ประสบความสำเร็จไปเป็นอย่างมากนะครับ กับ Pomo kid นาฬิกากันเด็กหายตัวแรกที่เปิดจำหน่ายในประเทศไทยไปเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่ชัดเจน เป็นนาฬิกาเด็กที่อยู่กับตัวเด็ก แต่เพื่อประโยชน์ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่สามารถดูแลบุตรหลานได้ด้วยสมาร์ทโฟนในระยะไกล ตอนนี้ก็ออกมาแล้วครับ Pomo moji ซึ่งถือเป็นรุ่นที่สองของ Pomo Kid มีความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมหลายด้านทีเดียว
การออกแบบแนวการใช้งานของทาง Pomo นั้นฉลาดและเหมาะสมมากครับ สำหรับเด็กแล้ว เจ้า Pomo moji จะเป็นแค่นาฬิกาข้อมือสำหรับเขาเท่านั้น ถ้าทางพ่อแม่ไม่อนุญาตเปิดฟังชั่นให้ใช้งาน ซึ่งฟังชั่นที่ว่าก็ไม่มีอะไรที่เกินจำเป็นสำหรับเด็กเลย
เช่นการโทรออกรับสายผ่านทางนาฬิกา ซึ่งมีการควบคุมหมายเลขที่โทรเข้าและโทรออกได้ตามความต้องการของผู้ปกครอง เด็กเพียงกดปุ่มไม่กี่ปุ่มบนต้วเครื่องเพื่อโทรหาคนในครอบครัวตามที่ตั้งค่าไว้
การร้บส่งข้อความเสียง ก็เป็นสิ่งที่ควบคุมผู้รับผู้ส่งได้เช่นกันครับ ต้องเป็นรายชื่อที่ทำการลงทะเบียนเอาไว้ในระบบของนาฬิกา ตัวนาฬิกาจะสามารถรับและส่งข้อความเสียงไปมาหากันได้กับตัวแอพพลิเคชั่นภายในเครื่องสมาร์ทโฟนของทางฝั่งผู้ปกครอง ซึ่งการติดต่อสื่อสารเหล่านี้ก็จะติดตัวไปกับลูกๆ ของเราได้ทุกที่ครับ พกพาง่ายกว่าโทรศัพท์แน่นอนตามความรับผิดชอบของเด็ก
และถ้าน้องๆ เขามีเพื่อนที่ใช้นาฬิกา Pomo moji เหมือนกัน พวกเขาก็จะสามารถจับคู่นาฬิกาเป็นเพื่อนกันด้วยการเขย่า หลังจากนั้นก็จะสามารถรับส่งสติ๊กเกอร์หากันได้ผ่านตัวนาฬิกาด้วยนะครับ
(ตัวนาฬิกาสามารถใส่ซิมการ์ดได้ เพื่อใช้ในการโทรออกรับสาย และใช้สัญญาณ 2G ในการรับส่งข้อมูลด้วยครับ)
และสุดท้าย คือปุ่มแจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS เรียกใช้งานโดยการกดปุ่ม SOS ข้างเครื่องค้างไว้สองวินาที ตัวนาฬิกาจะส่งพิกัดและข้อความฉุกเฉินไปยังแอพพลิเคชั่นบนเครื่องผู้ปกครองทันที
นั้นคือการใช้งานในฝากของเด็ก ซึ่งจะเห็นว่าเน้นการติดต่อสื่อสารซะมากกว่าจะเป็นลูกเล่นอื่นๆ โดยการติดต่อสื่อสารนั้นจะอยู่ภายใต้การอนุญาตและการควบคุมของผู้ปกครองครับ ตามการตั้งค่าก่อนการใช้งาน
ซึ่งการควบคุมการใช้งานนาฬิกาของเด็กนั้นน่ารักมาก เพราะเจ้าตัว Pomo moji สามารถตั้งเวลาเข้าเรียนของลูกๆ เราเอาไว้ได้ เช่นตั้งแต่เวลา 7.30 น. ถึงเวลาเที่ยงในตอนเช้า และหลังพักเที่ยงบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็นเป็นเวลาเรียนทุกวันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในช่วงเวลาที่เรากำหนดนี้ เจ้านาฬิกา Pomo moji จะกลายเป็นแค่นาฬิกาข้อมูลสำหรับลูกเราเท่านั้นครับ ไม่สามารถใช้งานอะไรอื่นๆ ได้เลยในเวลาที่เรากำหนดให้เป็นเวลาเรียน
สำหรับการสั่งงานนาฬิกา ก็ไม่ยากสำหรับเด็กเลย เพราะมันมีปุ่มควบคุมแค่สองปุ่มเท่านั้นครับ ปุ่มตกลง(ด้านล่างหน้าจอ) กับปุ่มยกเลิก(ปุ่มเดียวกับปุ่ม SOS อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง) ใช้นิ้วทัชบริเวณด้านข้างซ้ายและขวาของหน้าจอนาฬิกาเพื่อเปลี่ยนโหมดใช้งาน ซึ่งจะแสดงเป็นไอคอนใหญ่ตามโหมดต่างๆ โหมดโทรออก โหมดส่งข้อความเสียง โหมดจับคู่นาฬิกากับเพื่อน และโหมดเปลี่ยนสีหน้าจอนาฬิกา กดปุ่มตกลงเพื่อเลือก กดปุ่มยกเลิกเพื่อออก หลักๆ มีให้ใช้งานอยู่เพียงเท่านี้ครับ (ในการส่งข้อความเสียง ใช้การกดปุ่มตกลงค้างไว้เพื่อบันทึกเสียง ปล่อยปุ่มออกเมื่อบันทึกเสร็จสิ้น ตัวนาฬิกาจะส่งข้อความออกไปทันที)
สายนาฬิกาทั้งสองด้านมีช่องใส่ตัวตุ๊กตาที่ทาง Pomo แถมมาให้สี่ตัว (ใช้กับตุ๊กตาที่เป็นดุมติดกับรองเท้าเด็กน่าจะได้ครับ)
ตัวสายมีความนุ่ม เนียน ไม่คม ทำจากวัสดุเดียวกันกับของเล่นเด็กตามมาตรฐานยุโรป เช็ดคราบเปื้อนออกได้ง่ายครับ แต่ก็เลอะง่ายเหมือนกันนะ
ด้านหลังตัวเรือนเป็นที่ชาร์จแบต ต้องใช้กับสายชาร์จที่มีไว้ให้ภายในกล่อง ออกแบบแน่นหนา ตัวนาฬิกานี่กันน้ำได้แค่ระดับน้ำกระเซ็นใส่ ละอองน้ำ และฝนตกเบาๆ เท่านั้นนะครับ อย่าเอาไปล้างน้ำหรือจุ่มน้ำเด็ดขาดเลย
แต่ไฮไลค์เด็ดของเจ้า Pomo moji มันอยู่ที่ฝากการใช้งานทางด้านผู้ปกครองพ่อแม่ตรงนี้มากกว่าครับ ด้วยการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น Pomo moji บนเครื่องสมาร์ทโฟน (รองรับทั้งระบบ iOS และ Android) เราสามารถควบคุมการใช้งานและใช้นาฬิกาเพื่อการป้องกันเด็กหลงสูญหายได้
เพราะนอกจากการความสามารถในการเป็นโทรศัพท์ติดตามตัวแล้ว เจ้า Pomo moji จะมีโหมดตรวจจับพิกัดตำแหน่งของนาฬิกาในปัจจุปัน การติดตามการเคลื่อนไหวแบบนาทีต่อนาที ซึ่งมีความแม่นยำอยู่ในระดับหนึ่งเลยครับ ทำให้เรารู้ว่าเด็กตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน
และที่ผมชอบมากคือความสามารถที่เราจะกำหนดอาณาเขตปลอดภัยสำหรับเด็กเอาไว้ได้ ในขอบเขตรอบบริเวณตั้งแต่ระยะ 200 เมตร ถึง 2 กิโลเมตร จากจุดที่เรากำหนดไว้ เช่นเมื่อเรากำหนดปักหมุดอาณาเขตรอบโรงเรียนเด็กไว้ไม่เกินสองร้อยเมตร เมื่อเด็กเคลื่อนที่ออกมานอกอาณาเขตปลอดภัย ตัวแอพพลิเคชั่นจะจับพิกัดที่ตัวนาฬิกาแล้วแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟนของเราออกมาว่าเด็กได้ออกไปนอกพื้นที่ไว้วางใจไปแล้ว นี่คือความสามารถสำคัญที่เราจะใช้ในการป้องกันเด็กหายได้ในอีกทางหนึ่งครับ
เมื่อมีการออกนอกพื้นที่ จะมีการแจ้งเข้ามาที่แอพพลิเคชั่นครับ (ในภาพมีแจ้งเตือน SOS เยอะแยะเพราะลูกสาวผมกดเล่นตลอดเลย สนุกใหญ่ T_T ได้มาใหม่ๆ)
[section label=”สรุปท้ายรีวิว” anchor=”synopsis”] สรุปท้ายรีวิว
จากที่ทดสอบใช้งานมา มันยังมีจุดอ่อนอยู่ในเรื่องของการการส่งสัญญาณกลับมายังแอพพลิเคชั่นบนเครื่องสมาร์ทโฟนของผู้ปกครอง บางครั้งอาจด้วยเพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ต 2G ไม่แรงพอหรือการเชื่อมต่อในพื้นที่ขัดข้อง ทำให้ฟังชั่นการใช้งานบางอย่างที่ต้องใช้ข้อมูลในการรับส่งขาดช่วงไป
โดยเฉพาะฟังชั่น SOS ที่น่าจะมีความเข้มข้นในการติดต่อกับผู้ปกครองมากกว่านี้หน่อย เช่นเป็นการส่งข้อความ SMS ไปยังหมายเลขที่ตั้งไว้โดยตรง หรือจะเป็นการโทรออกไปในทันทีเลยก็ได้ ซึ่งน่าจะมีตัวเลือกเพิ่มเติมตรงนี้เอาไว้ให้สำหรับผู้ปกครองที่อยากให้ลูกติดต่อกับเขาแบบฉุกเฉินในยามคับขัน
จริงๆ แล้วการตรวจจับและการป้องกันทั้งหลาย มันก็ขึ้นอยู่กับตัวนาฬิกาเป็นหลัก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่อาจจะโดนถอดออกหรือชำรุดเสียหายเมื่อไหร่ก็ได้ หรือแบตเตอรี่อาจจะหมดตามการใช้งานของมัน (แบตเตอรี่ชาร์จเต็มใช้งานได้นานประมาณสองวัน) ฉะนั้นความไม่ประมาทของผู้ปกครองเป็นความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับเด็กที่ขาดไม่ได้เเหมือนเช่นเคย นาฬิกานั้นเข้ามาเป็นแค่อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้เราอุ่นใจมากขึ้น และอาจจะมีประโยชน์ในยามฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ
Pomo moji อุ่นใจ น่ารัก มีแนวคิดการทำงานที่เหมาะสมสำหรับเด็กและน่าจะถูกใจผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ปกครอง เป็นนาฬิกาที่ดูไม่ฉูดฉาดหรูหราเกินไปสำหรับให้เด็กใช้งาน ทุกอย่างกำลังดีครับ ถ้าใครคิดว่าไม่แพงเกินไปสำหรับซื้อความอุ่นใจให้ลูกใช้ ตัวนี้ก็แนะนำครับ
[section label=”ขั้นตอนการเตรียมก่อนใช้” anchor=”Preparation “] การเตรียมนาฬิกาและแอพพลิเคชั่น Pomo moji บนเครื่องสมาร์ทโฟนก่อนการใช้งาน
ปุ่มเปิดปิดของนาฬิกาอยู่บริเวณด้านข้างเป็นหมุดสีเงิน จิ้มค้างไว้เพื่อเปิดและปิดเครื่อง ใส่ซิมการ์ด (Micro Sim) โดยหงายด้านชิพสีทองของซิมขึ้นด้านบน ใช้ปลายด้านที่เล็กกว่าของซิม ใส่เข้าไป
ในการจับคู่นาฬิกาครั้งแรกกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของผู้ปกครอง จำเป็นต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น Pomo moji ลงเครื่องซะก่อน
แล้วทำการลงทะเบียนผู้ใช้ภายในแอพ (ถ้ายังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน) จำเป็นต้องใช้อีเมลในการลงทะเบียนนะครับ เพราะจะมีการส่งรหัสสำหรับลงทะเบียนไปทางอีเมล กรอกอีเมลผู้สมัคร กรอกรหัสที่ได้รับทางอีเมล และกรอกรหัสผ่านที่เราต้อบการใช้ เป็นอันเสร็จพิธีการลงทะเบียน
หลังจากนั้นใช้แอพพลิเคชั่นแสกน QR code ของนาฬิกาเพื่อจับคู่ครับ ซึ่ง QR code นี่จะอยู่ที่แผ่นคู่มือ (เก็บไว้ดีๆ อย่าทำหาย) ตัวแอพก็จะทำการจับคู่นาฬิกาแล้วให้เราใส่หมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ในตัวนาฬิกา หลังจากนั้นเราก็พร้อมที่จะใช้งาน
เข้าไปยังหน้าแอพพลิเคชั่น กำหนดค่าตัวเราซะก่อนครับ ชื่ออะไร หมายเลขโทรศัพท์อะไร (เพิ่มบุคคลที่ต้องการอนุญาตให้นาฬิกาลูกของเราติดต่อได้ในหน้านี้ แต่รายชื่อที่เพิ่มเข้าไปต้องเป็นผู้ที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Pomo Moji ในสมาร์ทโฟนของเขาและทำการลงทะเบียนเอาไว้แล้วเช่นกัน ผู้ที่เราเพิ่มรายชื่อเข้าไป เขาก็จะสามารถตรวจจับตำแหน่งของนาฬิกาเหมือนเราได้เช่นกันนะครับ ยกตัวอย่างคุณแม่อาจจะใส่ข้อมูลของคุณพ่อลงไปเพิ่มอีกคน เป็นต้น)
กำหนดค่าอื่นๆ ที่สำคัญ เช่นกำหนดพิกัดพื้นที่ปลอดภัย กำหนดเวลาเข้าเรียน กำหนดรูปแบบกรตรวจจับตำแหน่ง และอื่นๆ ลองใช้งานกันดูนะครับ