เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ realme GT Neo2 5G ประกาศราคาออกมาไม่มีคำว่าผิดหวังกับเครื่องสเปคระดับเรือธงที่เปิดราคามาแค่ 13,999 บาท รุ่นนี้มีอะไรเด็ดๆ อยู่มากมายเลยครับ เทคโนโลยีใหม่ๆ และมาตรฐานที่สูงทั้งสเปคภายใน และงานผลิตตัวเครื่องภายนอกด้วยครับ
realme GT Neo 2 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ในหลายด้าน ไล่ตั้งแต่หน้าจอแสดงผลมาในมาตรฐานใหม่ E4 AMOLED เป็นเทคโนโลยีจอที่ให้ความสว่างที่สูงขึ้น คมชัดกว่าเมื่อเทียบกับ E3 AMOLED ที่เป็นมาตรฐานเดิมในตลาด นับเป็นรุ่นแรกในสมาร์ตโฟนในกลุ่มราคาเดียวกันที่ให้จอมาตรฐานระดับนี้มาให้ครับ
คุณภาพการแสดงผลรองรับ HDR 10+ ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1300nit มีค่า Contrast Ratio ในระดับ 5,000,000:1 เลยทีเดียว และเป็นจอที่มีอัตรา Refresh Rate 120Hz พร้อมด้วย Touch Sampling Rate 600Hz สูงมากๆ ครับ รองรับการทัชได้ 600 ครั้งใน 1 วินาทีเลยทีเดียว เป็นจอที่จะให้ประสบการณ์การเล่นเกมได้เต็มที่ ทั้งการแสดงผลและความไวการตอบสนองต่อการทัชสั่งงานเลยครับ
หน้าจอของ realme GT Neo 2 5G จะมีความจัดเจนคมชัดของภาพสูงมาก คุณภาพของ E4 AMOLED ให้ภาพที่ดีขึ้น และยังประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย เพราะจอเทคโนโลยีใหม่นี้ลดการใช้พลังงานไปจากมาตรฐานเดิมกว่า 15% เลยครับ
ขนาดจอใหญ่ 6.62 นิ้ว FullHD+ ขอบจอเล็ก สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูง 92.6% ฝังกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้าและการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเข้าใช้งานได้โดยตรง
ไม่ได้มีดีแค่ด้านจอภาพ แต่ระบบเสียงก็ให้มาจัดเต็มด้วย เป็นลำโพงคู่เสียงดี เสียงดังมีมิติ รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos ใช้งานดูหนัง เล่นเกม ฟังเพลงไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่มภายนอกก็ได้ครับ
จะเห็นว่าการออกแบบตัวเครื่องรุ่นนี้ เห็นเครื่องแล้วต้องสะดุดตา การออกแบบจากแบรนด์วัยรุ่นกล้าคิดกล้าทำ เลือกใช้งานดีไซน์ที่แตกต่าง ที่เห็นในรีวิวนี้คือเครื่องสี NEO Green ครับ วางเลเอาท์ตัดดำกับตราโลโก้สีดำเงา นิยามของรุ่นคือ “ความลงตัวระหว่างโลกของดิจิทัลและความเป็นธรรมชาติ”
งานออกแบบรุ่นนี้มาจากดีไซน์เนอร์ของ realme Design Studio ต้องการใช้สีที่สื่อถึงความมีชีวิตชีวาของสีเขียวธรรมชาติ และนำมาตัดกับเส้นสีดำผสมผสานความเป็นดิจิทัลและธรรมชาติเข้าด้วยกัน ผลิตด้วยเทคโนโลยีขัดและเคลือบนาโนถึง 7 ชั้น ผิวสัมผัสละมุนมือ ทนทานต่อการรอยขีดข่วน และยังไม่เกิดครอบรอยนิ้วมือใดๆ ขึ้นมาในการใช้งานด้วยครับ เข้าไทยมาพร้อมกันสองสี นอกจาก Neo Green แล้ว ก็จะมีสีฟ้า Neo Blue ออกมาจำหน่ายครับ
ตัวเครื่องบางเพราะขอบเครื่องโค้ง บางแค่ 8.6 มิลลิมเตร และเบา 200 กรัม แต่ภายในใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh มาให้ครับ และมากับระบบชาร์จไว 65W SuperDart Charge เทคโนโลยีนี้สามารถชาร์จแบตขนาด 5,000 mAh ได้เต็ม 100% ภายใน 36 นาที และมีความปลอดภัยสูง ไม่มีความร้อนสะสมด้วยครับ
ในเรื่องระบบระบายความร้อน ตัวนี้ก็รุ่นท็อปเช่นกัน แม้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แต่เจ้า realme GT Neo 2 5Gมีระบบระบายความร้อนขั้นเทพ ภายในใส่ชุดระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapor Cooling Plus ซึ่งเป็นแผงระบบความร้อนขนาดใหญ่ที่ใช้วัสดุผสมระหว่างแผ่นโลหะและทองแดง เพิ่มความแข็งแรงแต่ยังระบายความร้อนได้ดีเช่นเดิม
และยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่เลือกใช้ซิลิโคนชนิด Diamond Thermal หรือซิลิโคนเกรดสูงที่มีส่วนผสมของอนุภาคเพชร แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นสักหน่อยแต่ให้คุณสมบัติส่งผ่านความร้อนได้ดีกว่า เพราะการที่เครื่องไม่ร้อนสะสมมันจะส่งผลดีทั้งในการใช้งานระยะสั้นและอายุเครื่องในระยะยาวของผู้ใช้ครับ ชิปเซ็ตรุ่นใหม่มีความเร็วการประมวลผลที่สูง มักจะเกิดความร้อนได้ง่าย มันส่งผลให้เกิดภาวะเสื่อมในระยะยาว และในระยะสั้นก็คือการที่ระบบมันจะลดการทำงานของตัวเองลงเมื่อตรวจพบความร้อนที่สูงถึงเกณฑ์ที่กำหนด
เครื่องร้อนเร็วก็ใช้งานได้ไม่เต็มที่ ร้อนบ่อยก็เสื่อมไวใช้งานได้ไม่นาน ถ้ามีระบบระบายความร้อนที่คุมอุณหภูมิได้ดีก็จะใช้งานได้เต็มที่กันได้ยาวนานขึ้นนั้นเองครับ
เชื่อมต่อสัญญาณไร้สายรองรับ 5G ทั้งสองซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ด้วย
จะเห็นว่า realme GT Neo 2 5G ใส่ใจตั้งแต่ภายนอกครับ วัสดุเกรดดี งานผลิตระดับสูง ตัวเครื่องบาง สวยงาม และแกร่งการประกอบแน่นหนา ใช้หน้าจอระดับสูงและลำโพงก็ด้วยเช่นกัน รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอโดยตรงไม่ได้เอาออกไปไหน ไม่มีอะไรที่เขาลดต้นทุนไปจากเครื่องเรือธงตัวพรีเมี่ยมเลยครับ จัดมาให้เต็มๆ
เครื่องสวยดูมีเกรด ไม่ดูเป็นเครื่องแบบเด็กๆ งานประกอบแน่นมากบีบจับได้เต็มมือครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีที่ชาร์จ 65W SuperDart Charge พร้อมสาย USB Type C และเคสซิลิโคนมาให้ แต่จะไม่มีชุดหูฟังแถมมาในกล่องนะครับรุ่นนี้
การใช้งานภายใน
realme ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 870 5G ซึ่งถือเป็นรุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูง และใช้หน่วยความจำเทคโนโลยีเร็วสุดตอนนี้ UFS 3.1 ขนาดพื้นที่จัดเก็บใหญ่ครับ 256GB และก็ให้ RAM มาขนาดใหญ่มากๆ 12GB ขนาดแรมก็ใหญ่อยู่แล้วแต่ยังจะมีความสามารถ Extra Virtual RAM หรือการขยายขนาดแรมขึ้นไปได้อีก ด้วยพื้นที่หน่วยความจำที่เรายังไม่ได้ใช้งาน สามารถเพิ่มเข้าไปได้อีก 7GB เมื่อรวมกับแรมพื้นฐาน 12GB ก็ใช้งานกันเต็มที่ไปเลย กับขนาดแรม 12+7GB เยอะขนาดนี้เหมือนวิ่งบนทางด่วนที่ไม่มีคนนั้นแหละครับ เหลือกินเหลือใช้
ระบบภายในใช้ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 โดยสมาร์ทโฟนใน GT Series ก็จะมีฟังก์ชั่น GT Mode มาให้ครับ เป็นเหมือนระบบเกียร์พิเศษที่แค่กดเปิด ปิด แค่ครั้งเดียว ตัวเครื่องก็จะปลดปล่อยพลัง GT แบบเต็มพิกัด โดยในรุ่นนี้ใช้เวอร์ชั่นใหม่ เป็น GT Mode 2.0 ทันทีที่เปิดตัวระบบจะทำการเพิ่มพลังให้ CPU และเพิ่มค่า Refresh Rate และ Sampling Rate ของหน้าจอขึ้นไปในระดับสูงสุด พร้อมเปิดเอฟเฟ็กต์เสียงและระบบการสั่นให้รองรับกับการใช้งานเต็มที่ในทันที
เป็นโหมดที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานหรือการเล่นเกมในระดับสูงสุดแก่ผู้ใช้ในรูปแบบ “คลิ๊กเดียวเพื่อเปิด” และ “คลิ๊กเดียวเพื่อปิด” จะได้เป็นการประหยัดพลังงานโดยผู้ใช้ไม่ต้องไปไล่กดเปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆ ในเครื่องเองให้เสียเวลา
เพราะโดยปกติสมาร์ทโฟนมักจะมีการใส่โหมดถนอมพลังงานเพื่อยืดอายุของแบตเตอรี่ไว้ให้เราเพียงอย่างเดียว ซึ่งใน realme GT Neo 2 5G ก็มีเช่นกันครับสำหรับโหมดถนอมพลังงาน สามารถยืดอายุแบตที่เหลือเพียง 5% ให้ใช้งานคุยสนทนาหรือแชตข้อความได้อีกเป็นชั่วโมงๆ แต่ในรุ่นนี้มีเมนูเรื่องของการจัดการแบตเตอรี่ ที่เพิ่ม GT Mode 2.0 ซึ่งเป็นโหมดที่สวนทาง เพราะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่สนใจการเสียพลังงาน เพื่อการใช้งานที่ต้องการความไวมากขึ้นนั้นเองครับ
ในด้านความแรงรองรับการเล่นเกมแบบจริงจังได้เต็มที่ มีระบบ Game Space ช่วยเหลือให้เราสามารถเล่นเกมโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ ปิดกั้นการแจ้งเตือนและปรับระดับการตอบสนองในการสั่งงานให้อยู่ในระดับสูงสุดได้ทันทีครับ
แรงเกินที่จะเล่นแค่เกมเดียว CPU ระดับนี้ กับแรมขนาดมโหฬาร เปิดเล่นมันสองเกมพร้อมกัน หรือเล่นไปเปิดแอพพลิเคชั่นดูหนัง แชตกับเพื่อนไปพร้อมกัน ก็ยังลื่นๆ เลยครับ ไม่มีสะดุดหรือสะอึกให้เห็นแม้แต่นิดเดียว
รองรับการทำงานทั้งแบ่งหน้าจอ และแบบเป็นหน้าต่างป๊อบอัพ จอใหญ่ เล่นได้เต็มตาและเปิดได้สองแอพก็ยังไม่อึดอัดครับ
ประสิทธิภาพสูงครับจากที่ทดสอบใช้งาน ทำงานได้ไว ตอบสนองได้เร็วมาก ออกแบบมาพร้อมใช้งานด้านความบันเทิงกันเต็มที่ด้วย เพราะมีหน้าจอที่ใหญ่ สีสันภาพสวย แสงสว่างดี หน้าจอเทคโนโลยีสูงรองรับ HDR 10+ ให้ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos เสียงดังฟังชัดเจน คุณภาพเสียงมีมิติ เป็นมาตรญฐานของเครื่องระดับเรือธงแบบเต็มตัว
การปรับแต่งการแสดงผลของหน้าจอ มีฟังก์ชั่นในการเพิ่มความสวยงามของภาพได้มากขึ้นใน Ultra Vision Engine เป็นซอฟท์แวร์ที่ช่วยเพิ่มความละเอียดของภาพ และการปรับภาพจากมาตรฐาน SDR ให้เป็น HDR เพื่อเห็นรายละเอียดในส่วนมืดและส่วนสว่างแสงจ้าได้มากขึ้น
เราสามารถเลือกมาตรฐานสีของจอแสดงผลรุ่นนี้ได้ด้วยนะครับ อยากใช้งานแบบมาตรฐาน sRGB ที่นิยมกันโดยทั่วไป หรือจะเป็นมาตรฐาน P3 ที่สีจะชัดเจนและเป็นมาตรฐานของงานภาพยนตร์ เหมาะสำหรับคนชอบดูหนัง ดูคลิป ที่มีสีสันเข้มข้นครับ
ปรับความเหมาะสมของภาพ เลือกใช้รีเฟรชเรทได้ระหว่าง 60Hz เพื่อการประหยัดพลังงาน และระดับ 120Hz เพื่อภาพที่สมูธสายตา หรือจะเปิดให้ระบบเป็นผู้กำหนดอัตโนมัติก็ได้เช่นกันครับ โดยเมื่อเราเปิดใช้งานแอพหรือเกมที่รองรับกับรีเฟรชเรทระดับสูงกว่ามาตรฐาน 60Hz ตัวระบบจะทำการเพิ่มระดับรีเฟรชเรทให้เหมาะสมได้ด้วยตัวมันเอง ก็จะเป็นการประหยัดพลังงานและได้คุณภาพในการใช้งานแบบเต็มที่ที่สุดไปคู่กันครับ
หน้าจอถนอมสายตา ลดแสงสีฟ้า และสามารถปรับหน้าจอให้กลายเป็นโทนสีขาวดำให้คล้ายกระดาษ เพื่อการใช้งานอ่านหนังสือหรือมองหน้าจอต่อเนื่องในระยะเวลานานๆ ครับ
จอแสดงผลรุ่นนี้สามารถแสดงผลได้ตลอดเวลาแม้จะล็อคหน้าจออยู่นะครับ เลือกรูปแบบได้หลายรูปแบบมาก สวยๆ ทั้งนั้น เราสามารถตั้งค่าเปิดไว้เพื่อให้หน้าจอล็อคสามารถบอกวันที่ เวลา และไอคอนแอพที่มีการแจ้งเตือนเข้ามาโดยที่ไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอก่อนครับ
จากที่ทดสอบใช้งานมา ระบบระบายความร้อนเอาอยู่ ไม่มีความร้อนสะสมให้รู้สึกน่ากังวลในขณะใช้ แม้จะเล่นเกมต่อเนื่องนานๆ ความร้อนจากเครื่องก็แทบไม่ต่างไปจากปกติ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh ใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่า 8 ชั่วโมงเมื่อเปิดหน้าจอต่อเนื่องที่ความสว่างประมาณ 45% ถือว่าอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนแบตอึดครับ ถ้าวันไหนใช้ทำงานทั่วๆ ไปก็อยู่ได้เต็มวันสบายครับ การจัดสรรแบตเตอรี่ทำได้ดี
ด้วยเพราะมีระบบชาร์จไวไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเท่าไหร่ครับ เพราะทดสอบการชาร์จแล้วได้ความเร็วตามที่เขาโฆษณาเลยครับ เสียบชาร์จแบตกับที่ชาร์จ 65W SuperDart Charge ที่แถมมาให้ในกล่อง แค่ 30 นาทีแบตก็เกือบเต็ม 100% แล้วครับ และแน่นอนว่าไม่มีความร้อนสะสมในการชาร์จแบตด้วยเช่นกัน ใช้งานได้รู้สึกปลอดภัย แม้จะชาร์จทิ้งไว้ตอนเล่นเกมครับ
การเชื่อมต่อสัญญาณต่างๆ ทำได้ไว รองรับ 5G ทั้งสองสล็อตซิม และรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ WiFi 6 และตรวจจับตำแหน่งได้ไวเช่นกันครับ จับตำแหน่งได้โดยไม่ต้องเปิดเน็ตช่วยก็ยังทำได้ไว
กล้องถ่ายภาพ
กล้องของ realme GT Neo 2 5G มาในฟังก์ชั่นใหม่น่าสนใจสำหรับสายกล้องแน่นอนครับ โดยเฉพาะคนชอบแนวภาพแบบ “สตรีท” ^^ โดยให้กล้องหลังตัวหลัก AI ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ทำงานกับเลนส์มุมกว้าง 119 องศาอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเลนส์มาโครระยะโฟกัสใกล้ 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่ายภาพแบบจ่อใกล้ๆ วัตถุ
รองรับการถ่ายได้ตั้งแต่ระยะ 4 เซนติเมตรไปจนถึงการซูมดิจิทัล 20x และสามารถถ่ายภาพมาเป็นไฟล์ RAW ได้ครับ เป็นนามสกุล .DNG
มี AI คอยตรวจจับซีนที่ถ่ายเพื่อปรับแต่งแสงและโทนฉากให้เข้ากับสิ่งที่ถ่ายได้โดยอัตโนมัติ ทำงานคู่กับ HDR เพื่อเพิ่มรายละเอียดในกรณีกล้องตรวจจับเจอการถ่ายย้อนแสง กล้องช่วยผู้ถ่ายได้มากครับ และคุณภาพกล้องหวังผลลัพท์ได้เลย คุณภาพกล้องดีมาก โฟกัสได้ไว สีสันแจ่มๆ ครับ
มีฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเยอะด้วยครับในรุ่นนี้ โดยเฉพาะ Street Photography Mode ที่เป็นฟิลเตอร์คู่สีนิยม ที่จะช่วยให้เก็บภาพแนวสตรีทในชีวิตประจำวันได้ในสีสันสวยแปลกตามากขึ้นครับ มีให้เลือกเยอะหลากหลายแนวฟิลเตอร์มากครับ
ได้ภาพที่แต่งโทนสีแปลกตามาพร้อมใช้ ทำงานจบตั้งแต่ถ่ายเสร็จหลังกล้องครับ ^^ เป็นความสามารถของโหมดสตรีท หรือในเมนูภาษาไทยชื่อ “ท้องถนน”
ภาพถ่ายบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ ก็ยังคงความยอดเยี่ยมในคุณภาพ และมีฟังก์ชั่นของสมาร์ทโฟนตัวเรือธงของแบรนด์ realme มาให้ครบครับ ทั้งการตัดสีฉากหลังของแบบออกไป จับโฟกัสหาคนได้แม่นๆ เลย
ด้วยการเบลอฉากหลังด้วยการตัดสีสัน นางแบบก็จะเด่นขึ้นมามากๆ เลยครับ
หรือจะเพิ่มความชัดเจนของโบเก้ฉากหลังให้เด่นมากขึ้นกว่าปกติกล้องสมาร์ทโฟนจะทำได้ เป็นการเลียนแบบโบเก้กล้องโปรได้ออกมาสวยๆ เลยครับ ทำออกมาได้ดีและรองรับทั้งภาพกลางวันและกลางคืน
ภาพก่อนถ่าย
ผลลัทพ์ที่ได้จากการถ่ายภาพบุคคลด้วยการเพิ่มแฟล์ฉากหลัง สวยงามเลยครับ
มีเอฟเฟ็ตละลายฉากหลังเหมือนเป็นเส้นสปีด ลักษณะนี้ก็แปลกตาดีทีเดียว
การถ่ายวีดีโอก็มีความสามารถครบด้วย มีโหมดภาพยนตร์ในการถ่ายภาพสัดส่วนแบบ 21:9 และมีโหมดกันสั่นมาให้ พร้อมรองรับการถ่ายภาพบุคคลที่เล่นกับฉากหลังได้เช่นกัน ทั้งการทำหน้าชัดหลังเบลอในการถ่ายวีดีโอได้แบบเรียลไทม์ และการเล่นกับสีด้วยการตัดสีฉากหลังออกไปให้เหลือแต่สีที่เราเลือกได้แบบเรียลไทม์ในวีดีโอได้ด้วยครับ
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ถ่ายเซลฟี่โบเก้ละลายฉากหลังได้เหมือนกล้องหลังครับ มีฟิลเตอร์เปลี่ยนอารมณ์ของภาพและระบบบิวตี้ปรับใบหน้าเนียนใส พร้อมปรับโครงหน้าได้ละเอียดได้แทบทุกอวัยวะ เรียกว่าครบองค์ประกอบของกล้องหน้าสำหรับหนุ่มสาวสมัยนี้ครบเลย ^^
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าในหลายสภาพแสง
เราสามารถใช้กล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกันในโหมดการถ่ายวีดีโอคู่ อาจจะใช้ในการรีวิวสถานที่ หรือสินค้า โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลกล้องคู่ได้หลายแบบครับ
กล้องของ realme GT Neo 2 5G ไม่กลัวกลางคืนเลย เพราะมีโหมดถ่ายภาพกลางคืน และฟิลเตอร์สีสันที่จะทำงานในโหมดกลางคืนโดยเฉพาะด้วยครับ ถ่ายกลางคืนยังได้ภาพคมพอสมควร โดยใช้แค่มือเปล่าถือถ่ายเท่านั้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดต่างๆ ของ realme GT Neo 2 5G
สรุปท้ายรีวิว
สเปคสูงหน้าตาดี ประสิทธิภาพการใช้งานอยู่ในระดับเรือธงของสมาร์ทโฟน Android หน้าจอสวยใช้เทคโนโลยีใหม่ E4 AMOLED 120Hz จอใหญ่ ลำโพงคู่ ใช้ฟังเพลงดูหนังเล่นเกม เหมาะสมมากทั้งการแสดงผล ระบบเสียง และประสิทธิภาพการประมวลผล ครบครับ
ไม่ได้มีดีแค่ความแรงของสเปค แต่ใส่ใจตัวเครื่องภายนอกด้วย ออกแบบตัวเครื่องได้สวย งานประกอบดี บางและแข็งแกร่ง สีสันสดใสให้ความแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร ผิวสัมผัสด้านไม่มีรอยนิ้วมือ ทนทานต่อการขีดข่วน สวยมากครับโดยเฉพาะสี Neo Green น่าจะเป็นสีเด่นของรุ่นนี้
ครบเครื่องราคาดีครับ realme GT Neo 2 5G เปิดจำหน่ายในราคา 13,990 บาท มีให้เลือกสีด้วยกัน NEO GREEN และ NEO BLUE
โดยมีโปรโมชั่นพิเศษ เปิดจำหน่ายวันแรก ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 กับแคมเปญ 11.11 realme MEGA SALES ในราคาพิเศษเพียง 12,990 บาท ที่ realme official store บนช่องทาง E-commerce เท่านั้นครับ
ทาง realme มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาหลายตัวพร้อมกันกับ realme GT Neo 2 ด้วยนะครับ ทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กสเปคดีอย่าง realme narzo 50i และเครื่องฟิดอากาศซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์
รวมถึงหูฟัง realme Bud Air 2– Closer Green ที่มาพร้อมกับสีใหม่ Closer Green ออกแบบมาเข้ากันกับเครื่อง realme GT Neo 2 5G สี Neo Green เลยครับ สวยมาก ยิ่งเอามาใช้คู่กันแล้วยิ่งโคตรเท่ ^^
เปิดราคามา 2,499 บาท น้ำหนักตัวหูฟังต่อข้างเบาเพียง 4.1 กรัม รองรับระบบตัดเสียงรบกวน ให้พลังเสียงกระหึ่มสะใจ แบตเตอรี่ใช้งานร่วมกันกับตัวเคสใช้ได้นาน 25 ชั่วโมง มาตรฐานกันน้ำ IPX5 และสามารถใช้งานร่วมกันกับแอพ realme Link เพื่อตั้งค่าการทำงานของหูฟังได้เพิ่มเติมจากบนสมาร์ทโฟนครับ
ราคาจำหน่ายของ realme Bud Air 2– Closer Green ก็มีโปรสำหรับวางจำหน่ายวันแรกด้วยเช่นกัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 กับแคมเปญ 11.11 realme MEGA SALES ราคาพิเศษเพียง 1,699 บาท ที่ realme official store บนช่องทาง E-commerce เท่านั้น
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและราคาของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ realme ได้ที่ลิงก์นี้ครับ