Galaxy A6 และ A6+ สองสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Samsung เปิดราคาไทยออกมาแล้วครับ ซึ่งนับว่าราคาไม่สูงมาก แต่สเปคอาจจะไม่แรงเท่าไหร่นัก โดยGalaxy A6 เปิดจำหน่ายในราคา 8,900 บาท และ A6+ อยู่ที่ 10,900 บาท ซึ่งจุดเด่นของเครื่องคู่นี้อยู่ที่วัสดุและการจับสัมผัสของตัวเครื่องภายนอกเป็นสำคัญเลยครับ
Galaxy A6 และ A6+ ภายนอกแน่นหนามาก ใช้โครงโลหะทั้งตัวผิวสัมผัสดี ถือจับแล้วรู้ได้เลยครับว่ามันแตกต่างกับเครื่องโลหะบางๆ แบบทั่วไป ความโค้งมนและการเก็บงานประกอบทำออกมาได้ดีมาก ตัวเครื่องภายนอกนับเป็นสิ่งแรกเลยสำหรับเครื่องราคาไม่แพงคู่นี้ที่ทำได้เข้าตา การออกแบบไม่แตกต่างไปจากเครื่องในซีรี่ย์ Galaxy A ตัวอื่นๆ มากนักครับ A6 และ A6+ มีความต่างกันภายนอกในเรื่องของขนาดหน้าจอแสดงผล โดย A6 จะเป็นเครื่องหน้าจอขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ และ A6+ ขนาดหน้าจอใหญ่กว่า อยู่ที่ 6 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ ครับ จอใหญ่สีสันสวยครับ อ่านตัวอักษรได้ง่ายความคมชัดดูด้วยตาเปล่ามองไม่เห็นความแตกต่างกันสักเท่าไหร่
รูปทรงของทั้งคู่ตัวเครื่องไม่ใหญ่ ความกว้างในการถือจับไม่ต่างกันมากนัก เพราะว่าเป็นเครื่องขอบจอเล็ก ถึงจะจอใหญ่แต่เครื่องโดยรวมถือไม่ลำบาก
นอกจากขนาดหน้าจอที่ต่างกัน ก็จะมีด้านหลังที่ให้กล้องถ่ายภาพมาคนละแบบกันด้วยครับ ซึ่ง A6 จะให้มาเป็นกล้องเดี่ยว 16 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าในความละเอียดเท่ากัน แต่ส่วนของ A6+ จะอัพเกรดกล้องมาฟลูออฟชั่นมากกว่า โดยมาในกล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล และกล้องคู่ด้านหลัง 16 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล แถมมีฟังก์ชั่นไลฟ์โฟกัส สำหรับการใช้งานกล้องในการถ่ายภาพมาให้ด้วย ฟังก์ชั่นนี้เป็นตัวเดียวกับที่มีอยู่ในเครื่องรุ่นใหญ่ของ Samsung ครับ มันจะคอยช่วยควบคุมการทำภาพแบบชัดลึกชัดตื้น หรือที่เราเรียกกันว่าภาพหน้าชัดหลังเบลอนั้นเอง (แต่จริงๆ มันจะทำภาพหน้าเบลอหลังชัดก็ได้นะ ^^)
มีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ใต้กล้องถ่ายภาพ สแกนเข้าใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องปลุกเครื่องก่อนนะครับ แต่ Galaxy A6 และ A6+ มีฟังก์ชั่นการสแกนใบหน้ามาให้ด้วย เราสามารถใช้งานการสแกนใบหน้าหรือการสแกนลายนิ้วมือได้ตามต้องการแล้วแต่สะดวก แม่นยำและทำงานเร็วทั้งคู่ครับ แต่ข้อเสียของสแกนหน้าก็คือการใช้งานในที่มืดมากๆ อาจจะสแกนใบหน้าไม่ได้ครับ เพราะกล้องมองหน้าเราไม่เห็น
ทั้งคู่มีถาดใส่ซิมแบบสามสล็อตมาให้ครับ แยกเป็นสองช่องใส่ซิม เราไม่ต้องสลับซิมที่สองกับ Micro SD Card นะครับสำหรับสองตัวนี้ ใช้งานพร้อมกันได้เลย ซึ่ง Galaxy A6 และ A6+ เป็นเครื่องที่รองรับ Dual–Sim Dual–Stand By นะครับ ใช้งาน 4G และ 3G ได้พร้อมกันในซิมที่สอง
การออกแบบลำโพงของเครื่องจะอยู่ที่ด้านข้างส่วนบน แปลกแตกต่างกับรุ่นอื่นๆ แต่ถือว่าดี เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่มือไปบังลำโพงค่อนข้างยากครับเวลาถือจับ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนในขณะเล่นเกม
ระดับเสียงของลำโพงอยู่ในระดับดังดีทั่วๆ ไป เสียงออกแหลมๆ หน่อยครับ เปิดสุดลำโพงเสียงไม่แตก แต่เมื่อใช้กับหูฟัง เราจะสามารถเปิดฟังก์ชั่น Dolby Atmos ขึ้นมาใช้ได้นะครับ (และจะสามารถเปิดใช้งานแอพวิทยุได้เมื่อเสียบหูฟังเท่านั้นนะครับ)
ตัวเครื่องบางแค่ 7 มิลลิเมตรกว่าๆ แต่ว่าแบตเตอรี่ใหญ่ครับ ขนาด 3,000 mAh สำหรับ A6 และ 3,500 mAh สำหรับของ A6+ ก้อนใหญ่มากพอใช้งานได้ทั้งวันครับ โดยเฉพาะหน่วยประมวลผลของทั้งคู่ไม่กินไฟ จะมีใช้แบตหนักๆ ก็เป็นเรื่องของหน้าจอเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นถ้าเปิดแสงไฟหน้าจอในระดับ 50% ใช้งานได้ถึงค่ำแน่นอนครับ
โดยรวมแล้วตัวเครื่องภายนอกผ่านมาก ดูแพงและผิวสัมผัสก็รู้สึกดีมากจริงๆ ครับ ผิวโลหะกึ่งด้านๆ แบบนี้ เห็นรอยนิ้วมือยากด้วย บอกเลยว่าถ้าใครให้น้ำหนักลักษณะของตัวเครื่องภายนอกเป็นสำคัญละก็ เจ้าคู่นี้มีให้แน่นอนโดยไม่ต้องสนใจราคาเลย
การใช้งานภายใน
Galaxy A6 และ A6+ เป็นเครื่องที่สเปคการใช้งานไม่สูงครับ ระดับเครื่องกลางๆ ทั่วไป มันเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเช่นการอ่าน การดูหนัง การแชต ใช้ในการทำงานติดต่อสื่อสารเป็นหลัก พวกนี้ตัวเครื่องทั้งสองรุ่นตอยสนองการใช้งานได้ไม่มีปัญหาครับ แถมจอใหญ่ ดูหนังได้ชัดเต็มตาดีและสีสวย
แต่สเปคอาจจะน้อยไปสักหน่อยถ้าพูดถึงการนำเอามาเล่นเกมแบบกราฟิกสูงๆ เพราะจะมีอาการกระตุกให้เห็น ซึ่งพวกมินิเกมเล่นได้ลื่นอยู่ครับ หรือตอนผมไปลองใช้เล่น ROV จริงๆ มันก็เล่นได้นะครับ แต่ตอนลุยกันหนักๆ มันจะมีแลคขึ้นมาบ้าง
ฉะนั้นด้วยหน้าตา วัสดุ รูปทรง และสเปคภายใน ผมแนะนำว่าเจ้าคู่นี้เหมาะกับนักศึกษาและวัยทำงานมากกว่าจะซื้อมาเพื่อเล่นเกมจริงจังครับ
หน้า UI ของ Galaxy A6 และ A6+ รองรับ Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวของ Samsung และมีธีมสโตร์ให้โหลดเปลี่ยนใช้งาน การออกแบบยังคงเน้นสไตล์ดูเรียบ แต่ครบช็อตคัทครับ ปรับแต่งได้พอประมาณ ใช้การสไลด์นิ้วขึ้นจากด้านล่างเพื่อเรียกหน้ารายการแอพขึ้นมา
Galaxy A6 จะใช้หน่วยประมวลผล Exynos 7870 ของทาง Samsung เอง มีแรมขนาด 3GB แต่ A6+ จะอัพเกรดสเปคขึ้นมาหน่อย ด้วยการใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 450 ของ Qualcomm และให้แรมมา 4GB หน่วยความจำภายในทั้งคู่ที่นำเข้ามาจำหน่ายเป็นขนาด 32GB (เพิ่ม Micro SD card ได้ 256GB และ 400GB ตามลำดับ)
แม้ Galaxy A6 และ A6+ จะเป็นเครื่องราคาไม่สูงมาก แต่ความเป็น Samsung ยังไงก็เป็น Samsung ครับ บริการเสริม แอพพลิเคชั่นพิเศษ และงานบริการให้คนใช้ต้องมา และต้องมีในเครื่องทุกรุ่น ซึ่งเจ้าคู่นี้ก็มีให้มาไม่น้อยครับ
มันมีฟังก์ชั่นการแบ่งหน้าจอทำงานได้สองแอพพร้อมกัน พร้อมคำสั่งแบบ App Pair ที่เราสามารถกดเพียงครั้งเดียวแต่เปิดแอพคู่พร้อมกันขึ้นมาได้ทันที เป็นการตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้ว่าเราต้องการจับคู่แอพใดทำงานร่วมกับแอพใด ซึ่งเป็นระบบแอพคู่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Samsung ครับ
นอกจากทำงานได้สองแอพพร้อมกันแล้ว มันก็รองรับระบบ Dual Messenger ซึ่งเป็นระบบที่จะแยกบัญชีการใช้งานของแอพ Social ทั้งหลาย ให้กลายเป็นสองแอคเคาท์ได้ในเครื่องเดียว เช่นล็อคอิน Facebook ไว้สองแอคเคาท์ในเครื่องเดียวเป็นต้น ซึ่งสำหรับ Galaxy A6 และ A6+ ทาง Samsung แจ้งไว้ว่ารองรับมากที่สุดถึง 18 แอพ Social ที่เรานิยมใช้งานกันทั้งหมดครับ
ระบบ Samsung Max อันนี้ผมอยากแนะนำสำหรับคนอยากประหยักดาต้าอินเตอร์เน็ต และอยากมั่นใจในความปลอดภัยเป็นพิเศษ ซึ่งระบบ Samsung Max เป็นระบบที่ทาง Samsung ทำบริการ VPN ไว้ให้ ทำการบีบอัดข้อมูลและคัดกรองพฤติกรรมการติดตามข้อมูลส่วนตัวของคุณจากแอพพลิเคชั่นที่แอบทำงานโดยเราไม่รู้ตัวครับ มันทำงานให้เราได้ทั้งขณะใช้งานดาต้าอินเตอร์เน็ต Wi–Fi และเครือข่ายมือถือ
ระบบ Secure Folder (โฟลเดอร์ที่ปลอดภัย) ระบบดีๆ ที่มีมาให้ใช้ และทุกคนควรใช้นะครับ โดยเฉพาะผู้ที่นิยมทำธุรกรรมทางการเงินบนเครื่องโทรศัพท์
ระบบ Secure Folder เป็นระบบรักษาความปลอดภัยในระดับองค์กรที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายๆ อยู่ในสมาร์ทโฟนของเราครับ มันเป็นพื้นที่พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นในเครื่อง จะเข้าใช้งานได้ต้องใช้รหัสผ่านซึ่งอาจจะเป็นพินตัวเลขหรือรหัสทางชีวภาพของเราเช่นลายนิ้วมือเป็นต้น ภายในจะแยกเป็นพื้นที่ใหม่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับส่วนระบบและบัญชีหลักของตัวเครื่อง เหมาะมากที่เราควรนำแอพสำคัญทางการเงินเข้ามาเก็บไว้ในนี้ครับ เพื่อการป้องกันการผิดพลาดของเราหรือการจงใจของบุคคลอื่น เข้ามาแอพใช้งานแอพธุรกรรมของเราโดยเราไม่รู้ตัว พื้นที่ Secure Folder จะปกป้องการเข้าใช้งานไว้ให้เราได้อีกขั้นตอนหนึ่งครับ
ฟังก์ชั่นและบริการอีกมากมายในความเป็น Samsung ก็ถูกใส่เข้ามาให้เต็มเครื่องครับ เช่น Game Tools ระบบสำหรับคนเล่นเกม เป็นระบบที่ป้องกันการรบกวนและให้ความสำคัญสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ มันสามารถบันทึกภาพวีดีโอขณะเราเล่นเกมได้
และใครชอบเล่นเกมแบบเปิดโหมดออโต้ฟาร์มเวลไปเรื่อยๆ แบบผม น่าจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษ และผมยังหาในเครื่องยี่ห้ออื่นไม่ได้เลยกับโหมด ‘ล็อคการสัมผัสหน้าจอ’ ซึ่งเป็นโหมดที่มันจะทำการปิดไฟหน้าจอพร้อมล็อคการทัชที่เราไม่ตั้งใจ เมื่อไฟหน้าจอหรี่ลงมันก็จะช่วยประหยัดแบตพร้อมทั้งกันคนอื่นมองเห็นว่าเราเล่นเกมอยู่ได้ด้วย อีกทั้งไม่ต้องกลัวมือจะไปโดนหน้าจอแล้วเกมจะหยุดเล่นออโต้ให้เราด้วยครับ เพราะหน้าจอสัมผัสมันถูกปิดอยู่ แต่เกมไม่ได้หยุดเล่น เยี่ยม! ^^
บริการ Galaxy Gift บริการที่คุ้มที่สุดในสามโลก แถมเป็นบริการที่แบรนด์มือถือมาให้บริการในประเทศโลกที่สามอย่างเรา มันน้อยซะยิ่งกว่าน้อยที่จะมี แถมทำได้ดีจนขาดไม่ได้แล้วที่จะต้องพกเครื่อง Samsung ไว้ข้างตัวตลอดเวลาอย่างน้อยหนึ่งรุ่น บอกได้แค่ว่าถ้าใช้กันเพลินๆ มันคุ้มค่าเครื่องที่จ่ายไปต่อปีซะอีกครับ
ตอนนี้บริการต่างๆ ของทาง Samsung เขาก็มี Hub ที่รวบรวมเอาไว้ในแอพที่ชื่อว่า Samsung Member แล้วนะ ทั้งสิทธิประโยชน์ ข่าวสารสำคัญ เคล็ดลับน่ารู้ของคนใช้ รวมถึงการดูแลเครื่องและระบบจัดการทั้งหมดที่เราต้องใช้งานบ่อยๆ ถูกรวมเอาไว้ในที่เดียวให้แล้วครับ
บริการต่างๆ ที่มีการพัฒนามาให้อย่างต่อเนื่องของ Samsung นี้คือจุดเด่นที่แบรนด์อื่นต้องถอยให้ครับ นับเป็นจุดสำคัญในประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งสำหรับผมให้มูลค่าของมันเอาไว้ไม่น้อยสำหรับสิ่งที่มีให้ใช้ภายในเครื่องนอกจากด้านสเปค
ผมแอบเห็นว่าเขามีแจกพื้นที่ใช้งาน Microsoft Onedrive ให้ 100GB นานสองปีให้ด้วยครับ แต่ผมยังไม่ได้ลองเข้าไปรับสิทธิ์เพราะเป็นเครื่องเอารีวิวเท่านั้น ^^
การทดสอบต่างๆ
ผลทดสอบต่างๆ ของเครื่อง Galaxy A6
ผลทดสอบต่างๆ ของ Galaxy S6+
กล้องถ่ายภาพ
ฟังก์ชันการถ่ายภาพของทั้งคู่จะต่างกันนะครับ เพราะว่า A6 มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพตัวเดียว แต่ A6+ มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบกล้องคู่ ที่จะมีโหมดไลฟ์โฟกัส สำหรับควบคุมการชัดลึกชัดตื้นได้ในขณะถ่ายภาพ และสามารถกลับมาปรับหลังถ่ายภาพไปแล้วได้ครับ
ซึ่งระบบไลฟ์โฟกัสของ A6+ จะทำการจับวัตถุบนภาพและแยกชัดออกจากฉากหลังหรือส่วนอื่นๆ ของภาพได้ด้วยการทำให้เบลอ โดยไม่จำเป็นว่าวัตถุในภาพนั้นต้องเป็นบุคคลหรือใบหน้ามนุษย์ครับ แต่จะจับจากระยะจากวัตถุ โดยตัวระบบกล้องจะแนะนำระยะที่เหมาะสมโดยให้กล้องห่างจากวัตถุที่ต้องการประมาณ 1 เมตร ถึง 1 เมตรครึ่ง
จะเลือกจุดโฟกัสก่อนทำการถ่ายหรือหลังถ่ายไปแล้วกลับมาแก้ใหม่ก็ได้ครับ และยังสามารถปรับรูปลักษณ์ของแสงไฟในฉากหลังให้เป็นรูปทรงแปลกๆ เช่นหัวใจหรือดาวได้ด้วยนะ โหมดนี้เรียกว่า Art Bokeh ครับ
คุณภาพของกล้องทั้งสองตัวอยู่ในระดับกลางๆ ครับ ถ่ายภาพกลางวันสวย ใช้งานได้ โฟกัสไว ไม่มีปัญหาใดๆ ในการใช้งานครับ ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า (กล้องหน้ามีโหมดเพิ่มความเด่นของการถ่ายเซลฟี่ด้วยการจับโฟกัสหน้าบุคคลให้โดดเด่นได้ด้วยนะครับ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy A6
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy A6+
สรุปท้ายรีวิว
สเปคเครื่องไม่แรง แต่ราคาก็ไม่แพง ที่ได้คุณภาพตัวเครื่องสวยแกร่ง และแข็งแรง รู้สึกได้ว่าแตกต่างกับเครื่องโลหะบางๆ ทั่วไปได้โดยทันที หน้าจอใหญ่ สีจอสวย มีฟังก์ชั่นการใช้งานภายในมากมายให้คุ้มค่าเครื่องตามสไตล์มาตรฐานของมือถือจากแบรนด์ Samsung