนาด 1/1.95″ f1.8 ทางยาวโฟกัส 26 มม.
- กล้องพอร์ตเทรต เป็นเลนส์เทเลโฟโต้ Sony IMX709 ความละเอียด 32MP เป็นเซนเซอร์ขนาด 1/2.74″ f2 ทางยาวโฟกัส 47 มม.
- กล้องมุมกว้างพิเศษ Sony IMX355 ความละเอียด 8MP เป็นเซนเซอร์ขนาด f2.2 เป็นเลนส์ Ultra-Wide ทางยาวโฟกัส 16 มม.
ด้วยชุดกล้องจาก Sony ทั้งสามเลนส์ในระยะที่แตกต่างกัน ทำให้ชุดกล้องของ OPPO Reno11 5G สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ทั้งในระยะเลนส์ 26 มม. และแบบซูม 2x ที่ระยะ 47 มม. ได้นั้นเองครับ สร้างระยะมิติของภาพบุคคลกับฉากหลังได้แตกต่างกันเพราะเป็นการใช้การซูมด้วยออฟติคัลไม่ใช่เป็นการซูมแบบซอฟท์แวร์ มากับฟิลเตอร์ปรับโทนสีหลากหลายอารมณ์มาให้เล่นเยอะครับ ถ่ายคนสนุกแน่นอน
ตัดภาพคนได้คมด้วยเลนส์ที่ดีและมีระยะที่เหมาะสมครับ ในด้านซอฟท์แวร์ก็มีการใส่ระบบเฉพาะของ OPPO ที่เก่งกาจมากเป็นพิเศษอยู่แล้วในเรื่องของการถ่ายคน โดยมีการใส่ระบบ Portrait Expert Engine เข้ามาช่่วยปรับภาพให้เราอัตโนมัติ ภาพจะถูกปรับแต่งสีสัน ความคมชัด ความสวยงามของโบเก้ฉากหลัง รวมถึงการปรับสมดุลแสงและความสว่างของใบหน้าคนให้เราได้อัตโนมัติ
ตัวกล้องมีระบบกันสั่น OIS และใช้การจัดเรียงเซนเซอร์แบบพิเศษของตัวเองแบบ RGBW (Red, Green, Blue, White) ซึ่งตามข้อมูลเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความไวในการรับแสงได้มากกว่าเซนเซอร์ RGGB แบบที่ใช้กันดั้งเดิมได้ถึง 60% ช่วยลดนอยส์ให้กับภาพได้มากขึ้น 35% ทำให้ภาพมีความสว่าง จัดการแสงได้ดีมากขึ้น ฉะนั้นในเวลาถ่ายภาพไม่ต้องกลัวแสงในอาคาร หรือมีเงาร่ม ตัวกันสั่นกับเทคนิคการรับแสงที่ดีขึ้นจะช่วยให้ภาพยังมีความคมได้เท่าเดิมได้ครับ
ออกแบบระบบมาได้ฉลาดสำหรับการถ่ายภาพคนจริงๆ ครับ มีการปรับรูปให้กับเราได้เองอัตโนมัติหลังกดถ่ายไปแล้ว โดยใช้โปรเซสเล็กน้อย และเป็นกล้องที่ให้อารมณ์แตกต่างกันในสองระยะการซูมที่กำลังน่าใช้ โดยการถ่ายแบบความยาวโฟกัส 26 มม. จะยังคงเหมาะสมกับการเฉลี่ยความสำคัญในภาพระหว่างบุคคลกับบรรยากาศฉากหลัง และสำหรับภาพแบบความยาวโฟกัส 47 มม. จะเหมาะมากที่จะเน้นไปยังตัวบุคคลแบบเต็มที่ เป็นมุมมองและแนวภาพการถ่ายบุคคลแบบที่มืออาชีพชอบใช้นั้นเองครับ รุ่นนี้จัดมาให้แล้ว และคุณภาพเอาอยู่แทบทุกสภาพแสง
รองรับการถ่ายภาพตั้งแต่ระยะ 0.6 ไปจนถึง การซูมดิจิทัลแบบ 10x โดยที่จะรองรับการซูมแบบ in-sensor ในระยะ 5x ภาพยังไม่แตกแบบเสียรายละเอียดไปมากนักครับ
ความสามารถของกล้อง OPPO Reno11 5G สำหรับการเล่นกับตัวบุคคลมีใส่มามากมาย ทั้งการปรับแต่งอัตโนมัติด้วย AI และการปรับแต่งใบหน้าของผู้ใช้เองผ่านทางเครื่องมือบนหน้าแอปถ่ายภาพ มีฟิลเตอร์สีสันและเอฟเฟ็กต์สำหรับถ่ายภาพคนอย่าง AI Color Portrait ที่จะเปลี่ยนสีฉากหลังของบุคคลให้กลายเป็นขาวดำทั้งหมด และ Bokeh Fair Portrait ที่จะเร่งให้ดวงไฟโบเก้ของฉากหลังมีดวงที่กลมโตและสวยขึ้นกว่าปกติได้ อยากจะอลังการงานโบเก้ ก็หาแสงไฟหรือเงาไม้ในฉากหลัง แล้วเปิดใช้ไปเลยครับ^^
และผมชอบที่ตัวกล้องมีการใส่ระบบปรับความสว่างของภาพที่ใช้งานได้ง่ายๆ เหมือนกล้องใหญ่เข้ามาให้แล้วครับ เป็นการปรับค่า EV (ความสว่าง) จากการเลื่อนขีดระดับง่ายๆ ไม่ต้องมาเล็งสไลด์เพิ่มความสว่างแบบเล็กๆ ให้เราต้องลำบากกันแล้ว
ในความสามารถการถ่ายวีดีโอของรุ่นนี้ ก็สามารถถ่ายวีดีโอแนวละลายหลังได้ด้วย พร้อมโหมด AI Color Portrait และ Bokeh Fair Portrait และการตัดสีในวีดีโอให้เหลือแต่สีเฉพาะที่เลือกไว้ รวมถึงความสามารถในการถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังครับ
กล้องหน้า 32MP ของ OPPO Reno11 5G จึงมีความสามารถครบไม่ต่างจากกล้องหลัง และเซลฟี่บุคคลได้สนุกและภาพสวยเช่นกันครับ ^^ ทั้งการปรับระดับชัดลึกชัดตื้น, การปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียดในทุกส่วน, การเล่นกับ AI Color Portrait และ Bokeh Fair Portrait มาครบครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า สวยงามพร้อมใช้ ^^ ถ่ายเองก็สวยได้ไม่แพ้กล้องหลังครับ
ตัวเครื่องสวย บางเบา งานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
OPPO ยังคงใส่ใจในการออกแบบสมาร์ตโฟนของเขาในทุกรุ่นเช่นเดิมครับ โดยจะมาทั้งความสวยงามที่เห็นได้ด้วยตา และความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว ถ้าจะมีสิ่งใดที่ไม่ได้บอกเราอยู่ในหน้ากระดาาสเปคก็คงเป็นเรื่องของมาตรฐานการผลิตตัวเครื่องนี้แหละครับ
OPPO Reno11 5G เป็นสมาร์ตโฟนตัวเครื่องบาง แค่ 7.99 มม. และเบาแค่ 182 กรัม ขอบเครื่องโค้ง 3D บรรจบกันหน้าหลัง สวยงานแข็งแรงและดูหรูมีราคา เป็นงานประกอบในเกรดเครื่องเรือธงแบบเต็มตัวครับ
หน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ขอบจอบางมากๆ เหลือขอบเพียง 1.57 มม. เรียกได้ว่านี่เป็นเครื่องที่มีขอบจอบางมากที่สุดในตลาดในขณะนี้ด้วยสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93% เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 32MP (OmniVision OV32C)
ใช้เป็นจอ AMOLED สีสันสด สีดำที่ดำได้สนิท รองรับการแสดงสีสันแบบ 10-bits และรองรับเทคโนโลยี HDR10+ มีรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และใช้สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง
ความสวยงามของหน้าจอกระจกโค้งไร้ขอบ มันสวยงามดูแพง ภาพเสียงและคมชัดมากครับ ให้ความสว่างสูงสุด 950nits ใช้งานสู้แสงได้สบายๆ
ตัวเครื่องด้านหลังผลิตลวดลายและสีสันจากเรื่องราวของธรรมชาติ โดยในรุ่น OPPO Reno11 5G จะมาด้วยกันสองสีนั้นคือ สีเขียว Wave Green หรือชื่อไทย “สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์” บนลวดลายที่ได้จากผสมระหว่างลายเส้นถักทอของผ้าไหมกับเลื่อมโลหะที่สะท้อนแสงแวววาว ออกมาเป็นสีใหม่ที่ดูมีลาดเส้นที่ลื่นไหลอยู่บนฝาหลัง
อีกหนึ่งสีคือสีเทา Rock Grey หรือชื่อไทยเสริมมงคลว่า “เทาดำดูดทรัพย์” ใช้เทคนิคการผลิตแบบ OPPO Glow ที่ทำให้พื้นผิวมีเกล็ดคริสตัลระยิบระยับขนาดเล็กส่องไล่เฉดและเล่นระดับเมื่อมีแสงมากระทบ ได้แรงบันดาลใจจากแสงแดดอ่อนมากระทบโขดหินชาวฝั่ง ออกมาเป็นสีโทนเทาดำที่ดูนุ่มนวลมีเลเยอร์
กล้องหลังวางเมทริกซ์การออกแบบใหม่ พร้อมทำลวดลายทรงกลมเป็นวงแหวนสองวง Sunshine Ring สะท้อนเล่นเงากับแสง เพิ่มความโดดเด่นสะดุดตามากเข้าไปอีกครับ เก็บงานปราณีตและใส่รายละเอียดในทุกจุดเลย
ซึ่งตัวเครื่องทั้งสองสีจะไม่มีคราบมันรอยนิ้วมือในการใช้งานนะครับ ทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนได้ดี ถือจับได้ถนัดมือเพราะความบาง
นอกจากนั้นแล้ว OPPO Reno11 5G ยังได้ใส่ระบบลำโพงคู่เสียงดังกระหึ่มมาให้ด้วยครับ ตัวบางนิดเดียวแต่เสียงดังมาก มีความสามารถในการเร่งเสียงด้วยฟังก์ชั่น Ultra Volume ให้เสียงมีความดังได้มากกว่าปกติถึง 300% ซึ่งอาศัยแค่ลำโพงคู่บนตัวสมาร์ตโฟนก็ได้เสียงที่ดังมากๆ แล้ว หรือถ้าต่อกับขุดหูฟังก็ยังเร่งเสียงได้ดังในระดับ 200% ได้ด้วยเช่นกัน โดยที่คุณภาพของเสียงไม่ดรอปลงไป
OPPO Reno11 5G จะรองรับการใช้งาน 5G ทั้งสองซิมการ์ด รองรับการใส่ micro SD card ได้เพิ่มเติมสูงสุด 2TB เป็นรุ่นที่ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงนะครับ แต่มีการใส่ IR Blaster หรืออินฟราเรดสำหรับใช้เป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ครับ
แบตเตอรี่ภายในขนาด 5000mAh พร้อมรองรับชาร์จไวในระบบ 67W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 45 นาที โดยไม่มีความร้อนสะสมและมีความปลอดภัยสูง (รองรับ SUPERVOOC 2.0, VOOC 3.0, และระบบชาร์จ PD 9V/1.5A ด้วย ) ซึ่งเป็นระบบชาร์จที่ดีมากเมื่อดูจากในกลุ่มเรทราคาเดียวกัน และภายในระบบมีการใส่ Battery Health Engine ซึ่งเป็นระบบดูแลสุขภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาว เพื่อยืดอายุและลดการเสื่อมของแบต ให้สามารถยังคงเก็บประจุไฟได้เกินกว่า 80% แม้การใช้งานจะผ่านไปเป็นเวลาถึง 4 ปีแล้วก็ตามครับ
โดยอุปกรณ์ภายในกล่อง ก็จะมีที่ชาร์จ 67W SUPERVOOC และเคสซิลิโคนสีโทนเดียวกับตัวเครื่องแถมมาให้ด้วยครับ
การใช้งานภายใน ColorOS 14 บน Android 14
OPPO Reno11 5G มากับระบบใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตั้งแต่แกะกล่อง ระบบใหม่ก็มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่ และการปรับปรุงประสิทธิภาพมาในรุ่นล่าสุดด้วยเช่นกัน โดยตัวสเปคชุดประมวลผลของรุ่นนี้ก็อยู่ในระดับค่อนข้างแรงพอตัวแล้วครับ ชิปเซ็ตยุค 5G อย่าง MediaTek Dimensity 7050 เทคโนโลยี 6 นาโนเมตรแบบ 8 Core ให้ RAM LPDDR4x มาในขนาดใหญ่ครับ 12GB (เพิ่มได้อีก 12GB ด้วยหน่วยความจำชั่วคราว) และหน่วยความจำ UFS 2.2 ขนาด 256GB ซึ่งมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานได้เต็มที่เช่นกัน ซึ่งจะเป็นหน่วยความจำขนาดเดียวที่มีเข้าจำหน่ายในไทยครับ
สิ่งที่ OPPO พัฒนาใส่เข้ามานั้นคือระบบ Trinity Engine ซึ่งจะเป็นการทำงานที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีสามตัว ที่จะดูแลประสิทธิภาพเครื่องใน 3 ส่วนหลักไปพร้อมๆ กัน นั้นคือ ROM Vitalization, RAM Vitalization และ CPU Vitalization
ROM Vitalization จะช่วยดูแลในเรื่องหน่วยความจำ เช่น ช่วยเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำให้ใช้งานได้มากขึ้นโดยการบีบอัดข้อมูลแอพ และรวมไฟล์ที่ซ้ำซ้อนเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงซึ่งเกิดจากหน่วยความจำเต็ม หรือมีพื้นที่ไม่เพียงพอจนส่งผลกระทบต่อการทำงาน
RAM Vitalization จะทำหน้าที่ในการปรับกลไกการเรียกใช้ RAM ของระบบ Android ขึ้นมาใหม่ โดยใช้เทคนิคพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วในการเปิดแอป และเพิ่มความลื่นไหลต่อเนื่องเมื่อมีการสลับแอปใช้งาน
CPU Vitalization เป็นตัวจัดการด้านการจัดส่งพลังงานและทรัพยากร ให้สอดรับกับการประมวลผลได้อย่างแม่นยำ กำหนดสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด และการใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่ามากที่่สุด แก้ปัญหาเดิมของระบบที่อาจจะมีการจัดสรรพลังงานและทรัพยากรของเครื่องเอาไว้เตรียมประมวลผลมากเกินไป จนส่งผลให้สูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็นและอาจจะกระทบกับการทำงานในส่วนอื่นของระบบได้อีกด้วย
ความสามารถของ Trinity Engine เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกพัฒนาเข้ามาใน ColorOS 14 เป็นการทำงานที่จะเรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ใช้และปรับเปลี่ยนตามไปในแบบของ AI ซึ่งจากการทดสอบอุปกรณ์ของ OPPO มานานหลายรุ่น ในเรื่องระบบการใช้งานของแบรนด์นี้แต่เดิมก็ไม่เคยมีปัญหา และทำได้ดีมากอยู่แล้วครับ มีความลื่นไหล ตอบสนองได้ไว เราจะรู้สึกได้ถึงพลังและความต่อเนื่องซึ่งมันถูกเขียนขึ้นมาได้อย่างดีภายในระบบของ OPPO ครับ
นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับรับสัญญาณเครือข่ายผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า LinkBoost ชุดเครื่องมือนี้น่าสนใจครับ เพราะมีการทดสอบผ่านผู้ให้บริการในไทยมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นเทคโนโลยีการออกแบบเสาสัญญาณที่บวกกับการทำงานของ AI โดยจะเข้ามาช่วยในเรื่องการเพิ่มกำลังรับ-ส่งสัญญาณของตัวเครื่อง ให้สัญญาณมีความแข็งแกร่งและมีความสเถียร ลดจังหวะสะดุดหรือลดช่องว่างในการหลุดสัญญาณให้น้อยลงมากที่สุด ยังรวมถึงเพิ่มความว่องไวในการจับสัญญาณใหม่เมื่อมีการเข้าสู่พื้นที่อัปสัญญาณ เช่นในลิฟท์ ในชั้นใต้ดิน หรือในบริเวณที่มีผู้ใช้สัญญาณรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก เครื่องของเราจะมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครในการเบียดจับสัญญาณในพื้นที่นั้น นั่นเองครับ
พื้นที่จัดเก็บการคัดลอกและพักรูปไว้ File Dock และการคัตเอาท์รูปด้วยการกดค้างที่วัตถุ Smart Image Matting ถูกใส่เข้ามาให้ใน ColorOS 14 ด้วยเช่นกัน โดยตัว File Dock จะเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอยู่ใน “แถบด้านข้างอัจฉริยะ” จะทำหน้าที่เหมือนเป็นกล่องฝากไฟล์ที่เราคัดลอกมา เพื่อนำไปใช้งานในภายหลังบนแอปอื่นๆ
โดย File Dock จะสามารถใช้ร่วมกับความสามารถ Smart Image Matting ที่สามารถคัตเอาท์ตัดภาพบุคคลหรือวัตถุบนภาพออกมาได้แค่เพียงกดค้างไว้ในส่วนที่ต้องการบนภาพ และเราสามารถนำไปเก็บไว้ใน File Dock เพื่อเรียกใช้งานในภายหลังได้ครับ
โดยเรายังสามารถซิงก์ข้อมูลใน File Dock ข้ามอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ได้ด้วยครับ ทำให้เราสามารถคัดลอกจากอุปกรณ์หนึ่ง เพื่อไปใช้งานในอีกอุปกรณ์หนึ่งของ OPPO ได้นั้นเอง
ราคาจำหน่ายและโปรโมชั่น OPPO Reno11 5G
OPPO Reno11 5G เปิดจำหน่ายในประเทศไทยในรุ่นหน่วยความจำ 12GB + 256GB มีตัวเลือกให้สองสี นั้นคือสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green และสีเทาดำดูดทรัพย์ Rock Grey ในราคาจำหน่าย 14,990 บาท ลูกค้าที่จองสินค้าในวันที่ 23 – 29 มกราคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณ มูลค่า 11,297 บาท ประกอบไปด้วย
- OPPO EVIP CARD มูลค่า 6,500 บาท โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิการรับประกันจอแตก จำนวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้าตามบิล และลูกค้าต้องลงทะเบียนผ่านระบบ MY OPPO ตั้งแต่วันที่ซื้อจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น
- RENO SPECIAL EDITION BACKPACK มูลค่า 2,999 บาท
- FILM 2 TIMES WITHIN 2 YEARS มูลค่า 1,299 บาท
- PHONE CASE 2 PCS WITHIN 2 YEARS มูลค่า 499 บาท