Samsung Galaxy Tab S10+ สุดยอดแท็บเล็ตที่มากับสุดยอด AI ทำทุกเรื่องงานให้เป็นเรื่องง่าย เรื่องสนุกก็ทำได้สนุกมากขึ้น
นี่คือสุดยอดแท็บเล็ตของ Samsung ด้วยความสามารถของระบบที่ทำงานร่วมกันกับ S Pen ซึ่งแต่เดิมก็มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว มาในรุ่นนี้ได้เสริมความฉลาดและความสามารถเข้าไปอีกมากมายด้วยการมาของ Galaxy AI ที่ทาง Samsung ไม่ได้กั๊กอะไรไว้เลย จัดเต็มเข้าไปในแท็บเล็ตรุ่นนี้
การมารวมกันทำให้ Galaxy Tab S10+ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงานได้ในระดับที่ยังไม่มีใครทำได้ถึงขนาดนี้มาก่อน นั้นเพราะ Galaxy AI เป็น AI ที่มีความสามารถมากที่สุดในวงการ และพร้อมใช้งานในภาษาไทยสมบูรณ์ มีความสามารถทั้งในการแปลภาษา แก้ไขเอกสาร แก้ไขรูปภาพ เมื่อมันถูกใส่เข้ามาในอุปกรณ์หน้าจอขนาดใหญ่และมีปากกาอย่างแท็บเล็ต มันจึงเกิดประโยชน์ได้มากกว่าบทบาทเดิมที่เคยอยู่กับสมาร์ตโฟนอย่างชัดเจน
โดยที่ Samsung ยังใส่ใจในด้านฮาร์ดแวร์ตัวเครื่อง ที่ผลิตมาในมาตรฐานยอดเยี่ยม ตัวเครื่องบาง เบา บางแค่ 5.6 แต่แบตเตอรี่ภายในใหญ่มากถึง 10,090mAh แล้วเสริมแกร่งด้วยโลหะ Armor Aluminum ที่มีค่าความแข็งแรงสูง 176 Hv ได้ความทนทาน สวยงาม และมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 เพื่อให้สามารถลุยไปได้ในทุกสถานการณ์ของชีวิตประจำวัน
ภาพและเสียงที่ยังเป็นสิ่งสำคัญของแท็บเล็ต ก็ใช้ของคุณภาพสูงมาเช่นกัน ใส่หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2x สีสันงดงาม ดูภาพยนตร์ได้เต็มตาด้วยสัดส่วนจอ 16:10 ติดตั้งลำโพง AKG 4 ตัว ที่ให้เสียงดังกระหึ่มชัดเจน ใส่ระบบ AI เข้ามาช่วยเสริมคุณภาพเสียง ให้ได้ยินบทสนทนาชัดแม้จะมีฉากแอคชั่นที่ดังกลบเสียงพูด ฃ
ประสิทธิภาพแรง ใช้ชิป Dimensity 9300+ ที่สามารถทำคะแนนทดสอบไว้ได้สูงมาก เป็นชิปเรือธงเต็มตัวของค่าย MediaTek รองรับระบบ Ray Tracing ทำกราฟิกภาพเกมออกมาได้สวยงาม มีความลื่นไหลสูง ทั้งการเล่นเกมและการใช้งาน ตอบสนองผู้ใช้ได้แบบ 100%
เสริมความน่าใช้ด้วยการจัดโปรโมชั่นแถมฟรีเคสคีย์บอร์ด Book Cover Keyboard Slim ที่ออกแบบมาให้ใช้คู่กันกับแท็บเล็ต มูลค่าราคา 5,990 บาท แถมให้ฟรีเพื่อเสริมความสามารถให้ครบเครื่อง และตัวคีย์บอร์ดยังออกแบบปุ่มเรียกใช้งาน Gemini AI เอาไว้โดยเฉพาะอีกด้วย
The Good
- เป็นแท็บเล็ตที่มาพร้อม Galaxy AI ใส่ความสามารถเข้ามาครบแบบไม่กั๊ก ช่วยเสริมความสามารถในการทำงานได้อย่างมากมายมหาศาล
- แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง ทั้งในเรื่องของหน้าจอแสดงผล และระบบเสียง 4 ลำโพงดังกระหึ่ม
- ใช้ชิปเซ็ตเรือธง Dimensity 9300+ ชิประดับ 4 นาโน รองรับ Ray Tracing
- มาพร้อม S Pen และระบบที่พัฒนามาเพื่อใช้งานคู่กัน เป็น S Pen ที่รองรับการเป็นรีโมตควบคุมระยะไกล ทั้งการควบคุมกล้องและคุมการทำงานของแอปพลิเคชั่นที่รองรับ
- ตัวเครื่องบาง เบา ขนาดแค่ 5.6 มิลลิเมตร เสริมแกร่งด้วยโลหะ Armor Aluminum ที่มีค่าความแข็งแรงสูง 176 Hv
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10,090mAh รองรับชาร์จไว 45W
The Bad
- ไม่มีรูหูฟังบนตัวเครื่องโดยตรง
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
Samsung Galaxy Tab S10+ แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นระดับท็อปของอุปกรณ์แท็บเล็ตในทุกๆ ด้าน รองรับการใช้งานกับปากกาเขียนหน้าจอที่ดีที่สุด S Pen และระบบปฏบัติที่มี AI ที่ดีที่สุดในวงการสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตอย่าง Galaxy AI รวมมาไว้ให้ใช้แล้วในแท็บเล็ตเครื่องนี้ครับ
เชื่อว่าหลายคนที่กำลังมองหาแท็บเล็ต น่าจะต้องการนำไปใช้ในการทำงานต่างๆ ทั่วไป เช่นใช้ในการจัดการเอกสาร หรือนำไปใช้ในการเรียนหรือการประชุม รวมถึงใช้หน้าจอขนาดใหญ่ของมันเพื่อรับชมความบันเทิงแบบเป็นส่วนตัว ฉะนั้นสิ่งที่แท็บเล็ตชั้นยอดควรจะต้องมีก็คือ เครื่องมือที่จะทำให้งานทุกอย่างที่ว่ามานั้นเป็น “เรื่องง่าย” เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ได้ครอบคลุม และควรจะเป็นแบบที่ไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์อื่นใดมาเพิ่มเติม ซึ่ง Samsung Galaxy Tab S10+ พร้อมมากที่สุดแล้วในวันนี้ครับ
ประสิทธิภาพระดับเรือธงของแท็บเล็ต
เรามาเริ่มต้นกันที่สเปคและประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Tab S10+ กันก่อน
ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกเลยครับที่ทาง Samsung ได้หยิบเอาชิปเซ็ตของค่าย MediaTek มาใช้งาน โดยเป็นชิป Dimensity 9300+ ซึ่งตัวนี้มาแรงมากครับ แซงทุกความนิยมในกลุ่มท็อปของตลาด ด้วยความที่เป็นชิปเซ็ตราคาดีที่มีความแรงจากทั้ง 8 คอร์ที่อยู่ภายใน ได้ถูกออกแบบให้แตกต่างกับชิปตัวอื่น เพราะจะทำมาเป็นคอร์ขนาดใหญ่ความเร็วสูงทั้งหมดทุกคอร์ ไม่มีคอร์ไหนที่ความเร็วต่ำกว่า 2.0Ghz เลยสักคอร์เดียว (1 x Cortex-X4 up to 3.4GHz / 3 x Cortex-X4 up to 2.85GHz / 4 x Cortex-A720 up to 2.0GHz) และถูกผลิตมาในเทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตร กินพลังงานน้อย ให้ RAM 12GB ขยายได้อีก 8GB ความแรงเหลือเกินจะใช้ เป็นเครื่องระดับสูงของวงการแท็บเล็ต Android ในปัจจุบัน
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว เป็นจอ Dynamic AMOLED 2X สัดส่วนแบบ 16:10 สีสันสด แสงสว่างสูง รีเฟรชเรท 120Hz รองรับเทคโนโลยี HDR10+ เคลือบชั้นจอลดแสงสะท้อน มีอัตราสะท้อนแสงต่ำกว่า 2% ใช้ทำงานหรือดูหนังในที่กลางแจ้ง หรือนอกสถานที่เห็นภาพบนจอได้ชัดเจนแทบจะไม่มีเงาสะท้อน
รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้โดยตรง ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 12MP เอาไว้ให้ รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้ด้วยกล้องหน้าด้วยเช่นกัน
ลำโพงเสียงดังกระหึ่ม มิตืเสียงยอดเยี่ยม ด้วยลำโพง 4 ตัวที่ปรับจูนมาจาก AKG ไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเติม ใช้ดูหนังฟังเพลงภายในบ้านหรือโต๊ะสังสรรค์ปาร์ตี้ก็ให้เสียงในคุณภาพที่มากเพียงพอ
ภายในจะใส่แบตเตอรี่มาให้ใหญ่มากถึง 10,090mAh เรียกได้ว่าเป็นแบตเตอรี่ไซด์มโหฬาร และรองรับการชาร์จไว 45W แต่จะสังเกตเห็นว่าตัวเครื่องมีความบางและขนาดเล็กมากๆ เพราะบางแค่ 5.6 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 576 กรัมเท่านั้น
นำไปใช้งานนอกบ้านก็พกง่าย ซ่อนรูปมาก ตัวบาง น้ำหนักเบา พกพาใส่กระเป๋าแค่ใบเล็กๆ แต่แบตเตอรี่อึดจนอยู่ได้ข้ามวันสบายๆ
และไม่ต้องห่วงในเรื่องของความคงทน! เพราะถูกผลิตมามาด้วยวัสดุ Armor Aluminum ที่มีค่าความแข็งแรงมากถึง 176 Hv ทั้งตัวเฟรมและฝาหลัง เทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ก็ยังแกร่งมากขึ้นไปอีกถึง 10%
ด้านติดตั้งกล้องหลังคู่ ความละเอียด 13MP +เลนส์มุมกว้างพิเศษ 8MP
ผ่านมาตรฐานการทดสอบทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 ลุยกับเราได้ในทุกๆ วัน โดนฝุ่นโดนน้ำฝนไม่ต้องเป็นห่วง แม้วันฝนตกหนักจะหยิบมาบังฝนก็ไม่ใช่ปัญหา ตกจมน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาทียังไม่เป็นไร
มีรุ่นที่รองรับการใส่ซิมการ์ดเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณ 5G และรองรับ eSim สามารถใช้โทรออกรับสายได้เหมือนสมาร์ตโฟน และสามารถใส่ microSD Card ได้เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งรองรับได้มากถึง 1.5TB เลยครับ (รุ่นก่อนรองรับที่ 1TB)
และแน่นอนว่ามาพร้อมกับปากกาเขียนหน้าจอที่ดีที่สุดของวงการ นั้นคือปากกา S Pen เพราะทาง Samsung ไม่ได้พัฒนามาแค่เรื่องของตัวปากกา แต่ว่าพัฒนามาในเรื่องของการใช้งานร่วมกันกับตัวแท็บเล็ตใส่มาด้วย ระบบภายในที่ใช้งานร่วมกับปากกาได้จึงมีมากมาย และนับว่าเยอะมากที่สุด โดยที่เราไม่ต้องไปติดตั้งแอปพลิเคชั่นใดๆ เพิ่มเติมอีกเลยก็ได้ครับ
โดยตัว S Pen รุ่นนี้จะรองใช้ Bluetooth LE หรือบลูทูธพลังงานต่ำ เพื่อให้สามารถใช้การสั่งงานระยะไกลได้ เช่น ใช้เป็นรีโมตควบคุมกล้อง ชัตเตอร์กล้อง หรือใช้เป็นตัวควบคุมภาพยนตร์ หรือใช้สำหรับการเลื่อนสไลด์ในการนำเสนองานเอกสารของ Microsoft Office 356 ได้นั้นเองครับ
ตัวปากกาใช้พลังงานจากการชาร์จไร้สายในบริเวณด้านหลังของแท็บเล็ต ยึดกันไว้ด้วยแรงแม่เหล็ก สามารถเก็บที่ฝาหลังหรือจะเก็บที่ขอบด้านบนของแท็บเล็ตก็ได้เช่นกัน แต่จุดชาร์จจะอยู่ที่ด้านหลังเพียงจุดเดียวเท่านั้นครับ
ซึ่งถ้าจะให้ครบเซ็ตความคุ้ม ก็ต้องรับรวม Book Cover Keyboard Slim ซึ่งเป็นเคสพร้อมแป้นพิมพ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับ Galaxy Tab S10+ โดยเฉพาะเข้าไปด้วย เพราะมันถูกออกแบบมาคู่กัน
และอย่าลืมว่าระบบของ Samsung มีความสามารถแต่เดิมที่ชื่อว่า DEX Mode หรือการแปลงหน้าตาระบบให้คล้ายกับเดสท็อปของ Windows และเปิดแอปทุกอย่างขึ้นมาทำงานได้ลักษณะของหน้าต่าง มันจึงสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นแล็ปท็อปโน๊ตบุ๊คได้สมบูรณ์ และสามารถนำ USB Hub เพื่อมาต่อเมาส์ หรือต่อจอภายนอก ก็พร้อมใช้ได้เลยครับกับทุกอุปกรณ์ที่รองรับกับ Windows
แป้นพิมพ์ตัวนี้ควรมีครับ เพราะเพิ่มความสะดวกในการใช้ได้มาก มาพร้อมกับคีย์ลัดมากมาย และสามารถกำหนดเองได้อิสระด้วยนะ ทำให้สามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้ใช้ไปได้เลยครับ โดยเฉพาะการที่มี “Key AI” ซึ่งเป็นปุ่มที่จะเรียกใช้ Gemini AI ได้ทันทีด้วยการกดครั้งเดียว ก็ถูกติดตั้งอยู่ในเคสคีย์บอร์ดตัวนี้ด้วย
โดยผู้ที่สั่งซื้อ Galaxy Tab S10+ ในช่วงเปิดตัว 3 ตุลาคม 67 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 67 ก็จะได้รับฟรี Book Cover Keyboard Slim มูลค่า 5.990 บาท ไปด้วยเลยครับ ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อเคสคีย์บอร์ดเพิ่มเติม
คีย์แคปของแป้นพิมพ์มีระยะการกดกำลังดี สามารถลงน้ำหนักได้เต็มนิ้วเพราะฐานด้านล่างทำมาเป็นผิวแข็งไม่บอบบาง สามารถใช้เป็นขาตั้งได้ในตัว และไม่ต้องชาร์จพลังงานนะครับ เพราะเมื่อประกอบเข้ากับตัวแท็บเล็ตด้วยแม่เหล็กแล้วจะใช้พลังงานจากตัวแท็บเล็ตได้เลย
เรียกได้ว่าจ่ายทีเดียวจบ ได้ครบทั้งตัวแท็บเล็ต, ปากกา และคีย์บอร์ด ที่เป็นทั้งเคสและขาตั้งในตัว ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้วครับ โดยยังมีโปรโมชั่นพิเศษอื่นมอบให้เพิ่มเติมอีก ติดตามได้ในข้อมูลโปรโมชั่นจากส่วนท้ายของรีวิวนะครับ
เหล่านี้คือต้นทุนด้านตัวเครื่องและประสิทธิภาพ ที่จะนำไปใช้งานคู่กันกับระบบปฎิบัติการที่มีความพร้อมมากที่สุด มากับ AI ที่ทรงพลังและรองรับภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์
เรื่องงานเป็นเรื่องง่าย
Galaxy Tab S10+ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย OneUI 6.1.1 ระบบใหม่สุดของ Samsung ที่ใส่ขุมพลัง Galaxy AI เอาไว้แบบจัดเต็ม พร้อมใช้ในภาษาไทยอย่างสมบูรณ์แบบที่ไม่ต้องรอการอัปเดท
การทำงานด้านแปลภาษาเรื่องนี้โดดเด่นมากครับ เพราะมันรองรับไปซะทั้งหมดเลย ไม่ใช่แค่การใช้ตัวแท็บเล็ตในการเป็นล่ามแปลภาษา แปลจากเสียงที่เข้าไมค์หรือเสียงจากในคลิป แต่ยังสามารถแปลได้อีกหลายรูปแบบเช่น การใช้ปากกา S Pen ชี้ระบุเจาะจงลงไปบนข้อความบนหน้าจอที่ต้องการแปล ก็จะสามารถแปลประโยคนั้นได้แบบไม่ต้องออกไปจากหน้าแอป แถมยังแปลค่าเงินไปยังหน่วยเงินของประเทศในภาษาปลายทางให้เราด้วย ถ้ามีการเจอตัวเลขที่เป็นสกุลเงินอยู่ในข้อความ
หรือจะใช้ฟังก์ชั่น Circle to Search เพื่อวงกลมล้อมสิ่งที่ต้องการจะแปลก็ได้เช่นกันนะครับ เป็นความสามารถการแปลของ Google ที่เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ใช้ใน Galaxy Tab S10+ อีกทางหนึ่ง
ซึ่งเข้าฟังก์ชั่น Circle to Search พอมันมีแล้วมันสะดวกมากจริงๆ นะครับ เราสามารถค้นหาสิ่งที่สนใจแค่บางสิ่งที่เห็นบนหน้าจอได้เลย อย่างเช่นเห็นคนใส่เสื้อที่เราอยากได้ ก็แค่วงกลมที่เสื้อของเขา แล้วข้อมูลที่เกี่ยวข้องก็จะแสดงออกมา แม้การทำงานจะคล้ายๆ กับ Google Lens ก็จริง แต่ขั้นตอนการใช้สะดวกกว่ามากครับ
ทำให้เราสามารถใช้ Galaxy Tab S10+ แปลได้แทบกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะมาในสภาพแบบใด การสนทนาเสียง, การสนทนาผ่านแชต หรือแม้กระทั้งตัวอักษรในรูปภาพ รวมถึงหน้าเว็บ, และยังรวมถึงแปลเอกสารทั้งฉบับอย่างไฟล์ PDF ก็เอามาแปลได้ยกไฟล์เลยครับ แค่นำเข้าไปใน Samsung Notes แล้วกดใช้ Galaxy AI ที่ฝังอยู่ด้านในช่วยแปลให้ และไม่ใช่แค่แปลเอกสารได้แค่หน้าเดียว แต่แปลได้ทุกหน้ายกหมด PDF ได้เลยครับ
ไม่ใช่แค่แปลให้เราเข้าใจได้เพียงเท่านั้นด้วย เพราะหลังจากแปลเสร็จแล้ว ยังสามารถ สรุปย่อ ให้เราได้ด้วย ในกรณีถ้าเราต้องรีบไปรายงานข้อมูลที่เราหามา สามารถอ่านสรุปย่อที่ AI จับประเด็นเนื้อหามาให้เราแก้ขัดได้ครับ
แล้วถ้าอยากจะทำภาพประกอบใส่ลงในบันทึก หรือลงในไฟล์ PDF ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วย AI ได้นะครับ แค่ร่างภาพแบบลายเส้นเด็ก แล้วให้ AI จัดการออกมาเป็นรูปสวยๆ เราลากไปวางบนบันทึกหรือไฟล์ PDF ได้เลยครับ ^^
ไม่ใช่แค่การแปลนะครับ แต่สามารถเป็นผู้ช่วยเขียนหรือแก้คำผิด หรือตรวจไวยากรณ์ ให้กับเราได้ด้วย มันช่วยเราได้มากเลยนะ ในวันที่นึกคำอะไรไม่ออก หรือไม่อยากพิมพ์อะไรยืดยาว แค่ใส่คำตามความคิดคุณลงไป (แบบที่ถ้าหัวหน้าได้อ่านคงจะไล่ออก ^^) แล้วใช้ AI ช่วยครับ
โดยเราสามารถกำหนดรูปแบบน้ำเสียงที่ต้องการสื่อสารออกไปได้ สไตล์ที่ต้องการ แล้วแจ้งบอกเนื้อหาหลักที่ต้องการจะสื่อสาร ตัวระบบ AI จะนำไปตกแต่งประโยคให้กับเราได้อย่างสละสลวย และถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ให้กับเราได้เอง อยากจะได้น้ำเสียงในข้อความให้ออกมาสุภาพ, เป็นทางการ หรือจะให้มีความเป็นกันเอง ก็เลือกกำหนดได้ครับ
ให้ AI เขียนจดหมายลางาน
ให้ AI โพสแคปชั่นแฟนเพจ
เรียกว่า “เป็นผู้ช่วยชีวิตในวันที่ขี้เกียจคิดคำ” ^^
และถ้าเราใช้แป้นพิมพ์ Book Cover Keyboard Slim ร่วมอยู่ด้วย ในเวลาที่สงสัยหรือไม่เข้าใจสิ่งใด ต้องการค้นหาคำตอบก็แค่กด Key AI บนแป้นพิมพ์ เพื่อเรียกใช้งาน Gemini ก็จะแสดงขึ้นมาได้ทันทีแม้แต่ในตอนที่เรากำลังเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นตัวอื่นอยู่ก็ตาม จะเป็นการแยกหน้าต่างทำงานให้เองอัตโนมัติ เราสามารถถาม, สั่ง หรือพิมพ์บอกความต้องการของเราลงไป เช่น อยากหารายละเอียดเพิ่มเติมจากสิ่งที่เราเห็นอยู่บนหน้าเว็บเบราว์เซอร์อีกหน้าจอหนึ่ง ก็คัดลอกลิงก์มาถามในฝั่ง Gemini ได้เลยครับ ไม่ต้องออกจากแอปใดๆ ซะก่อนครับ แค่กดปุ่มเดียวสะดวกมาก
ที่จริงจะบอกว่าแป้นพิมพ์ Book Cover Keyboard Slim เมื่อนำมาต่อกับ Galaxy Tab S10+ จะสามารถกำหนดช็อตคัทเรียกใช้งานได้เยอะมากที่สุดในจักรวาล เพราะมันกำหนดได้แทบทุกปุ่มเลยครับ ทาง Samsung ออกแบบมาให้ผู้กำหนดได้เลยว่าจะใช้ปุ่่มใดคู่กับปุ่ม Command (Cmd) เพื่อเป็นการเรียกการทำงานขึ้นมา
ประสิทธิภาพของตัวแท็บเล็ตสามารถทำงานเอกสารต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล สามารถแบ่งหน้าจอทำงานได้ 3 แอปพลิเคชั่นพร้อมกัน และแสดงแบบป๊อปอัปได้อีกหนึ่ง รวมถึงเป็น 4 แอป ด้วยเพราะหน้าจอมีขนาดใหญ่ และตัวเครื่องก็แรงมากพอ เปิดใช้งานหลายอย่างสบายๆ ครับ
ที่สำคัญ มีสิ่งผมชอบในระบบของ Samsung คือเมื่อเราเปิดแอปอะไรไว้คู่กัน เราจะสามารถสลับกลับมาเปิดคู่แอปเหล่านั้นได้ใหม่ในทันที ไม่ต้องมานั่งไล่เปิดใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้งครับ แม้จะออกไปแล้วการจัดหน้าหลายแอปของเราก็ไม่หายไปไหน จนกว่าจะกดเคลียไปจากหน้า Recent App ทิ้งไป
การทำงานร่วมกันกับปากกาของ Galaxy Tab 10+ มีความพร้อมและมีประสิทธิภาพสูงมากตามมาตรฐานของแท็บเล็ตในซีรี่ส์เรือธงของแบรนด์ครับ รองรับการทำงานในระดับมืออาชีพได้เลย เช่นการวาดภาพด้วยปากกา S Pen ของ Galaxy Tab 10+ ที่ตอบสนองต่อแรงกดและแยกสัมผัสจากผิวมนุษย์ได้ ค่าความหน่วงต่ำมากจนเหมือนการวาดบนกระดาษจริง
เราขอบคุณ คุณ Cherry Cola ที่เข้ามาช่วยทดสอบลองวาดภาพ “น้องหมูเด้ง” บน Galaxy Tab 10+ สายวาดภาพระดับอาชีพการันตีมาให้เรียบร้อย ว่ายังคงยอดเยี่ยม ทั้งความไวในการตอบสนองและความแม่นยำ ไม่พบปัญหาแลค ค้าง หรืออาการผิดปกติใดๆ ในระหว่างการวาด
ภาพนี้ใช้เวลาวาดรวมประมาณ 10 ชั่วโมง และในขณะที่วาดไม่จำเป็นต้องใส่ใจในการชาร์จปากกา เพราะตัว S Pen จะใช้พลังงานแค่ในตอนทำหน้าที่เป็นรีโมตควบคุมระยะไกลเท่านั้น
นำมาทำงาน 3D ในการออกแบบอาร์ตทอย ก็ทำได้คล่องทั้งตัว ความแรงของแท็บเล็ตรุ่นนี้ไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ ชิปเรือธงประจำค่าย MediaTek และการตอบสนองที่ดีมากๆ ของตัว S Pen มาอยู่คู่กันแบบนี้
ยิ่งถ้าใครสมาร์ตโฟน Galaxy ของทาง Samsung ยิ่งใช้งานได้สนุกครับ เพราะรองรับฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้ร่วมกันเยอะมาก เช่น การรับสายและการรับข้อความจากสมาร์ตโฟนมาแสดงที่แท็บเล็ต หรือการใช้งานกล้องของสมาร์ตโฟนให้กลายเป็นกล้องเว็บแคมของแท็บเล็ตสำหรับการประชุม ทำให้เราสามารถเดินออกไปจากหน้าจอแท็บเล็ตได้ในระหว่างการวีดีโอคอลล์
การใช้แป้นพิมพ์ร่วมกันระหว่างแท็บเล็ตและสมาร์ตโฟน สามารถกดช็อตคัท “ย้ายการพิมพ์” เพื่อย้ายไปเป็นคีย์บอร์ดให้กับสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อ Samsung Account เดียวกันได้ทันที และสลับกลับมาได้ทันทีด้วยเช่นกัน
ยังสามารถทำตัวเองเป็นหน้าจอให้กับอุปกรณ์อื่นได้ด้วยนะครับ เช่นทำงานเป็นจอไร้สายสำหรับสมาร์ตโฟน Samsung ในฟีเจอร์ DEX Mode แบบไร้สายได้ ก็จะเป็นการส่งการทำงานของสมาร์ตโฟนให้ขึ้นมาทำบนหน้าจอของแท็บเล็ตได้นั้นเอง รวมถึงความสามารถในการใช้ตัวเองเป็นหน้าจอที่สองให้กับอุปกรณ์ในระบบ Windows เช่นโน๊ตบุ๊คหรือเดสท็อป ขยายจอหรือแสดงภาพเดียวกันบน Galaxy Tab S10+ ได้เลยครับ ช่วยได้ทั้งเพิ่มพื้นที่การทำงานหรือใช้เป็นจอแสดงงานให้ลูกค้าดูก็ได้เช่นกัน
ครบครัน ความสามารถเพียบ ด้วยระบบที่มีความพร้อม + ความสามารถ Galaxy AI + ตัวปากกา S Pen + แป้นคีย์บอร์ดที่เต็มไปด้วยช็อตคัท นี่คือสูตรสำเร็จที่ทำให้ Galaxy Tab S10+ เป็นแท็บเล็ตด้านการทำงานที่มีประโยชน์ในการใช้งานเยอะมากที่สุดครับ
สนุกได้มากขึ้น ด้วยแท็บเล็ตตัวบางแต่ทรงพลัง
ผู้ใช้แท็บเล็ตส่วนใหญ่ ก็จะนำไปใช้ในด้านบันเทิงเป็นเรื่องหลักๆ ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นอุปกรณ์แท็บเล็ตที่ดีจึงควรต้องมีหน้าจอที่สวย, ลำโพงเสียงดี และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งทาง Samsung ใส่เข้ามาให้ใน Galaxy Tab S10+ แบบครบเลยครับ
ด้วยความเป็นหน้าจอที่ใช้สัดส่วน 16:10 ทำให้เวลารับชมภาพยนตร์ก็จะมีพื้นที่ขอบดำบนล่างที่เสียเปล่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับเครื่องขนาดหน้าจอใกล้เคียงกันในสัดส่วนแบบ 4:3 ที่จะมีพื้นที่เสียเปล่าในการรับชมภาพยนตร์ส่วนใหญ่เยอะกว่ามาก
และทาง Smasung ใส่เข้ามาเป็นจอ Dynamic AMOLED 2X ที่มีความคมชัดสูง สีสันสดใส ดูหนังสะใจแม้จะอยากไปตากแดดดูหนังในที่กลางแจ้งก็ตาม ^^ ยังภาพได้ชัดอยู่ครับ
สิ่งที่ทำให้ดูหนังได้สนุกมากขึ้นก็เป็นเรื่องของระบบเสียง จากลำโพง 4 ตัวที่มีพลังเสียงชัดแจ๋วสะใจครับ ตัวบางๆ แต่เสียงแน่น แล้วก็ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ที่เรียกว่า “AI Dialogue Boost” หรือ “การเพิ่มประสิทธิภาพเสียงสนทนา” ตัวนี้จะคอยปรับระดับเสียงพูดของนักแสดงให้มีความคมชัดฟังง่ายมากขึ้น หมดปัญหาเวลาเข้าฉากแอคชั่นที่มีความดังของเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ขึ้นมากลบเสียงพูด ในรุ่นนี้ตัว AI จะจัดการปรับเสียงพูดของตัวละครให้เราได้ยินชัดโดยไม่ต้องเร่งเสียงโดยรวมให้ดังมากขึ้นนั่นเองครับ
ฟีเจอร์นี้อยู่ในการตั้งค่าระบบเสียง ซึ่งภายในนั้นเรายังสามารถเปิดปิดระบบเสียง Dolby Atmos ปรับอีควอไลเซอร์ และเปิดปิดระบบ “การเพิ่มประสิทธิภาพเสียงสนทนา” ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ว่ามาได้ด้วย
เห็นผลลัพท์ชัดเจนครับ มันทำงานได้ในทุกแอปสำหรับรับชมภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็น Netflix, YouTube, Prime Video ซึ่งจริงๆ แล้วก็น่าจะสามารถทำงานได้กับทุกการเล่นภาพยนตร์ในทุกๆ แอปครับ และจากที่ผมสอบถามมา มันรองรับกับการต่อเสียงออกไปที่อุปกรณ์เสียงภายนอกด้วยนะครับ เช่นหูฟังหรือลำโพงเสริม ไม่ได้ทำงานบนลำโพงของตัวเองได้เท่านั้น
ในด้านการเล่นเกม ด้วยความที่ Dimensity 9300+ เป็นชิปที่มีความแรงระดับได้คะแนนทดสอบบน Antutu มากกว่า 2,300,000 คงไม่ต้องกังวลกันแล้วกับปประสิทธิภาพการใช้งานไม่ว่าจะด้านใด มีระบบประมวลผลภาพที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคำนวณแสงและเงาที่ปรากฏในเกมให้มีรายละเอียดที่สวยงามและสมจริงมากขึ้นได้แบบเรียลไทม์
ถ้าคุณเป็นคนทีชอบเล่นเกมบนแท็บเล็ต และสะดวกกับขนาดของมัน คุณก็จะได้ภาพที่สวย จอใหญ่ๆ และได้พลังเสียงที่สะใจในขณะเล่นเกม แถมแบตเตอรี่โคตรอึด! แตกต่างไปจากระดับที่สมาร์ตโฟนจะให้ได้แน่นอน แต่อาจจะเมื่อยสักหน่อย แนะนำว่าหาที่ตั้งแล้วเล่นผ่านคอนโทรลเลอร์น่าจะสนุกได้นานกว่านะ ^^
จากการทดสอบใช้งานสามารถเล่นเกมกราฟิกสูงได้ลื่นๆ แบบเครื่องกลุ่มเรือธงเต็มขั้น อีกทั้งยังสามารถควบคุมความร้อนได้ดีด้วยนะครับ ไม่เกิดความร้อนสะสมให้รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเลย โดยภายใน Galaxy Tab S10+ จะมีการติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบ VC (Vapor Chamber) ที่มีขนาดใหญ่ 2046.7 ตร.มม. ซึ่งถือว่าใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 1.48 เท่า แม้อุปกรณ์แท็บเล็ตจะไม่ค่อยมีปัญหาด้านความร้อนกันสักเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะจะมีพื้นที่สำหรับการระบายความร้อนได้ดี รุ่นนี้ก็เลยยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิครับ
และความสนุกก็ยังอยู่ในเรื่องของ “รูปภาพ” อีกด้วยนะครับ เพราะอย่าลืมว่าระบบ Galaxy AI ที่อยู่ใน Galaxy Tab S10+ เป็น AI ที่สามารถเล่นกับแต่งภาพและการแก้ไขรูปได้เยอะด้วย ^^
เช่น “Sketch to Image” หรือ “แปลงภาพร่างเป็นรูปภาพ” เพราะเรามีปากกา S Pen อยากจะวาดรูปอะไรลงภาพ ก็สามารถวาดรูปสิ่งที่ต้องการลงไปในภาพกันได้เลย ด้วยลายเส้นแบบง่ายๆ
หลังจากนั้น AI จะแปลงภาพขึ้นมาให้เราแบบสวยๆ ได้เองอัตโนมัติ
ความสามารถในการย้ายวัตถุ, ลบวัตถุ การจัดการรูปภาพด้วย AI มาครบ และผลลัพธ์เนียนกริ๊บ ^^
หรือจะเอาภาพมาหมุน โดยไม่เสียองค์ประกอบใดๆ เพราะ AI จะเติมส่วนที่ขาดไปให้กับเราเอง และผลลัพธ์ก็ยังคงเนียนกริ๊บ ^^
เราสามารถนำวัตถุหรือบุคคลในภาพ มาใช้เป็นสติ๊กเกอร์ได้ง่ายๆ ด้วยนะครับ แค่กดทัชค้างสิ่งที่ต้องการจะดึงออกมา แล้วเซฟเป็นสติ๊กเกอร์ไว้ใช้งานภายหลังได้เลย
หรือจะแปลงใบหน้าบุคคลภายในภาพ ให้กลายเป็นภาพศิลปะในสไตล์ต่างๆ เช่นการ์ตูน 3D หรือภาพสีน้ำ โดยทุกอย่างใช้งานได้ฟรีทั้งหมดเลยครับ
และก็ยังมีฟังก์ชั่น AI ตัวใหม่จากสมาร์ตโฟนตัวท็อปมาให้เล่นกันด้วย นั้นคือ Instant Slow-mo เป็นการทำคลิปวีดีโอสโลวโมชั่นได้ในทันทีจากวีดีโอที่เราถ่ายเอาไว้ แค่จิ้มนิ้วทัชค้างไว้บนหน้าจอในส่วนที่ต้องการสร้างวีดีโอสโลว์ ในช่วงเวลานั้นก็จะถูกสร้างออกมาเป็นคลิปวีดีโอแบบสโลว์แยกออกมาให้เราได้ทันทีครับ
สรุปท้ายรีวิว
นี่คือสุดยอดแท็บเล็ตของ Samsung ด้วยความสามารถของระบบที่ทำงานร่วมกันกับ S Pen ซึ่งแต่เดิมก็มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว มาในรุ่นนี้ได้เสริมความฉลาดและความสามารถเข้าไปอีกมากมายด้วยการมาของ Galaxy AI ที่ทาง Samsung ไม่ได้กั๊กอะไรไว้เลย จัดเต็มเข้าไปในแท็บเล็ตรุ่นนี้
การมารวมกันทำให้ Galaxy Tab S10+ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงานได้ในระดับที่ยังไม่มีใครทำได้ถึงขนาดนี้มาก่อน นั้นเพราะ Galaxy AI เป็น AI ที่มีความสามารถมากที่สุดในวงการ และพร้อมใช้งานในภาษาไทยสมบูรณ์ มีความสามารถทั้งในการแปลภาษา แก้ไขเอกสาร แก้ไขรูปภาพ เมื่อมันถูกใส่เข้ามาในอุปกรณ์หน้าจอขนาดใหญ่และมีปากกาอย่างแท็บเล็ต มันจึงเกิดประโยชน์ได้มากกว่าบทบาทเดิมที่เคยอยู่กับสมาร์ตโฟนอย่างชัดเจน
โดยที่ Samsung ยังใส่ใจในด้านฮาร์ดแวร์ตัวเครื่อง ที่ผลิตมาในมาตรฐานยอดเยี่ยม ตัวเครื่องเบา บางแค่ 5.6 มิลลิเมตร แต่แบตเตอรี่ภายในใหญ่มากถึง 10,090mAh แล้วเสริมแกร่งด้วยโลหะ Armor Aluminum ที่มีค่าความแข็งแรงสูง 176 Hv ได้ความทนทาน สวยงาม และมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 เพื่อให้สามารถลุยไปได้ในทุกสถานการณ์ของชีวิตประจำวัน
ภาพและเสียงที่ยังเป็นสิ่งสำคัญของแท็บเล็ต ก็ใช้ของคุณภาพสูงมาเช่นกัน ใส่หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2x สีสันงดงาม ดูภาพยนตร์ได้เต็มตาด้วยสัดส่วนจอ 16:10 ติดตั้งลำโพง AKG 4 ตัว ที่ให้เสียงดังกระหึ่มชัดเจน ใส่ระบบ AI เข้ามาช่วยเสริมคุณภาพเสียง ให้ได้ยินบทสนทนาชัดแม้จะมีฉากแอคชั่นที่ดังกลบเสียงพูด ฃ
ประสิทธิภาพแรง ใช้ชิป Dimensity 9300+ ที่สามารถทำคะแนนทดสอบไว้ได้สูงมาก เป็นชิปเรือธงเต็มตัวของค่าย MediaTek รองรับระบบ Ray Tracing ทำกราฟิกภาพเกมออกมาได้สวยงาม มีความลื่นไหลสูง ทั้งการเล่นเกมและการใช้งาน ตอบสนองผู้ใช้ได้แบบ 100%
เสริมความน่าใช้ด้วยการจัดโปรโมชั่นแถมฟรีเคสคีย์บอร์ด Book Cover Keyboard Slim ที่ออกแบบมาให้ใช้คู่กันกับแท็บเล็ต มูลค่าราคา 5,990 บาท แถมให้ฟรีเพื่อเสริมความสามารถให้ครบเครื่อง และตัวคีย์บอร์ดยังออกแบบปุ่มเรียกใช้งาน Gemini AI เอาไว้โดยเฉพาะอีกด้วย
โปรโมชั่นจัดเต็มที่สุด!
Samsung Galaxy Tab S10+ เปิดตัวออกมาในสี Moonstone Gray มีให้เลือกสองรุ่นย่อยด้วยกันครับ นั้นคือ
- รุ่นรองรับ Wi-Fi RAM 12GB+256GB ราคา 36,900 บาท
- รุ่นรองรับ 5G+Wi-Fi RAM 12GB+256GB ราคา 41,900 บาท
โปรโมชั่นช่วงเปิดตัว รับฟรี Book Cover Keyboard Slim มูลค่า 5,990 บาทฟรี!
พร้อมโปรโมชั่นนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ จะได้ส่วนลด On-Top เพิ่มทันทีอีก 6,000 บาท โดยเครื่องเก่าที่นำมาแลกจะเป็นอุปกรณ์มือถือหรือแท็บเล็ตก็ได้ทั้งหมด (เช็ครายละเอียดรุ่นที่รองรับโปรเก่าแลกใหม่ได้ที่ https://www.samsung.com/th/tnc/im/galaxy-tab-s10//
โปรโมชั่นนี้มีเวลาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ไปจนถึง 3 พฤศจิกายน 2567 เท่านั้นนะครับ