เครื่องสวยมากครับ OPPO Reno2 ต้องชมเลยว่าทำมา “งดงาม” มากๆ ซึ่งเครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องสี Luminous Black ครับ สีพื้นจะออกดำไล่เฉดน้ำเงิน แต่ในส่วนของขอบเครื่องและโลโก้ตรงกลางมีการทำมุมสะท้อนเหมือนเรืองแสงได้เลยละครับ อีกหนึ่งสีที่ออกมาจำหน่ายคู่กันคือสี Sunset Pink และที่ผมขึ้นรีวิวตัว OPPO Reno2 ด้วยการพูดถึงตัวเครื่องของมันเพราะมันสวยมากจริงๆ เด่นสะดุดมาตั้งแต่แกะออกจากกล่องเลย
ต้องบอกว่า OPPO Reno2 พรีเมี่ยมสุดๆ ดีไซน์ตัวเครื่องโค้งแบบไร้รอยต่อเรียบเป็นชิ้นเดียวหน้าจรดฝาหลัง งานออกแบบเครื่องจะเก็บชุดกล้องด้านหลังสี่ตัวทั้งชุดซ่อนอยู่ใต้ฝาหลังทั้งหมด คลุมไว้ด้วยกระจก Corning Gorilla Glass รุ่น 5 ซึ่งมีความทนทานและกันรอยขีดข่วนได้ดี และยังมีความปราณีตที่จะใส่ตัว O-Dot หรือเม็ดเซรามิคป้องกันการขีดข่วนเมื่อวางเครื่องลงบนโต๊ะด้วยครับ
มันไม่ได้ถูกทำให้สีแตกต่างตั้งแต่แรกนะครับ แต่ใช้เทคนิคการเคลือบเงาแบบระดับนาโน สร้างพื้นที่มีการสะท้อนแสงที่ต่างกันเมื่อสะท้อนกับแสง เวลาเราถือเครื่องและพลิกมองจากมุมต่างๆ จะเหมือนบริเวณขอบเครื่องและแถบขอบโลโก้ตรงกลางส่องแสงไล่เฉดขึ้นมายังกับเลเซอร์เลยละครับ ผมไม่เคยเห็นงานออกแบบที่สวยและพิเศษแบบนี้มาก่อนเลยนะ
ด้านหน้ายิ่งกว่าด้านหลัง ด้วยการใช้กระจก Corning Gorilla Glass รุ่น 6 ที่ทนทานมากขึ้นไปอีก คลุมปกป้องหน้าจอ Sunlight AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว (ความละเอียด 2400×1080) ไม่มีติ่งไม่มีรู เป็นหน้าจอเต็มพื้นที่โดยคิดอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องจะเป็นพื้นที่ที่สูงถึง 93.1%
และเป็นจอเทคโนโลยี Sunlight AMOLED หรือจอสู้แสงแดด เวลาใช้งานกลางแจ้ง ก็ยังสามารถเห็นภาพต่างๆ บนหน้าจอได้ชัดเจนครับ
การที่หน้าจอเต็มพื้นที่ได้ขนาดนี้เพราะ Reno2 เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้โมดูล Pivot Rising Camera หรือพื้นที่พิเศษสำหรับการวางกล้องหน้า,เซนเซอร์ ไฟซอฟท์ไลท์สำหรับเพิ่มแสงเพื่อถ่ายภาพ และ ลำโพงสนทนา ทั้งถูกวางเอาไว้ภายในกึ่งกลางบริเวณเครื่องด้านบนนั้นเองครับ โดยจะเลื่อนขึ้นมาทำงานเองโดยอัตโนมัติทันทีเมื่อมีการเรียกใช้งานตัวกล้องหน้าหรือการสแกนใบหน้าครับ
นอกจากสแกนใบหน้า ตัว Reno2 ก็รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วย และสแกนได้ไวมากครับ เพราะใช้เป็น Hidden Fingerprint Unlock เวอร์ชั่น 3.0 แล้ว เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือแบบออปติคอล G3 ใช้ฟิลเตอร์แสงที่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างผิวหนังมนุษย์ได้มากขึ้น แม่นขึ้น จากที่ลองใช้งานแค่แตะนิ้วลงปุ๊บก็เข้าใช้งานได้เกือบจะทันทีเลยครับ ตอบสนองไวมาก
อีกอย่างที่ต้องประกาศกันดังๆ ก็คือ OPPO Reno2 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มีการวางจำหน่ายพร้อมเทคโนโลยี “Wi-Fi คู่” ซึ่งระบบ Wi-Fi ของ Reno2 จะสามารถจับสัญญาณ WI-Fi สองคลื่นความถี่ได้พร้อมกัน ทั้ง 2.4 และ 5Ghz เพื่อเป็นการเสริมขนาดท่อรับส่งข้อมูลให้ใหญ่ โอนถ่ายได้เร็วขึ้น ผลลัพท์เห็นเลยครับในแอพที่รองรับอย่าง Facebook มันโหลดแคชไฟล์ไว สไลด์หน้าฟีดลงเร็วๆ ยังโหลดได้ทัน ซึ่งระบบ Wi-Fi คู่ตัวนี้ จะแจ้งว่ารองรับการใช้งานบนแอพใดบ้างที่ติดตั้งไว้ในเครื่องของเราอย่างชัดเจนครับ แต่จากที่ลองเบื้องต้นก็รองรับแอพหลักๆ หมดนะครับ Youtube,Line , Netflix, Facebook, Opera, Lazada, การันตีได้เลยว่าจะใช้งานแอพเล่านี้ได้ฟินกว่าเดิมแน่นอน ^^
เวลามีการเชื่อมต่อ WI-FI คู่ จะมีสัญลักษณ์ WI-FI ขึ้นมาสองอันครับ
รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดแบบ Dual 4G โดยช่องใส่ซิมการ์ดที่สองจะเป็นแบบไฮปริด เลือกใส่ Micro SD card แทนได้ครับ
จะเห็นว่าเทคโนโลยีเต็มไปหมดครับ ทั้งกล้องหน้าแบบ Pivot Rising ครีบฉลาดซ่อนได้ ระบบชาร์จไว VOOC 3.0 หรือระบบ Wi-Fi คู่เครื่องแรกของโลกก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว และยังมีระบบซูมภาพจากกล้องหลังสี่ตัวที่ซูมได้แบบ 5X ไม่เสียความละเอียด ซูมสูงสุดได้ 20x ซึ่งจะว่ากันต่อในส่วนของการรีวิวกล้องนะครับ
Reno2 ใช้แบตเตอรี่ภายในขนาด 4,000 mAh ใช้พอร์ทชาร์จแบบ USB Type C ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จไว VOOC 3.0 ชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่กลับมาถึงครึ่งก้อน และไม่มีความร้อนสะสมครับ เสียบชาร์จทิ้งไว้มั่นใจในความปลอดภัยได้ และชาร์จไปใช้งานไปเครื่องก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยสามารถชาร์จได้จากอุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องเลยครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องให้ครบ ทั้งตัวชาร์จ VOOC 3.0 และสาย USB Type-C มีชุดหูฟัง และเคสที่ดูดีมาก ผิวคล้ายหนังแต่เป็นวัสดุอ่อนผิวนิ่ม ดูดีมากครับเข้าเคสที่ให้มาของ OPPO Reno2
การใช้งานภายใน
OPPO Reno2 ให้ชุดหน่วยประมวลผลมาเป็น Qualcomm Snapdragon 7150 RAM 8GB และ ROM 256GB สเปคระดับกลาง-บน แต่ทาง OPPO ทำระบบออกมาให้ตัวเครื่องมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าปกติขึ้นไปได้อีกครับ
ด้วยซอฟท์แวร์ต่างๆ ที่อยู่ใน ColorOS 6.1 ซึ่งเป็นตัวล่าสุดของทาง OPPO ภายในจะมีระบบบูสเพิ่มศักยภาพในการใช้งานมากขึ้นกว่าปกติไปในทุกๆ ด้านครับ เพราะ Reno2 มีระบบ HyperBoost 2.0 ที่ภายในมาพร้อม FrameBoost 2.0 และ TouchBoost 2.0 แบบใหม่ เป็นตัวช่่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบพิเศษ และคอยจัดการแก้ปัญหาเกมค้างและเพิ่มประสิทธิภาพการสัมผัส
FrameBoost 2.0 จะทำงานโดยตรวจจับสถานการณ์การเล่นเกมต่างๆ เช่นตรวจจับ graphics cache ในระบบแบบเรียลไทม์ หากมีการเตือนให้รู้ถึงการหยุดทำงานหรือเกิดการชะงัก ระบบจะเข้าจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นในการแก้ปัญหาให้อัตโนมัติทันที ช่วยลดความเป็นไปได้ของการตอบสนองที่อาจจะช้าลงเมื่อเล่นเกม การทำงานแบบเรียลไทม์ที่ออกแบบให้ตอบรับอย่างรวดเร็วระดับนี้ ก็เพื่อจะช่วยปรับปรุง frame rate และความเสถียรของการเล่นเกมให้ราบลื่นที่สุดแบบไม่สะดุดนั้นเองครับ
Touch Boost 2.0 จะประเมินคำสั่งที่มาจากการสัมผัสหน้าจอโดยตรง และเร่งความไวในตอบสนองให้เหมาะสมเพื่อให้การตอบสนองรวดเร็วกว่าปกติ
Touch Boost 2.0 + Frame Boost 2.0 ก็คือสองระบบหลักที่จะคอยทำงานภายใต้ Game Space 2.0 หรือโหมดสำหรับคนเล่นเกม ที่จะคอยช่วยจัดการทรัพยากรเครื่อง รีดประสิทธิภาพ รวมถึงปรับแต่งการติดต่อหรือแจ้งเตือนให้เหมาะสมขณะเล่นได้ด้วย
จากการทดสอบเล่นเกม ROV ปรับโหมด HD และเฟรมเรทสูง ผลลัพท์เวลาเล่นบน Reno2 เฟรมเรทจะสิ่งที่ประมาณ 55-61Fps ไม่ตกจนแลคหรือเสียจังหวะครับ
บริการต่างๆ ของ ColorOS 6.1 ก็มีครบครับ ทั้งสโตร์สำหรับการดาวน์โหลดแอพ, เกม, ธีมสวยๆ และยังมีระบบบริการคลาวด์เพื่อสำรองข้อมูลให้กับผู้ใช้ เช่นการสำรองรายชื่อ ข้อความ ย้ายจากเครื่อง OPPO ตัวเก่าไปยังตัวใหม่ข้อมูลไม่หายไปไหนแน่นอนครับ
หน้าจอขนาดใหญ่ สีสันสวยครับ และจอแบบ Sunlight Amoled ก็มีความสว่างสูงมากพอจะทำให้เรามองเห็นภาพบนหน้าจอได้ชัดขึ้นเวลาอยู่นอกอาคาร เช่นเปิดนำทางในรถตอนกลางวัน หรือใช้งานกลางแจ้ง
ลำโพงเสียงดังชัดไม่มีปัญหาครับ แต่ตัว Reno2 ก็รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ด้วยนะครับ เพิ่มมิติเสียงยามใช้ร่วมกับหูฟังแบบเสียบสาย แยกเสียงซ้ายขวาหน้าหลังบนล่าง สมจริงกว่าลำโพงสมาร์ทโฟนแน่นอน
พูดถึงเรื่องระบบเสียงของ OPPO เมื่อในวันงานเปิดตัว Reno2 และ Reno2 F ทาง OPPO ได้เปิดตัว Enco Q1 หูฟัง Wireless Noise Cancelling ตัวใหม่ออกมาคู่กันด้วยครับ เป็นหูฟังไร้สายที่มีความสามารถในการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง มีไมค์โครโฟนในตัว พร้อมรองรับคำสั่งเสียง และกันละอองน้ำในระดับ IPX4 ราคาไม่แพงด้วย เพราะขายในราคาแค่ 2,990 บาท เท่านั้นเอง
จากที่ลองสวมใส่มันเป็นหูฟังที่ใส่สบายมากครับ ตัว Eartips ก็ออกแบบดีใส่แล้วไม่เจ็บหู ด้านหลังหูฟังเป็นแม่เหล็ก ไว้เก็บประกับกันในเวลาห้อยคอได้ด้วย
ในระบบของสมาร์ทโฟน OPPO จะมีการฝั่งตัวเชื่อมต่อควบคุมกับหูฟัง ENCO Q1 เอาไว้แล้วครับ แค่เปิดหูฟังขึ้นมา ตัวสมาร์ทโฟนก็พร้อมเชือมต่อใช้งาน และแนะนำฟังก์ชั่นการทำงานของหูฟังตัวใหม่นี้ขึ้นมาโดยอัติโนมัติครับ
ก็มีทั้งปุ่มเปิดปิดระบบ ANC (Active Noise Cancelling) และปุ่มเปลี่ยนโหมดเสียง โดยทำไว้เป็นพรีเซ็ตสำหรับการฟังเพลง, เล่นเกม หรือดูหนังครับ
ส่วนคุณภาพเสียงก็ออกแนวเน้นๆ แน่นๆ ไม่โฉ่งฉ่างแสบหู ในด้านรายละเอียดอื่นๆ ถ้ามีโอกาสทาง APPDISQUS จะรีวิวหูฟัง OPPO Enco Q1 ให้ได้รู้จักกับมันให้มากขึ้นในภายหลังนะครับ แต่ตอนนี้เรากลับมากันที่ OPPO Reno2 กันต่อ
แบตเตอรี่ขนาด 4.000 mAh ใช้งานได้เต็มวันครับ ทาง OPPO ออกแบบระบบมาได้ดีแม้จะมีฟังก์ชั่นเยอะ มีตัวบูสระบบเสริมประสิทธิภาพมากมาย แต่ก็มีระบบการจัดสรรพลังงานที่ดีใส่เข้ามาด้วย ที่พิเศษและต้องถือว่าเป็นจุดเด่นของ OPPO อย่างมากที่สุดก็คือระบบชาร์จไฟครับ VOOC 3.0 ยอดเยี่ยมเช่นเคย ชาร์จไวมาก เสียบไฟไว้เผลอแพร่บเดียวไม่เกินครึ่งชั่วโมง แบตกลับมาครึ่งก้อนได้แล้วครับ แถมไม่ร้อนด้วย ความปลอดภัยคือความสำคัญที่สุดในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ครับ โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้อยู่เฝ้าตลอดเวลา หรือเอามาให้เด็กหรือผู้ใหญ๋ในบ้านใช้งาน ผมว่าเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยจะสำคัญที่สุด
และ OPPO งานเนี้ยบครับ จะเห็นว่าทั้งงานประกอบตัวเครื่อง งานออกแบบ อุปกรณ์เสริม และเทคโนโลยีที่เขาเอามาใช้ ภายใต้แบรนด์สีเขียว OPPO แบรนด์นี้ นับวันมันคือแบรนด์ที่สร้างความมั่นใจให้กับแฟนๆ OPPO ชาวไทยได้มากขึ้นทุกวันครับ ระบบ VOOC Flash Charge นี่ก็เป็นหัวใจสำคัญเลย เรื่องฝืนไฟที่ไว้ใจได้และมีขีดความสามารถสูง ยังไงก็น่าใช้ที่สุดแล้วละครับ
กล้องถ่ายภาพ
OPPO Reno2 ไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่ควรจะถูกพูดถึงแค่เรื่องของภาพนิ่งเท่านั้นนะครับ เพราะว่า Reno2 มีความสามารถการถ่ายวีดีโอระดับสูงด้วย มีโหมดน่าสนใจตัวใหม่นั้นคือ Ultra Steady Video หรือระบบกันสั่นเทพที่จะถ่ายวีดีโอได้นิ่งเหมือนกล้องแอคชั่นเลยละครับ ด้วยการใช้เทคโนโลยี Hybrid Image Stabilization (HIS) ซึ่งเป็นกันสั่นที่มีทั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหวอิเล็กทรอนิกส์ (EIS) และ ระบบป้องกันผ่านสั่นไหวแบบออพติคอล (OIS) ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้วิดีโอที่คมชัดและนิ่งในระดับสูงครับ
รวมถึงระบบ Bokeh Effect Video ที่สามารถทำฉากหลังเบลอได้เรียลไทม์ขณะถ่ายวีดีโอได้ และยังสามารถปรับระดับความเบลอของพื้นหลังได้อีกด้วย ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่รองรับการใช้งานทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยครับ
ที่เราอยากให้เห็นภาพมากขึ้นไปกว่าคำอธิบาย ก็ขอแนบวีดีโอให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ ตรงนี้กันดีกว่านะครับว่ากันสั่นสำหรับงานวีดีโอมันดียังไง ^^ และ Bokeh Effect มันทำงานแบบไหน จากคลิปวีดีโอตัวอย่างด้านล่างที่เราทำมาฝากกันครับ
และอย่าลืมว่า OPPO Reno2 เป็นสมาร์ทโฟนกล้องหลังสี่ตัวที่มีระบบซูมภาพแบบไฮปริดได้ 5x และซูมดิจิตอลได้ถึง 20x จากเลนส์ wide-angle และ long telephoto สองตัวช่วยกัน เราจึงสามารถทำการถ่ายวีดีโอด้วยเลนส์ซูมของมันได้ด้วยครับ แต่ยังมีข้อจำกัดจากการถ่ายวีดีโอด้วยสองเลนส์ตัวนี้ จะยังไม่รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 1080P 60fps นะครับ
เรื่องของการบันทึกเสียงขณะถ่ายวีดีโอใน Reno2 ก็สุดยอดด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีไมโครโฟนรอบตัวทั้งหมดถึง 3 ตัว มันจึงมีความสามารถในการกรองเสียงรบกวนรอบข้างได้เช่นเสียงลม และก็จะมีโหมดการบันทึกเสียงให้เลือกใช้หลากหลายลักษณะด้วยนะครับ มีโหมดการบันทึกเสียงมาตรฐาน และโหมด Atmos mode หรือโหมดบันทึกเสียง 3 มิติเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์เสียงแบบรอบทิศทาง 360° เอาไว้เก็บบรรยากาศรอบๆ ตัวได้สมจริงมากขึ้น
และสุดท้ายคือ Audio focus หรือจะเรียก Audio Zoom ก็ได้ เพราะ Reno ไม่ใช่จะรองรับแค่การซูมภาพ แต่ยังมีระบบ Audio Zoom ซึ่งเป็นระบบการควบคุมไมค์รับเสียงให้สอดรับการการซูมภาพ ให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเสียงของวัตถุหรือบุคคลที่ต้องการโฟกัสเมื่อซูมเข้าไปยังเป้าหมายด้านหน้าได้ ฟังก์ชั่นนี้มีประประโยชน์มากครับ เมื่อเราทำการถ่ายวิดีโอในที่สาธารณะซึ่งมากมายไปด้วนผู้คนหรือมีรถบนถนน หรือในขณะมีลมแรงก็ตาม ตัวไมค์จะเข้าใจการโฟกัสของเราว่าต้องการรับเสียงจากสิ่งใดในขณะนั้นเป็นสำคัญ เหมือนเอาไมค์เข้าไปซูมใกล้กับสิ่งนั้นมากขึ้นนั้นเองครับ เราก็จะสามารถรับเสียงจากสิ่งนั้นได้มากเป็นพิเศษ ทำให้วีดีโอดูมีมิติของการถ่ายมากขึ้นด้วยระดับเสียง ไม่ใช่แค่จะซูมแต่ภาพเพียงอย่างเดียวครับ
และสำหรับในงานภาพนิ่ง เจ้า Reno2 ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องระดับเบอร์ท็อปของวงการ เพราะเจ้าตัวนี่มาพร้อมระบบซูมภาพแบบไฮปริด 5X เป็นการซูมภาพห้าเท่าที่ภาพที่โฟกัสยังคงสมบูรณ์และคมชัดครับ และสามารถซูมภาพแบบดิจิตอลได้ถึง 20x เลยทีเดียว
ยังมีโหมดการถ่ายภาพอีกมากมายครับ ทั้งโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ และโหมดการเร่งสีวัตถุให้จัดจ้านสวยงามมากขึ้น โดยตัวกล้องมี AI ที่ฉลาดมากครับ ทำงานรวมกับโมดูลกล้องหลังสี่ตัว ซึ่งแต่ละตัวมีความสามารถต่างกัน กล้องหลัก 48ล้านพิกเซล มีกันสั่น OIS+EIS และกล้องเทเลโฟโต้ 13ล้านพิกเซล เลนส์มุมแคบไว้บุคคลและช่วยในการถ่ายระยะไกล กับกล้องเลนส์กว้าง 119 องศาความละเอียด 8ล้านพิกเซล สุดท้ายคือกล้องโมโนเลนส์ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลครับ
ตัวกล้องทำงานภายใต้ AI ช่วยในการปรับภาพปรับซีนและเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอัตโนมัติครับ ต้องการถ่ายคน ถ่ายสิ่งของ วัตถุ หรือถ่ายภาพระยะใกล้แบบมาโคร ตัวกล้องปรับแต่งและจัดโฟกัสให้ได้ทั้งหมดครับ
โหมดมาโครทำงานกับเลนส์มุมกว้างจะได้รับระยะโฟกัสที่ใกล้มาก แค่เปิดโหมดเลนส์ไวด์ แล้วโฟกัสไปที่วัตถุ AI จะเปิดโหมดการทำงาน “มาโครมุมกว้างพิเศษขึ้นมาเองครับ”
การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับกำหนดชัดลึกชัดตื้นได้ดั่งใจ เห็นผลลัพท์ก่อนถ่ายแบบเรียลไทม์ครับ โดยฟังก์ชั่นการกำหนดระยะโฟกัสตัวนี้รองรับทั้งกล้องและกล้องหลังนะครับ เซลฟี่ด้วยกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลของมัน ก็สามารถละลายหลังได้เช่นกัน
ความคมและมิติของภาพสุดยอดครับ คมมาก ภาพมีมิติตามระยะของมันเองโดยธรรมชาติ แม้ไม่ใช่การถ่ายบุคคลเราก็เอามาประยุกต์ใช้ได้นะครับ หรือไม่ต้องเปิดโหมดละลายหลังเลยก็ได้เพราะกล้องของมันก็สร้างภาพที่มีมิติสวยงามอยู่แล้วครับ
ต้องบอกว่าในเรื่องของ AI และการกับโฟกัส ระบบอัตโนมัติของ OPPo Reno2 ทำงานได้ไวครับ หยิบกล้องขึ้นมาแล้วส่องไปยังที่ๆต้องการจะถ่าย มันก็แทบจะพร้อมในทันที จริงๆ เราไม่ต้องรอมันแสดงผลว่าจับซีนได้แล้วออกมาก็ได้นะครับ ถ่ายได้เลย กล้องมันคมพอ
ในเรื่องการซูมภาพซึ่งเป็นจุดเด่นระยะไกลทำได้ดีงานในระยะ 5x ไม่เหมือนการซูมเลยครับ ถ้าเป็นเครื่องรุ่นอื่นๆ ระยะนี้คือซูมดิจิตอลและเริ่มออกอาการภาพเกรนหมดแล้วละครับ แต่ Reno2 เป็นการซูมภาพแบบใช้เลนส์จริงช่วยกันแบบไฮปริด ภาพจึงยังดูคมครับ
แต่ถ้าต้องการจะซูมสุดระยะ ก็ซูมไปไกลได้ถึง 20x เลยครับ แต่ผมแนะนำว่าเป็นการซูมเพื่อประโยชน์ให้เห็นมากกว่าเพื่อความสวยงามครับ
แน่นอนว่า OPPO Reno2 ต้องมาพร้อมการถ่ายภาพใน “โหมดกลางคืน” แต่นี่เป็นครั้งแรกครับ ที่คุณจะได้รู้จักกโหมด “มืดมาก” เพราะใน Reno2 ไม่ได้มีแค่ความสามารถในการจัดการ Ultra Night Mode ครับ แต่เขามีการใส่ Ultra Dark Mode มาให้ด้วยในกรณีตัว AI ตรวจจับแล้วว่า แค่ระดับ Ultra Night Mode เอาไม่อยู่ครับ มันจะปรับตัวเองเข้าสู่ Ultra Dark Mode หรือในภาษาไทยคือ “โหมดมืดมาก” โดยอัตโนมัติ
เมื่อมีการตรวจพบค่าแสงโดยรอบที่น้อยกว่า 5lux (มองมือตัวเองแทบไม่เห็นแล้วนะครับ) โหมด Ultra Dark จะเปิดโดยอัตโนมัติโดยการเพิ่มความเร็วให้ NPU เข้าไปวิเคราะห์ Noise ที่เกิดขึ้นบนภาพจากการถ่ายภาพด้วย ISO ที่แตกต่างกันหลายภาพ ผ่านอัลกอริทึ่ม Al และทำให้เกิดการรวมภาพขึ้นมา ฉะนั้นจากห้องที่มืดก็จะถ่ายเห็นได้ชัดขึ้นในรายละเอียดครับ
ทดสอบเล่นๆ ลองของกับ Ultra Dark Mode ปิดไฟปิดม่านห้องให้มืดสนิท เอาแบบมองอะไรไม่เห็นเลย มองกันออกมั้ยครับว่าผมกำลังถ่ายอะไร?
จากมองไม่เห็นอะไรเลยครับตอนถ่าย แต่โหมด Ultra Dark Mode ก็ยังงัดขึ้นมาได้ขนาดนี้
โหมด Ultra Night Mode และ Ultra Dark Mode มันคือเมนูเดียวกันนะครับ เราแค่เลือกเปิดโหมดกลางคืน Ultra Night Mode ก็พอ แล้วที่เหลือกล้องมันจัดการเองว่าจะเลือกใช้แบบไหน
ยังไงก็ตามการถ่ายภาพกลางคืนของ OPPO ก็ยังคงเยี่ยม ถ่ายภาพคมได้สบายๆ ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง และยังสามารถซูมภาพ 5x ในตอนกลางคืนแล้วถ่ายยังได้ภาพคมชัดอยู่เลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดต่างๆ จะถ่ายใกล้ ถ่ายไกล ถ่ายกว้าง ถ่ายกลางคืน หรือถ่ายกลางวัน ถ่ายคนหรือถ่ายของเครื่องเดียวเอาอยู่หมดครับ
สรุปท้ายรีวิว
OPPO Reno2 คือสมาร์ทโฟนที่ตัวเครื่องสวยมาก สะดุดตาตั้งแต่ถือจับเครื่องขึ้นมาเลยครับ ผมชอบสีของ Luminous Black ที่เหมือนมีเส้นเลเซอร์วิ่งอยู่รอบเครื่องและรอบกึ่งกลางบริเวณโลโก้จริงๆ OPPO ยิ่งพัฒนางานออกแบบยิ่งมีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
มีเทคโนโลยีเต็มเครื่อง ทั้งชุดกล้องหน้า Pivot Rising Camera และระบบ “Wi-Fi คู่” เทคโนโลยีใหม่เครื่องแรกของโลก ที่เชื่อว่าต้องเป็นมาตรฐานการพัฒนาให้เครื่องอื่นตามกันมาในอนาคตแน่นอน มันเพิ่มท่อส่งข้อมูลและความไวในการดึงเนื้อหาผ่านสัญญาณ Wi-Fi ที่ปัจจุบันแทบทุกบ้านก็ใช้เราเตอร์ส่งสัญญาณแบบ Dual Wi-FI กันหมดแล้ว ความสามารถนี้จึงมีประโยชน์และมาได้ถูกเวลาครับ
การถ่ายวีดีโอดีที่สุดเท่าที่ OPPO เคยทำมา มีโหมดกันสั่น HIS ให้ผลลัพท์ในระดับใกล้เคียงกล้องแอคชั่น มีระบบอัดเสียงที่ฉลาดจากไมต์สามตัว รองรับการซูมภาพและใช้เลนส์ไวด์ให้ใช้ในการถ่ายวีดีโอได้พร้อมระบบหน้าชัดหลังเบลอแบบปรับโปเก้เอฟเฟ็กต์ได้ด้วย ทำให้มีความสนุกในการใช้งานถ่ายวีดีโอสูงมาก
กล้องถ่ายภาพคุณภาพดีเช่นกัน มีระยะการถ่ายที่หลากหลายทั้งมุมกว้าง มุมแคบ และถ่ายมาโครระยะใกล้ ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถซูมภาพได้ไกลสูงถึง 20x อีกด้วย
มีโหมดถ่ายภาพเยอะแยะมากมาย เด่นมาโดยเฉพาะโหมดถ่ายภาพกลางคืนตัวใหม่อย่าง Ultra Drak Mode ถ่ายในที่แทบไม่มีแสงเลยได้เห็นรายละเอียด
นี่คือสมาร์ทโฟนที่หรูหรา เทคโนโลยีสูง เป็นระดับพรีเมี่ยมในราคาที่ไม่สูงมากเกินไป ประสิทธิภาพเพียงพอใช้งานได้ทั้งหมดรวมถึงการเล่นเกมเพราะมีระบบช่วยเสริมศักยภาพเข้าไปอีกหลายขั้น และยังมีความปลอดภัยสูงจากระบบชาร์จ VOOC 3.0 ชาร์จไว ไม่ร้อน ใช้งานได้มั่นใจแม้จะให้ลูกหลานหรือผู้ใหญ่ในบ้านใช้ครับ
ครบเครื่องรอบด้านสำหรับ OPPO Reno2 งานดี งานปราณีต สมเป็นเครื่องระดับท็อปจาก OPPO
OPPO Reno2 มาในราคา 17,990 บาท บาท พร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ – 25 ตุลาคมนี้ รับเลย Car Charge และ Premier Card การันตีเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันทีเมื่อเครื่องมีปัญหา รวมมูลค่าถึง 9,500 บาท
และอีกหนึ่งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ทำการพรีออเดอร์พร้อมแพ็กเกจผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งสามค่ายในประเทศไทย