Samsung Galaxy A80 ไม่ใช่สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ทำกล้องพลิกได้นะครับ แต่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ทำกล้องพลิกได้ในกลไกระดับสูงแบบนี้
เปิดตัวมาพร้อมกับจุดขาย “กล้องหน้าถ่ายสวยชัดเท่ากล้องหลัง” เพราะมันใช้กล้องตัวเดียวกัน ออกแบบโดยใช้กลไก ยก พลิก กลับด้านกล้องหลังหมุนมาถ่ายเป็นกล้องหน้าเพื่อใช้เซลฟี่
ข้อพิเศษคือมันไม่ใช่กล้องตัวเดียวเดี่ยวๆ ที่หมุนไปหมุนมาได้ แต่กล้องทั้งสามตัวของมันจะหมุนมาใช้เป็นกล้องหน้าพร้อมๆ กัน ทั้งกล้องหลักความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล กล้องเลนส์อัลตร้าไวด์มุมกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์วัดระยะตัวใหม่ล่าสุดของ Samsung ที่เป็นตัวจับวัตถุแบบ 3D หรือที่เขาเรียกกันว่าเซนเซอร์ ToF นั้นเองครับ
ทั้งสามเลนส์ซึ่งจริงๆ แล้วนับเป็นกล้องหลังคุณภาพสูง จะถูกยกขึ้นจากฝาหลัง พลิกกลับ และพร้อมใช้เป็นกล้องหน้าที่ถ่ายสวยชัดเท่ากล้องหลัง ตามสโลแกนของเขานั้นเองครับ
https://www.youtube.com/watch?v=GzM1FwLV3Ds&list=PLhpbZcOKxtO2On3hyyJAzJG-ACCyQhka9&index=6
การออกแบบในจุดนี้ทาง Samsung เรียกมันว่า “Rotating Triple Camera” ที่ต้องพูดถึงก็เพราะ Samsung เลือกใช้กลไกที่ผลิตยากๆ ถึงสองชั้นใน A80 ครับ ในชั้นแรกเป็นขั้นตอนการยกกล้อง โดย A80 จะทำงานเหมือนกล้องป๊อบอัพแบรนด์อื่นๆ คือการยกตัวกลไกที่ซ่อนกล้องหน้าเอาไว้ขึ้นมาจากด้านหลังหน้าจอ ในขั้นตอนแบบนี้นิยมใช้กันมากเพราะมันจะทำให้สามารถออกแบบหน้าจอแสดงผลแบบเต็มขอบที่ไม่ต้องมีติ่ง หรือมีรู ไม่ต้องเว้นที่ใดๆ สำหรับการวางกล้องหน้า Galaxy A80 ก็เช่นกัน จะเห็นว่ามันเป็นสมารทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว ที่ไม่มีรูเจาะ หรือมีติ่งใดๆ เว้นไว้บนหน้าจอเลยครับ 6.7 นิ้วเป็นขนาดหน้าจอเต็มพื้นที่ด้านหน้าเครื่องเกือบจะทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
แต่นั้นยังไม่พิเศษพอ เพราะ Galaxy A80 ออกแบบต่อยอดไปอีกขั้น เพราะแทนที่ Samsung เขาจะเอาโมดูลกล้องหน้าที่เป็นอุปกรณ์ชิ้นไม่ใหญ่ไปติดตั้งไว้ที่กลไกดังกล่าวตามปกติทั่วไป Samsung เขาเลือกที่จะเอาทางยากกว่า โดยการออกแบบกลไกชุดที่สองสำหรับพลิกกลับกล้องหลังมาใช้เป็นกล้องหน้าแทนครับ ผลลัพท์คือความยากในการผลิต แต่สำหรับผู้ใช้คือการได้กล้องหน้าชั้นเลิศในคุณภาพและเทคโนโลยีที่ยังไม่มีกล้องหน้าตัวไหนทำได้ครับ
อย่างที่บอกไปว่าเหตุผลของการออกแบบกล้องโดยใช้กลไกเข้าช่วยแบบนี้ ก็เพราะความต้องการที่จะทำให้หน้าจอแสดงผลของเครื่องรุ่นนี้ไร้ตำหนิ ขอบจรดขอบ ไม่ต้องมีติ่งหรือรูใดๆ มากวนใจ และ Galaxy A80 ก็ออกมาในหน้าตาแบบนั้นแหละครับ
ส่วนใหญ่แล้วคนจะไปพูดถึง A80 ในเรื่องของกลไกกล้องหมุนได้ของมัน จนลืมไปว่าหน้าจอแสดงผลของ A80 มันก็สุดยอดไม่แพ้กัน เป็นจอภาพขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้วเลยครับ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรงด้วยระบบคลื่นเสียง Ultra Sonic เหมือนรุ่น Galaxy S10+ มีความแม่นยำสูงมาก สแกนได้แม้นิ้วจะมีความชื้นครับ (รุ่นนี้ไม่รองรับการสแกนใบหน้า) ซึ่งจากการลองใช้ก็พบว่าระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอของ Samsung เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ค่อนข้างจะสแกนช้าไปสักหน่อยครับ ด้วยเพราะระบบที่ต่างกับคนอื่น และมีระบบการตรวจสอบที่มากขั้นตอนกว่า มีการตรวจจับน้ำหนักแรงกดของนิ้วว่าต้องเป็นธรรมชาติด้วย
จอมีความละเอียดเป็น FHD+ 1080 x 2400 แถมเป็นจอขนาด 6.7 นิ้วแบบ Super AMOLED ที่เต็มๆ ขอบของตัวเครื่อง ที่ดูแล้วขนาดตัวเครื่องแทบจะไม่ใหญ่ไปกว่าหน้าจอของมันเลย
เจ้าจอแสดงผลตัวนี้ทาง Samsung เรียกมันว่า “New Infinity Display” ซึ่ง Galaxy A80 คือตัวแรก รุ่นแรก ที่มีหน้าจอแสดงผลตัวนี้มาให้ใช้ครับ
นอกจากกลไกกล้องที่สุดจะไฮเทค กับหน้าจอบิ๊กเบิ้มสุดอลังการแล้ว งานวัสดุตัวเครื่องก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน แค่แรกจับคุณก็จะรู้เลยว่านี่คือเครื่องพรีเมี่ยมของ Samsung อย่างแน่นอน งานประกอบแน่น โลหะเนื้อดี มีกลไกระดับสูง ปุ่มกดเด้งดึ๋งๆ และผิวสัมผัสละมุนมือ น่าลูบคลำไปหมดละครับ ^^
และยังมีข้อยืนยันความพรีเมี่ยมของรุ่นนี้ ด้วยคำว่า “Samsung Galaxy A80 x BLACKPINK” พรีเซ็นเตอร์ที่น่าจะแพงที่สุดเท่าที่ Samsung เคยมีมา โดยเฉพาะกับรุ่น A80 คือครั้งแรกที่ Samsung เอา BLACKPINK มาใช้แบบเต็มพิกัด ทั้งผลิตออกมาเป็นรุ่น S80 ลิมิเต็ดอิดิชั่น และใช้เป็นชุดบ็อกเซ็ตของพรีเมี่ยมลิขสิทธิ์แท้สำหรับมอบให้ผู้สั่งจอง Galaxy A80 ทุกคน (หรือจะเอาเป็นหูฟัง AKG ก็ได้นะ)
ใช้การออกแบบระดับนี้ ใช้งานประกอบระดับนี้ ใช้พรีเซ็นเตอร์ระดับนี้ บอกได้เลยครับว่า Galaxy A80 งานดีไม่มีหยาบแน่นอน ทุกๆ ปุ่มกด ทุกๆ มุมเครื่อง จับสัมผัสแน่นและรู้สึกดีไปหมดครับ พอร์ตชาร์จใต้เครื่องเป็น USB Type C รองรับระบบชาร์จเร็วตัวใหม่ Super Fast Charging 25W
รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual 4G LTE แต่ไม่รองรับการใส่ Micro SD card และไม่มีรูหูฟัง 3.5 mm โดยตรงนะครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้ทั้งชุดชาร์จ Super Fast Charging 25W พร้อมสายเชื่อมต่อแบบ Type-C to Type-C และชุดหูฟังที่เป็นพอร์ต USB Type C โดยตรง รวมถึงเคสสวมใส่ซึ่งสวยมากครับ เป็นเคสแถมในกล่องในเกรดที่ไม่ค่อยจะได้เจอครับ
คลิปวีดีโอแกะกล่อง Samsung Galaxy A80
การใช้งานภายใน
Galaxy A80 ตามชื่อรหัสรุ่นแล้วก็ไม่ใช่ตัวท็อปของ Series A นะครับ ยังเว้นรอ A90 ไว้อยู่ แต่รุ่นนี้เมื่อดูจากงานออกแบบและตัวเครื่องภายนอกมันก็อยู่ในระดับพรีเมี่ยมแล้วละครับ
สเปคของมันก็เช่นกันครับ อยู่ในระดับสูง แรงพอตัว แต่ยังไม่ใช่สเปคตัวท็อปขีดสุดเท่าที่มีของ Samsung ครับ จะเน้นนวัตกรรมและงานออกแบบมากกว่า
Galaxy A80 ใช้หน่วยประมวลผลซีรี่ย์ 7 รุ่นใหม่ของ Qualcomm นั้นคือ Snapdragon 730G Octa Core 2.2 ผลิตภายใต้เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร มี RAM 8 GB และ ROM 128GB สเปคเครื่องไม่ท็อปแต่ยังไงก็ระดับสูงครับ เซ็นเซอร์สำคัญมาครบ และการจับสัญญาณไร้สาย, GPS ทำได้รวดเร็วครับ
จริงๆ แล้วถ้าจะดูโดยรวมทั้งภายนอกภายใน ทั้งจากตัวเครื่องและสเปค เจ้า Galaxy A80 ถ้าเทียบกับตัวท็อปของทุกแบรนด์ทั้งตลาด มันขาดแค่หน่วยประมวลผลขั้นท็อปอีกสักตัว มันก็ยืนหนึ่งเป็นเครื่องเรือธงแบรนด์ใหญ่ที่ขายกันในราคาราวๆ สามหมื่นไปแล้วนะครับ เพราะแรมเยอะ รอมแยะ ตัวเครื่องภายนอกเผลอๆ อาจจะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีงานประกอบไฮเทคที่สุดในตลาดตอนนี้ด้วยซ้ำ แถมเป็นมือถือแบรนด์ Samsung ดูแล้วมันเป็นตัวราคารองที่ค่อนข้างครบเครื่องมากๆ เลย
มันถูกกำหนดราคาเอาไว้แล้วว่าจะขายในเรทประมาณนี้ เว้นที่ไว้ให้เครื่องระดับสูงกว่าทำตลาดราคาใกล้ๆ สามหมื่นไปแทน เจ้าตัวนี้ขอขายความพรีเมี่ยมในราคาสองหมื่นต้นๆ เท่านั้นครับ เป็นพื้นที่ของมัน
การใช้งานภายในของ Galaxy A80 ใช้ระบบ ONE UI ซึ่งเป็นหน้าการใช้งานที่ทาง Samsung ออกแบบมาเพื่อสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ๆ ในยุคหลังนี้โดยเฉพาะ การใช้งานเน้นง่าย ใช้งานมือเดียวได้ง่ายกว่า UI ตัวเก่า (ถ้านิ้วคุณยาวพอนะ ^^) การแสดงผลตัวอักษรใหญ่ชัดเจน ปรับตั้งค่าขนาดอักษรและฟอนท์ใช้งานได้ในการตั้งค่า
ความเป็น Samsung มีอยู่เต็มเครื่อง ทั้งสโตร์พิเศษ Galaxy Store สำหรับแอพและเกมในส่วนลดและของขวัญพิเศษ มีธีมสโตร์ มี Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวของ Samsung และแอพสุขภาพ Samsung Health สำหรับการจัดเก็บกิจกรรมการใช้ชีวิตและการออกกำลังกาย สิทธิพิเศษต่างๆ จาก Galaxy Gift, Samsung Members
หน้าจอใหญ่ๆ แบบนี้ก็ต้องมีฟังก์ชั่นมัลติวินโดวไว้ใช้งานครับ แบ่งหน้าจอทำงานหลายแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน ซึ่ง Galaxy A80 รองรับการทำงานทั้งแบบแบ่งครึ่งจอ และแบบป๊อบอัพแอพซ้อนแอพซึ่งเป็นโหมดที่เปิดได้มากกว่าสองแอพพร้อมกัน คุณจะเปิดสามแอพทั้งเล่นเกม ดูคลิป และเปิดหน้าเว็บสำหรับแชตเอาไว้พร้อมๆ กันก็ทำได้นะครับ
จากที่สังเกต เจ้า Galaxy A80 ระบบสั่นของมันค่อนข้างเบานะครับ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่เคยใช้มา ระดับสั่นปรับได้แต่เปิดระดับแรงสุดแล้วก็จะรู้สึกเบากว่าความเคยชินเดิมๆ ครับ
ส่วนเรื่องของเสียงไม่เบาครับ ลำโพงเดียวแต่เสียงดัง เสียงชัดเจนครับ มีเนื้อเสียงพอประมาณเลย มีระบบ Dolby Atmos มาให้ปรับแต่งเสียงได้ด้วยครับ
Galaxy A80 มีโหมดสำหรับการใช้งานด้านความปลอดภัย ทั้งสำหรับความปลอดภัยของ “เด็ก” และความปลอดภัยของ “ข้อมูลส่วนตัว”
โดยใน Kids Home หรือหน้าการใช้งานสำหรับเด็ก จะเป็นพื้นที่ที่ผู้ปกครองจะควบคุมคอนเทนต์ เวลาเล่นของเด็ก และรายชื่อติดต่อที่เราคัดกรองไว้ก่อนได้ครับ โดยทาง Samsung ได้ทำสโตร์พิเศษที่คัดกรองไว้ให้แล้วว่าเหมาะสำหรับเด็กให้ไว้ด้วยครับ
ส่วนข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เราสามารถเอาไปเก็บไว้ได้ที่ “โฟลเดอร์ปลอดภัย” เป็นพื้นที่สำหรับการเข้ารหัสไฟล์ แอพพลิเคชั่น และข้อมูลส่วนตัวของเราเอาไว้ในพื้นที่พิเศษ ที่จะต้องใส่รหัสการเข้าใชงานอีกชั้นหนึ่งก่อนเท่านั้นครับ
ประสิทธิภาพในการใช้งานของ Galaxy A80 จากหน่วยประมวลผล Snap 730G มันเพียงพอใช้งานทุกแอพทุกเกมใน Play Store อยู่แล้วครับ เกมเล่นได้หมด กราฟิกสูงๆ อาจจะตอบสนองไม่สุดขีดทันใจ แต่ไม่ใช่ในระดับต้องทนเล่นครับ เล่นได้ลื่นไม่หงุดหงิดครับ
ใน Galaxy A80 จะมีโหมดสำหรับผู้เล่นเกมที่จะใช้รีดประสิทธิภาพเครื่อง และตั้งค่าปิดกั้นการรบกวนในขณะเล่นเกมได้ครับ รวมถึงความสามารถในการบันทึกการเล่นของเราให้เป็นภาพวีดีโอได้ด้วย
สามารถเปิดแอพสำคัญซ้อนทับการเล่นเกมได้เช่น แอพ Youtube, เว็บเบราว์เซอร์ หรือสมุดโน็ต สำหรับคนที่ต้องการจะเปิดหรือดูคู่มือการเล่นเกมไปพร้อมๆ กันนั้นเองครับ
ตัวแบตเตอรี่ของ Galaxy A80 ให้มาขนาด 3,700 mAh สำหรับ Galaxy A80 แบตเตอรี่ไม่ถือว่าอึด ใช้งานได้ในระดับทั่วๆ ไปวันต่อวันครับ เปิดเล่นเกมหรือทำงานต่อเนื่องได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมงสำหรับการเปิดหน้าจอเอาไว้ ถ้าเป็นการเปิดสแตนด์บายใช้ได้ข้ามวัน หน้าจอคือส่วนที่กินพลังงานมากที่สุดเสมอครับ และสำหรับ A80 ก็เช่นกัน
กลับบ้านมาก็ชาร์จทิ้งไว้มันชาร์จได้ไวครับ จาก 30% ไปจนเต็มใช้เวลาประมาณแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น
โดยรวมในการใช้งานของ Galaxy A80 จอใหญ่ชัดเต็มตาอันนี้ข้อดีของรุ่นนี้เลย มีบริการเสริมและฟังก์ชั่นให้ใช้งานเยอะกว่าทั่วไปเพราะเป็นสิ่งที่ Samsung เด่นในทางนี้เสมอมาครับ
ส่วนประสิทธิภาพอยู่ในระดับ 8 (เต็ม 10) ของวันนี้ แรมเยอะ รอมใหญ่ เพียงพอต่อการใช้งานในระยะยาวแน่นอน ไม่อืด ไม่หนืด ไม่ค้าง ใช้งานมายังไม่เจอปัญหาอะไรครับซอฟท์แวร์ทำมานิ่งดีแล้ว
กล้องถ่ายภาพ
จุดเด่นของรุ่น A80 ก็คือกล้องถ่ายภาพเนี้ยแหละครับ กล้องสามเลนส์ที่ใช้เซนเซอร์ต่างกัน ตัวหลักเป็นกล้อง 48 ล้านพิกเซล ทำงานเป็นกล้องหลังตัวหลักในทุกๆ โหมด กล้องที่สองเป็นกล้องเลนส์กว้างพิเศษ 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ตัวนี้ทำหน้าที่เป็นเลนส์ที่สอง ใช้วัดระยะและจับภาพในมุมองศาที่ต่างออกไป ทำงานเป็นตัวหลักในการถ่ายภาพมุมกว้างของ A80 นั้นเองครับ และกล้องตัวสุดท้าย HQVGA ความละเอียดไม่สำคัญ เพราะเจ้าตัวนี้ทำหน้าที่เป็นเซนเซอร์ 3D Depth วัดระยะวัตถุเพื่อช่วยจับโฟกัสได้แม่นยำมากขึ้น มันสำคัญมากสำหรับ
กล้องทั้งสามตัวทำงานภายใต้ UI กล้องของ Samsung ที่มีระบบตรวจจับซีนที่ถ่ายเพื่อปรับแต่งภาพอัตโนมัติ มีระบบซูมภาพและปรับภาพเป็นเลนส์ไวด์ได้ในคลิ๊กเดียวครับ
ระยะองศาของกล้องจะสลับกันระหว่างโหมดปกติและเลนส์มุมกว้าง เลือกใช้งานได่จากจุดยืนเดียวกันก็จะได้ภาพแบบสองมุมมองครับ
มีโหมด Live Focus สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ แต่พิเศษมากขึ้นด้วยในวันนี้ Galaxy A80 ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งในโหมดถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายภาพวีดีโอเคลื่อนไหวได้ด้วยครับ ละลายหลังในวีดีโอกันแบบเรียลไทม์ไปเลย
รวมถึง Galaxy A80 มีโหมด Super Steady หรือโหมดการถ่ายวีดีโอแบบกันสั่น ซึ่งเป็นฟ้งก์ชั่นตัวดังของ Samsung ที่เคยอยู่ใน Galaxy S 10 ก็มีมาให้ใช้ด้วยนะครับ ระบบกันสั่นตัวนี้ทำงานในระดับใกล้เคียงกล้องแอคชั่นแคมเลยละ วิ่งไปถ่ายไปภาพยังนิ่งเหมือนใช้ไม้กิมบอลแบบนั้นเลยครับ
โหมด Live Focus ไม่ได้จำเป็นต้องถ่ายภาพบุคคลเพื่อการละลายหลังเท่านั้นครับ ตัวกล้องมันสามารถตรวจจับวัตถุที่ไม่ใช่มนุษย์เพื่อปรับระยะชัดลึกชัดตื้นได้เช่นกัน แค่ให้ระยะห่างของกล้องกับวัตถุนั้นๆ อยู่ห่างกันอย่างเหมาะสมก็พอครับ
จับโฟกัสเจอ มันก็ละลายได้หมดแม้ไม่ใช่การถ่ายคนครับ เพิ่มความสนุกในการเดินถ่ายภาพเล่นของผู้ใช้ได้เยอะเลยโหมด Live Focus
แม้ตัวกล้องของ Galaxy A80 จะมีเลนส์สองระยซึ่งเป็นเลนส์ระยะปกติและมุมกว้าง 123 องศา แต่ว่าหน้า UI ก็ยังเปิดให้เราทำกาาซูมภาพแบบดิจิตอลเมื่อต้องการได้สูงสุด 8x นะครับ เพื่ออยากจะส่องอะไรเล่นก็แค่ทัชไอคอนปรับระยข้างไว้แล้วลาก เลือกระยะซูมที่ต้องการได้เลย
ผมลองทดสอบซูม 8x มาให้ทุกคนดูกันเล่นๆ ครับ
มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องมาให้ใช้แล้วนะครับ ถ่ายภาพโดยเพิ่มแสง เงา และความจัดจ้าน แนวภาพตามสมัยนิยมเลยครับ และผมว่าโหมดกลางของ Samsung ทำมาได้ดีมันปรับภาพไม่วุ้นเกินไป และยังดูมีความเป็นอารมณ์กลางคืนอยู่ ไม่ปรับสว่างมากจนเหมือนยิงสปอตไลท์เข้าไปในฉากมืดแบบนั้นมันจะดูสว่างไปหมดแม้แต่ส่วนที่ควรจะเป็นเงาครับ
แต่ในโหมดถ่ายภาพกลางคืนของ A80 มีข้อจำกัดคือยังไม่สามารถใช้เลนส์มุมกว้างถ่ายได้ครับ จุดนี้น่าเสียดาย
ตัวอย่างภาพจากโหมดกลางคืนของ Galaxy A80
จริงๆ แล้วตัวจับซีนของกล้อง Galaxy A80 ก็จะมีการถ่ายภาพกลางคืนของมันในตัวเช่นกัน เราไม่ต้องเปิดโหมดกลางคืนโดยเฉพาะไปทุกครั้งก็ได้นะครับ ยิ่งถ้าเป็นการถ่ายภาพคน หรือบางครั้งที่เราไม่ต้องการเร่งแสงไฟมากๆ ให้มันเกินจริง
เราก็ใช้โหมดอัตโนมัติของมันธรรมดาๆ นี้แหละครับ ถ่ายเลย กล้องของ A80 ก็พอจะเอาอยู่ในที่แสงน้อยและแสงก็จะไม่จัดเกินจริงไปมากนักครับ ข้อดีของการถ่ายกลางคืนในโหมดปกติก็คือเราจะใช้เลนส์ไวด์ถ่ายในตอนกลางคืนได้ด้วยครับ
ภาพกลางคืนจากโหมดปกติของ A80
กล้องหลังที่ว่ามา เมื่อผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนใช้กล้องหน้า มันก็จะยกตัว และหมุนกลับ ปรับตัวเองมาเป็นกล้องหน้าให้ทันทีครับ พร้อมขนเอาความละเอียด 48 ล้านตามมาเพื่อการเซลฟี่ให้ด้วย ^^ ฉะนั้นรายละเอียดของภาพเราได้ภาพแบบกล้องหลังเลยครับ
และอย่าลืมว่าเมื่อกล้องพลิกกลับมา มันจะพาเอาตัวกล้องเลนส์กว้างกับเซนเซอร์ 3D Depth พลิกกลับมาพร้อมกันด้วย ฉะนั้นสำหรับ Galaxy A80 เราจึงสามารถถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้าง และถ่ายเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอจากเลนส์กล้องจริงได้ ไม่ใช่การใช้ซอฟท์แวร์ปรับแต่งครับ ^^
รวมถึงการใช้ความสามารถของโหมดใหม่ “การถ่ายวีดีโอไลฟ์โฟกัส” หรือการถ่ายวีดีโอหน้าชัดหลังเบลอ ตอนปรับเป็นกล้องหน้ามันก็ทำได้ด้วยเช่นกัน
ซูมได้ เลนส์กว้างได้ หน้าชัดหลังเบลอกับกล้องหน้าได้ทั้งแบบภาพนิ่งและภาพวีดีโอ แปลกใหม่เลยสำหรับสายเซลฟี่ ^^
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy A80
สรุปท้ายรีวิว
ตัวเครื่องพรีเมี่ยมมาก วัสดุตัวเครื่องและงานประกอบทั้งหมดมาในมาตรฐานเครื่องระดับสูงของ Samsung กลไกกล้องพลิกได้เป็นนวัตกรรมที่ใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้ A80 ได้เครื่องสมาร์ทโฟนที่หน้าจอเต็ม สุดขอบไม่มีติ่งหรือรูเจาะ กล้องหน้าชัดเจนเท่ากล้องหลังเพราะเป็นตัวเดียวกัน และทลายข้อจำกัดของฟังก์ชั่นกล้องที่กล้องหน้าปกติไม่สามารถทำได้
มีโหมดการถ่ายภาพแบบใหม่ “วีดีโอไลฟ์โฟกัส” หน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ กล้องหน้ามีเลนส์มุมกว้าง 123 องศาเพื่อการถ่ายภาพเซลฟี่ที่เก็บบรรยากาศรอบตัวหรือถ่ายเป็นหมู่ขณะได้เหมาะสมกว่าเดิมครับ
ประสิทธิภาพอาจจะถูกพูดถึงบ่อยสำหรับการเปิดราคามาของ Galaxy A80 ด้วยเพราะคู่แข่งที่เน้นขายสเปคใช้หน่วยนประมวลผลตัวเดียวกันแต่ทำราคาได้ดีกว่า แต่ในด้านนวัตกรรมและบริการเสริมภายในเครื่องไม่มีใครเจ้าไหนให้เท่ากับเครื่องนี้ในปัจจุบันครับ ฉะนั้นจุดอ่อนของเจ้าตัวนี้ก็น่าจะเป็นมุมมองจากผู้ที่ใส่ใจให้ความสำคัญกับสเปครุ่นหน่วยประมวลผลเป็นหลัก
แต่ถ้าใครไม่สนใจว่าสเปคมันต้องสุด แต่อยากได้เครื่องพรีเมี่ยม กล้องเท่ๆ กล้าหน้าเทพๆ และบริการหลังการขายที่มีให้อีกมากมายในเครื่องของ Galaxy แล้ว
Galaxy A80 บวกกับ BLACKPINK ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ ^^