realme ปล่อยสองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ มาในชื่อ realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G ทั้งสองรุ่นมากับตัวเครื่องที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีหน้าจอคุณภาพสูง โดยเฉพาะการผลิตที่สามารถทำขอบจอมาได้บางมากที่สุดในตลาดขณะนี้ บางเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น! และในด้านระบบภายใน realme 10 Pro Series ก็ยังเป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่ได้ใช้ซอฟท์แวร์ตัวล่าสุด realme UI 4.0 บนระบบ Android 13 อีกด้วยครับ
ฉะนั้น realme 10 Pro Series ทั้งสองรุ่นจึงมีความใหม่ที่น่าสนใจทั้งภายในและภายนอก โดยมีการเปิดตัวมาพร้อมกับราคาที่น่าสนใจอีกด้วยเริ่มกันที่หมื่นต้นๆ เท่านั้น สเปคเครื่องภายในให้มาคุ้มกับราคาทั้งสองรุ่นครับ
และแม้สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นจะมาในชื่อซีรี่ส์เดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายๆ จุด ซึ่งในบทความรีวิวนี้ผมจะพามาดูจุดแตกต่าง และจุดเด่นของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นให้ได้รู้จักกันครับ
ตัวเครื่องภายนอก และสเปกของ realme 10 Pro+ 5G
realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G ทั้งสองรุ่นเป็นสมาร์ทโฟนที่เครื่องบางและเบา ให้หน้าจอใหม่จากเทคนิคการผลิตที่ realme ได้ทุ่มวิจัยพัฒนาไปเกือบ 500ล้านบาท จนได้จอที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของซีรี่ส์ แม้นี้จะไม่ใช่เครื่องที่มีราคาจำหน่ายระดับเรือธงก็ตาม แต่ได้เป็นเจ้าของสถิติขอบจอบางมากที่สุดในตลาดเมืองไทยขณะนี้ครับ
เริ่มที่รุ่น realme 10 Pro+ 5G จะใช้หน้าจอโค้งขนาดจอใหญ่ 6.7นิ้ว รีเฟรชเรทระดับ 120Hz เป็นจอชนิด AMOLED ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล มีขอบจอที่เล็กมาก เพียง 1.41 มม. และขอบจอด้านท้ายเครื่องจะบางแค่ 2.33มิลลิเมตร ถือว่าเป็นเครื่องจอโค้งที่ขอบจอด้านล่างมีขนาดเล็กที่สุดในสมาร์ทโฟนที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ส่งผลต่อขนาดเครื่องโดยรวม และความเต็มตาในขณะที่เราใช้งานครับ
สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงลิ่ว 93.65% ขอบจอแทบมองไม่เห็นเพราะเป็นหน้าจอทั้งหมด แถมให้มาเป็นจอคุณภาพสูงด้วยครับเกรดเทียบกับพวกระดับเรือธง รองรับ HDR10+ ความสว่าง 800nits Contrast ratio สูงถึง 5,000,000:1 รองรับการแสดงสีแบบ 10bits และเป็นหน้าจอที่พิเศษเมื่อเรานำไปใช้ในที่มีความสว่างน้อยกว่า 90nits จอตัวนี้จะสามารถเปิดการทำงานของเทคโนโลยีลดแสง PWM Dimming ในระดับ 2160Hz ขึ้นมาได้ทันที ซึ่งเป็นเครื่องแรกของไทยอีกแล้วครับที่ทำได้ ในขณะที่หน้าจอสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ยังมีความสามารถในการลดแสงด้วยเทคโนโลยี PWM Dimming อยู่ในระดับแค่ 480Hz เท่านั้นเอง
คุณภาพของภาพดูสวย คมชัด สีสันดีและขอบจอเล็กมากๆ ครับ
จอของ realme 10 Pro+ 5G จะมีความสว่างสดใสมากในเวลาใช้งานในที่แจ้ง และในเวลาหรี่แสงลงในที่มืดก็ยังคงคุณภาพสีสันและการกระพริบจอไว้ได้ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปถึง 4.5 เท่า ไม่ปวดล้าสายตาหรือมีสีสันผิดเพี้ยน แม้จะใช้งานในระดับความสว่างที่ต่ำมากๆ จนได้รับการรับรองด้าน Flicker Free จากสถาบัน TÜV Rheinland มาเรียบร้อยแล้ว
มีความทนทานด้วยการใช้กระจกสองชั้นที่มีความบาง 0.65มม. เพื่อเสริมความแกร่งลดแรงกระแทก รองรับการสแกนลายนิ้วมือโดยตรง วางกล้องหน้าความละเอียด 16MP รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งาน
หน้าจอสแดงผลคุณภาพสูงที่มาคู่กันกับลำโพงสเตอริโอเสียงดังฟังชัด Hi-Res Audio Certification ภายในติดตั้งมอเตอร์ Tactile Engine 2.0 ให้ความรู้สึกต่อการสั่นในระดับคุณภาพสูง มีรูปแบบและระดับที่ให้เราได้รู้สึกเหมือนเป็นสัญญาณตอบรับได้แตกต่างกันมากกว่า 130 รูปแบบ
ตัวเครื่องมีความบางมาก เป็นสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่มีความบางมากที่สุดในโลกขณะนี้ ด้วยความบาง 7.78มิลลิเมตร และมีน้ำหนักรวม 173กรัม บางและเบา! ทั้งที่ตัวเครื่องมีหน้าจอที่ใหญ่มากและแบตเตอรี่ก็ใหญ่มาก
realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมกับสีสันตัวเครื่องสองสีสองสไตล์ครับ สีแรกคือ Hyperspace สีสันใหม่มาในโทนสว่างแบบผลึกปริซึม เล่นลายเส้นสปีดแทยงไล่จากชุดกล้องหล้ง มีเกร็ดกริตเตอร์และสะท้อนเงาแสงเป็นเหลือบสีรุ้ง สวยงาม
และอีกหนึ่งคือสีเข้ม Dark Matter สีดำด้านที่มีเกร็ดกริตเตอร์และสะท้อนเงาเมื่อโดนแสงกระทบเช่นกัน มีลวดลายสะท้อนแสงบนพื้นผิวสีดำที่ใช้งานไม่เกิดครอบรอยนิ้วมือ
กล้องหลังสามตัว แต่ออกแบบการวางชุดกล้องเหมือนเลนส์คู่ Twin-lens Reflex มีกล้องหลังตัวหลักความละเอียด 108MP เซนเซอร์แบบ 6 ชั้นเลนส์ Samsung HM6 ทำงานคู่กับกล้องมุมกว้าง Ultra Wide Angle 8MP และกล้องระยะใกล้มาโคร 4CM ความละเอียด 2MP มาพร้อมระบบถ่ายภาพที่ปรับปรุงใหม่จาก realme UI 4.0 จากทีทดสอบใช้งานมา รู้สึกได้เลยว่าถ่ายภาพได้เร็ว จบการทำงานแต่ละภาพได้ไวขึ้นอย่างมากด้วยครับ
ตัวเครื่องใช้พอร์ตชาร์จแบบ Typr C ที่รองรับระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC Charge สามารถชาร์จแบตได้ 50% ในเวลาแค่ประมาณ 17 นาทีเท่านั้น ชาร์จไวมาก
รองรับ WiFi ทั้ง 2.4 และ 5.0Ghz ใช้งาน 5G ได้ทั้งสองซิม เป็นสล็อตใส่ซิมแบบสองสล็อตไม่รองรับการใส่ micro SD Card เพิ่มเติม
อุปกรณ์ภายในกล่อง ก็จะมีที่ชาร์จ 67W SUPERVOOC Charge พร้อมเคสซิลิโคนใส และสาย USB Type C อย่าไปเผลอสลับสายกับใครเพราะตัวสายมีคุณภาพที่สูงและรองรับการชาร์จ 67W และความปลอดภัยระดับสูงของระบบชาร์จ SUPERVOOC เหมาะสมกับการใช้ร่วมกับตัวอะเดปเตอร์ที่ให้มาครับ นำสายอื่นมาใช้แทนมาตรฐานและกำลังไฟอาจจะไม่เต็ม 100%
สเปกประมวลผลของ realme 10 Pro+ 5G จะใช้ MediaTek Dimensity 920 5G เทคโนโลยีขนาด 6 นาโนเมตร ทำงานคู่กับ GPU ยังคงเป็น Mali-G68 MC4 ซึ่งมีการ overclocks GPU เพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวเครื่องมากขึ้นกว่าปกติ 9% โดยทำงานร่วม RAM ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในเซ็กเมนต์ราคาเดียวกันเลยครับ เพราะให้ RAM LPDDR4X มามากถึง 12GB และรองรับการเพิ่มขยายแรมได้อีกสูงถึง 12GB (รวม RAM 12GB +12GB) ด้วยพื้นที่หน่วยความจำตัวเครื่องที่ให้มาใหญ่เช่นกัน เป็น UFS 2.2 ขนาด 256GB สามารถเล่นเกมกราฟิกสวยๆ ได้สบาย
สามารถประคองเฟรมเรทให้อยู่ในระดับที่สูง วิ่งได้ใกล้เคียงกับเฟรมเรทสูงสุดที่ 120Hz ในเกมที่รองรับ โดยระบบจะสามารถปรับระดับรีเฟรชเรทหน้าจอให้เหมาะสมได้เองหลายระดับโดยอัตโนมัติครับ ช่วยลดการสิ้นเปลืองแบตเมื่อไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าพบคอนเทนต์หรือการใช้งานที่รองรับ ก็จะวิ่งไปจนสุดให้เอง
ตัวเครื่องภายนอก และสเปกของ realme 10 Pro 5G
realme 10 Pro 5G ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่อยู่ในสเปกระดับ High-End เช่นเดียวกัน โดดเด่นตั้งแต่ตัวเครื่องภายนอกที่เหนือกว่าด้วยจอ Boundless Display ที่ขอบจอมีความบางเพียงแค่ 1มิลลิเมตรเท่านั้น!
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอไร้ขอบเลยก็ได้นะครับ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตหน้าจอแบบใหม่ของ realme สามารถผลิตจอให้ขอบข้างมีความบางเพียงแค่ 1มม. และขอบด้านบนบางเพียงแค่ 1.15 มม. สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จึงมุมมองของการแสดงผลแบบกว้างที่สุด เต็มตาเต็มเครื่องด้านหน้า ติดตั้งกล้อง 16MP selfie camera รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งาน
สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องระดับ 93.76% แม้จะเอาไปเทียบกับรุ่นเรือธงราคาแพงกว่าก็ยังไม่สามารถทำขอบจอได้บางขนาดนี้ครับ
realme 10 Pro 5G ใช้การออกแบบการวางเสาสัญญาณรอบเครื่องแบบใหม่ โดยการวางเสาสัญญาณแปดเสาคลุมโครงรอบเครื่องทั้งหมด เพื่อลดพื้นที่การติดตั้งเสาอากาศที่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่องลงไปได้ รวมถึงการติดตั้งเซนเซอร์วัดแสงเข้ากับกรอบเครื่องด้านบนโดยตรง ทำให้มีหน้าจอที่กว้างและชิดขอบได้มากขึ้นนั้นเองครับ
หน้าจอมีคุณภาพสูงอีกด้วย เป็นจอขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400×1080 พิกเซล รีเฟรชเรท 120Hz ที่มีความสามารถในการปรับระดับ Refresh Rates ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้เองถึง 6 ระดับ ลื่นไหลและไม่กินพลังงานสิ้นเปลือง
ขอบเครื่องแข็งแกร่ง งานประกอบเนี๊ยบมากไม่ใช่แค่เรื่องหน้าจอเท่านั้น รองรับการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง และด้วยการออกแบบขอบเครื่องแบบตัดเหลี่ยม ยิ่งทำให้ realme 10 Pro 5G ดูกระทัดรัด และด้านหน้าเหลือแค่หน้าจอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ
สีสันตัวเครื่องก็สวยงามสดใสครับ มากับสี Hyperspace สีสันใหม่แบบผลึกปริซึมเล่นลายเส้นแทยง และสี Dark Matter สีดำที่ดูพรีเมี่ยม เป็นสองสีที่ให้มาแบบเดียวกับ realme 10 Pro+ 5G และอีกหนึ่งสีเฉพาะของ realme 10 Pro 5G คือสี Nebula Blue สีฟ้าดูสดใส เป็นผิวสัมผัสคล้ายโลหะผิวด้าน แต่มีเกร็ดระยิบระยับสะท้อนกับแสง ซึ่งเป็นสีที่เห็นในรีวิวนี้ครับ
กล้องหลังความละเอียด 108MP ใช้เซนเซอร์ Samsung HM6 เช่นเดียวกับรุ่น Pro+ ทำงานกับกล้องช่วยโฟกัสระยะชัดลึกสำหรับการถ่าย Portrait 2MP ใช้การออกแบบตัดขอบทั้งตัวเครื่องและขอบของชุดกล้องหลัง
รองรับ 5G ทั้งสองสล็อตซิม และสามารถใส่ micro SD Card ได้เพิ่มเติมในสล็อตซิมที่สอง
ตัวเครื่องมีความบาง 8.1 มม. น้ำหนัก 192กรัม ให้แบตเตอรี่ภายในมาขนาดใหญ่ 5,000mAh โดยรองรับการชาร์จไว 33W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตได้ 50% ในเวลา 29 นาที ทดสอบชาร์จไปใช้ไป เครื่องไม่ร้อนครับ ควบคุมความร้อนได้ดี
ลำโพงสเตอริโอคู่เสียงดังมากครับ เพราะสามารถเพิ่มระดับเสียงได้สูงถึง 200% ด้วยซอฟต์แวร์ที่ realme ติดตั้งมาให้ สามารถใช้งานฟังเพลงดูหนังกับเพื่อนเป็นกลุ่ม โดยไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเติมเลยครับ เสียงดังชัดเจนดีมาก
อุปกรณ์ภายในกล่องของ realme 10 Pro 5G ก็จะมีที่ชาร์จ 33W SUPERVOOC พร้อมสาย USB Type C และเคสใสซิลิโคนแถมมาให้ ไม่มีชุดหูฟังให้มาภายในกล่องนะครับ
ในด้านชุดประมวลผลของ realme 10 Pro 5G จะใช้ตัวเลือกของอีกค่ายหนึ่งแทนครับ เป็น Snapdragon 695 ชิปเซ็ต 5G เทคโนโลยีขนาด 6 นาโนเมตร ให้ RAM LPDDR4X ขนาด 8GB และสามารถขยายได้เพิ่มอีก 8GB และให้หน่วยความจำขนาดใหญ่มาด้วยเช่นกัน UFS 2.2 ขนาด 256GB สเปคถือว่าครบเครื่อง และไม่ด้อยไปกว่าตัวรุ่น Pro+ ในการใช้งานจริง
ขอบจอเล็ก หน้าจอเต็ม เวลาใช้งานอะไรก็ทำได้ถนัดมากครับ เพราะมีพื้นที่ให้ใช้งานกว้างแต่เครื่องเล็ก ผมชอบเวลาพิมพ์คีย์บอร์ดบน realme 10 Pro 5G พิมพ์สนุกดีเพราะแทบไม่ต้องเอื้อมนิ้วเลย นอกจากเครื่องจะบางแล้วขอบยังตัดเหลี่ยมด้วย ถือใช้ถนัดเข้ามือมากๆ
ระบบอินเตอร์เฟซใหม่ realme UI 4.0 บน Android 13
ทั้งสองรุ่นได้รับการอัปเดทระบบปฏิบัติการตัวใหม่ Android 13 ที่ครอบทับด้วย realme UI 4.0 ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ตัวล่าสุดของทางแบรนด์เรียบร้อยครับ โดยอินเตอร์เฟซใหม่นี้ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยการออกแบบที่จะช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานได้คล่องตัวมากขึ้น และช่วยอัพเกรดประสิทธิภาพเพิ่มความลื่นไหลให้กับระบบ ลดการใช้พลังงานและลดอุณหภูมิตัวเครื่องลงได้ไปพร้อมๆ กัน รวมถึงอัปเกรดด้านความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เรียกว่าเป็นระบบใหม่แกะกล่อง และมีเพียง realme 10 Pro Series สองรุ่นนี้เท่านั้นที่ได้ใช้งานกันก่อนใครครับ
ด้านความสวยงาม มีการปรับเลย์เอาต์ไอคอนในหน้า Notify ใหม่ในรูปแบบการ์ด ปักหมุดฟังก์ชั่นใช้งานบ่อยไว้ด้านบนด้วยการ์ดขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งแผงควบคุมบนการ์ดได้ตามใจมากขึ้น และ Smart Home รวบรวมแอปที่ต้องการใช้ จัดแบ่งเป็นโฟลเดอร์ใหญ่ให้เห็นไอคอนแอปได้ชัดๆ บนหน้าโฮมสกรีน
realme UI 4.0 เพิ่มเติมหน้า Always-on Display (AOD) หรือหน้าจอที่จะแสดงผลอยู่ตลอดเวลาแม้ขณะที่เครื่องกำลังล็อค มาในฟีเจอร์ใหม่เช่น Smart Music AOD เป็นหน้าที่จะแสดงรายการเพลงที่กำลังเล่นอยู่ได้ ทำให้เรารู้ถึงชื่อเพลงโดยที่ไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอก่อน และเมื่อเราอยากจะควบคุมเพลงก็แค่คลิกสองครั้งบน AOD แผงควบคุมเพลงก็จะปรากฏให้เราควบคุมการเล่นเพลงได้ทันที พร้อมอัลกอริธึมที่จะแนะนำ 4 Playlist ที่เราน่าจะชอบขึ้นมาด้วย ควบคุมหรือเปลี่ยนเพลย์ลิสบนหน้าจอโดยไม่ต้องปลดล็อคใดๆ ครับ (ภาพตัวอย่างคือหน้าตา AOD จากแอปเล่นเพลง Spotify)
ทัชสองครั้งเพื่อเปิดชุดควบคุมการเล่นเพลงขึ้นมา โดยไม่ต้องปลดล็อคเครื่องก่อนเลยครับ
มีฟังก์ชั่นในด้านความปลอดภัย เช่น Private Safe เครื่องมือรักษาความปลอดภัยส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของเอกสารลับ ภาพ และไฟล์ส่วนตัว เข้ารหัสไว้ด้วยการเข้ารหัส Advanced Encryption Standard (AES) ปลอดภัยต่อการถูกเจาะ
และ realme UI 4.0 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Auto Pixelate เป็นความสามารถในการแต่งภาพหลังการเซฟหน้าจอแบบด่วน แค่กดทัชเดียว ตัวระบบจะทำการเซนเซอร์ข้อมูลส่วนบุคคลเช่นใบหน้าหรือชื่อไอดีให้เราแบบอัตโนมัติ เช่นในแอปส่งข้อความ Whatsapp และ Messenger เซนเซอร์ถูกจุด ง่ายและสะดวกไม่ต้องทำเองครับ
ฟังก์ชั่นหลายๆ ตัวยังคงใส่เข้ามาให้เราใช้งาน เช่นโหมดผู้สูงอายุหรือโหมดเรียบง่าย ที่จะขยาย UI และเพิ่มระดับเสียงเพื่อเหมาะให้คนสูงอายุใช้งาน หรือโหมดสำหรับเด็กที่เราจะสามารถควบคุมการใช้งาน กำหนดคอนเทนต์ที่จะให้เด็กใช้ได้แบบปลอดภัย
การปรับแต่งด้านความสวยงาม มีธีมสโตร์ การปรับแต่งชุดสีไอคอน และการเลือกใช้เอฟเฟ็กต์อนิเมชั่นต่างๆ ยังคงให้เราปรับได้เองอิสระ รวมถึงการทำงานแบบมัลติวินโดว แบ่งหน้าจอทำงานสองแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน หรือเปิดแอปไว้แบบหน้าต่างลอย ประสิทธิภาพการทำงานหลายแอปของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนั้นเหลือๆ ครับ หน่วยประมวลผลแรง และมีแรมที่ขนาดใหญ่มาก ทำงานหลายแอปไม่มีอาการสะดุดให้เห็นเลยครับ
กล้องถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพของ realme 10 Pro Series ออกแบบฟังก์ชั่นมาค่อนข้างวัยรุ่นเลยทีเดียวครับ มีการใส่ความสามารถในการถ่ายภาพแบบ Street Photography สำหรับการปรับระยะมุมมองของกล้องเหมือนเลนส์ซูมจำลอง มีโหมด Super Group Portrait หรือการถ่ายพอร์ตเทรตแบบกลุ่มได้ ไม่ได้จำกัดสำหรับการถ่ายภาพบุคคลเพียงคนเดียว มากับฟิลเตอร์สีที่เยอะมากและการปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียด กล้องมี HDR และ AI คอยช่วยเหลือในการถ่าย ฉะนั้นไม่ต้องรู้เรื่องมุมแสงหรือการปรับภาพ แค่เล็งกล้องแล้วถ่ายก็ได้ภาพสวยไม่ยากครับ
กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ไม่ใช่แค่ความละเอียดสูง แต่สามารถถ่ายได้ไวมากครับ รู้สึกได้ถึงความไวในการจัดเก็บภาพ ความชัดเจนของภาพขนาด 108ล้านพิกเซล
โหมดความละเอียดสูง 108 ล้านไฟล์จะค่อนข้างใหญ่ครับ แต่สามารถถ่ายเพื่อนำมาขยายใช้งานบางส่วนได้ภายหลัง ภาพก็ยังคมชัดอยู่ครับ
Street Photography ภาพถ่ายแนวสตรีท ที่ให้เลือกปรับระยะเลนส์ได้เองจากระยะนิยม และยังถ่ายภาพออกมาเป็น RAW ไฟล์ได้ด้วยนะครับ สำหรับใครที่ต้องการนำไปปรับแก้สีเองในภายหลัง
และเก๋กับลายน้ำที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพสตรีทโดยเฉพาะที่ไม่เหมือนใครด้วยครับ ^^
ภาพจากโหมด Street Photography
โหมดถ่ายภาพบุคคลมีการเล่นกับโบเก้ฉากหลังได้เยอะ เพิ่มความจัดจ้านของโบเก้ฉากหลังให้สวยกว่าความเป็นจริงเลียนแบบเลนส์ของกล้องใหญ่ ใช้ถ่ายได้ในตอนกลางวันหรือเล่นกับแสงไฟในตอนหลางคือ หรือการปรับฉากหลังให้เป็นแบบเส้นสปีด สามารถเลือกใช้งานได้หมเในโหมดถ่ายภาพบุคคล รองรับการถ่ายละลายหลังทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังรวมถึงการถ่ายวีดีโอด้วยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme 10 Pro+ 5G จากโหมดต่างๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme 10 Pro 5G จากโหมดต่างๆ
สรุปท้ายรีวิว
realme 10 Pro Series ทำมาได้เกินราคาเลยครับสำหรับตัวเครื่องทั้งสองรุ่น งานผลิตเกรดดี ตัวเครื่องสวย รู้สึกได้ถึงความทนทาน ให้หน้าจอระดับในระดับพรีเมี่ยมแต่อยู่ในเซกเมนต์ราคาหมื่นต้น คุณภาพสูงมาก และขอบจอที่บางเฉียบ ขอบบางมากที่สุดในตลาดที่มีจำหน่ายอยู่ในเมืองไทยตอนนี้แล้วครับ ใครทื่ชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ เต็มตา แต่ตัวเครื่องเล็ก รุ่นนี้ถูกใจแน่นอนครับ
ความสามารถโดยรวมของตัวเครื่องไม่มีจุดอ่อนเลย ให้ชุดประมวลผลที่แรงมากเพียงพอ ให้แรมขนาดใหญ่ในระดับที่สูงที่สุดในเรทราคาเดียวกัน และหน่วยความจำใหญ่ 256GB ระบบปฏิบัติการก็เป็นระบบใหม่ Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0 ระบบใหม่ล่าสุดของแบรนด์
realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจส่งท้ายปี คุ้มมากในกลุ่มเรทราคาหมื่นต้นๆ ครับ
ราคาและโปรโมชั่น
realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมรุ่นความจุ 12+256GB โดยมีให้เลือก 2 สีคือ สีทองไฮเปอร์สเปซและสีดำดาร์คแมตเตอร์ ราคา 15,999 บาท
สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่ถึง 16 ธันวาคม พร้อมรับส่วนลดพิเศษโดยในวันที่จองจะได้รับส่วนลด 500 บาท และในวันรับเครื่องรับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 14,499 บาท) *ราคาพิเศษเฉพาะวันที่ 12-25 ธันวาคม ราคาเพียง 14,999 บาทเท่านั้น
realme 10 Pro 5G มาพร้อมรุ่นความจุ 8+256GB โดยมีให้เลือก 3 สีคือ สีทองไฮเปอร์สเปซ, สีฟ้าเนบิวลาและสีดำดาร์คแมตเตอร์ ราคาปกติ 11,999 บาท
สามารถพรีออเดอร์ได้ถึง 16 ธันวาคม พร้อมรับส่วนลดพิเศษโดยในวันที่จองจะได้รับส่วนลด 500 บาท และในวันรับเครื่องรับส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท (เหลือเพียง 10,999 บาท) จำหน่ายวันแรกในวันที่ 17 ธันวาคม เป็นต้นไป