Redmi Note 11 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาในเรทราคาเบาๆ แต่สเปคให้มาดี ใช้ Snapdragon 680 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh และระบบชาร์จไว 33W Pro ดูแล้วก็น่าจะตรงโจทย์การใช้งานของกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างพอดีครับ
Redmi ก็เป็นแบรนด์หนึ่ง ที่ผมอยากจะให้ทุกคนทดไว้ในใจเป็นตัวเลือกเสมอ ในเวลาที่ต้องการมองหาสมาร์ทโฟนเน้นความคุ้มค่าด้านราคาไว้เป็นแบรนด์หลักไว้อีกแบรนด์หนึ่งเลยครับ ปล่อยออกมาแต่ละรุ่นไม่มีผิดหวัง และสำหรับ Redmi Note 11 ก็เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนจากซีรี่ส์ใหม่ที่มาในเรทราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 6,299 บาท เท่านั้นเองครับ
จุดเด่นก็คือเรื่องของสเปคเครื่องที่มาพร้อมกับ Snapdragon 680 ชิปเซ็ตในระดับเทคโนโลยี 6 นาโน ประสิทธิภาพดีและกินพลังงานน้อย เหมาะมากกับสมาร์ทโฟนในระดับกลาง และด้วยการเลือกใช้หน่วยประมวลผลตัวนี้ทำให้ Redmi 11 ถือว่าราคาดีครับ
และให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ที่รองรับระบบชาร์จไว 33W Pro fast Charging ด้วย แบตจะเหลือน้อยแค่ไหน ก็สามารถชาร์จกลับมาเต็มได้ใน 60 นาที หายากครับในเกรดเดียวกัน
ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่ ขอบเครื่องโค้งหลบเข้าในทำให้มีขอบล็อกกันกับอุ้งมือเวลาถือ เครื่องมีความหนาเพียงแค่ 8.09 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาครับ 179 กรัม มีเข้ามาให้เลือกสามสี สี Star Blue จะมีความวาววับโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสี Graphite Gray และ Twilight Blue ที่ให้ผิวสัมผัสแบบด้าน ช่วยลดการเกิดคราบรอยนิ้วมือลงได้ โดยสีที่เห็นในรีวิวนี้คือสี Graphite Gray ที่จะออกโทนสีเข้มแบบเทาดำครับ
กล้องด้านหลังเป็นชุดกล้องสี่ตัว AI 50 ล้านพิกเซล เลนส์อัลตร้าไวลด์ 118 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล และเลนส์วัดระยะ Depth Camera ขนาด 2 ล้านพิกเซล ก็ครบครับทุกระยะเลนส์
รองรับที่สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างเครื่อง ใช้พอร์ทชาร์จแบบ USB Type C และยังมีรูหูฟัง 3.5มม. รวมถึง IR Blaster ที่เป็นอินฟราเรดซึ่งนำไปใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ ตามสไตล์ของเครื่อง Redmi ที่มักจะใส่มาให้เสมอครับ
เห็นตัวแค่นี้ราคาเท่านี้ แต่ลำโพงที่ให้มาเป็นลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังชัด ใช้ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ไม่ต้องต่อลำโพงใดๆ เปิดเสียงสุดก็ดังลั่นห้องแล้ว หน้าจอแสดงผลเป็นจอ FHD+ AMOLED DotDisplay สีสันสดๆ เข้มๆ มีรีเฟชรเรทสูง 90Hz ขนาด 6.43 นิ้ว เจาะรูวางกล้องหน้าขนาด 13 ล้านพิกเซล ใช้สแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีที่ชาร์จ 33W Pro fast Charging มาให้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม และสายดาต้า USB พร้อมกับเคสใสซิลิโคน แต่จะไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ภายในกล่องนะครับรุ่นนี้
การใช้งานภายใน
Redmi Note 11 รันด้วยระบบ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 13 การใช้งานก็รวดเร็วพอตัวครับ ไม่ติดขัดหรือช้า ด้วยราคาเท่านี้ก็เรียกว่าได้เกินกว่าที่คาดหวังแล้วสำหรับประสิทธิภาพ
Snapdragon 680 ทำงานร่วมกันกับ RAM ขนาด 4GB และ 6GB ตามรุ่นที่เลือกซื้อมา โดยรุ่นที่ผมนำมารีวิวเป็นเครื่องรุ่น RAM 6GB และ ROM 128GB นะครับ ซึ่งทาง Xiaomi เปิดจำหน่าย Redmi ์Note 11 ซีรี่ส์ในไทยสามรุ่น ได้แก่
- Redmi Note 11S ความจุ 8GB+128GB ราคา 8,299 บาท
- Redmi Note 11 ความจุ 6GB+128GB ราคา 6,999 บาท
- Redmi Note 11 ความจุ 4GB+128GB ราคา 6,299 บาท
UI นี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่การสไลด์นิ้วเรียกใช้งานหน้า Toggle เปิดปิดฟังก์ชั่นและหน้า Notify แยกออกจากกัน โดยการเลือกเลื่อนขอบหน้าจอลงระหว่างด้านซ้ายกับด้านขวา
ภายในระบบ MIUI 13 ก็จะมีฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ใช้และการปรับเพื่อความสวยงามครบครับ ธีม วอลล์เปเปอณ์ เลือกเปิดแสงหน้าจอเพื่อใช้แทนการแต้งเตือนได้ สวยงามครับ
มีระบบดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ได้ดูแลเครื่องตัวเองได้ง่ายๆ คลิ๊กเดียวเพื่อการสแกนลบขยะในเครื่อง และตรวจดูความปลอดภัยจากแอพประสงค์ร้ายที่อาจจะเผลอติดตั้งเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
มีฟังก์ชั่นการล็อคแอพและพื้นที่ส่วนตัวสำหรับจัดเก็บไฟล์หรือการทำงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ล็อคเอาไว้อีกชั้นไม่ให้คนอื่นมาเปิดได้ง่ายๆ ครับ
การปรับแต่งหน้าจอของ Redmi Note 11 ก็จะปรับโทนสีสันที่แสดงได้ครับ โดยปกติสีของจอสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะสีจัดเข้ม ปรับลดได้ตามต้องการ
สามารถลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาในยามใช้งานกลางคืน หรือจะเปิดเป็นโหมดอ่านที่จะเปลี่ยนให้หน้าจอสีซีดจางลงเพื่อการใช้งานที่ต้องมองจอเป็นเวลานานมากๆ เช่นการอ่านหนังสือ เราสามารถตั้งเวลาให้โหมดถนอมสายตาเหล่านี้เปิดปิดเองในแต่ละวันโดยอัตโนมัติได้ครับ
เราสามารถกำหนดค่ารีเฟรชเรทหน้าจอได้เอง ระหว่าง 60Hz เพื่อการประหยัดพลังงาน และ 90Hz เพื่อภาพที่ดูละมุนตามากยิ่งขึ้น แต่ในระบบ MIUI 13 ของ Redmi Note 11 จะไม่มีระบบการทำงานที่คอยปรับระดับรีเฟรชเรทให้เองอัตโนมัตินะครับ ต้องเลือกเอาเองว่าต้องการใช้งานในลักษณะไหน ซึ่งผมแนะนำให้เปิดไว้ที่ 90Hz เลยครับ เพราะแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh สามารถใช้งานได้เต็มวันแม้จะใช้อัตตรารีเฟรช 90Hz ตลอดเวลาครับ แบตค่อนข้างอึดรุ่นนี้
ใช้งานด้านความบันเทิงได้นานครับ เปิดหน้าจอดูคลิปวีดีโอในระดับความสว่าง 50% ใช้พลังงานชั่วโมงละประมาณ 14% เท่านั้นเอง เปิดูหนังได้ร่วมกว่า 7 ชั่วโมงครับกว่าแบตจะหมด
หน้าจอขอบจอเล็ก สีสันเข้ม และลำโพงคู่เสียงดีดังชัดเจนครับ ดูหนังในห้องคนเดียวสบายเลย
ประสิทธิภาพของเครื่องเพียงพอต่อการเล่นเกมอย่าง FPS หรือ MOBA แน่นอนครับ ไม่แลคไม่ช้า ทิศทางเสียงดีช่วยให้ได้เปรียบในการเล่นเกมด้วยนะครับ เปิดดังๆ รู้เลยใครเข้ามาใกล้ๆ เสียงชัดมาก และมีระบบ Game Turbo สำหรับช่วยให้ผู้ใช้ได้เล่นเกมโดยไม่ถูกขัดจังหวะ โดยการปิดกั้นการแจ้งเตือนที่อาจจะเข้ามารบกวนเรา และมีฟังก์ชั่นเสริมสำหรับการเล่นเกมเช่นเปิดหน้าต่างซ้อนขึ้นมาเพื่อใช้งานไปพร้อมกัน
ทดสอบใช้งานต่อเนื่องนานๆ เช่นการเล่นเกมหรือการถ่ายภาพ เครื่องจะมีอุณหภูมิขึ้นมาอุ่นๆ บ้าง แต่ยังไม่เจอปัญหาใดๆ ในการใช้งาน การจับสัญญาณต่างๆ ทำได้ดี จับสัญญาณ GPS ได้ไวแม้จะไม่ได้เปิดอินเตอร์เน็ตช่วย รองรับ Wi-Fi 5.0 และรองรับบลูทูธ 5.0 ด้วย
กล้องถ่ายภาพ
กล้องหลังความละเอียดดีครับ 50 ล้านพิกเซล มี AI ที่จะคอยปรับภาพให้ภาพออกมาสวยแบบจบหลังกล้องพร้อมใช้งานได้ทันที ฟังก์ชั่นกล้องถ่ายภาพรุ่นนี้จะไม่เยอะครับ แต่โหมดถ่ายภาพจะมีครบ เพราะข้อดีของกล้องรุ่นนี้คือมีระยะเลนส์ครบทั้งกล้องมุมกว้าง 118 องศา และ macro ระยะ 4 เซนติเมตร ซูมได้ไกลสุด ที่ 10x แบบดิจิทัล และมีฟิลเตอร์สีสันมาให้เลือกใช้เปลี่ยนภาพได้หลายอารมณ์ครับ
โหมดถ่ายภาพคนหน้าชัดหลังเบลอ ทำได้ดีครับ ภาพออกมาดูไม่หลอกตา และสามารถนำไปปรับระดับชัดลึกชัดตื้นใหม่ได้หลังการถ่าย รวมถึงเลือกจุดโฟกัสใหม่ได้ในแอพแกลลอรี่ครับ
สิ่งที่ทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดอีกอย่างของกล้องรุ่นนี้ก็คือกล้องหน้า มากับกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซลที่มีโหมดการถ่ายเซลฟี่โบเก้ หรือถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยกล้องตัวเดียส ภาพกล้องหน้าเซลฟี่ออกมาสวย จับใบหน้าบุคคลแม่นและทำโบเก้ด้านหลังออกมาได้สวยงาม มีฟิลเตอร์เหมือนกล้องหลัง และการปรับแต่งใบหน้าก็ทำได้เนียนตาครับ ถ่ายออกมาดูดีเลยสำหรับกล้องหน้ารุ่นนี้
มีโหมดถ่ายภาพกลางคืน ที่ผมทดสอบแล้วแม้จะไม่ได้เปิดโหมดกลางคืนก็ยังพอถ่ายได้ด้วยมือเปล่าครับ ถ่ายภาพบุคคลกลางคืนยังเอาอยู่ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เรื่องของการถ่ายภาพรุ่นนี้หวังผลได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Redmi Note 11
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ทโฟนในรุ่นราคาซื้อง่าย ไม่มีอะไรที่เป็นจุดอ่อนแม้จะมีราคาสบายกระเป๋า คุ้มมากสำหรับคนงบประมาณไม่เกิน 7 พันบาท เหมาะสำหรับวัยรุ่นวัยเรียนครับ ได้เครื่องประสิทธิภาพดีใช้งานคล่องตัว แบตเตอรี่อึดพร้อมชาร์จไวใช้งานกันทั้งวันอยู่แล้วแบตเตอรี่จึงสำคัญ กล้องถ่ายภาพมาครบระยะ 4 ตัว คุณภาพหวังผลได้รวมถึงกล้องหน้าก็ให้ผลลัพท์ออกมาดีเช่นกัน
Redmi Note 11 วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 (รวมถึง Redmi Note 11S ) เปิดจำหน่ายที่ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ และช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
พิเศษ สำหรับผู้ที่ซื้อในวันที่ 5 – 28 กุมภาพันธ์ 2565 รับทันที Xiaomi Canvas Tote Bag มูลค่า 590 บาท เป็นของแถมเพิ่มด้วยครับ