realme C75 สมาร์ตโฟนกันกระแทก กันน้ำ IP69 พร้อมแบตใหญ่ 6000mAh ขวัญใจสายแกร่ง! ราคาประหยัด
สมาร์ตโฟนราคาไม่แพง ที่เน้นความแข็งแรงของตัวเครื่องเป็นจุดขายสำคัญ ทนต่อแรงกระแทก การตกหล่น และการเปียกน้ำในระดับสูง ซึ่งเป็นเกรดความทนทานที่เกินระดับราคาจำหน่ายอย่างชัดเจน
ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานภายนอกบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ภาพมีความชัดเจน ลำโพงที่สามารถส่งเสียงได้ดังมากกว่าลำโพงปกติมากถึง 4 เท่า! และแบตเตอรี่ภายในที่ใส่เข้ามาให้ใหญ่ถึง 6000mAh ทุกอย่างถูกกำหนดให้เป็นมือถือสำหรับคนที่ต้องการใช้งานภายนอกอาคารเป็นส่วนใหญ่ หรือคนต้องการเครื่องที่สามารถทนไม้ทนมือได้ดี ไม่ต้องใส่ใจในการใช้งานมากเท่าไหร่นัก อาจจะเหมาะให้เด็กใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
ประสิทธิภาพไม่แรงมาก สเปคอยู่ในระดับสำหรับคนใช้งานทั่วๆ ไป เล่นเกมได้บ้างสำหรับเกมเบาๆ เน้นที่ราคาขายและความทนทานเป็นหลักครับ
The Good
- ราคาเริ่มต้นเบาๆ 5,999 บาท
- แข็งแรงมาก ได้การรับรองการทดสอบสมาร์ทโฟนที่ทนทานที่สุดในอุตสาหกรรมจาก TÜV Rheinland เป็นฉบับแรกของโลก
- ผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL-STD 810H ที่เน้นการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบทางทหาร
- ได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นเกรดเรือธงปี 2024 นั้นคือเรท IP69 แต่มาใช้กลุ่มราคาแค่นี้
- กระจกจอแกร่ง ArmorShell Glass ถูกเพิ่มความแข็งแรงให้ทนต่อแรงกระแทกได้มากกว่ารุ่นก่อน 2.6 เท่า และป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 4 เท่า
- แบตเตอรี่ภายในที่ให้มาใหญ่ถึง 6000mAh
- รองรับระบบชาร์จไว 45W SUPERVOOC
- ลำโพงที่สามารถเร่งเสียงให้ดังได้มากกว่าปกติถึง 400%
- RAM ขนาดใหญ่ 8GB สามารถขยายได้อีก 16GB รวมเป็นสูงสุด 24GB
The Bad
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่อง
- กล้องถ่ายภาพไม่มีโหมดมาโคร หรือ Ultra-Wide
- ใช้หน่วยความจำแบบ eMMC5.1 แม้จะไม่ส่งผลให้เห็นชัดเจนแต่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่เก่าไปสักหน่อย
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ สำหรับสมาร์ตโฟนสายแกร่ง realme C75 ที่มากับคุณสมบัติด้านความทนทานเป็นพิเศษ ผ่านมาตรฐานการทดสอบทนทานต่อแรงกระแทก การตกหล่น และได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69 ซึ่งเป็นระดับที่มักจะอยู่กับเครื่องกลุ่มเรือธง แต่รุ่นนี้ได้เปิดราคาออกมาแค่ 5,999 บาทเท่านั้น ทำให้มันเป็นรุ่นที่น่าสนใจมากสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการเครื่องราคาไม่แพง แต่มีความทนทานสูงสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ในบทความรีวิวนี้ ผมจะพารู้จักกับ realme C75 รุ่นนี้กันให้มากขึ้นครับ
ตัวเครื่องภายนอก
สิ่งที่เป็นจุดขายของ realme C75 ก็จะเป็นเรื่องของความแข็งแรงของตัวเครื่องภายนอกนี้แหละครับ แม้จะดูจากการออกแบบภายนอกไม่ค่อยออก เพราะมาในขนาดความบางและน้ำหนักที่เหมือนกับสมาร์ตโฟนแบบปกติทุกประการ บางแค่ 7.99 มม. และมีน้ำหนัก 196 กรัม
แต่มาเต็มด้วยคุณสมบัติ กันน้ำ กันกระแทก และเป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองในฐานะการทดสอบสมาร์ทโฟนที่ทนทานที่สุดในอุตสาหกรรมจาก TÜV Rheinland เป็นฉบับแรกของโลก และยังผ่านมาตรฐานการทดสอบ MIL-STD 810H ที่เน้นการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบสุดขั้ว เช่น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือการกระแทกที่รุนแรง
เสริมความแข็งแกร่งไว้ด้วยกรอบโลหะภายในและถุงลมนิรภัยในตัว เพื่อลดแรงกระแทกจากการตก ทำให้ตัวเครื่องทนทานต่อการตกกระแทกได้สูงกว่าปกติ 2.6 เท่า
ตัวกระจกหน้าจอก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนมักจะเจอปัญหา การแตกร้าวจากการตกหรือกระแทกแบบที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีกระจกจอแบบ ArmorShell Glass ถูกเพิ่มความแข็งแรงให้ทนต่อแรงกระแทกได้มากกว่ารุ่นก่อน 2.6 เท่า และป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 4 เท่า
ให้หน้าจอขนาดใหญ่ 6.72 นิ้ว ภาพคมชัดครับ ความละเอียด Full HD+ (2400×1080) รีเฟรชเรทตามมาตรฐานที่ดี 90Hz เป็นจอชนิด LCD ที่ให้สีสันสดใส มีความสว่างสูงสุด 690nits ที่สว่างมากพอจะมองเห็นภาพได้ชัดเจนในที่แจ้ง
ทั้งยังมีคุณสมบัติการกันน้ำกันฝุ่นที่ครอบคลุมระดับ IP69 กันน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทาง และจมน้ำได้ลึก 1.5 เมตรได้นานถึง 30 นาที
ฉะนั้นเรื่องการใช้งานที่ต้องลุยแดด ลุยฝน ลุยน้ำ การอยู่กับความสมบุกสมบัน รุ่นนี้ลดความกังวลว่าเครื่องจะเสียหายลงไปได้มากทีเดียวครั พื้นผิวฝาหลังแบบ cross-arc สะท้อนแสงออกมาเป็นลวดลายทรงเลขาคณิต เป็นลายบางๆ จะเห็นเมื่อมีการสะท้อนกับแสงเท่านั้น มีเข้ามาให้เลือกสองสี นั้นคือ Lightning Gold และ Storm Black ซึ่งเป็นสีเครื่องที่เห็นในบทความนี้ครับ
และเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานนอกบ้าน ทาง realme ยังได้ใส่ระบบการเร่งความดังเสียงพิเศษของลำโพง ให้สามารถเปิดเสียงได้ดังมากกว่าปกติได้ถึง 400% เป็นลำโพงเดี่ยวตัวเดียวที่เสียงลำโพงดังมากๆ และไม่แตกจนฟังไม่รู้เรื่องครับ
realme C75 ยังเสริมการใช้ชีวิตภายนอกบ้านด้วยการใส่แบตเตอรี่ที่มีความจุขนาดใหญ่พิเศษ 6000mAh เข้ามาให้ด้วย มันใหญ่มากพอจะใช้งานได้อย่างน้อยสามวันโดยไม่ต้องชาร์จพลังงาน หรือถ้าเปิดหน้าจอดูวิดีโอต่อเนื่องก็ยังเปิดได้นานกว่า 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว แบตอึดมากๆ
และในราคาแค่นี้ แต่ใส่เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC เข้ามาให้ด้วย คุ้มมากๆ สามารถชาร์จแบตได้ 50% ในเวลา 38 นาที
และสามารถชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลา 90 นาที และยังรองรับการชาร์จย้อนกลับด้วยพอร์ต USB Type-C ด้านใต้เครื่องได้ด้วยครับ ไว้ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นด้วยระดับ 6.5W
ตัวแบตเตอรี่ของ realme C75 ถูกออกแบบการดูแลสุขภาพของแบตในกาชาร์จไฟเข้าและการคายประจุให้มีอายุการใช้งานได้นานกว่า 4 ปี โดยไม่เสื่อมสภาพลงไปกว่า 80% แม้จะใช้งานทุกวันครับ
รองรับการใช้งาน 4G ทั้งสองซิมการ์ด เป็นถาดใส่ซิมแบบ 3 สล็อต สามารถใส่ micro SDcard ได้เพิ่มเติมในสล็อตที่สาม รองรับการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง แต่รุ่นนี้จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้บนตัวเครื่องนะครับ
ราคาเริ่มต้นเข้าถึงได้ง่าย ความแข็งแรงเกินเรทราคาไปไกล ในด้านคุณสมบัติฮาร์ดแวร์ตัวเครื่องถือว่าคุ้มราคาและตรงงานกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเครื่องสมาร์ตโฟนที่มีความทนทานสูงเป็นพิเศษครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีที่ชาร์จ 45W SUPERVOOC แถมมาให้ พร้อทเคสใสซิลิโคน, สาย USB Type-C
ในด้านกล้องถ่ายภาพ realme C75 ไม่ได้เน้นฟังก์ชั่นถ่ายภาพมาเยอะมากนัก มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8 ทำงานกับเลนส์เสริม Flicker Sensor ที่เป็นตัวช่วยโฟกัสและวัดแสง แต่ยังมีโหมดถ่ายภาพสำคัญมาครบ เช่น ภาพกลางคืน, โหมดถ่ายภาพบุคคล, และสามารถซูมดิจิทัลได้ 10x แต่จะไม่มีโหมดมาโคร หรือ Ultra-Wide ในกล้องของรุ่นนี้
มีโหมดท้องถนน หรือการถ่ายภาพแนวสตรีท โดยมีการใส่ฟิลเตอร์สีสันต่างๆ ให้เลือกใช้เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ของภาพได้หลากหลายครับ
มาพร้อมความสามารถ AI Clear Face Algorithm เป็นการใช้ AI ช่วยเพิ่มความเนียนใสให้กับใบหน้าของภาพหลังการถ่ายได้ ช่วยเพิ่มความคมชัดของใบหน้าให้มีชีวิตชีวามากขึ้นไปพร้อมกันด้วย
แม้กล้องจะมีตัวหลักเป็นกล้อง 50MP เพียงตัวเดียว แต่คุณภาพของภาพก็ถือว่าไม่แย่ครับ เก็บภาพทั่วไปให้แสงภาพที่ดูสว่าง โฟกัสได้แม่น สามารถใช้ถ่ายงานทั่วไปได้ไม่มีปัญหา
การใช้งานภายใน
realme C75 เป็นสมาร์ตโฟนที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G92 Max มีความเร็วสูงสุด 2GHz ชิปตัวนี้อยู่ในเกรดกลุ่มเริ่มต้นแต่เป็นตัวบนๆ ครับ จะให้ RAM มาในขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยรุ่นที่ผมนำมาทดสอบเป็นเครื่องรุ่น RAM 8GB ที่สามารถขยายออกไปได้อีก 16GB รวมแล้ว 24GB ถือว่าใหญ่มากเพียงพอสำหรับการลำเลียงข้อมูลเอาไปรอให้ CPU ใช้งาน
หน่วยความจำภายในให้มาเป็น 256GB ใช้เทคโนโลยี eMMC5.1 ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่มีความเร็วในการอ่านเขียนเก่าไปสักหน่อย แต่ไม่ได้ส่งผลกับการใช้งานมากนัก เพราะตัว CPU เองก็ไม่ได้รวดเร็วอะไรมาก และการเรียกใช้งานส่วนใหญ่ก็จะเรียกข้อมูลจากส่วนที่ไปจัดเก็บไว้ที่ RAM LPDDR4X ซึ่งมีขนาดใหญ่พอตัวเอาไว้เป็นหลักก่อนอยู่แล้ว
รันด้วยระบบปฏิบัติการ realmeUI 5.0 ครบทับบน Android 14 สามารถทำงานทั่วไปได้ลื่นไหลดี และแม้อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับการแบกรับเกมกราฟิกระดับหนักๆ ก็ตาม แต่ก็สามารถนำมาใช้เล่นเกมเบาๆ ได้ดีในระดับหนึ่งแล้วครับ
สำหรับใครที่เอาใช้ทำงานทั่วไปเช่น โซเชี่ยล, แชต, สั่งอาหาร, โอนและรับเงินธนาคาร หรือรับชมภาพยนตร์ คลิปวีดีโอความละเอียด FullHD แอปพวกนี้ทำงานได้สบาย รวมถึงใช้ในการติดต่อสื่อสาร หรือการให้บริการสำหรับอาชีพรับส่ง ไม่มีปัญหาเลยครับ เพราะเป็นแอปเบาๆ และดีซะอีกที่ realme C75 ใช้ชุดประมวลผลที่กินพลังงานน้อย เพราะถ้าเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมากนัก ก็จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ที่ใช้งานระหว่างวันได้ยาวนานมากๆ จากทีทดสอบใช้งานก็สามารถอยู่ได้ประมาณ 3 วันโดยที่ไม่ต้องชาร์จแบต
โดยมีฟีเจอร์ AI ใส่เข้ามาให้ใช้งานกันได้แล้ว เช่น AI Smart Loop โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถระบุเนื้อหาที่ผู้ใช้กำลังคัดลอกออกมาจากบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, หรือข้อความ แล้วจะแสดงรายชื่อแอปพลิเคชั่นที่เหมาะสมกับสิ่งที่กำลังคัดลอกออกมาให้เราเองโดยอัตโนมัติ (หรือแอปที่เราระบุไว้เองล่วงหน้า) ตัว AI จะรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นควรจะไปใช้งานกับแอปพลิเคชั่นใดบ้างที่ดูเหมาะสม จะแนะนำรายการแอปขึ้นมาในรูปแบบของวงแหวน เพิ่มความสะดวกและช่วยประหยัดเวลาในการคัดลอกและแชร์ได้อย่างมากครับ
ระบบของ realmeUI 5.0 สามารถไดคัทบุคคลหรือสิ่งของออกจากรูปภาพเพื่อนำมาใช้งานต่อได้แล้วนะครับ จะตัดแค่ตัวบุคคลหรือวัตถุบนภาพก็ทัชค้างแล้วลากออกมาใช้ได้เลย ใช้งานคู่กับ AI Smart Loop ก็แชร์ออกได้สบายเลยครับ
realme C75 มีระบบ Mini Capsule เป็นพื้นที่แจ้งเตือนพิเศษที่อยู่ข้างกล้องหน้า ช่วยแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรี่, การแจ้งเตือนสภาพอากาศ หรือการเล่นเพลง รวมถึงการเดินทางมาของบริการ Grap ก็ได้เช่นกันครับ
มีระบบ Gesture เรียกใช้งานเพิ่มความสะดวกใส่เข้ามาให้หลายอย่าง ที่น่าสนใจก็อย่างเช่น สามารถแตะที่ฝาหลังสองครั้งเพื่อเรียกใช้ตัวสแกน QR Code ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชั่นใดซะก่อน หรือการใช้สามนิ้วสไลด์ลงเพื่อเซฟภาพหน้าจอ และการใช้สามนิ้วสไลด์ขึ้นเพื่อแบ่งหน้าจอทำงานสองแอปพร้อมกัน
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ตโฟนราคาไม่แพง ที่เน้นความแข็งแรงของตัวเครื่องเป็นจุดขายสำคัญ ทนต่อแรงกระแทก การตกหล่น และการเปียกน้ำในระดับสูง ซึ่งเป็นเกรดความทนทานที่เกินระดับราคาจำหน่ายอย่างชัดเจน
ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานภายนอกบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ภาพมีความชัดเจน ลำโพงที่สามารถส่งเสียงได้ดังมากกว่าลำโพงปกติมากถึง 4 เท่า! และแบตเตอรี่ภายในที่ใส่เข้ามาให้ใหญ่ถึง 6000mAh ทุกอย่างถูกกำหนดให้เป็นมือถือสำหรับคนที่ต้องการใช้งานภายนอกอาคารเป็นส่วนใหญ่ หรือคนต้องการเครื่องที่สามารถทนไม้ทนมือได้ดี ไม่ต้องใส่ใจในการใช้งานมากเท่าไหร่นัก อาจจะเหมาะให้เด็กใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
ประสิทธิภาพไม่แรงมาก สเปคอยู่ในระดับสำหรับคนใช้งานทั่วๆ ไป เล่นเกมได้บ้างสำหรับเกมเบาๆ เน้นที่ราคาขายและความทนทานเป็นหลักครับ
ราคาและโปรโมชั่น
realme C75 เปิดจำหน่ายใน 2 โทนสี ได้แก่ สีทอง Lightning Gold และสีดำ Storm Black
- ความจุ 8GB/128GB ราคา 5,999 บาท
- 8GB/256GB ราคา 6,999 บาท
โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 6 ธันวาคม จัดจำหน่ายในทุกช่องทางดังนี้
ช่องทางโอเปอเรเตอร์
• TRUE และ dtac : ความจุ 8/128GB ราคาเริ่มต้น 3,399 บาท และความจุ 8/256GB ราคาเริ่มต้น 4,399 บาท
• AIS : ความจุ 8/128GB ราคาเริ่มต้น 4,099 บาท และความจุ 8/256GB ราคาเริ่มต้น 5,099 บาท
รับฟรี realme C75 Bag และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 2,698 บาท ทั้ง 3 ช่องทางดังกล่าว
ช่องทางตัวแทนจำหน่ายและ realme Brand Shop
• จัดจำหน่ายผ่านช่องทาง BaNANA, BKK, CyborgKong, Kingkongphone, IT City, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp, Advice และ Singer รับฟรี realme C75 Bag และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 2,698 บาท
ช่องทางอีคอมเมิร์ซ
● จำหน่ายผ่านช่องทาง Shopee
o ความจุ 8/128GB : ลิงก์
o ความจุ 8/256GB : ลิงก์
● จำหน่ายผ่านช่องทาง Lazada
o ความจุ 8/128GB : ลิงก์
o ความจุ 8/256GB : ลิงก์
• จำหน่ายผ่านช่องทาง Tiktok Shop
o ความจุ 8/128GB : ลิงก์
o ความจุ 8/256GB : ลิงก์
รับฟรี realme C75 Bag และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 2,698 บาททั้ง 3 ช่องทางดังกล่าว