realme เปิดตัว realme 8 Series เป็นสมาร์ทโฟนสองรุ่นใหม่ realme 8 และ realme 8 5G และงานนี้ทาง realme ได้แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ เป็นคนสวยเบอร์ใหญ่ของเมืองไทยเลยครับ นั้นคือคุณอั้มพัชราภานั้นเอง ^^
แต่สิ่งที่สำคัญคือสมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้แตกต่างกันมากแม้จะใช้ชื่อรุ่นคล้ายกัน เป็นรุ่นแยกกันอย่างชัดเจนเพราะมีอะไรหลายอย่างที่ไม่เหมือนกันเลยครับ
realme 8 5G จะมาพร้อมกับสโลแกน “ความเร็วไร้ขีดจำกัด” เพราะมาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องของการรองรับ 5G ใช้ชิปเซ็ตประมวลผลตัวใหม่ Dimensity 700 5G เทคโนโลยีระดับ 7 นาโนเมตร
แต่ realme 8 จะมาพร้อมกับสโลแกน “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะรุ่นนี้จะเน้นไปที่การถ่ายภาพครับ กล้องหลังมีสี่ตัวและความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ความแรงให้ประสิทธิภาพสูงเช่นกัน เพราะใช้หน่วยประมวลผลสำหรับการเล่นเกมเบอร์ใหญ่ของ MediaTek นั้นคือ Helio G95 ครับ
สเปคถือว่าแรงในระดับเรทตลาดกลางทั้งคู่ครับ โดยในรีวิวนี้ผมจะแนะนำจุดเด่นสองรุ่นสลับกันไปนะครับ
realme 8 5G ตัวเครื่องภายนอก
ตัวรุ่น 5G จะมีการนำเข้ามาจำหน่ายสองสี Supersonic Blue สีฟ้าสว่าง ใช้กระบวนการชุบสีแบบอินเดียมไฮกลอส ผิวเงาเป็นประกาย อีกหนึ่งสีคือ Supersonic Black ใช้การทำลาดลวยแบบ lenticular เพื่อสร้างเอฟเฟกต์คล้ายแสงจากกระจกเงา Dynamic Speed Light เป็นสีโทนดำที่มีประกายคล้ายรถยนต์ ซึ่งเป็นสีที่ผมใช้ทดสอบในรีวิวนี้ครับ
ตัวเครื่องบาง 8.5mm ถือว่าบางเลยครับสำหรับเครื่องที่ใส่ที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องมาให้แบบนี้ โดยปุ่มพาวเวอร์เปิดปิดจะเป็นที่สแกนลายนิ้วมือไปด้วยในตัว สแกนได้ไว ใช้งานได้เร็วแม่นยำปกติ
หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ จอ เป็นจอ Ultra Smooth รีเฟรซเรทสูง 90Hz และ sampling rate การตอบสนองสัมผัสสูงสุด 180Hz จอมีความสว่างสูงสุด 600nits ภาพจอค่อนข้างสวย สีสันดี รีเฟรชเรทดี มีการเจาะรูวางกล้องหน้าขนาดเล็กความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งาน
กระจกหน้าจอของรุ่นนี้ใช้เทคนิคพิเศษเพื่อลบความคมและลดการแตกร้าว โดยการลด Microcrack หรือรอยแตกเล็กๆ ที่ปกติจะหลงเหลืออยู่มากมายหลังการตัดด้วยเครื่อง CNC ไปแล้ว รอยแตกเล็กๆ เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้ขอบกระจกเกิดความคมและทำให้หน้าจอแตกร้าวได้ง่ายเมื่อกระแทก เทคนิคนี้จะช่วยให้เวลาเราสัมผัสลูบไล้ผ่านบริเวณขอบกระจก จะได้สัมผัสที่เนียนมือไร้คมมากกว่าปกติ และยังเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กระจกหน้าจอเมื่อเกิดการกระแทกได้อีกด้วยครับ
ด้านหลังสกรีนโลโก realme ตามสไตล์การออกแบบช่วงหลังของแบรนด์ มีโมดูลกล้องหลังสามตัวยกนูนขึ้นมา ตีกรอบไว้ด้วยโครงโลหะ ให้กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และเลนส์ B&W Portrait หรือเลนส์ฟิลเตอร์สีช่วยถ่ายภาพบุคคล 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ที่สามเป็น Macro ระยะโฟกัส 4เซนติเมตร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
สิ่งที่พิเศษคือ realme 8 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G แบบ Dual 5G Dual Standby ที่ให้ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 3 ช่อง เราสามารถใส่ซิมการ์ดใช้งาน 5G ได้ทั้ง 2 สล็อต
และยังเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย Micro S Card ได้สูงสุดไปพร้อมกันด้วย 1TB ปกติเครื่อง 5G แบบ Dual Standby ไม่ค่อยให้ที่ใส่ Micro SD Card มาให้แบบนี้ครับ และยังรองรับ 5G ทั้งระบบ SA และ NSA ในอนาคตก็ยังใช้งาน 5G ในเมืองไทยได้ยาวๆ ครับ
ภายในจัดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่มาให้เลยครับ 5000mAh รองรับการชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ทชาร์จ USB Type C ใต้เครื่อง จากที่ทดสอบสามารถชาร์จไฟได้ประมาณ 1% ต่อ 1 นาทีครับ อุปกรณ์ภายในกล่องก็มีมาให้เป็นเคสใสซิลิโคน ที่ชาร์จแบบ 9V 2A 18W และสาย Data USB Type C แต่จะไม่มีชุดหูฟังมาให้ครับ
realme 8 ตัวเครื่องภายนอก
realme 8 จะแตกต่างกับ realme 8 5G ตั้งแต่ภายนอกครับ ใช้หน้าจอแสดงผลเป็น Super AMOLED 6.4 นิ้ว ความสว่างสูงมาก สูงสุดที่ 1000nits แต่รีเฟรชเรทปกติ 60Hz ยังไง ความละเอียด FullHD+ เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้า และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรงครับ
ใชการดีไซน์ที่แตกต่างและเด่นมาก เพราะมีการออกแบบสีด้านหลังแยกพื้นผิวกัน ฝาหลังจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน มีส่วนของความแวววาวคล้ายกระจก พร้อมสโลแกนของแบรนด์ที่ใหญ่ชัดเจน “DARE TO LEAP” ผสมอยู่กับอีกพื้นผิวคือส่วนที่เป็นลวดลายเส้นแนวทแยงขนาดเล็ก สลักไว้ด้านในด้วยเทคโนโลยีนาโน ดีไซน์เครื่องบางเฉียบครับ แค่ 7.99mm และหนักเพียง 177กรัมเท่านั้นเอง โดยรุ่นที่ทาง realme นำเข้ามาจำหน่ายมีสองสีคือ Cyber Silver และ Cyber Black หรือสีดำสองพื้นผิวที่เห็นในรีวิวนี้ครับ
realme 8 จะเป็นสมาร์ทโฟน 4G รองรับสองซิมการ์ด และใส่ Micro SD Card ได้พร้อมกันแบบ 3 สล็อต เครื่องบางเบา แต่ภายในใส่แบตใหญ่ 5000 mAh มาให้เช่นกัน และรองรับระบบชาร์จ Dart Charge 30W ที่สามารถชาร์จไฟได้ 50% ภายในเวลาแค่ 26 นาทีเท่านั้น แต่รุ่นนี้ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จไวอื่นด้วย เพราะรองรับการชาร์จไวแบบ 15W PD ได้อีกระบบนะครับ
realme 8 กับสโลแกน “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะรุ่นนี้กล้องหลังสี่ตัวจะมีความละเอียดสูงครับ เป็นกล้องหลักที่มาพร้อมกับ AI ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และเลนส์มุมกว้างพิเศษ 119องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีเลนส์มาโครและเลนส์ถ่ายภาพบุคคล B&W ให้มาอีก 2 ล้านพิกเซล
ส่วนกล้องหน้าก็ 16 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกับรุ่น 5G เจาะรูเล็กๆ เอาไว้วางกล้องหน้า ไม่เกะกะรำคาญตาเวลาใช้งานแบบเต็มหน้าจอครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องของ realme 8 ก็จะมีเป็นเคสใสซิลิโคน ที่ชาร์จแบบ Dart Charge 30W และสาย Data USB Type C ไม่มีชุดหูฟังมาให้เช่นกัน
การใช้งานภายใน realme UI 2.0
realme 8 5G ใช้ชิปเซ็ตตัวใหม่ Dimensity 700 5G เป็นโปรเซสเซอร์ที่ใช้การผลิต 7 นาโนเมตร แรงดีและประหยัดแบตดีมาก ส่วนตัว realme 8 จะใช้ชิปเซ็ตที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกม Gaming Processor MediaTek Helio G95 แรงมากในสมาร์ทโฟนระดับกลางอีกเช่นกัน ในเรื่องของประสิทธิภาพไม่ต้องห่วงครับ แรงพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่วไปทุกอย่าง รวมถึงการนำมาเล่นเกมอย่างจริงจังด้วย
ทั้งสองรุ่นที่ผมได้มา เป็นรุ่นแรมขนาดใหญ่ 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB สเปคโดยรวมเมื่อดูจากราคาถือว่าผ่านทั้งคู่ครับ
ในส่วนของการใช้งาน สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นจะใช้ระบบ Android 11 และครอบทับด้วย realmu UI 2.0 ระบบใหม่ทั้งสองเครื่องเลยนะครับ การทำงานภายในจึงจะเหมือนๆ กัน โดยผมจะยึดเอาตามตัว realme 8 5G เป็นหลักในส่วนของการใช้งานนะครับ แต่สามารถนำไปอ้างอิงกันได้เกือบทั้งหมดนอกจากเรื่องของการจัดสรรระบบ 5G
เพราะใน realme 8 5G เขาได้ใส่ระบบพิเศษ Smart 5G Power Saving เพื่อช่วยลดการกินแบตเตอรี่ของการเชื่อมต่อ 5G เอาไว้ในรุ่นนี้ด้วย โดยเทคโนโลยีนี้จะคอยตรวจจับสภาพแวดล้อมของสัญญาณรอบตัว และการใช้งานของผู้ใช้ และจะสลับการใช้งานไปมาระหว่าง 4G และ 5G อย่างเหมาะสมในขณะนั้นๆ ให้โดยอัตโนมัติ ทำให้การใช้พลังงานโดยรวมในเรื่องของการเชื่อมต่อจะใช้น้อยกว่าสมาร์ทโฟนที่ไม่มีคุณสมบัติ Smart 5G มากถึง 30% เป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
realmu UI 2.0 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นปรับแต่งเพื่อความสวยงาม และช่วยในเรื่องของความสะดวกในการใช้งานเยอะครับ มาพร้อมกับบริการของทาง realme ที่มีให้เป็นสโตร์สำหรับการดาวน์โหลดแอพ เกม และธีม รวมถึงวอลล์เปเปอร์และฟอนท์ตัวอักษร มีทั้งฟรีและต้องซื้อ
บริการพื้นที่จัดเก็บคลาวด์ ด้วย HeyTap Cloud เป็นการใช้งานได้ร่วมกันระหว่างสมาร์ทโฟนที่เข้าถึง HeyTap ID ได้ทั้งหมด เอาไว้จัดเก็บไฟล์ต่างๆ ที่เราต้องการอัพโหลดไปเก็บหรือสำรองไว้แบบออนไลน์ รวมถึงรายชื่อผู้ติดต่อ บุ๊คมารคเบราว์เซอร์ หรือรหัส Wi-Fi ทุกอย่างเราเอาไปสำรองไว้ได้ในระบบคลาวด์นี้ได้ฟรี 5GB เป็นพื้นฐานครับ และสามารถซื้อเพิ่มได้ถ้าต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นรายปีและรายเดือน
แอพพลิเคชั่นพิเศษ Soloop แอพที่เอาไว้ใช้ตัดต่อคลิป สร้างวีดีโอสั้นจากไฟล์ภาพถ่ายและวีดีโอภายในเครื่องได้แบบง่ายและรวดเร็ว มีเทมเพลต เอฟเฟ็กต์ และซาวด์ประกอบเตรียมไว้ให้ครบครับ ทำได้ในแอพเดียวภายในไม่กี่วินาที ก็ได้คลิปสั้นสวยๆ ไว้แชร์ในโซเชี่ยลได้แล้ว
การปรับแต่งด้านความสวยงามก็มีหน้ารวมให้เราสามารถเข้าไปเปลี่ยนธีม เปลี่ยนพื้นหลัง รวมถึงเลือกใช้ชุดไอคอนที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากในสโตร์เพิ่มเติมได้ในหน้าเดียวครับ สะดวกดี
ฟังก์ชั่นช่วยเหลือด้านการใช้งาน ที่สามารถปรับลดแสงสีฟ้าบนหน้าจอโดยอัตโนมัติ ตามการตั้งเวลากำหนดไว้ล่วงหน้า รวมถึงการเปลี่ยนธีมเมนูให้กลายเป็นธีมสีดำเพื่อถนอมสายตา
โดยธีมสีดำของ realme UI 2.0 จะสามารถกำหนดระดับของความดำได้สามระดับ พร้อมกับปรับลักษณะไอคอนที่เราต้องการได้อิสระกว่าธีมสีดำของระบบอื่นๆ ครับ
การปรับแต่งหน้าจอยังมีโหมดเลือกระดับรีเฟรชเรทระหว่าง 60Hz กับ 90Hz หรือจะให้ตัวระบบเป็นคนจัดสรรให้ตามเหมาะสมก็ได้เช่นกันครับ แต่ผมแนะนำเปิดไว้ที่ 90Hz ไปเลย ไม่ได้ใช้พลังงานเยอะไปกว่าปกติมากมายครับ และระบบเสียงของ realme 8 Series จะมาพร้อมกับระบบเทคโนโลยี Real Sound ระบบเสียงจำลองทิศทาง ปรับให้เข้ากันกับสิ่งที่เรากำลังใช้งาน ภาพยนตร์ เกม และการฟังเพลง
โหมดสำหรับการเล่นเกม มีการอัพเดทฟังก์ชั่นช่วยเหลือมากขึ้น นอกจากจะรีดทรัพยากรเครื่องเพื่อนำมาใช้เล่นเกมได้เต็มประสิทธิภาพเครื่องแล้ว ก็มี “โหมดโฟกัสเกม” เป็นโหมดสายโหดที่ต้องการการเล่นเกมเป็นอันดับหนึ่งเหนืออื่นใด ^^ บล็อกทุกสิ่งทุกอย่างและปิดกั้นสิ่งรบกวนทั้งหมด ปิดการสั่งงานที่จะทำให้ออกจากหน้าจอเกม ปิดการติดต่อสื่อสาร และปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดทันที
ประสิทธิภาพในการเล่นเกมบน realme 8 5G ไม่เป็นปัญหาใดๆ ครับ เล่นเกมอย่าง LOL หรือ PUBG ลื่นปริ๊ด ภาพสวยและลำโพงเสียงแน่นดีด้วยนะครับรุ่นนี้ เสียงไม่แหลม ไม่แตก
รองรับการทำงานแบบมัลติทาสแบบใหม่ สามารถแบ่งหน้าจอทำงานสองจอพร้อมกัน และในแอพหรือเกมที่รองรับ เราจะสามารถเรียกใช้งานเป็นหน้าต่างป๊อบอัพ แอพซ้อนแอพได้ด้วย เรียกขึ้นมาใช้เป็นหน้าต่างเล็กๆ ซ้อนทับกับอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง
การทำงานไหลลื่นครับ ทั้งสองรุ่นเลยทั้ง realme 8 และ realme 8 5G การตอบสนองเข้าออกแอพพลิเคชั่นก็รวดเร็ว ระบบแน่นดี เป็นเครื่องที่เอามาใช้งานได้เต็มไม้เต็มมือมาก เพราะแบตเตอรี่ก็อึดด้วย อยู่กับเราได้ข้ามวันแม้ผมจะเปิดใช้งาน 5G ทั้งสองซิมไปพร้อมกันก็ตามครับ ในรุ่นนี้ก็จะได้ทั้งประสิทธิภาพและระยะเวลาแสตนด์บายใช้งานที่ยาวนานไปด้วยพร้อมกัน
กล้องถ่ายภาพ
realme 8 5G จะมีกล้องหลังสามตัว กล้องหลักถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล และเลนส์ B&W Portrait เลนส์สีช่วยจับภาพบุคคล 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ Macro รความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยกันสามตัวสามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ มาโครพิเศษ 4เซนติเมตร ไปจนถึงซูมภาพดิจิทัลสูงสุดที่ 10x
คุณภาพกล้องใช้ได้ โหมดถ่ายภาพมี AI มาให้สำหรับการจับสิ่งที่จะถ่าย และเพิ่มเติมสีวันให้สดใสกว่าปกติ รองรับ HDR สำหรับการถ่ายภาพย้อนแสง และโหมดกลางคืนสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้ถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการถ่ายภาพมากมายนัก แค่จัดคอมโพสองค์ประกอบของภาพให้เหมาะสมก็พอแล้ว ที่เหลือกล้องจัดการให้ได้ครับ
โหมดถ่ายภาพบุคคล หน้าชัดหลังเบลอ จับบุคคลได้แม่นยำ มีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้หลายฟิลเตอร์ครับ และมี AI beautification สำหรับการปรับแต่งใบหน้าเนียนใสให้เราเลือกได้ 100 ระดับครับ
กล้องหลังถ่ายภาพง่าย ออกมาสวยไม่ยากครับ โฟกัสคนคมใช้ได้ ถ้าเปิดโหมดการเร่งสีก็จะได้สีจัดจ้านสำหรับคนชอบสีที่เข้มข้นกว่าปกติครับ
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมความสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ และมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้ พร้อม AI beauty ที่ปรับแต่งใบหน้าได้อย่างละเอียด ปรับแต่งทุกส่วนของใบหน้า แก้ม คาง ดวงตา จมูก ไม่ต้องไปพึ่งหมอ พึ่งกล้องหน้าของสมาร์ทโฟนเอาก็ได้ครับ ^^
ภาพกล้องหน้าก็ทำได้ดีครับ จับใบหน้าคนได้แม่นยำ เลิอกโทนสีฟิลเตอร์เปลี่ยนแนวภาพเซลฟี่ได้แตกต่างหลายแนวครับ
อย่างที่บอกสำหรับรุ่น realme 8 ที่เป็นตัวปกติไม่ใช่รุ่น 5G จะเน้นที่การถ่ายภาพมากกว่า มีกล้องความละเอียดที่สูงถึง 64 ล้านพิกเซล และโหมดการถ่ายภาพที่จัดเต็ม เพราะมีโหมดการถ่ายภาพ Ultra Wide 119 องศาจากเลนส์ตัวที่ 4 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาให้ด้วยครับ
ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพและวีดีโอจะเยอะ มีโหมดการถ่ายวีดีโอแบบกล้องคู่ ถ่ายพร้อมกันทั้งหน้าและหลัง โหมดภาพยนตร์สำหรับการถ่ายวีดีโอสัดส่วน 21:9 และโหมดถ่ายดาว Starry ที่จะถูกใส่เข้ามาในซอฟท์แวร์กล้อง
พร้อมทั้งฟิลเตอร์โบเก้พิเศษ ที่เล่นกับฉากหลังได้มากกว่าการเบลอ เช่นการตัดสีสันฉากหลังทิ้งด้วย AI Color Portrait หรือการเร่งแสงไฟโบเก้ด้านหลังให้โดดเด่นกว่าความเปิดจริง รวมถึงโบเก้ใหม่ อย่าง Dynamic Bokeh ที่จะเบลอฉากหลังเลียนแบบเส้นการเคลื่อนไหว พวกนี้จะมีอยู่ใน realme 8 4G หรือรุ่นปกติครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme 8
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ทโฟนสองตัวเลือกที่แตกต่างกัน ถ้าต้องการความเร็วและการครอบคลุมจากสัญญาณ 5G ในเรทราคาไม่เต็มหมื่น ก็ต้องเป็น realme 8 5G เครื่องบาง ราคาเบา หน้าจอรีเฟรชเรทสูง 90Hz และใช้หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง Dimensity 700 5G ชิปเซ็ตในเทคโนโลยีระดับ 7 นาโนเมตร แรงและประหยัดแบตได้ดี
realme 8 5G เปิดราคามาที่ 9,999 บาท สามารถ Pre-Order ได้แล้ววันนี้ และเป็นเจ้าของได้พร้อมกันในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ พร้อมรับฟรี realme Smart Scale และ E-VIP Card ประกันจอแตก 1 ปี
มีโปรโมชั่นร่วมกันเครือข่ายผู้ให้บริการ 5G ในราคาพิเศษ สำหรับใครที่ซื้อผ่าน AIS TruemoveH และ Dtac ราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 2,489 บาท
สำหรับ realme 8 ก็จะเน้นไปที่กล้องถ่ายภาพที่จัดเต็มเหมือนรุ่นใหญ่ของแบรนด์ realme มาในราคา 8,999 บาท สามารถ Pre-Order ได้แล้ววันนี้ พร้อมรับฟรี realme Smart Scale และ E-VIP Card ประกันจอแตก 1 ปี มีโปรโมชั่นร่วมกันกับเครือข่าย AIS จำหน่ายในราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมกับสมัครแพ็กเกจ ในราคาเริ่มต้น 2,989 บาท
และเป็นเจ้าของได้พร้อมกันในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น Banana, BKK , Cyborg Kong , CSC , TGfone , Jaymart และ IT City และทางออนไลน์ผ่านช่องทาง Lazada , Shopee , This ahop และ JD Central สามารถผ่อน 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตและร้านค้าที่ร่วมรายการ