เรียกว่ายุคนี้การขุดของเก่ากลับมาขายใหม่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเอามาขายใหม่ หรือการรีมาสเตอร์ และที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการสร้างภาคต่อของเกมดังๆ และหนึ่งในนั้นคือเกม Rockman 11 (ชื่ออเมริกา Megaman) ที่เพิ่งจะวางขายบน PS4 , XBoxone , Switch และ PC
กราฟิกและเพลงประกอบที่ธรรมดาไปหน่อย
และสัมผัสแรกกราฟิกของเกมแม้จะดูบนตัวอย่างเกมจะดูดีเพราะเป็นแบบ HD ไม่ใช่ดอทพิเซลเหมือนภาคเก่า แต่เมื่อสัมผัสตัวเต็มบนหน้าจอ Full HD แล้วรู้สึกธรรมดาไปหน่อย โดยผู้เขียนเล่นทั้งบน PS4 และ Nintendo Switch รู้สึกว่ามันไม่ได้มีความประทับใจอะไร เหมือนเกม 2D ทั่วๆไปในยุคนี้ ยังดีที่เวลาเราเปลี่ยนไปใช้อาวุธของบอสตัว Rockman จะเปลี่ยนชุดไปเลยไม่ได้แค่เปลี่ยนสีเหมือนกับภาคก่อนๆ ทำให้ดูแตกต่าง
อย่างไรก็ตามเมื่อเล่นในโหมดพกพาบน Switch ถือว่าดูดีขึ้นบนหน้าจอเล็กๆ ส่วนเพลงประกอบที่ค่อนข้างน่าผิดหวังเล็กน้อยเพราะปรกติแล้วเพลงในซีรีส์ Rockman จะมีธีมที่ติดหู แต่กลับภาคนี้ดูเรียบๆไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย เรียกว่าผู้เขียนเป็นแฟนประจำของซีรีส์หุ่นสีฟ้ามายาวนานรู้สึกผิดหวังอยู่พอสมควร
เกมเพลย์เหมือนเดิม
แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ทาง capcom ดูเหมือนจะเน้นความคลาสสิกแบบเต็มสูบ ทำให้เกมเพลย์ยังคงเป็นแอ็คชั่น 2 มิติมุมมองด้านข้างเหมือนกับต้นฉบับเดิม และมันคือ Rockman ธรรมดาต้นฉบับไม่ใช่ภาค X ทำให้รูปแบบการเล่นดูเรียบความสามารถของตัวละครไม่ได้มีอะไรมาก เกาะกำแพงไม่ได้ และต้องใช้ความสามารถของอุปกรณ์เสริมเช่นน้องหมารัช ที่มาให้ทั้งแท่นกระโดด และรัชเจ็ท
แน่นอนว่า Rockman ของเรามีความสามารถพิเศษในการดูดเอาความสามารถของหุ่นบอสมาใช้งานได้ ที่เป็นความโดดเด่นมาตั้งแต่ภาคแรก และภาคนี้ก็ยังคงจัดหนักจัดเต็ม ส่วนฉากในเกมเราต้องเลือกด่านบอสทั้ง 8 ตัว และความสนุกคือการนำอาวุธของบอสแต่ละตัว ไปกำจัดบอสอีกตัวที่แพ้ทางกัน ที่ในภาคนี้มีจุดเด่นที่บอสแต่ละตัวไม่ได้มาในรูปแบบเดียว บางตัวมีลีลาเทพๆ หรือบางตัวสามารถแปลงร่างได้เพิ่มอีก ทำให้มันดูมีสีสันและแตกต่างจากภาคก่อนๆ แต่โดยรวมแล้วไม่ได้โดดเด่นหรือทำให้แฟนประจำรู้สึกตื่นเต้น
ส่วนระบบอัพเกรดตัวละคร ก็มีมาแบบพอหอมปากหอมคอและไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย ผู้เล่นเพียงแค่เอาน็อตที่เก็บได้ในฉากมาซื้อไอเทมใหม่ ที่มีทั้งถังเติมพลังเช่นถัง E หรือ เพิ่มความสามาถของ Rockman เช่นการชาร์จอาวุธแบบอัตโนมัติ ที่บอกตรงๆว่าขาดความโดดเด่นไปหน่อย เพราะควรจะใส่ระบบปรับแต่งให้ละเอียดกว่านี้ เพราะเกมในยุคนี้ระบบนี้เชยไปแล้วแม้ว่าจะมองถึงความคลาสสิกก็ตาม
ระบบ Speed Gear และ Power Gear
ส่วนของใหม่และถือเป็นจุดเด่นของภาคนี้คือระบบ Speed Gear และ Power Gear ที่ช่วยให้การเล่นง่ายขึ้น เพราะในบางฉากเหมือนกับว่าสร้างขึ้นเพื่อใช้ระบบใหม่นี้ โดย Speed Gear จะช่วยหน่วงเวลาที่ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะหลบหลีกหรือเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น และมันจำเป็นอย่างมากเพราะมีฉากที่ต้องใช้ความเร็วหรือต้องหน่วงเวลาอยู่ตลอดทั้งเกม ส่วนระบบ Power Gear คือ การเพิ่มพลังโจมตีที่สามารถใช้ได้ทั้งอาวุธหลักและอาวุธเสริมที่ได้จากบอสให้เกิดเป็นท่าไม้ตายที่อลังการได้ และยังสามารถใช้งานได้ทั้งสองแบบพร้อมกันด้วย แต่ทั้งสองระบบจะใช้ได้ในเวลาจำกัดต้องกะจังหวะในการใช้ให้ดี เพราะมันจำเป็นอย่างมากในการเล่นไปตลอดเกมและเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวในภาคนี้ระหว่าง ดร. ไลท์ และ ดร.ไวลี่ ด้วย
ระดับความยากของเกมเป็นอีกส่วนที่ต้องพูดถึงเพราะหากเลือกแบบปรกติและแบบยากแล้ว Rockman 11 ถึงว่าโหดพอสมควร แม้ว่าจะมีอุปกรณ์เสริมและตัวช่วยแต่เกมก็ถือว่ายากจนผู้เล่นหัวร้อนได้ แต่อาจจะไม่ยากเท่ากับภาค 10 และ 9 อย่างไรก็ตามสำหรับมือใหม่ถือว่ายากพอสมควร อย่างไรก็ตาม Capcom ไม่ได้ใจร้ายเพราะมือใหม่สามารถเลือกโหมดง่ายได้ ที่โหมดง่ายสุดเล่นยังไงก็แทบจะจบเพราะต่อให้ตกเหวก็ไม่ตาย หรือโดนหนามก็ไม่ตายแค่พลังลดเท่านั้นเรียกว่าง่ายขึ้นเยอะ
นอกจากนี้ยังมี โหมดพิเศษในเกมอย่าง Challenges มาให้เล่นโดยมีความท้าทายเช่นการทำเวลาแข่งกัน ทำคะแนนแข่งกัน หรือทำตามที่เกมกำหนด และยังเอาสถิติไปโชว์เทียบกับผู้เล่นทั่วโลกด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ของแปลกใหม่มีมาหลายภาคแล้ว ยังดีที่มีระบบถ้วย Trophies & Achievements มาให้ตามเก็บ และบน Nintendo Switch ยังรองรับ amiibo ตัวละคร Rockman ด้วย เรียกว่ามีอะไรให้ทำหลังจากจบเกมหลักที่สั้นไปหน่อยก็ตาม และฉากจบที่จืดและไม่มีอะไรให้ประหลาดใจ