Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนในตลาดกลาง ออกมากันแบบปูพรมเป็นชุดไล่ตั้งแต่ราคาต่ำสี่พันกว่าบาท ไปจนถึงหมื่นต้นๆ เพื่อเข้ามาทดแทนรุ่นเก่ารุ่นแก่ทั้งหลายที่ได้เวลาปลดเกษียณออกไปจากตู้โชว์สักที และงานนี้ผมขอพูดถึง หนึ่งในเจนเนอเรชั่นใหม่เหล่านั้น นั้นคือ Samsung Galaxy Core ครับ
บอกราคากันก่อนเลยกับ Galaxy core เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ทาง Samsung แจ้งเอาไว้ว่าราคาประมาณ 8000 บาท มีตังค์ทอนนิดหน่อย มาพร้อมระบบสองซิมการ์ดในไซด์ไมโคร แต่แยกค่ายการรองรับ 3G ตามรหัสเครื่อง ก่อนซื้อตรวจสอบและถามให้ดี ว่าเราจะใช้ 3G ของค่ายใดเป็นหลักนะครับ
สำหรับ Galaxy Core นั้น ก็เป็นการออกแบบที่ยังคงเอกลักษณ์ของ Samsung D.N.A มองปั๊บรู้ปุ๊บไม่ต้องอ่านชื่อยี่ห้อ แต่มาในสีที่ค่อนข้างแปร่งๆ เล็กน้อย ไม่ใช่สีเงินไม่ใช่สีดำแต่ออกโทนสีครามทั้งตัว แม้แต่ขอบเครื่องก็เช่นกัน ไม่ได้ชุบสีเงินอย่างเดิมๆ ทำให้ดูสีแปลกตาไปสักหน่อย
Specification
-CPU Dual-Core 1.2GHz ARM Cortex A5
-Display 4.3 นิ้ว 800×480 pixels WVGA
-OS Android 4.1.2 Jelly Bean
-Memory 8GB (รองรับ Micro SD card )
-Ram 1GB
-Size 129.3 x 67.56 x 8.95 มิลลิเมตร
-Camera 5MP กล้องหน้า VGA
-Battery 1800 mAh
ตัวเครื่องภายนอก
หน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว ที่ยุคสมัยนี้ทำไมดูเล็กลงไปทุกที กลายเป็นมาตรฐานหน้าจอไซด์ที่เขาบอกกันว่า “เน้นพกพา” จากในสมัยนึงเคยมีแต่คนบอกว่า “ใหญ่ไปหรือเปล่า”
ปุ่มโฮมเรียวยาว กดแล้วไม่นิ่มไมนวลเหมือนรุ่นใหญ่ๆ แต่ไม่น่าจะมีปัญหา ยังเชื่อใจเพราะใช้มาหลายรุ่นยังไม่เคยเจ๊งคามือ ขนาบค้างด้วยปุ่มคอนโทรลมาตรฐาน เมนูและย้อนกลับ ซึ่งมีไฟ Backlight ที่สว่างมาก
ส่วนขอบเครื่องที่เป็นพลาสติกชุบ ดีไซด์ใหม่เล็กน้อย คลุมยื่นมาด้านหน้าตัวเครื่องเยอะกว่าเดิม ทำให้เห็นส่วนที่มันวาวมากขึ้น
ด้านบนเหนือจอเป็นลำโพงสนทนา สนทนาเสียงดังฟังชัด พร้อมกล้องหน้า และคำว่า Duos ซึ่งหมายถึงรุ่นที่รองรับระบบสองซิมการ์ด มุมเครื่องโค้งมน สนทนานานๆ ไม่กดทับทิ่มใบหู
ฝาหลังเรียบ มัน และมีลายที่เป็นขีดเส้นแทยงมุมเล็กๆ กล้อง แฟลช ลำโพง ยกขึ้นไปด้านบนหมด เหลือพื้นที่ด้านล่างให้เป็นที่จับได้เต็มไม้เต็มมือ
ขอบเครื่องแต่ละด้านยังคงเหมือนเดิม ปุ่ม Power ด้านขวา ปุ่มปรับระดับเสียงด้านซ้าย ด้านบนเป็นช่องเสียบหุฟัง และด้านล่างเป็นพอร์ต Micro USB ไว้ชาร์จไฟและเชื่อมต่อสายโอนถ่ายข้อมูล
โดยรวมในเรื่องของตัวเครื่องและการประกอบแน่นหนาครับ น้ำหนักเบา รูปทรงกระชับมือและโค้งมน เมื่อแกะฝาหลังออกมาจะพบช่องใส่ซิมการ์ดช่องที่2 และช่องใส่ Micro SD card ส่วนช่องใส่ซิมที่หนึ่ง ต้องแกะแบตเตอรี่ออกมาก่อนถึงจะเห็นครับ อยู่ใต้ช่องใส่ SD card อีกทีหนึ่ง
การใช้งานภายใน
CPU Dual Core 1.2 เป็น Cortex A5 หวังการใช้งานก่อนทดสอบไว้แค่ “พอใช้” ไม่ใช่ตัวแรงล้ำยุคอะไร มาพร้อมแรมขนาด 1GB กับ GPU Adreno203 ทรงนี้ก็เป็นแอนดรอยด์เน้นใช้ไม่เน้นโชว์ละครับ งานพื้นฐานโอเคหมด แต่จะโชว์ศักยภาพระดับไฮเดฟ หรือคะแนนผลทดสอบแบบไฮคลาส คงจะลำบากอยู่ อย่ากระนั้น ก็ขอจับทดสอบกันไปทีละเรื่องๆ ละกันครับ
การใช้งานหน้าโฮมทำได้ดี อานิสงส์จากหน้า UI Touchwiz Nature UX ของทาง Samsung และ Android 4.1 Jelly Beanหลังๆ มา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล็กเครื่องน้อยมักทำได้ดี และ Galaxy Core ก็แสดงอาการแลคเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อมีการสไลด์หน้าโฮมหรือเข้าออกแอพพลิเคชั่นไปๆ มาๆ
ฟังชั่นพื้นฐานของ Samsung มีมาให้ครบ การดึงและแบ็คอัพข้อมูลใน Samsung Account การติดตามเครื่องหายและการแจ้งเตือนการเปลี่ยนซิมการ์ดโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงบริการรีโมทควบคุมเครื่องระยะไกล
ฟังชั่นการเคลื่อนไหวมีมาให้ในตัวสำคัญๆ
การเตือนอัจฉริยะเวลาพลาดสายไม่ได้รับหรือข้อความเข้า หยิบเครื่องขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องจะสั่นเตือนอีกครั้ง
เขย่าเครื่องเพื่ออัพเดทการค้นหาของสัญญาณ Bluetooth ในกรณีต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น
คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียงเตือนสายเรียกเข้าหรือหยุดเพลงละวีดีโอที่กำลังเล่นอยู่
การพักหน้าจออัจฉริยะ จับดวงตาในขณะกำลังใช้งานเพื่อไม่ปิดแสงไฟหน้าจอ
แถมมาพร้อมกับการรับส่งไฟล์ผ่านระบบ Wi-Fi Direct ซึ่งหายากในเครื่องราคาต่ำหมื่นครับ
โหมดการใช้งานแบบง่าย ก็ตามมาด้วย ในกรณีมอบเครื่องให้กับผู้ใช้แอนดรอยด์ ที่ยังไม่ค่อยชำนาญ
โหมดการห้าม เปิดปิดการแจ้งเตือนและการติดต่อที่เข้าถึงตามช่วงเวลา
การจับสัญญาณ GPS ทำงานได้ดีถ้ามีเน็ตช่วย แต่การจับสัญญาณดาวเทียมใช้เวลาค้นหาพอประมาณครับ
คะแนนผลทดสอบต่างๆ
สิ่งที่น่าสังเกตของเครื่อง Galaxy core ก็คือการที่ไม่มีปรับแสงไฟหน้าจออัตโนมัติและไม่สามารถเปิดการสั่นของปุ่ม Softkey ด้านล่างได้ครับ และเมื่อเราเปิดเครื่องมา แรมเหลือใช้ประมาณ 500MB จากจำนวนเต็มที่เครื่องเห็นคือ 842MB พื้นที่จัดเก็บภายในเฉพาะตัวเครื่อง เหลือให้ใช้งานจริง 4.8 GB ครับ (ทดสอบ Galaxy Core ย้ายแอพลงเมมโมรี่ภายนอกไม่ได้)
ระบบสองซิม แยกการตั้งค่ารับสายและใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อิสระครับ ตั้งชื่อและไอคอนประจำซิมได้เพื่อกันความสับสน
แบตเตอรี่ขนาด 1800 mAh กับสเปคระดับนี้ ใช้งานเช้าถึงเย็นได้สบายๆ ครับ
การทำงานด้านแสดงผล
หน้าจอ WVGA 480p สีสันไม่กระจอกแสงสว่างดี มีมุมองศาในการมองกว้างพอสมควร น่าจะเป็นจอภาพตัวเดียวกันกับ Galaxy Grand แต่ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กกว่าจึงมีความคมชัดกว่าเยอะอยู่ครับ อ่านตัวหนังสือ เข้าเว็บไซด์ไม่มีปัญหา
ส่วนการเล่นวีดีโอจะสมบูรณ์อยู่ที่ 480p ครับ เล่น Youtube แบบ HQ ได้ไม่มีสะดุด แต่ถ้าเป็นไฟล์ออฟไลน์ 720P เริ่มมีอาการครับ เล่นไม่ได้บ้างช้าบ้าง ต้องอาศัยแอพเล่นวีดีโอเสริมจาก Playstore ถึงจะสามารถเปิดวีดีโอ 720P บางไฟล์ได้
ด้วยความละเอียดหน้าจอของ Galaxy Core อยู่ที่ 480p ใครที่นำมาใช้งาน ก็หาไฟล์หนังที่มีความละเอียดพอดีๆ จะดีกว่าครับ เพราะนอกจากจะเล่นได้สมบูรณ์กว่าแล้ว ละเอียดไปกว่านี้ก็ไม่ค่อยจะมีผล แถมยังเปลืองพื้นที่จัดเก็บอีกด้วย
การทำงานด้านเสียง
ลำโพง Samsung Galaxy core เสียงดังฟังเด่น ออกแหลมและแบนนิดๆ แต่ไม่ ขี้เหร่เปิดสุดเสียงไม่แตก การออกแบบดีวางเครื่องหงายแล้วลำโพงไม่โดนบัง เครื่องที่ได้รับมาทดสอบไม่มีหูฟังมาให้ครับเลยลองให้ไม่ได้ ส่วนตัวเล่นเพลงก็จะมีหน้าตาเหมือนกันกับ Samsung Galaxy ตัวอื่นๆ ปิดเพลงแยกตามศิลปินได้ แยกตามแนวเพลง และเปิดเพลงตามโฟลเดอร์ที่เราจัดเก็บไว้ได้ครับ ใช้ฟังชั่นการคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียงเพลงและวีดีโอได้
การทำงานด้านเกม
ทดสอบเล่นเกม HD racing อย่าง Riptide GPปรากฏว่าเล่นได้ครับ มินิเกมทั่วไปหายห่วง เรื่องเกมไม่น่าจะใช่ปัญหาครับ แต่เกมกราฟฟิคสูงๆ ก็ออกอาการหน่วงให้เห็นอยู่เหมือนกัน
การใช้งานด้านการถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพของตัว Galaxy Core ด้านหน้านั้นเป็นแค่ VGA นะครับ ใช้วีดีโอและถ่ายหน้าตัวเองระยใกล้ๆ ส่วนกล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลพอถูไถ ในที่สภาพแสงพร้อมก็สามารถได้ภาพที่ดีได้เช่นกัน ในที่มือหรือที่มีแสงสว่างน้อยก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพร์สครับ ตามความเป็นกล้องมือถือทั่วๆ ไป
ฟังชั่นติดกล้องก็มีมาให้ไม่น้อยครับ ฟิลเตอร์แต่งสีขาวดำ ซีเปีย และเนกาทีฟ การถ่ายภาพแบบต่อเนื่องและการถ่ายภาพแบบพาโนรามาสี่ทิศทาง จะซ้ายขวาหรือขึ้นลงก็เก็บภาพแนวโลกกว้างได้ทุกแกนครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Galaxy Core
สรุปท้ายรีวิว
เป็นสมาร์ทโฟนเน้นการใช้งานแบบพอเพียงครับ ทำได้ครบแต่ไม่ได้โดดเด่น เป็นรุ่นที่เน้นราคาสามารถจับต้องได้ง่าย รองรับระบบสองซิมการ์ด ไม่ได้ดีเยี่ยมไม่ได้ด้อยแย่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรในภายหลัง ก็ถือว่าเป็นเครื่องสมราคาไม่หวือหวาอะไร เน้นการใช้งานทั่วๆ ไป ถ้าชอบการดีไซด์ก็จัดได้เลยครับ
[gradeC]