realme GT Master Edition สมาร์ทโฟนที่เปิดตัวมาในวาระฉลองยอดขายสมาร์ทโฟนครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกของ realme นับเป็นการเติบโตของแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดที่เคยมีมาเลยครับ ผลงานยอดเยี่ยมมากสำหรับแบรนด์วัยรุ่นแบรนด์นี้
โดยในโอกาสพิเศษนี้ ทาง realme เขาจึงได้ออกแบบสมาร์ทโฟน realme GT Master Edition มาอย่างตั้งใจ ทั้งในการกำหนดสเปคภายในและการออกแบบภายนอก โดยการให้คุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า นักออกแบบชั้นครูของวงการอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่น มาช่วยในการออกแบบสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นพิเศษครับ
วัสดุฝาหลัง Vegan leather และดีไซน์เนอร์ Naoto Fukasawa
realme GT Master Edition มีเข้ามาจำหน่ายสองสีครับ หนึ่งคือสี Daybreak Blue ที่ใช้เทคโนโลยี PICSUS ซึ่งได้รับสิทธิบัตรการผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่น และอีกสีคือสีเทา Voyager Grey สีที่มาพร้อมกับงานออกแบบพิเศษ และวัสดุหนังวีแกน
realme GT Master Edition สี Voyager Grey จะใช้วัสดุฝาหลัง Vegan leather หรือที่เราเรียกกันว่า “หนังวีแกน” เป็นวัสดุผิวสัมผัสคล้ายหนังสัตว์แต่ผลิตมาจากพืช เคลือบโค๊ทและขึ้นรูปให้มีความคงทนแน่นหนา เป็นทรงคลื่นสลับสูงต่ำ ซึ่งคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า ผู้ออกแบบ ได้รับแรงบันดาลใจจากความนิยมในการเดินทางไปที่ต่างๆ ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงทำออกมาในทรงของ “กระเป๋าเดินทาง” ดูแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น รวมถึงส่งผลต่อการจับถือที่เข้ามือได้อย่างพอดี เหมือนเป็นลูกคลื่นที่ตั้งใจให้ล็อกกับนิ้วมือของผู้ใช้ได้อย่างพอดีด้วยครับ มาพร้อมลายเซ็นของผู้ออกแบบสวยๆ ทำขึ้นด้วยกระบวนการแกะสลักลงบนผิวด้วยเทคโนโลยีนาโน งดงามมาก
ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา 180g และบาง โครงเครื่องแกร่งแต่ผิวสัมผัสนุ่มมือ ใช้งานไม่เกิดคราบมัน เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย และมีส่วนช่วยลดแรงกระแทกได้เมื่อฝาหลังตกลงพื้น นี่คือประโยชน์จากงานด้านการออกแบบและวัสดุตัวเครื่องที่คุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า เลือกใช้ครับ
ด้านหน้าเป็นจอภาพขนาด 6.43 นิ้ว สีสันคุณภาพสูงเพราะใช้จอของ Samsung AMOLED Fullscreen อัตรารีเฟรซเรท 120 Hz ภาพลื่นไหลสุดครับ และยังมี Touch Sampling Rate หรืออัตราความเร็วตอบสนองของหน้าจอที่สูงถึง 360Hz เลยทีเดียว ถือว่าความเร็วสูงมากครับ การรับคำสั่งจากหน้าจอที่นำไปส่งชุดประมวลผลสูงกว่าความรีเฟรชเรทหน้าจอถึง 3 เท่า
ฝังกล้องหน้าที่มีขนาดเล็กจิ๋ว แต่ความละเอียดดีเลยครับ รุ่นนี้ให้กล้องหน้าคุณภาพดี Sony IMX615 ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้า และหน้าจอก็รองรับการสแกนลายนิ้วมือได้โดยตรง เป็นระบบสแกนเวอร์ชั่นใหม่ จากที่ทดสอบใช้ก็สแกนได้ไวมาก ทันใจและแม่นยำดีครับ
รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ Dual 5G รุ่นนี้จะไม่รองรับการเพิ่ม Micro SD Card เสียบซิมก็พร้อมใช้งาน 5G ได้เลย ซึ่งเรื่องของการเชื่อมต่อก็ต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้รองรับ WiFi6 ด้วยนะครับ เชื่อมต่อวง LAN ภายในบ้านให้ความเร็วถึง 2400 Mbps เลยทีเดียว
ด้านหลังเป็นกล้อง 3 ตัว Matrix AI Camera กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล และเลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ macro จับระยะวัตถุได้ใกล้ 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ตัวบางแต่แบตเยอะ ให้แบตเตอรี่ภายใน 4,300 mAh เป็นชนิดเซลคู่ เพื่อเพิ่มความเร็ซและประสิทธิภาพในระบบชาร์จให้สูงขึ้น เพราะรุ่นนี้ได้ระบบชาร์จไวที่ดีที่สุดในขณะนี้ของ realme นั้นคือ 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตได้เต็ม 100% ภายในเวลา 30 นาที ไม่มีเกินกว่านี้ครับ ไม่ว่าแบตเดิมจะหมดเกลี้ยงหรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ไม่เกิน 30 นาทีแน่นอน ^^ และยังมีความปลอดภัยสูงมาก มาพร้อมการป้องกัน 5 ชั้น ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปยังตัวเครื่อง ควบคุมความปลอดภัยและระดับความร้อนส่วนเกิน ใช้งานได้มั่นใจไม่ว่าจะใช้เองหรือให้คนในบ้านใช้ครับ
เหล่านี่ก็คือ “ความเร็ว” ที่ realme ใส่เข้ามาให้ในสมาร์ทโฟนที่เขาได้นิยามเอาไว้ว่า “เหนือระดับแห่งความเร็ว” ไม่ว่าจะเป็นจอรีเฟรชเรทสูง กับการตอบสนองต่อการทัชที่ไวมาก มาพร้อมระบบชาร์จ 65W ที่เร็วสุดๆ และไม่ใช่แค่ใช้งานได้ดีเท่านั้น แต่ยังมีความปลอดภัยที่สูงมากอีกด้วยครับ ผ่านมาตรฐาน 3C certification มาเรียบร้อย ^^
ภายในกล่องก็ให้ชุดชาร์จ 65W SuperDart Charge มาให้ครับ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มเติม พร้อมเคส TPU ลายพิเศษที่ออกแบบมาให้เข้ากันกับเครื่อง เพราะใช้การออกแบบเดียวกับตัวเครื่องเลยครับ และแน่นอน มาพร้อมลายเซ็น “Naoto Fukasawa” ^^
ตัวเครื่องภายนอกของ realme GT Master Edition ในสี Voyager Grey ที่ใช้วัสดุฝาหลัง Vegan leather นั้น จะให้ความรู้สึกอุ่น ไม่เย็น ไม่แข็ง และไม่มีความชื้นหรือคราบมันของเหงื่อที่จะเกิดเป็นรอยบนฝาหลังตัวเครื่อง
ด้วยโทนสีและรูปทรง ดูจะเหมาะกับคนที่เป็นวัยรุ่นและต้องการจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสักหน่อย ดูเป็นสากล เข้ากันกับการเดินทางหรือใช้ในที่สาธารณะครับ แตกต่างและแปลกตาดีทีเดียว
ประสิทธิภาพใช้งาน เร็วเต็มสปีดด้วยเกียร์ “GT Mode”
realme GT Master Edition ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 778G 5G เทคโนโลยีการผลิตขนาด 6nm ตัวนี้แรงระดับบนๆ ครับ และประหยัดพลังงานได้ดีด้วย ให้แรมมา 8 GB พร้อมระบบขยายแรมได้อีก 5GB ซึ่งเป็นระบบพิเศษที่นำหน่วยความจำเครื่องที่ยังไม่ได้ใช้งานมาทำเป็นแรมเสริม เผื่อในกรณีที่เครื่องต้องการแรมเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อมในการใช้งาน มากับหน่วยความจำสองขนาด 128 GB และขนาด 256 GB
รันด้วยระบบ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 ปรับแต่งได้เยอะครับ รองรับทั้งการปรับด้านความสวยงาม การอำนวยความสะดวก และการปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
realme UI 2.0 มีตัวเลือกในการปรับแต่งได้แบบเปลี่ยนทั้งธีม ซึ่งมีธีมสโตร์ให้เข้าไปดาวน์โหลดมาใช้ หรือจะเปลี่ยนปรับชุดไอคอน ก็สามารถเข้าไปปรับรูปแบบ ขนาด และขนาดของชื่อแอพบนตัวไอคอน ปรับได้เยอะมากครับใน UI ตัวนี้
ปรับแต่งอนิเมชั่นสแกนลายนิ้วมือได้เอง มีสวยๆ ให้เลือกใช้เป็นสิบแบบ พร้อมการปรับแสงไฟรอบจอให้แสดงขึ้นมาเพื่อใช้ในการแจ้งเตือนได้ด้วยครับ
“หน้าจอเปิดตลอด” เป็นหน้าจอพิเศษที่ใช้ดูการติดต่อที่เข้ามา ใช้ดูวันที่และเวลา เห็นได้แม้จะยังไม่ปลดล็อคเครื่องครับ เราสามารถปรับแต่งได้จากชุดตัวเลือกที่มีอยู่ให้มากมาย เลือกลายสวยๆ และออกแบบได้เอง
UI ของ realme GT Master Edition มีความลื่นไหลมาก ไม่ใช่แค่เรื่องของระบบที่พัฒนามาล่าสุด แต่รวมถึงสเปคเครื่องของรุ่นนี้ด้วยครับ ถือว่าแรงในระดับสูงแล้วของระบบ การใช้งานลื่นไหลมาก และผมขอแนะนำให้ไปเปิดฟังก์ชั่นเพิ่มความลื่นไหลในเมนู realme Lap เพิ่มเติมกันด้วยนะครับ ^^ เป็นเมนูที่จะเปิดใช้งานฟังก์ชั่นใหม่ๆ แปลกๆ ที่ทาง R&D ของ realme ปล่อยมาให้ลองใช้งานกันก่อนจะเปิดตัวเวอร์ชั่นเต็มอย่างเป็นทางการ และตัว “หน้าจอที่ราบลื่น” ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งผมแนะนำให้เปิดจะพบว่าการเคลื่อนไหวของ UI มีความนุ่มนวลและตอบสนองได้ดีมากขึ้นไปอีกครับ
แต่ความพิเศษของ realme GT Master Edition คือ “GT Mode” ครับ มันเป็นการปลดล็อกประสิทธิภาพเครื่องให้เปิดในระดับสูงสุด ซึ่งโดยปกติระบบมักจะถนอมทรัพยากรและอั้นประสิทธิภาพเครื่องเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อควบคุมความร้อน ควบคุมการใช้พลังงานแบตเตอรี่ แต่สำหรับ GT Mode คือการยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดทิ้งไป และปล่อยให้เครื่องทำงานอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ realme ใส่เอาไว้ภายในเครื่อง คือระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ซึ่งเหมือนกับรุ่นเรือธงของ realme GT ที่ออกมาก่อนหน้านี้ มันช่วยให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ความร้อนเครื่องไม่ขึ้นสูงจนน่าเป็นกังวลครับ จากที่ทดสอบการใช้งานต่อเนื่องนานๆ ตัวเครื่องมีความร้อนคงที่ครับ ไม่มีปัญหาค้าง แลคช้า หรือรีสตาร์ทใดๆ ใช้งานในโหมด GT ได้นานเท่าที่ต้องการ อาจจะส่งผลกับแบตเตอรี่พลังงานไปบ้าง แต่ก็ยังใช้งานได้นานกว่า 6 ชั่วโมงครับสำหรับการเล่นเกมหรือดูหนังต่อเนื่อง
เราสามารถปรับระดับค่ารีเฟรชเรทของหน้าจอได้เองเพื่อการประหยัดแบต แต่ผมแนะนำว่าเปิดโหมดอัตโนมัติไว้ให้เครื่องปรับให้เองตามความเหมาะสมกับแอพที่ใช้งาน หรือถ้ามีจังหวะชาร์จไฟได้ก็เปิดให้สุดครับ มีของดีก็ใช้งานไปให้เต็มที่ ยืดอายุแบตได้ต่างกันไม่มากนัก และที่สำคัญมันรองรับระบบชาร์จไว มีเวลาแวะเสียบชาร์จแพร่บเดียว แบตก็กลับมาเต็มแล้วครับ
ประสิทธิภาพเครื่องผ่านสบาย หน้าจอภาพสวย แสงสว่างสดใส เห็นความคมชัดของภาพในเกณฑ์ดีครับ และขอบจอเล็กกล้องหน้าเล็ก ใช้งานได้เต็มพื้นที่ไม่เกะกะรำคาญตาเวลาใช้รับชมคลิปหรือภาพยนตร์
ด้านการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ ก็จะมีบริการเกมสโตร์และแอพสโตร์ ที่คัดสรรมาให้จาก realme รวมถึงบริการคลาวด์ที่ไว้ใช้สำรองข้อมูลของเราเอาไว้แบบออนไลน์ ในกรณีเครื่องเสียหรือสูญหาย ก็ยังเอาข้อมูลเหล่านั้นกลับมาใช้ในเครื่องใหม่ได้ ผ่านบริการคลาวด์ครับ
มี “โหมดเกม” สำหรับปรับโปรไฟล์ความจริงจังในการเล่นเกมของผู้ใช้ ถ้าต้องการเล่นเกมเบาๆ ประหยัดแบตไม่ได้จริงจังก็เปิดโหมดประหยัดพลังงาน หรือถ้าเล่นจริงจังไม่อยากให้ใครรบกวนขณะเล่นเกม ก็เปิดโหมดการแข่งขัน ระบบก็จะปิดกั้นและปรับการแจ้งเตือนไม่ให้รบกวนหรือขัดจังหวะในการเล่นเกมของเรา
ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพนั้น ผมว่า GT Mode ให้ผลลัพท์ที่ชัดกว่า และใช้งานง่ายกว่าโหมดเกมครับ ถ้าต้องเร่งประสิทธิภาพเครื่องให้สูงสุดก็เปิด GT Mode ถ้าต้องการใช้งานปกติก็ปิดโหมด เป็นระบบเกียร์ที่ใช้งานง่ายมากๆ ทดแทนฟังก์ชั่นอื่นๆ ในเรื่องของประสิทธิภาพกับพลังงานได้เยอะเลยครับ
นอกจากนั้น realme UI 2.0 ยังรองรับการทำงานแบบซ้อนกันสองแอพพลิเคชั่น สามารถเปิดแอพซ้อนแอพขึ้นมาเป็น Pop-Up หรือจะแบ่งหน้าจอทำงานสองแอพพร้อมกันก็ทำได้ครับ สะดวกมากเวลาอยากเล่นเกมและก็ดูหนังไปด้วยพร้อมกัน ^^ ประสิทธิภาพเครื่องทำงานสองแอพพร้อมกันได้เต็มที่แบบเหลือๆ ครับ
ในระบบ realme UI 2.0 ยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Windows ผ่านโปรแกรม PC Connect ด้วยนะครับ เชื่อมต่อแบบไร้สาย ผ่านการเชื่อมสัญญาณ WiFi วงเดียวกัน
เราสามารถให้หน้าจอสมาร์ทโฟนของเรา ไปแสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คได้ครับ และสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านเมาส์และคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่ได้โดยตรง
เราสามารถเรียกใช้งานแอพมือถือ เกมบนมือถือ หรือจะโอนย้ายไฟล์เข้าออกก็ลากเข้าลากออกจากโปรแกรมบน Windows ได้โดยตรง โดยที่สมาร์ทโฟนของเราไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าจอเอาไว้ในขณะใช้การเชื่อมต่อด้วยนะครับ
กล้องถ่ายภาพ 64 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
ให้กล้องหลักความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับเลนส์มุมกว้าง Ultra-wide 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการซูมภาพตั้งแต่ 0.6X ไปจนถึงซูมดิจิทัล 20x มี AI คอยช่วยตรวจจับซีนที่ถ่าย และปรับแนวแสงและสีภาพให้เหมาะสมสวยงามครับ พร้อมเลนส์ macro จับระยะวัตถุได้ใกล้ 4 เซนติเมตรในโหมดมาโคร
realme GT Master Edition มีโหมดถ่ายภาพบุคคลที่ใช้สนุกนะครับ มาพร้อมฟิลเตอร์สีสันหลายอารมณ์ และสามารถเล่นกับโหมดหน้าชัดหลังเบลอ โดยการปรับเปลี่ยนฉากหลังได้หลากหลายแบบ
ตัวอย่างภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถใส่ฟิลเตอร์โทนสีต่างๆ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ภาพได้ ^^
ลูกเล่นการสร้างโบเก้ฉากหลังให้เป็นแบบไดนามิก เลียนแบบภาพที่กำลังถ่ายสิ่งที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็ว
โหมดเบลอฉากหลังบุคคลให้กลายเป็นสีขาวดำ เหลือไว้แต่แบบให้สีสันโดดเด่นขึ้นมา
และโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่จะเพิ่มความเด่นของโบเก้ฉากหลัง ให้กลมโตสวยกว่าความเป็นจริง ^^ เอฟเฟ็กต์อันนี้ดูสวยมากครับ
realme GT Master Edition ยังมีโหมดถ่ายภาพแนวสตรีท ที่ได้จำลองเอฟเฟกต์สีและแนวแสงจากฟิล์มของ Kodak แบรนด์เก่าแก่ด้านการถ่ายภาพที่มีสไตล์ของตัวเอง มาสร้างภาพแบบ Street filter ที่สามารถถ่ายออกมาได้เป็นไฟล์ RAW มีฟิลเตอร์ภาพสีขาวดำแบบพิเศษ พร้อมฟังก์ชั่น DIS Snapshot ที่จะช่วยให้เราถ่ายภาพได้คมชัดง่ายมากขึ้นแม้มือเราอาจจะมีการสั่นในขณะถ่ายภาพครับ
กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับ AI Beauty ปรับแต่งความสวยงามของใบหน้าให้เนียนสวยได้โดยอัตโนมัติ หรือจะปรับเองทีละส่วนก็ได้นะครับ เพราะ AI แยกออกว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหนของใบหน้าเรา ใช้เซ็นเซอร์คุณภาพดีทีเดียว Sony IMX615 ภาพกล้องหน้าออกมาดูดีมากครับ
สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยกล้องหน้าตัวเดียว ทั้งแบบภาพนิ่งและวีดีโอ สามารถตัดฉากหลังในกลายเป็นสีขาวดำเหมือนกล้องหลังก็ได้ด้วยเช่นกัน ^^ ความฉลาดของซอฟท์แวร์กล้อง realme ไม่แพ้ใครหน้าไหน
ในการถ่ายภาพกลางคืน ก็มีโหมดกลางคืนรองรับ คุณภาพซอฟท์แวร์ทำมาได้ดีเช่นเดิมครับ สมาร์ทโฟนของ realme เป็นแบรนด์ที่เด่นในเรื่องการถ่ายกลางคืนนะครับ เพราะว่าเป็นแบรนด์ที่ใส่โหมดนี้ให้ตั้งแต่รุ่นใหญ่ไปจนถึงรุ่นเล็กเป็นแบรนด์แรกๆ เลยครับ
กล้องกลางคืนรองรับการถ่ายเซลฟี่ในตอนแสงน้อยเช่นกัน ยังคมรายละเอียดและลดนอยส์ของภาพเซลฟี่ได้ดี แม้สภาพแสงตอนที่ถ่ายค่อนข้างมืดมากเลยครับ
สรุปท้ายรีวิว
realme GT Master Edition เป็นสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นที่ใส่มาครบ ความแรงจาก Snapdragon 778G 5G พร้อม RAM 8GB ที่ขยายแรมได้อีก 5GB สามารถใช้งานได้เต็มที่ในทุกด้าน และ หน้าจอ Super AMOLED 120Hz ภาพสวยรีเฟรชเรทสูง มีเทคโนโลยีชาร์จไว 65W SuperDart Charge การชาร์จที่เร็วและปลอดภัยเกรดเครื่องเรือธง
ตัวเครื่องใช้วัสดุดี งานดีไซน์ดูภูมิฐานครับ ก็เป็นรุ่นที่ให้คุณภาพครบทั้งภายในภายนอก โดยราคาจำหน่ายเปิดตัวของ realme GT Master Edition อยู่ที่ 13,990 บาท สำหรับรุ่นความจุ RAM 8+128 GB ( รุ่น RAM 8+256 GB 15,990 บาท)