[รีวิวเกม] Resident Evil 2 ฉบับสร้างใหม่ ความสยองฉบับสมบูรณ์แบบของเกมผีชีวะ

เกม Resident Evil 2 ฉบับสร้างใหม่ หรือรีเมค ที่เป็นเกมที่แฟนๆโดยเฉพาะชาวไทยรอคอยกันมาตลอด ตั้งแต่เปิดตัวและเปิดให้ลองเล่นในงานเกม ที่มีคอเกมคนไทยแสดงความสนใจมากมาย ทำให้การมาของผีชีวะครั้งที่สองที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งบน PS4 , XBoxone และ PC กลายเป็นเกมฟอร์มยักษ์ที่วางขายช่วงต้นปีในทันที

และแน่นอนว่า เกม Resident Evil 2 ถูกสร้างโดยมีต้นแบบมาจากเกมที่ออกวางขายบน PS1 ในยุค 90 ทำให้มันต้องเปลี่ยนไปหมด และผู้สร้างก็บอกว่ามันไม่ใช่การรีเมค แต่เป็นการนำเรื่องราวภาคต้นฉบับมาตีความใหม่ และเสริมเกมเพลย์ใหม่ เข้าไปจนกลายเป็นเกมใหม่มากกว่าเป็นการรีเมค แน่นอนว่าทำให้มันกลายเป็นเกมใหม่แทบจะ 100% โดยจะมีฉากหลังเดิม ตัวละครเดิม เป็นตัวเดินเรื่อง

กราฟิกจัดหนักจัดเต็มเหมือนเกมยุคใหม่

แน่นอนสิ่งที่ Resident Evil 2 รีเมค เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือกราฟิกในเกม ที่ปรับเปลี่ยนไปหมดเพราะมันเป็น Full 3D แบบปรับมุมกล้องได้ ไม่ได้เป็นเกมเพลย์ที่มีมุมกล้องแบบวงจรปิดเหมือนเดิม แถมยังเป็นกราฟิกของเกมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสมจริง อย่างมาก ทั้งฉากแม้จะจำลองมาจากของเดิมแต่ก็ปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก

ส่วนการออกแบบตัวละครก็สามารถถ่ายถอดความเป็นต้นฉบับออกมาเป็นตัวละครยุคใหม่ได้ลงตัว แบบมองก็รู้ในทันทีว่าเป็นใคร รวมทั้งมอนสเตอร์และซอมบี้ ที่มีตัวละครในตำนานกลับมาให้หายคิดถึงและยังอัพเกรดความหลอนด้วยการเล่นกับแสงเงา บรรยากาศความมืดที่จัดเต็มความหลอนแบบสุดๆ และบอกได้เลยว่าเมื่อมารวมกับเพลง และเสียงประกอบที่ทำออกมาดี มีการเล่นกับเสียงบรรยากาศและความเงียบจนผู้เล่นแอบสะดุ้งอยู่หลายฉาก เรียกว่าในส่วนนี้ไม่มีอะไรให้ติแม้แต่น้อยหากมองว่ามันคือเกมสยอง

รูปแบบการเล่นยกเครื่องใหม่หมดจนเป็นเกมใหม่

อย่างที่บอกไปว่าเกม Resident Evil 2 เป็นการสร้างใหม่ทั้งหมด ทำให้รูปแบบการเล่นถูกปรับเปลี่ยนไปหมด โดยจากเดิมเป็นเกมแอ็คชั่นสยองที่ใช้มุมมองแบบกล้องวงจรปิด และเดินแบบรถถังแบบเดียวกับซีรีส์ Resident Evil ภาคแรกๆ ที่ทุกวันนี้ถือว่าเชยไปมากแล้ว

มาคราวนี้ทาง Capcom จึงได้ปรับเปลี่ยนเกมเพลย์ของ Resident Evil 2 ไปใหม่หมดเป็นมุมกล้องแบบบุคคลที่ 3 แบบมองข้ามไหล่ที่ใช้เป็นครั้งแรกในเกม Resident Evil 4 ทำให้สะดวกในการมองฉากและสามารถปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้เองแล้ว ทำให้ไม่เกิดมุมอับแบบต้นฉบับ และทำให้ตัวเกมกลายเป็นเกมใหม่ไม่เหมือนเดิมเลย และเป็นรูปแบบการเล่นที่เข้ากับยุคสมัยและไม่เชยแม้แต่น้อย แถมยังเล่นได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด

แน่นอนเกมเพลย์หลักๆยังคงเป็นการเอาตัวรอดจากสถานที่จำกัด และด้วยฉากที่ออกแบบใหม่ทำให้เกมซับซ้อนกว่าเดิม รวมทั้งมุมมองในเกมที่เปลี่ยนไปทำให้มันเหมือนคนละเกมกับต้นฉบับ นอกจากนี้ยังมีฉากใหม่ๆเพื่อให้เรา เดินไปมาเพื่อหาไอเทมมาเปิดทางไปต่อ และยังมีกลไกเพื่อ แก้ปริศนาที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็ยังคงอยู่ในกรอบของเกม Resident Evil ที่เข้าใจได้ใจทันทีหากคุณเคยเล่นซีรีส์ ผีชีวะมาก่อน

นอกจากนี้เกมยังใส่ ฉากหลบหนีไล่ล่ากับ Mr.X ที่สนุกตื่นเต้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าด้วยมุมมองใหม่ๆ และการกลับมาคราวนี้ไม่ง่ายเหมือนเดิมแน่ และทำให้เราสะดุ้งกับหลายฉากรวมทั้งความอึดอัดกดดันของเกมสยองเอาตัวรอดดีๆต้องมีเกมนี้ใส่มาครบ และระดับความยากในเกมถือว่ากำลังดีไม่ง่ายไม่ยากเกินไป และมีระดับความยากให้เลือกสำหรับมือใหม่ แน่นอนว่าหากเล่นยากกระสุนน้อย ทำให้โหมดยากต้องหนีมากกว่าสู้ในหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีระบบระบบอาวุธก็ปรับให้สมดุลมากขึ้นและมีหลากหลาย และมีระบบอัพเกรดอาวุธที่เข้าใจง่าย ระบบเซฟที่เปลี่ยนไปไม่ต้องใช้ตลับหมึก(ยกเว้นโหมดยากสุด) รวมทั้งระบบกระเป๋าใส่ของ และกล่องฝากของในตำนานก็กลับมาให้ใช้งานทำให้ผู้เล่นต้องวางแผนการเล่นกันตลอดเกม

ตัวละครเดิมมากันครบ

Resident Evil 2 แม้จะเป็นเกมยกเครื่องใหม่ แต่ตัวละครเดิมๆก็กลับมากันครบไม่ว่าจะเป็น หนุ่มหน้ามน Leon S. Kennedy และสาว Claire Redfield , Sherry แน่นอนว่ามีตัวละครสุด Sexy อย่าง Ada Wong ที่มาให้เราเล่นในมุมมองที่แตกต่างจากเดิม แต่ยังคงมีลูกเล่นของตัวละครติดมาด้วย โดยเกมมียาวพอสมควรสำหรับเกมแอ็คชั่น และมีเรื่องราวให้เลือกเล่นหลากหลายเส้นทาง เรียกว่าเล่นแบบจัดเต็มแม้ว่าจะเป็นเกมแอ็คชั่น แถมยังมีตัวละครลับในตำนานกลับมาให้เล่นกันด้วย (แฟนๆคงรู้กันดี) แน่นอนว่าผู้กล่นกลับมาเล่นได้หลายรอบด้วยความท้าทายที่แตกต่าง

หนึ่งในการรีเมคที่ยอดเยี่ยมที่สุด

การกลับมาอีกครั้งของ Resident Evil 2 ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเพราะการดำเนินเรื่องที่เปลี่ยนไป อะไรบางอย่างที่เคยเป็นไฮไลท์สมัย PS1 ก็ถูกย่อจนขาดเสน่ห์ไป แต่เกมก็ทดแทนด้วยมุมมองใหม่ๆ รูปแบบการเล่นที่เปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว เรียกว่าไม่ว่าคุณจะเคยเล่นมาก่อนหรือไม่ก็สนุกไปกับมันได้ และคุ้มค่าเพราะเล่นได้หลายรอบเพื่อเสพเรื่องราวที่แตกต่าง และมันเป็นหนึ่งในเกมยอดเยี่ยมที่ออกช่วงต้นปีที่ไม่อยากให้มองข้ามไป