Redmi 10 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 2.2GHz เพื่อการใช้งานที่รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G เปิดตัวมาในราคาเย้ายวนใจสำหรับวัยรุ่นอีกแล้วครับ ในราคา. …… มาดกันว่าภายใน จะมีอะไรอยู่บ้างครับ
Redmi 10 5G มาด้วยความน่าสนใจที่เป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่ม 5G แบบเต็มตัว แต่มาในเรทราคาระดับเริ่มต้นครับ รองรับการใช้งาน 5G แบบ Dual Sim สามารถเชื่อมต่อ 5G ทุกค่ายของไทยได้พร้อมกันทั้งสองซิมการ์ด เสียบซิมแล้วใช้งานได้เลย ให้ถาดใส่ซิมมาแบบสามสล็อต รองรับการใส่ micro SD Card ได้เพิ่มเติม
Redmi 10 5G ทำได้ดีกับราคาสำหรับสมาร์ทโฟน 5G และยังโดดเด่นด้วยการให้หน้าจอที่ดีมาด้วยครับ เป็นจอขนาดใหญ่ 6.58 นิ้ว Dot Drop 90Hz FHD+ ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 3 จอใหญ่ ความคมชัดดี รีเฟรชเรทสูงพอประมาณ ก็ดูจะเหมาะสมกับสายความบันเทิง ที่ชอบเล่นเกมหรือดูวีดีโอสตรีมมิ่งต่างๆ นะครับ
Redmi 10 5G มีการนำเข้ามาจำหน่ายสองตัวเลือก โดยมีรุ่น RAM 4GB+64GB และ RAM 6GB+128GB ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 5,999 บาท และ 7,299 บาท ตามลำดับครับ
ความพิเศษในด้าน RAM และ ROM ของ Redmi 10 5G คือ ความสามารถในการขยายแรมออกไปได้อีก 2GB จากหน่วยความจำที่ยังไม่ถูกใช้งาน และการเลือกใช้หน่วยความจำชนิด UFS 2.2 ที่มีความเร็วในการเขียนข้อมูลไวมากกว่า UFS 2.1 ที่เป็นมาตรฐานส่วนใหญ่ของสมาร์ทโฟนในเรทระดับกลางลงมายังใช้กันอยู่ ก็จะช่วยในการเพิ่มความเร็วเวลาโหลดไฟล์มาลงเครื่อง หรือติดตั้งแอพ ถือว่าเป็นการอัพเกรดเล็กๆ ที่ Redmi ใส่เข้ามาให้ในเครื่องรุ่นนี้ครับ
ตัวเครื่องฝาหลังโค้ง พื้นผิวสัมผัสด้านแบบผิวพลาสติกทำลวดลายเส้นโค้ง ตัวที่เห็นในรีวิวนี้คือสี Chrome Silver มีการนำเข้ามาสามสีร่วมกับสี Graphite Gray และ Aurora Green
ตัวเครื่องหนา 8.9 มม. น้ำหนัก 200 กรัม ใช้พอร์ทชาร์จแบบ USB Type C และมีรูหูฟัง 3.5มม. ลำโพงเสียงดังมากครับ เปิดดังสุดเสียงไม่แตก และเป็นรุ่นที่มี IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมทอินฟราเรดกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้เช่นเดิมครับ
แบตเตอรี่ภายในใส่มาให้ใหญ่ครับ 5,000mAh ทดสอบใช้งานมาอยู่ได้ทั้งวัน ตัวระบบจัดสรรพลังงานดีไม่กินแบตเตอรี่ เปิดหน้าจอใช้ต่อเนื่องจะใช้แบตเตอรี่ประมาณ 12% ต่อชั่วโมง รุ่นนี้รองรับระบบชาร์จไวด้วยครับ 18W fast charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ในเวลาประมาณ 35 นาทีครับ
ใช้ที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตรงปุ่มพาวเวอร์ ออกแบบมามีขนาดใหญ่ดีครับ สแกนได้ไวไม่มีปัญหา
กล้องหน้าความละเอียดไม่สูงมาก 5 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานด้วยกล้องหน้าได้เช่นกัน ส่วนกล้องหลังเป็นกล้องคู่ ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และเลนส์ depth 2 ล้านพิกเซล ตัวกล้องมี AI, HDR และโหมดถ่ายภาพสำคัญอย่างโหมดถ่ายภาพบุคคลที่ปรับชัดลึกชัดตื้นได้ และโหมดถ่ายภาพกลางคืนมีมาให้ใช้ครับ ตัวอย่างภาพถ่ายผมเอามาฝากกันในท้ายรีวิวนี้ด้วยครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีเคสใสซิลิโคนมาให้ เป็นเคสเนื้อหนาทำมาได้แน่นดีครับ และสายดาต้า USB Type C แล้วก็ที่ชาร์จแบบ 22.5W แถมมาให้ครับ เรียกว่าให้ที่ชาร์จมาเกินเบอร์ของสมาร์ทโฟนกันไปนิดหน่อย เสียบแล้วก็จะรองรับ MAX ของตัวสมาร์ทโฟนที่ 18W ครับ
การใช้งานภายใน
Redmi 10 5G รันด้วยระบบ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13 ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 2.2GHz เทคโนโลยีการผลิตระดับ 7 นาโนเมตร ทำงานร่วมกับ ROM ที่เป็น UFS 2.2 และ RAM ที่มาในสองขนาดตัวเลือก คือ 4GB และ 6GB ซึ่งในรีวิวนี้ทางผู้เขียนได้ลองใช้งานในเครื่องรุ่นขนาด 6GB นะครับ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ผู้เขียนขอแนะนำเช่นกัน เพราะราคาต่างกันไม่มาก
ตัวระบบมีความสามารถในการขยายแรมออกไปได้ได้อีก 2GB ด้วยสเปคระดับนี้ก็ถือว่าวงการสมาร์ทโฟนถูกยกระดับขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาด้วยชิปเซ็ต Dimensity 700 ก็ว่าได้ครับ มันมีความแรงมากพอตัวในการใช้งานบนระบบ Android อย่างเพียงพอ ทั้งการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม แม้อาจจะไม่แรงสุดเหมือนเครื่องรุ่นใหญ่
หน้าจอใหญ่คือจุดขายหลักครับ ความคมชัด FullHD+ รีเฟรชเรท 90Hz ถือว่าหน้าจอสเปคใช้ได้เลย เล่นเกมได้เต็มตา รับชมคลิปได้สบาย ภาพสวยๆ ครับรุ่นนี้ และนอกจากจะรองรับกับสัญญาณ 5G แล้ว ตัว Redmi 10 5G ก็รองรับสัญญาณ WiFi ทั้ง 2.4 และ 5.0GHz ด้วย ฉะนั้นการเชื่อมต่อใช้งานอินเตอร์เน็ตคล่องตัวทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ภายใน MIUI 13 มีตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับปริสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องได้สามระดับ แยกแตกต่างกันตามการใช้พลังงาน มีโหมดประหยัดพลังงาน โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพ เลือกปรับใช้งานได้ตามต้องการ
และโหมดประหยัดพลังงานระดับอัลตร้า ที่จะยืดอายุการทำงานของแบตเตอรี่ออกไปได้มากกว่าสามเท่าตัว โดยตัวระบบจะปิดการทำงานเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นออกไปทั้งหมด เหลือไว้แต่หน้าธีมสีดำที่จะแสดงเพียงไอคอนแอพที่เราเลือกเอาไว้เท่านั้น เป็นโหมดฉุกเฉินกันตายนั้นเองครับ
มีโหมดธีมสีดำ และหน้าจอแสดงผลสามารถปรับระดับรีเฟรชเรทพื้นฐานที่ใช้งานได้เอง ระหว่าง 60Hz และ 90Hz ปรับลดแสงสีฟ้าในโหมดถนอมสายตาได้ หรือปรับหน้าจอให้เป็นสีขาวดำแบบกระดาษก็ได้เช่นกันครับ สำหรับใครที่ต้องการจะใช้มือถืออ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ
โหมดสำหรับคนเล่นเกม Game Turbo ใช้เป็นพื้นที่ในการรวบรวมไอคอนเกมเพื่อเริ่มต้นการเล่น และเป็นการบอกเครื่องให้เตรียมพร้อมมากที่สุด
ทั้งการเร่งประสิทธิภาพเครื่องให้เป็นระดับสูงสุด การเร่งความเร็วสัญญาณไร้สาย และการปิดกันการทำงานบางอย่างที่จะเข้ามารบกวนเราในขณะเล่นเกมได้ เช่นการปิดแถบการแจ้งเตือน และปิดการปรับความสว่างอัตโนมัติของหน้าจอเป็นต้น เป็นการตั้งค่ากำหนดเอาไว้ล่วงหน้าให้ทำงานได้เองทันทีที่เราเปิดเกมครับ
ประสิทธิภาพใช้ได้ หน้าจอใหญ่ดี รองรับ 5G ด้วยราคาระดับนี้ถือว่าน่าใช้ทีเดียวครับ
กล้องถ่ายภาพ
Redmi 10 5G มาพร้อมกล้องหลังคู่ กล้องหลักเป็นกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับกล้อง depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยจับโฟกัสสร้างภาพละลายหลังในโหมดการภ่ายภาพบุคคล รองรับการซูมภาพแบบดิจิทัลสูงสุดที่ 10x ตัวกล้องมี AI และ HDR คอยปรับภาพให้ตามสิ่งและสภาพแสงที่ระบบตรวจพบ
แนวภาพของรุ่นนี้จะปรับออกมาให้แสงมีความสว่างมากกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย WB จะไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ครับ แต่ความคมชัดในแสงกลางวันยังถือว่าคมชัดดีใช้ได้ครับ
รุ่นนี้ตัวกล้องไม่มีฟังก์ชั่นหลากหลายมากนัก แต่มีฟังก์ชั่นหลักๆ เช่นการถ่ายภาพ 50 ล้านพิกเซล, พาโนรามา, โหมดถ่ายภาพกลางคืน และโหมดที่ดูจะทำได้ดีที่สุดคือโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอครับ โดยรองรับทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า แม้ Redmi 10 5G จะให้กล้องหน้าที่มีความละเอียดแค่ 5 ล้านพิกเซล แต่ผลลัพท์โอเคเลยครับ จากที่ทดสอบ ตัว AI สามารถแยกบุคคลออกจากฉากหลังได้มากกว่า 1 บุคคลครับ
สิ่งที่ดูจะขาดไปในโหมดถ่ายภาพบุคคล คือการปรับระดับความเนียนใสของใบหน้า รุ่นนี้ไม่มีการปรับระดับโหมดบิวตี้มาให้นะครับ ภาพก็จะออกมาในแนวดูเป็นธรรมชาติเป็นหลัก ผลลัพท์ของกล้องหน้าและโหมดถ่ายภาพบุคคลผมถือว่าดีครับ และสามารถถ่ายก่อนแล้วนำมาปรับระยะชัดลึกชัดตื้นได้ใหม่หลังการถ่าย เลือกจุดโฟกัสใหม่ได้ และมีฟิลเตอร์แสงแฟล์ให้เลือกตกแต่งภาพถ่ายไว้ให้ครับ
Redmi 10 5G ถ่ายภาพบุคคลค่อนข้างดีครับ ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
มีโหมดถ่ายภาพกลางคืน ซึ่งในโหมดนี้ทำผลลัพท์ออกมาได้ประมาณกลางๆ ครับ ยังมีนอยส์ตามมาให้เห็นในภาพประมาณหนึ่ง
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ทโฟน 5G เน้นที่ราคาดี ได้ชิปเซ็ต Dimensity 700 มาใช้ ซึ่งถือว่าชิปเซ็ตตัวนี้เข้ามายกระดับเครื่องสมาร์ทโฟนในระดับราคาประมาณหกพันบาทในปีนี้ได้อย่างชัดเจนมากครับ และ Redmi 10 5G ก็เป็นรุ่นที่ได้ประโยชน์มาเต็มๆ และยังจัดเต็มมาในด้านอื่นๆ ที่สำคัญมาให้ด้วย มีการขยับไปใช้หน่วยความชนิด UFS 2.2 เพื่อเพิ่มความไวในการเขียนข้อมูลให้เร็วขึ้น ใช้หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ 6.58 นิ้ว ความคมชัด FullHD+ และรีเฟรชเรท 90Hz มาพร้อมแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 18W เรียกว่าจัดมาให้ครบใช้ได้เลยครับ
Redmi 10 5G พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยโดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Graphite Gray, Chrome Silver, และ Aurora Green โดยจะวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
• รุ่นความจุ 4GB+64GB วางจำหน่ายในราคา 5,999 บาท เฉพาะที่ร้านค้าผู้ให้บริการเครือข่าย AIS เท่านั้น พิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS ที่ซื้อเครื่องพร้อมเปิดแพ็กเกจแบบรายเดือนตามที่กำหนด สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาเริ่มต้นที่ 1,234 บาท นอกจากนี้ หากลูกค้าซื้อสินค้าในระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม 2565 – 30 กันยายน 2565 รับฟรี! Sport water bottle มูลค่า 790 บาท
• รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 7,299 บาท ที่ร้านค้าผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, True หรือ dtac พิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS, True หรือ dtac ที่ซื้อเครื่องพร้อมเปิดแพ็กเกจแบบรายเดือนตามที่กำหนด สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาเริ่มต้นที่ 999 บาท นอกจากนี้ หากลูกค้าซื้อสินค้าในระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม 2565 – 30 กันยายน 2565 รับฟรี! Sport water bottle มูลค่า 790 บาท