เปิดตัวมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ สำหรับ Samsung Galaxy Note 8 ก็เป็นไปตามข่าวลือแทบทุกอย่างครับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว แรม 6GB แบตเตอรี่ 3,300 mAh มาพร้อมกับกล้องคู่แบบเลนส์ Wide + Tele รูปร่างหน้าตาดูงามตามภาพหลุด โดย APPDISQUS มีรายละเอียดที่น่าสนใจมาฝากกันในบทความรีวิวแรกนี้ของ Note 8 ครับ
การออกแบบ
Samsung Galaxy Note 8 จะคล้ายๆ กับ Galaxy S8 ครับ ที่พื้นที่ด้านหน้าของเครื่องแทบจะเป็นหน้าจอของเครื่องทั้งหมด (83.3% ของพื้นที่ด้านหน้าเครื่อง) ขนาดจอแสดงผล 6.3 นิ้ว ความละเอียด QuadHD โดยมีเอกลักษณ์ของความเป็น Note ที่แตกต่างกับ S8 ก็ตรงหน้าจอจะมีลักษณะมุมเหลี่ยมมากกว่าครับ ทำให้มีพื้นที่บนหน้าจอได้มากกว่าเดิมและเหมาะกับลักษณะของการใช้งานแบบจดบันทึกมากกว่า
ที่สำคัญ เป็นเครื่องหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ที่เมื่อผมลองถืออยู่บนมือแล้วมันเล็กมากครับ ขนาดเครื่องโดยรวมกว้าง 74.8มิล สูง 162.5มิล และหนา 8.5 มิล หนัก 195 กรัม ที่ว่านี้คือขนาดเครื่องหน้าจอ 6.3 นิ้วที่มีปากกาเสียบอยู่ภายในแล้วด้วยนะครับ จะเห็นว่า Note 8 เครื่องไม่ได้ใหญ่ไปกว่า Galaxy Note 5 ที่มีหน้าจอแค่ 5.7 ในอดีตเลย
Note 8 มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนม่านตา iRis Scanner และเซ็นเซอร์ต่างๆ ครบอยู่เหนือหน้าจอที่เป็นกระจก Gorilla Glass 5 วัสดุขอบเครื่องเป็นอลูมิเนียมซีรี่ย์ 7000 ขึ้นรูปแบบมีผสมความมันเงา ทำให้มันดูหรูกว่าวัสดุแบบเดิมๆ ของ Samsung ครับ และยังคงมาตรฐานการผลิตที่กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 เช่นเดิม พร้อมรองรับการชาร์จไร้สาย
Note 8 มีปุ่ม Bixby อยู่ด้านข้างเครื่องด้วย ซึ่งตอนนี้ได้รับการอัพเดทใหม่ให้ Bixby พูดได้แล้วครับ ^^ แต่จะรองรับแค่เสียงในภาษาอังกฤษและเกาหลีเท่านั้น โดยมีคุณสมบัติของ Bixby เหมือน Galaxy S8 ทุกประการครับ
ด้านหลังมีการปรับตำแหน่งที่สแกนลายนิ้วใหม่ให้สแกนนิ้วได้ง่ายขึ้นครับ ด้วยการเพิ่มระยะห่างของที่สแกนนิ้วกับกล้องถ่ายภาพให้ห่างออกจากกัน และอย่างที่ทุกคนเห็นครับนี่นับเป็นครั้งแรกกับ Samsung ที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบคู่บนเครื่องสมาร์ทโฟนของพวกเขา
ภาพด้านล่างเป็นเครื่อง Galaxy Note 8 ที่ผมถ่ายเทียบเครื่องกับ Galaxy S8 ครับ
S-pen ใหม่
และแน่นอน ด้วยมันคือ Galaxy Note ก็ต้องพัฒนาประสิทธิภาพของ S-Pen มาใหม่ด้วย หัวปากกาของ S-Pen ใหม่ เล็กแหลมลงเหลือเพียงแค่ 0.7 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักแค่ 3กรัม มีความแม่นยำมากขึ้นไปอีกจากการพัฒนาตัวเซ็นเซอร์ และเปลี่ยนหัวปากกาเป็นวัสดุยางแทนหัวพลาสติกแบบเดิมครับ
ปรับระยะปุ่มบนตัวปากกาให้อยู่ในตำแหน่งที่มือไม่ไปโดนง่ายๆ รวมทั้งปุ่มท้ายปากกาที่ออกแบบให้มีอารมณ์เหมือนปุ่มกดของปากกาจริงด้วยครับ (เอาไว้กดเล่น ^^) รวมทั้งตัวปากกาสามารถเขียนลงบนจอได้แม้หน้าจอเครื่องจะเปียกน้ำได้ด้วย
มีฟังก์ชั่น Screen Off Memo ใหม่ ที่สามารถเขียนลงบนหน้าจอได้แม้หน้าจอปิดอยู่ ซึ่งบันทึกเมโมด่วนได้มากถึง 100 หน้าเลยทีเดียวครับ ที่สำคัญปักหมุดมันไว้บนหน้าจอตลอดเวลาด้วยฟังก์ชั่น Always on Display และแก้ไขขีดฆ่าหรือแต่งเติมในภายหลังได้ด้วยนะครับ เรียกว่าพร้อมจะบันทึกได้ตั้งแต่หน้าจอยังไม่เปิดใช้กันเลย
ฟังก์ชั่นเด่นของ Note ก็คือ Air Command ก็ยังคงอยู่ครับ เครื่องมือชุดไอคอนที่จะแสดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติทันทีที่เราดึงปากกาออกมา ปัจจุบันใน Note 8 ได้เพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษเข้ามาใหม่ เช่น
แอพพลิเคชั่นระบายสี Coloring ระบายสีกันเล่นๆ จากโครงภาพที่ทาง Samsung แจกให้เล่นฟรี 200 ภาพ (ซื้อเพิ่มเติมได้ในอนาคต) หรือระบบเด็ด Live Message ซึ่งเราสามารถใช้ปากกา S-pen วาดเป็นรูป เป็นภาพ หรือสัญลักษณ์ ออกมาเป็นไฟล์เคลื่อนไหว (GIF) แล้วส่งไปให้เพื่อนผ่านแอพพลิเคชั่นแชตต่างๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, เป็นต้นครับ สร้างอารมณ์ของการสนทนาแบบใหม่ที่แปลกแตกต่าง ซึ่งฟังก์ชั่น Live Message เป็นหนึ่งในไอคอนใหม่ที่เราสามารถเรียกใช้งานได้จากใน Air Command ครับ ตัวนี้ผมว่าน่าสนใจ ถ้าโพสลงใน Facebook ได้ จะเด่นมากเลยครับ
ตัว Air command ยังมีฟังก์ชั่น Translate เราสามารถใช้ปากกาลากเลือกเพื่อแปลภาษาได้แบบเป็นประโยค รวมทั้งแปลค่าของหน่วยวัดและค่าเงินได้ด้วยครับ แค่เพียงเอาปากกาลากไปบนตัวหนังสือหรือตัวเลขที่ต้องการ รองรับการแปลภาษามากถึง 71 ภาษา รวมถึงภาษาไทยครับ
ผมขอสรุปสิ่งที่น่าสนใจในความสามารถใหม่ของ S-pen บน Note 8 ก็คือ ระบบ Live Message และระบบ Screen Off Memo ที่เพิ่มหน้าให้บันทึกได้ถึง 100 หน้า และรองรับการใช้งานในขณะที่หน้าจอเปียกน้ำครับ
กล้องถ่ายภาพ
แต่สิ่งที่คนสนใจและนับเป็นจุดขายใหม่ของ Samsung ก็คือเรื่องของกล้องคู่ครับ กล้องคู่ของ Samsung Galaxy Note 8 มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งสองตัว โดยเป็นเลนส์มุมกว้าง Wide 12 ล้านพิกเซล f1.7 และเลนส์มุมแคบ Tele 12 ล้านพิกเซล f2.4 ซึ่งทาง Samsung เลือกใช้กล้องคู่ที่เป็นกล้องคู่แบบ 4 Dual ครับ นั้นคือ
- Dual Pixel ที่ช่วยเพิ่มแสงและความไวในการจับภาพ
- ระบบ Dual Camera ที่เป็นเลนส์ไวด์และเลนส์ซูมแบบเทเลโฟโต้เพื่อการซูมภาพได้สองเท่าแบบไม่สูญเสียรายละเอียด (รองรับ Optical Zoom X2เท่า และ Digital Zoom X10เท่า)
- Dual OIS เป็นกล้องมือถือตัวแรกของโลกที่มีระบบกันสั่นให้กับเลนส์ทั้งสองตัว ซึ่งจะทำให้ระบบกันสั่นของ Note 8 รองรับกับการใช้ในขณะซูมภาพได้มากขึ้น
- พร้อมกับระบบ Dual Capture การจับภาพสองระยะในการถ่ายภาพครั้งเดียวทั้งภาพแคบและภาพกว้าง และส่งผลให้กล้องของ Note 8 มันปรับโฟกัสแบบชัดลึกชัดตื้นได้ในขณะถ่ายได้ทันที ทาง Samsung เรียกมันว่า Live Photo ครับ โดยจะเลือกความชัดลึกชัดตื้นได้ทั้งก่อนและหลังการถ่ายครับ
โหมดการถ่ายภาพใน Note8 นอกจากจะมี Dual Capture, Live Photo ก็จะมีโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ที่เป็นมาตรฐาน เช่น HDR หรือพาโนรามา และการถ่ายภาพแบบ 3D Strickers การถ่ายภาพแบบมีองค์ประกอบน่ารักๆ ของบุคคลในภาพครับ
ความน่าสนใจที่ผมรู้สึกชอบก็คงเป็นเรื่องของกล้อง Note 8 ที่มีระบบ Dual Capture มันช่วยให้เราบันทึกภาพเป็นสองระยะได้ในชัตเตอร์เดียว ซึ่งภาพในสองระยะมันให้อารมณ์ที่แตกต่างกันมากครับ และเราจะไม่พลาดเก็บรายละเอียดของมันด้วยฟังก์ชั่นนี้
การซูมสองเท่าทำได้ดี ซึ่งรองรับการซูมได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอครับ แต่การควบคุมระบบชัดลึกชัดตื้นของ Live Photo ยังต้องอาศัยระยะที่เหมาะสมกับการจับโฟกัสสักหน่อยครับ ระยห่างที่กำลังดี คือประมาณ 4 ฟุตจากวัตถุที่ต้องการโฟกัส ซึ่งเมื่อระบบมันจับวัตถุได้แล้ว ตัวคำสั่งด้านล่างจะแสดงขึ้นเป็นสีเหลืองพร้อมปรากฏแถบบาร์ปรับโฟกัสขึ้นมา เป็นการแจ้งว่าพร้อมใช้งานแล้วในการกำหนดระยะลึกของโฟกัส
ปรับระยะชัดลึกชัดตื้นจาก Live Photo
ภาพสองระยะจาก Dual Capture ที่ได้จากการชัตเตอร์ครั้งเดียว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากการซูมปกติ (ซ้าย) ซูมออพติคอลสองเท่า(กลาง) และดิจิตอลซูมหกเท่า (ขวา)
ตัวอย่างภาพถ่าย
ส่วนกล้องหน้าใช้เป็นตัวความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f1.7 มีโหมดการถ่ายภาพแบบหน้าเนียนสวย และโหมด 3D Stickers ครับ คุณภาพถือว่าโอเคเลยนะครับ สำหรับกล้องหน้า
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน
Samsung Galaxy Note 8 ใช้หน่วยประมวลผลเดียวกันกับ Galaxy S8 และ S8+ การทำงานบนระดับหน่วยประมวลผล 10 นาโนเมตร โดยมีแรม 6GB ไม่ต้องห่วงเรื่องความแรงแล้วละครับ ตัวเครื่องที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นเครื่องหน่วยความจำขนาด 64 GB รองรับการใส่สองซิมการ์ดแบบไฮปริด สล็อตซิมที่สองเลือกใส่ซิมหรือใช้เพิ่ม Micro SD card ได้อีก 256 GB โดยจะมีบริการ Samsung Cloud ไว้สำหรับสำรองข้อมูลให้อีกจำนวน 15GB ด้วยครับ
ใช้ UI ตัวใหม่แบบเดียวกันกับ Galaxy S8 และ Galaxy S8 + มีความเรียบง่าย และไม่ยัดใส่แอพพลิเคชั่นติดเครื่องมามากไปนัก เปิดเครื่องมา ระบบมีการใช้หน่วยความจำไปประมาณ 10GB ครับ
รองรับการใช้ Samsung Pay และบริการอื่นๆ ทั้งหมดของทาง Samsung รุ่นใหญ่แบบนี้รับรองมาครบครับ
การใช้งานภายในได้มีการพัฒนาความสามารถที่ผู้ใช้นิยมใช้บนเครื่อง Galaxy Note มากที่สุดให้ดีกว่าเดิมด้วย นั้นคือระบบ Multi Window โดยมีการออกแบบฟังก์ชั่น App Pair For Speed and Ease เพิ่มเข้ามา เป็นการบันทึกการเปิดแอพคู่เอาไว้เป็นโปรไฟล์ให้เรียกใช้ได้อย่างรวดเร็วจากพื้นที่ขอบจอ (Edge Screen) แค่คลิ๊กเดียวก็เปิดแอพคู่แบบมัลติวินโดวขึ้นมาได้ทันที ในที่นี้รวมถึงแอพจัดการไฟล์ที่เราสามารถเปิดออกมาได้สองหน้าต่างพร้อมกัน เพื่อลากไฟล์คัดลอกข้ามหน้าต่างกันได้ด้วยครับ
ภายในกล่องจะมีหูฟังที่พัฒนาโดย AKG ออกแบบให้รองรับกับระบบเสียง 32 bit ของ Note 8 จะรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสียงผ่าน Bluetooth ได้สองอุปกรณ์พร้อมกัน และสามารถแยกแหล่งเสียงให้ต่างกันได้ เหมือนเครื่อง Galaxy S8 ครับ
ผมทดสอบใช้งานเครื่องมาตั้งแต่เช้า ประมาณ 4 ชั้วโมง แบตขนาด 3,300 mAh ลดไปประมาณชั่วโมงละ 8% ครับ ถือว่าจัดสรรพลังงานใช้ได้เลยครับ
สำหรับเรื่องอุปกรณ์เสริม จะแอบบอกว่า Galaxy Note 8 รองรับการใช้กับ Samsung Dex ได้ฉลาดขึ้นด้วยครับ โดยจะแสดงผลในหลายเรื่องได้ดีขึ้น เช่น Game Launcher ครับ แต่ Galaxy Note 8 จะไม่รองรับการใช้กับ Gear VR ตัวเดิม เพราะใหญ่เกินจะใส่ได้แล้ว คงต้องรอ Gear VR ตัวใหม่สำหรับคนที่ชอบการใช้ VR ครับ
Galaxy Note 8 จะมีอุปกรณ์เสริมอีกหลายอย่างที่ออกมาเพื่อมันโดยเฉพาะครับ ไม่ว่าจะเป็นเคสสวมใส่ตัวใหม่ สีใหม่ และคุณสมบัติกันกระแทกที่น่าจะถูกใจเพื่อนๆ อย่างแน่นอนครับ
ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 8 จะมีสีพื้นฐานออกมาในสามสี นั้นคือสีดำ สีทอง และสีน้ำเงินเฉดใหม่ Deep Sea Blue เปิดจำหน่ายในเมืองไทยเฉพาะรุ่นหน่วยความจำ 64GB ครับ ซึ่งวันจำหน่ายและราคา คงต้องรอทาง Samsung ไทยประกาศออกมาอย่างเป็นทางการกันอีกที
สำหรับรีวิวแรกของ Galaxy Note 8 ก็พบกันเท่านี้ก่อนครับ แล้วพบกันใหม่กับข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ ที่มีอยู่ในเครื่อง Galaxy Note 8 อีกมากมาย ซึ่งสามารถติดตามจาก APPDISQUS ได้เพิ่มเติม ในเร็วๆ นี้แน่นอนครับ
//To track Clicks use the following URL:
//Note: If you only use the following clicks tracking URL (without using impressions tracking URL above), the flight will be charged according to the click rate (CPC)