OPPO Watch X สมาร์ทวอทช์แฟลกชิป พรีเมี่ยมหรู คู่หูการออกกำลังแบบมืออาชีพ
สมาร์ทวอทช์พรีเมี่ยม ตัวเรือนหรู สวยงามดูมีราคา การใช้งานมีความว่องไวเพราะใช้ชิปเซ็ต Snapdragon W5 Gen1 ความทนทานสูงใช้สแตนแลสสตีลและกระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ ติดตั้ง GPS คู่ ระบุตำแหน่งได้แม่นยำ ใช้เซนเซอร์ติดตามระดับสูง เพื่อใช้ในการเล่นกีฬาและออกกำลังแบบมืออาชีพ
หน้าจอสวยงามเป็นจอทัชสกรีน AMOLED ทรงกลมขนาดใหญ่ 1.43 นิ้ว 326PPI ความสว่างสูงสุด 1,000 nits ผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD-810H กันน้ำและฝุ่น IP68 และสามารถใช้ใส่เล่นกีฬาทางน้ำได้เลย เพราะทนต่อแรงดันในระดับ 5ATM
ครบครัน ทนทาน สวยงาม และใช้ออกกำลังได้แบบจริงจัง
The Good
- ตัวเรือนหรูที่ผลิตด้วยสแตนแลสสตีลและกระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์
- ส่ชิปเซ็ตประมวลผลคู่ Dual-Engine มีความแรงจาก Snapdragon W5 Gen1 และสลับไปใช้ MCU ในจังหวะงานเบาเพื่อประหยัดแบต
- ใส่ระบบ GPS ความถี่คู่เพื่อการระบุตำแหน่งที่แม่นยำเป็นพิเศษ
- หน้าจอทัชสกรีนคมชัด แสงสว่างสูง AMOLED 1.43 นิ้ว ความคมชัด 326PPI ความสว่างสูงสุด 1000nits
- การออกแบบถูกสรีรศาสตร์ ตำแหน่งปุ่มกดที่กดได้ง่ายทั้งในกรณีใส่มือซ้ายและมือขวา
- ผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD-810H กันน้ำและฝุ่น IP68 ทนต่อแรงดันระดับ 5ATM
- รองรับโหมดกีฬาเฉพาะทาง 11 กีฬาในระดับมืออาชีพ และโหมดออกกำลังกายทั่วไปอีกมากกว่า 100 โหมด
- ใช้ระบบ Google WearOS 4 รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ Google Health Connect
- เชื่อมต่อ WiFi โหลดแอปติดตั้งเพิ่มได้ด้วยตัว
The Bad
- ใช้ที่ชาร์จเฉพาะของตัวเอง
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
OPPO Watch X เป็นสมาร์ทวอทช์ระบบ Google Wear OS ที่รองรับโหมดออกกำลังการและเล่นกีฬามากกว่า 100 โหมด มีการใส่เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเกรดมืออาชีพ ใส่ระบบ GPS ความถี่คู่เพื่อการระบุตำแหน่งที่แม่นยำเป็นพิเศษ ใส่ชิปเซ็ตประมวลผลคู่ Dual-Engine ซึ่งจะมีทั้งชิปเซ็ตตัวแรงสำหรับใช้งานหลัก และ MCU ตัวประมวลผลรองที่จะรับงานเบาเพื่อประหยัดพลังงาน ใส่มาในนาฬิกาตัวเรือนหรูที่ผลิตด้วยสแตนแลสสตีลและกระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์
ครบจบ! สวย หรู ทนทาน ทำงานไว คู่ใจนักกีฬา เปิดขายราคา 11,990 บาท มากับโปรโมชั่นของแถมและส่วนลดที่เราเอามาฝากกันในท้ายรีวิวด้วยครับ
ในการเริ่มใช้งานเราสามารถเชื่อมต่อ OPPO Watch X กับสมาร์ตโฟน Android ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Ohealth (ใช้งานได้กับอุปกรณ์ Android 8.0 ขึ้นไปเท่านั้น ไม่รองรับ iOS หรือ Android GO edition) โดยภายในแอป Ohealth จะเอาไว้จัดการตั้งค่าระบบนาฬิกาทั้งหมด รวมถึงการดูสถิติการออกกำลังกายและข้อมูลสุขภาพของเราย้อนหลัง ทั้งหมดรวมอยู่ในแอปพลิเคชั่นนี้
แค่ใส่ก็ดูดี สมบูรณ์แบบทั้งความสวยงาม ความทนทาน และหลักแห่งสรีรศาสตร์
OPPO Watch X ผลิตด้วยตัวเรือนสแตนแลสในขนาด 46 มม. ใช้กระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ที่มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่ากระจกนิรภัย ภายในเป็นจอแสดงผลทัชสกรีน AMOLED ทรงกลมขนาดใหญ่ 1.43 นิ้ว ความคมชัด 466 x 466 (326PPI) ใช้ดีไซน์แบบคอสมอส โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากนาฬิกาสมัยใหม่และนาฬิกาคลาสสิกนำมารวมกัน
ความสว่างสูงสุด 1,000 nits ที่ช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ง่าย แม้อยู่กลางแสงแดดโดยตรง
และเนื่องจากเป็นจอแสดงผลแบบ AMOLED เราจึงสามาถเปิดใช้งานฟังก์ชั่น AOD (Alway On Display) ให้หน้าจอแสดงผลอยู่ตลอดเวลาในรูปแบบที่จะลดแสงและสีสันลงเล็กน้อยเพื่อการประหยัดพลังงานสำหรับคนที่ชอบให้หน้าปัดนาฬิกาติดอยู่ตลอดเวลาเพื่อความสวยงาม หรือใช้ดูเวลา, ตรวจสอบข้อความการแจ้งเตือนต่างๆ และดูข้อมูลการออกกำลังกายได้ตลอดโดยไม่จำเป็นต้องยกข้อมือขึ้นในองศาที่จะให้หน้าจอติดขึ้นมาซะก่อน โดยในหน้าจอ AOD จะกินพลังงานประมาณ 30% จากหน้าจอแบบปกติครับ
และสิ่งที่ถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจคือการใช้งาน ตำแหน่งปุ่มกดที่กดได้ง่ายทั้งในกรณีใส่มือซ้ายและมือขวา ปุ่มโฮมที่อยู่ด้านบนถูกออกแบบมาเป็นปุ่มนูนเพื่อให้ง่ายต่อการใช้นิ้วชี้เพื่อกดและหมุนเพื่อสั่งงาน และปุ่มมัลติฟังชั่นด้านล่างทำเป็นปุ่มหลบที่ทำมุมลาดเอียง เพื่อรับกับองศาของการใช้นิ้วโป้งในการกด และทำให้ไม่มีปุ่มยื่นนูนออกมาดันกับหลังมือของเรา ในเวลาที่เราพับข้อมืออีกด้วย
กดง่าย แรงสัมผัสในการกดกำลังดี มีความแน่นหนาทนทานที่เรารู้สึกได้ ผ่านมาตรฐานการทดสอบทางการทหาร MIL-STD-810H มาเรียบร้อยแล้ว สามารถทนต่ออุณหภูมิตั้งแต่ -20°C ไปจน 55° C และยังทนต่อแรงกระแทก, ทนต่อรังสีแสงอาทิตย์ และมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 และสามารถใช้ใส่เล่นกีฬาทางน้ำได้เลย เพราะทนต่อแรงดันในระดับ 5ATM
จะมีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยสองสี นั้นคือสีดำ Platinum Black สไตล์คลาสสิกที่เข้ากันได้กับทุกแนวเสื้อผ้า และสีน้ำตาล Mars Brown ที่มาพร้อมกับพื้นผิวโลหะ ที่โชว์เสน่ห์ของตัวเรือนสแตนเลสออกมาอย่างชัดเจน มากับสายสีแทนที่ให้ลุคที่ดูสะอาดสะอ้าน
สายนาฬิกาที่ให้มา ทำมาจากวัสดุยางฟลูออโรที่เข้ากันได้ดีกับการเล่นกีฬา ทนต่อความชื่นและเหงื่อ ออกแบบมาให้ใช้ข้อต่อมาตรฐานขนาด 22 มม. เพื่อให้ง่ายต่อการเปลี่ยนสายไปใช้ในแบบอื่นๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือในการเปลี่ยนให้ยุ่งยาก ขนาดสายที่ให้มารองรับขนาดข้อมือตั้งแต่ 140mm ไปจนถึง 210mm ทำสายมาในงานดี ไม่ระคายผิว ตัวล็อคเป็นโลหะดูแข็งแรงมีราคา
ด้านหลังตัวเรือนติดตั้งเซนเซอร์ Heart rate ไว้มากถึง 8 ตัว! ใช้การเคลือบสีด้านใต้ตัวเรือนเป็นสีเดียวกันทั้งหมด มีพินสำหรับเชื่อมต่อไฟกับแท่นชาร์จ ยึดกันด้วยแรงแม่เหล็ก ซึ่งแท่นชาร์จและสาย USB Type-C จะแถมมาให้ภายในกล่องแต่จะไม่มีหัวชาร์จมาให้นะครับ
รองรับการชาร์จไว Watch VOOC Charging สามารถชาร์จแบตได้เต็มในเวลาประมาณ 60 นาที หรือแวะชาร์จ 10 นาทีเพื่อใช้งานได้ต่อ 1 วันเต็ม!
สวยหรู แต่อยู่ฝั่งคนชอบออกกำลังาย
แม้ OPPO Watch X จะสวยหรูดูสำอาง แต่จริงๆ แล้วมันถูกออกแบบมาเพื่อคนที่รักการออกกำลังกายแบบจัดเต็ม ใส่แล้วก็หล่อไปด้วยพร้อมฟิตร่างกายไปพร้อมกัน มันถูกติดตั้งเซนเซอร์เกรดชั้นนำของอุตสาหกรรมเอาไว้ภายในอย่างครบถ้วน เซนเซอร์วัดการเต้นของหัวใจที่ใส่ไว้มากถึง 8 ตัว เป็นตัววัดแบบ PPG จึงวัดออกซิเจนในเลือดได้ด้วย, พร้อมกับเซนเซอร์ที่ตรวจจับได้ทุกแกนเคลื่อนไหว Gyroscope, Accelerometer, Geomagnetic sensor, และเซนเซอร์วัดระดับความสูง Barometer รวมถึงตัววัดแสง Ambient light sensor ก็มีใส่เอาไว้ด้วยเช่นกัน
พร้อมกับใส่ระบบรับสัญญาณ GPS แบบความถี่คู่ L1 + L5 (BeiDou, Galileo, GLONASS, GPS, QZSS) เพื่อการระบุตำแหน่งตัวเองในแผนที่ได้อย่างแม่นยำเป็นพิเศษ เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่มีครบถ้วนและดีที่สุดในการเตรียมไว้ให้เพื่อนำไปใช้จัดเก็บข้อมูลและบันทึกการออกกำลังของผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำมากที่สุดได้นั้นเองครับ
รองรับโหมดกีฬาเฉพาะทาง 11 กีฬายอดนิยม อย่างเช่น วิ่ง แบดมินตัน เทนนิส ว่ายน้ำ หรือการเล่นสกี ที่จะมาในความสามารถจัดเก็บข้อมูลระดับมือโปร และรองรับโหมดออกกำลังกายทั่วไปอีกมากกว่า 100 โหมด กดใช้ได้โดยตรงจากบนนาฬิกา และสามารถดูผลลัพธ์ได้จากบนนาฬิกาโดยตรงเช่นกัน จะสังเกตเห็นว่าด้วยการที่มี GPS และสามารถเชื่อม WiFi ได้ มันจึงสามารถเริ่มและจบงานด้วยตัวเองได้เกือบทุกอย่างเลยครับ
บันทึกได้ละเอียดในระดับมืออาชีพ เช่นนักวิ่งที่สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกขั้นสูงขณะวิ่ง คุณสามารถตรวจสอบระยะสัมผัสพื้น (GCT) สมดุลการเหยียบเท้า (GCT)และการดีดตัวในแต่ละก้าวของคุณแบบเรียลไทม์บนนาฬิกาได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม และเมื่อการวิ่งสิ้นสุดลง นักวิ่งจะสามารถเข้าไปดูรายละเอียดท่าวิ่งและจังหวะการวิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลให้ปรับเปลี่ยนพัฒนาการวิ่งให้ดีมากขึ้นต่อๆ ไป
รวมถึงการเดิน หรือการปั่นจักรยาน สามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดมาก และจับตำแหน่งเส้นทางแผนที่ได้ด้วยตัวเอง กดดูได้โดยตรงทั้งจากบนนาฬิกาและดูภายหลังผ่านแอปพลิเคชั่น Ohealth
และยังเป็นนาฬิกาเพียงรุ่นเดียวที่มีโหมดแบดมินตันระดับมืออาชีพใส่เข้ามาให้ เป็นโหมดที่ได้พัฒนาร่วมกันมากับผู้เล่นมืออาชีพ โดยในโหมดนี้ตัวนาฬิกาจะวิเคราะห์คุณลักษณะสำคัญในการเล่นแบดมินตัน 12 ประการ เช่นความเร็วสวิง และช่วงเวลาของอัตราการเต้นของหัวใจที่สามารถบอกได้ว่าคุณตีโฟร์แฮนด์หรือแบ็คแฮนด์ไปเท่าไหร่ และเมื่อเกมสิ้นสุดลงนักกีฬาก็จะเห็นภาพรวมสรุปของตัวเองบนนาฬิกาหรือดูในแอปพลิเคชั่น Ohealth ได้ในทันที
นอกจากนั้นแล้วเซ็นเซอร์และอัลกอริธึม OPPO Health Lab จะยังคอยดูแลสุขภาพของผู้สวมใส่เอาไว้ให้ด้วย สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและสุขภาพของหัวใจได้แบบวินาทีต่อวินาที แล้วจะคอยแจ้งเตือนสภาพร่างกายเมื่อตรวจพบความผิดปกติในอัตราการเต้น, ตรวจพบความเครียด, รวมถึงแจ้งเตือนให้เคลื่อนไหวเพื่อให้มีการขยับเขยื้อนร่างกายเมื่ออยู่กับที่นานๆ
ตรวจจับการนอนหลับอัตโนมัติ วิเคราะห์การนอนกรน และตรวจจับภาวะหยุดหายใจระหว่างหลับของตัวเราได้ด้วย ซึ่งเป็นข้อมูลด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นในขณะที่เรานอนทั้งสิ้น ให้นาฬิกาตัวนี้คอยจับเก็บไว้ได้ครับ
ประสิทธิภาพสูงแต่ประหยัดพลังงาน ใช้ได้หลายวันด้วยนวัตกรรมใหม่ของ OPPO
OPPO Watch X เป็นอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ที่ใช้ระบบ Google Wear OS ลักษณะการทำงานของมันจะใกล้เคียงกับอุปกรณ์สมาร์ตโฟนที่จะมีแอปพลิเคชั่นไว้รอให้เรียกใช้งานได้มากมาย สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มจากสโตร์ได้ เชื่อมต่อสัญญาณผ่าน WiFI แล้วดาวน์โหลดติดตั้งแอปเสริมได้เลย แต่แน่นอนว่าการทำงานของแอปพลิเคชั่นเหล่านั้นจะว่องไวหรือตอบสนองได้เร็วแค่ไหน ก็ต้องอาศัย CPU และ RAM
ซึ่งภายในให้ RAM มาในขนาด 2GB (ROM 32GB) และในด้าน CPU จะใช้เทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “ชิปเซ็ตประมวลผลคู่ Dual-Engine” โดยภายในนาฬิกาจะมีการติดตั้งชิปเซ็ตตัวแรง Qualcomm Snapdragon W5 Gen 1 เป็นชิปเซ็ตขนาด 4 นาโนตัวแรกของอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงมากเพื่อรันการทำงานของ Wear OS ให้มีความลื่นไหลและทรงพลัง สร้างการตอบสนองแบบติดนิ้ว แต่ทว่าเมื่อไม่ได้เรียกใช้การทำงานหลักของระบบ ตัวนาฬิกาจะสลับไปใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ BES2700 ซึ่งเป็น MCU ที่กินพลังงานน้อย รับงานเบาๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเดิมนั้นเอง
OPPO ออกแบบระบบนี้ขึ้นมาเพื่อการประหยัดแบตเตอรี่ให้กับตัวนาฬิกา แม้จะมีหน้าจอที่ใหญ่ ประสิทธิภาพสูง แต่ทว่าการทำงานของมันก็สามารถอยู่ได้นานถึง 4 วันต่อการชาร์จแบตเพียง 1 ครั้ง โดยจะมีโหมดอัจฉริยะที่จะปรับการทำงานของตัวนาฬิกาให้มีอายุใช้งานยาวนาน รวมถึงการปรับเป็นโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงที่จะยืดอายุแบตเตอรี่ของนาฬิกาให้อยู่ได้นานมากถึง 12 วันเลยทีเดียว
ระบบ Google WearOS 4 เชื่อมต่อ Wifi พร้อมรับใช้ทุกการทำงาน
OPPO Watch X ก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ใช้ระบบ Google Wear OS 4 เราสามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นได้เองตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแอป Line ไว้ติดต่อผู้อื่น, หรือ Spotify ไว้สำหรับฟังเพลง รวมถึง Google Photo, Google Wallet ไว้ชำระเงินผ่าน NFC (รุ่นนี้รองรับการชำระเงินผ่าน NFC ในประเทศที่รองรับ Google Wallet ) และยังมีแอปอีกมากมายทั้งหน้าปัดนาฬิกาสวยๆ รวมถึงแอปคู่ใจนักออกกำลังอย่าง Strava หรือ MyFitnessPal
รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ Google Health Connect ด้วย เราสามารถซิงค์ข้อมูลสุขภาพและการออกกำลังกายของเรา เข้าไปเก็บในบัญชีเพื่อแชร์ร่วมกันกับข้อมูลจากแอปอื่นๆ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ Google Health Connect ด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เราข้อมูลสุขภาพทุกอย่างมารวมเอาไว้ในที่เดียวกันและใช้งานข้ามอุปกรณ์กันในบัญชีเดียวกันได้ครับ
แน่นอนว่ามันต้องใช้งานเป็นคู่หูกับสมาร์ตโฟนของเราด้วยเหมือนกัน แจ้งเตือนสายเข้าหรือกดโทรออก รับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นในสมาร์ตโฟนที่มาเชื่อมต่ ทำหน้าที่ของสมาร์ทวอทช์ได้อย่างเต็มที่เพราว่าเป็นระบบ Wear OS ของทาง Google เองด้วย ความเข้ากันกับระบบ Android ไม่ต้องกลัวจะมีปัญหา
โหลดหน้าปัดนาฬิกาได้เพิ่มเติมทั้งจากนาฬิกาโดยตรง หรือติดตั้งผ่านทางแอปพลิเคชั่น Ohealth ก็ได้่เช่นกัน
OPPO Watch X เปิดจำหน่ายแล้วในประเทศไทยในราคา 11,990 บาท มีนำเข้ามาสองสีนั้นคือ สีดำ Platinum Black และสีน้ำตาล Mars Brown มาพร้อมโปรโมชั่นตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ