Xiaomi 15 และ 15 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงกล้อง Leica แห่งยุค AI ถ่ายภาพคมชัดเหนือระดับ! พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยที่ต้องมี
Xiaomi 15 Ultra และ Xiaomi 15 ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนพรีเมียม ทั้งในแง่ของการถ่ายภาพ, ดีไซน์ตัวเครื่อง, วัสดุงานประกอบ คุณภาพหน้าจอและระบบเสียง ขนาดแบตเตอรี่และเทคโนโลยรีการชาร์จ พร้อมซอฟท์แวร์ใหม่ที่อัดด้าน AI และการทำงานข้ามอุปกรณ์มาได้ครบกว่ารุ่นใดๆ
ใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนเรือธงเครื่องแรงๆ ที่บวกรวมกับกล้องถ่ายภาพขั้นเทพ และระบบ AI ที่พร้อมใช้งานได้ทันทีในขณะนี้ Xiaomi 15 Series คือสูตรสำเร็จที่ลงตัวมากที่สุดในขณะนี้ครับ
✅ Xiaomi 15 Ultra เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหน้าจอขนาดใหญ่ ความละเอียดสูง และประสบการณ์กล้องระดับมืออาชีพ ที่ให้คุณภาพของการถ่ายภาพสูงที่สุดที่สมาร์ตโฟนจะให้ได้ในปัจจุบัน เทียบชั้นได้กับกล้องโปรด้วยขนาดเซ็นเซอร์และประสิทธิภาพการประมวลผลของซอฟต์แวร์
✅ Xiaomi 15 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพลังแบบเรือธง แต่อยู่ในมือถือที่จับถือง่าย หน้าจอคมชัด และคุณภาพการถ่ายภาพคุณภาพสูงที่ซ่อนรูปอยู่ในตัวเครื่องขนาดเล็ก
The Good
- กล้องระดับมืออาชีพ คุณภาพระดับมาตรฐาน Leica Summilux คมชัดในทุกเลนส์
- รองรับโหมดถ่ายภาพเยอะมาก รองรับระยะการซูมได้ไกล มีความคมชัด และมีอิสระในการใช้งานสูง สามารถทำผลลัพท์ออกมาได้ดีมากในทุกโหมด
- ชิปเซต Snapdragon 8 Elite (3nm) ประสิทธิภาพสูงสุดของสมาร์ตโฟนในระบบ Android
- RAM LPDDR5X และหน่วยความจำแบบ UFS 4.1 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
- แข็งแกร่ง ทนทาน วัสดุโครงเครื่องอลูมิเนียม กันน้ำกันฝุ่น IP68 กระจก Xiaomi Shield Glass
- แบตเตอรี่ใหญ่ พร้อมชาร์จเร็วทั้งแบบเสียบสายและแบบไร้สาย พร้อมรองรับการชาร์จย้อนกลับได้แบบไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่น
- ฟีเจอร์ AI ล้ำสมัย - ใส่มาทั้ง Xiaomi HyperAI และ Google Gemini AI สำหรับการทำงานและการสร้างสรรค์ รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ
- ระบบเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ HyperConnect ตัวล่าสุด ทำงานข้ามอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกภายใต้ระบบนิเวศน์ของ Xiaomi
- พร้อมสำหรับการทำงานข้ามแฟลตฟอร์ม เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple ทั้ง Mac / iOS เชื่อมต่อทำงานร่วมกันและแชร์ไฟล์ให้กันได้ผ่านแอป Xiaomi Connectivity Service
- หน้าจอแสดงผลคุณภาพสูง รีเฟรชเรท 120Hz รองรับ HDR10+, Dolby Vision สีสันสดใส ความสว่างสูงมาก
- ลำโพงสเตอริโอคู่ คุณภาพยอดเยี่ยม เนื้อเสียงมีพลัง
- รองรับสัญญาณไร้สายเทคโนโลยีใหม่ครบเครื่อง WiFi 7, Bluetooth 6.0 ใช้สัญญาณมือถือช่วยเร่งความเร็วร่วมกับ WiFi และการจับสัญญาณ WiFi สองคลื่นความถี่พร้อมกัน
The Bad
- Xiaomi 15 Ultra มีขนาดใหญ่และหนักเพราะติดตั้งโมดูลกล้องโปรเต็มระบบ อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบมือถือเบาๆ
- ไม่มีช่องใส่ microSD Card
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
Xiaomi 15 Series: สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Xiaomi
Xiaomi กลับมาอีกครั้งกับสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Xiaomi 15 Series ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ Leica อีกครั้งเพื่อมาตรฐานกล้องโปรที่มาอยู่ในสมาร์ตโฟนที่ดีมากขึ้น และการอัปเดทซอฟต์แวร์ครั้งใหม่ที่เพิ่มเติมการใช้งาน AI และความสามารถในการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น
โดยในรีวิวนี้จะพูดถึงสองรุ่นหลักที่เปิดตัวออกมาพร้อมกัน นั่นคือ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นเครื่องที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่มากมาย และนวัตกรรมใหม่ใส่มาเต็มเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Leica คุณภาพสูง, เทคโนโลยี Xiaomi HyperAI, หน้าจอ AMOLED ระดับไฮเอนด์ และชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite รุ่นล่าสุด
จะมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ก็ติดตามอ่านได้ในบทความรีวิวด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ในบทความนี้
Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra – ที่สุดของการถ่ายภาพมือถือระดับโปร
Xiaomi 15 Series ถือว่าเป็นที่สุดของสมาร์ตโฟนในด้านการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นตัว Xiaomi 15 Ultra ที่จัดมาเต็มแบบที่เห็นได้ชัดจากขนาดของโมดูลชุดกล้องหลัง และ Xiaomi 15 ที่ซ่อนรูปมาแบบคาดไม่ถึงกับคุณภาพของกล้อง ทั้งคู่มีเทคโนโลยีกล้องที่ได้รับการพัฒนามาในมาตรฐานของ Leica Summilux ทั้งคุณภาพเลนส์, ให้ขนาดรูรับแสงที่ใหญ่, เทคนิคการเคลือบหน้าเลนส์แบบพิเศษ
ไม่ใช่แค่ทางด้านฮาร์ดแวร์ เพราะทางซอฟต์แวร์เองทาง Xiaomi ก็ได้พัฒนาระบบ AISP 2.0 ซึ่งเป็น AI ช่วยถ่ายภาพอัจฉริยะ ใส่เข้ามาให้ทั้งใน Xiaomi 15 Ultra และ Xiaomi 15 โดยอาศัยการทำงานของตัวช่วยประมวลผลภาพในหลายส่วน ให้ภาพคมชัดและสวยงามมากขึ้นในขั้นตอนการโปรเซสสุดท้ายก่อนออกมาเป็นผลลัพธ์
- FusionLM 2.0 – AI ปรับรายละเอียดของภาพให้สมจริง
- PortraitLM 2.0 – AI ปรับแต่งภาพบุคคลให้ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ
- ColorLM 2.0 – AI ช่วยปรับโทนสีให้สมดุลและมีชีวิตชีวา
- ToneLM 2.0 – AI ปรับแสงเงาให้อย่างชาญฉลาด
และยังมีการทำงานร่วมกันกับ Leica ในภาคของซอฟต์แวร์ด้วยเช่นกัน เพราะในระบบกล้องของ Xiaomi 15 Series จะมีการปรับแต่งสีโดยการจำลองฟิลเตอร์, โปรไฟล์สี และการจำลองโบเก้จากเลนส์คลาสสิกในตำนานของ Leica ใส่เข้ามาให้ภายในสมาร์ตโฟนสองรุ่น
ในแต่ละโหมดถ่ายภาพ เราสามารถเลือกใช้งานโปรไฟล์สีสองสไตล์จาก Leica เพื่อใช้เป็นแนวทางอารมณ์หลักที่เราต้องการได้ และสามารถสลับไปมาได้ง่ายๆ ด้วยไอคอนด้านบนของ UI ในขณะถ่ายภาพครับ
- Leica Authentic – โปรไฟล์ที่มีเอกลักษณ์สไตล์ภาพแบบดั้งเดิมของ Leica อาจทำให้ความสว่างโดยรวมของภาพลดลง แต่จะได้ภาพที่มีความเข้มจริงจัง เข้มข้นมากขึ้น คอนทราสต์สูง ให้ความรู้สึกคล้ายการถ่ายด้วยเลนส์สมัยก่อน
- Leica Vibrant – โปรไฟล์ที่มีความเป็น Leica ที่ผสานสไตล์ของกล้องยุคใหม่เข้าไป ให้ภาพที่ดูสว่างสดใส เด่นที่ไดนามิกจัดเจนตามแบบนิยมของกล้องถ่ายภาพในยุคปัจจุบัน
ในส่วนของการถ่ายภาพพอร์ตเทรตก็เช่นกัน เราสามารถเลือกแนวการปรับโทนได้สองแบบ ทั้งแบบ Master Portrait ที่จะไปในทิศทางเน้นแสงเงาและความชัดลึก ส่วนอีกหนึ่งสไตล์คือ Leica Portrait ให้โทนสีผิวที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ โดยยังคงรายละเอียดของภาพได้ดีอยู่เช่นเดิม ก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่มีให้เราสลับเลือกใช้ได้ในโหมดถ่ายภาพบุคคลของ Xiaomi 15 Series
Master Portrait และ Leica Portrait
จะเห็นว่าทาง Xiaomi ทำระบบกล้องมาด้วยเจตนาอยู่สองประเด็นหลักครับ นั้นคือ 1. คุณภาพ และ 2. ความหลากหลาย ทำให้ผู้ใช้งาน Xiaomi 15 Series มีอิสระที่จะนำอุปกรณ์ไปสร้างผลงานในสไตล์ของตัวเองในขอบเขตที่กว้างมาก เป็นเครื่องมือที่อิสระ และตอบโจทย์ได้มากกว่าการพกกล้องถ่ายภาพจริงๆ ติดตัวไปท่องเที่ยว หรืออาจจะรวมถึงนำไปใช้ในการทำงานจริงด้วยนั้นเองครับ
แต่อย่างไรก็ตาม สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันอยู่หลายประการ จากฮาร์ดแวร์ของตัวกล้องและเลนส์ที่นำมาใช้ที่ต่างกันในแต่ละรุ่น เรามาดูรายละเอียดที่เจาะลึกลงไปในสเปกกล้องของแต่ละรุ่นกันดีกว่าครับ
Xiaomi 15 Ultra – สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับระบบกล้องที่ดีที่สุดสำหรับมืออาชีพ
Xiaomi 15 Ultra ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพที่ใกล้เคียงกับกล้อง DSLR มากที่สุด ด้วยระบบกล้อง Leica Quad-Lens ที่ครอบคลุมช่วงโฟกัสกว้างถึง 14mm – 200mm ด้วยชุดเลนส์ซูมที่มีรูรับแสงคงที่ f/2.8 ตลอดช่วงซูม ใส่เลนส์ในทุกระยะมาครบสามารถถ่ายได้ทุกสไตล์ ตั้งแต่ Ultra-wide, Portrait, Telephoto ไปจนถึง Super Zoom 120x ที่ให้ภาพคมชัดด้วยระบบ AI ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกล้องอีกชั้นหนึ่ง
ระบบกล้อง Xiaomi 15 Ultra
- กล้องหลัก Leica Main Camera – 50MP f/1.63
- เซ็นเซอร์ LYT-900 ขนาดใหญ่
- รองรับ OIS (Optical Image Stabilization)
- พิกเซลขนาด 3.2μm (4-in-1 Super Pixel)
- Dynamic Range สูงถึง 14EV ให้ภาพที่มีมิติสูง แม้ในสภาพแสงน้อย
- 8P Aspherical Lens ชิ้นเลนส์ 8 ชั้นช่วยลดการบิดเบือนของภาพ
- กล้อง Leica floating telephoto – 50MP f/1.8
- เซ็นเซอร์ IMX858
- ระยะโฟกัส 70mm
- รองรับ 10cm Macro Photography สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้แบบคมชัด
- กล้อง Leica periscope telephoto – 200MP f/2.6
- ใช้เซ็นเซอร์ HP9 รองรับซูมแบบ 100mm Optical Zoom คมชัดเหมือนเดินเข้าไปถ่าย
- พิกเซลขนาด 2.24μm (4-in-1 Super Pixel)
- รับแสงมากขึ้นถึง +136% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
- กล้อง Leica Ultra-Wide – 50MP f/2.2
- มุมกว้าง 115°
- เซ็นเซอร์ JN5 ให้รายละเอียดครบถ้วน
- เหมาะสำหรับการถ่ายวิวทิวทัศน์และภาพมุมกว้าง
- กล้องหน้า – 32MP f/2.0
ด้วยคุณสมบัติของชุดกล้อง Xiaomi 15 Ultra ที่ใส่เต็มมาให้ขนาดนี้ และยังรวมกับระบบซอฟต์แวร์ถ่ายภาพใหม่ล่าสุดของ Xiaomi ที่ใส่ระบบ AI เข้ามาช่วยในการทำงานด้วย ทำให้ภาพสวยมากทุกระยะการซูมถ่ายเลยครับ
สามารถถ่ายภาพได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x ไปจนถึง 120x ซึ่งจะบอกว่าระยะประมาณไม่เกิน 10x คือคมมากๆ ประมาณ 100mm ถึง 200mm คือระยะออฟติคัล คุณภาพกินเรียบครับ
ทดสอบการซูมในระยะ 100x หรือ 120x จะมีตัว AI มาช่วยเกลี่ยภาพ เสริมความคมชัดเข้าไปอีก ซึ่งจากที่ทดสอบตัวกล้องทำงานได้ไวมากๆ ถ่ายแล้วไม่ต้องรอโปรเซส ได้ภาพมาเลยทันที และภาพซูมก็คมมากๆ เลยครับ
มี Fastshot mode (โหมด “ถ่ายด่วน”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ทันทีจากหน้าล็อกสกรีน เพียงกดปุ่มลดระดับเสียงสองครั้งจะเป็นเข้าหน้ากล้องและถ่ายภาพได้ในทันที ภายในโหมดจะรองรับการเลือกใช้ระยะโฟกัสได้หลายระยะ เหมาะสำหรับสายสตรีท เดินไปถ่ายไป หรือเห็นอะไรก็เกิดเป็นภาพในหัวก็เข้าสู่โหมดนี้ได้ทันที
ด้วยเซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่เป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ ภาพจึงดูมีมิติมากๆ เหมือนภาพที่ถ่ายจากกล้อง DSLR ด้วยเลนส์โปรขนาดใหญ่ อยากถ่ายอะไรถ๋าย ภาพดูจริงจัง แสงเงาสมจริง ไม่แบนหรือเร่งสว่างจนดูเป็นกล้องมือถือแบบปัจจุบันมากเกินไป
ตัวอย่างภาพบางส่วนจาก Xiaomi 15 ultra
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต
สำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตก็เป็นข้อที่โดดเด่น ด้วยเอกลักษณ์ของโบเก้ฉากหลังที่หลากหลายสไตล์จากเลนส์หลักในตำนานของ Leica ใส่เข้ามาให้เลือกใช้ได้กับทุกระยะการถ่าย ซึ่งโหมดพอร์ตเทรตของ Xiaomi 15 Ultra ก็มีมาเลือกระยะเยอะซะด้วยนะครับ รองรับได้มากกว่า 7 ระยะ สามารถถ่ายพอร์ตเทรตได้ไกลสุดถึงระยะ 135mm เลยทีเดียว เป็นมือถือเพียงตัวเดียวที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้หลากหลายอารมณ์มากๆ
มีระบบโบเก้จากเลนส์หลัก มาตรฐาน, โบเก้หมุนวน, ซอฟท์โฟกัส, กว้าง และ ฟองน้ำ นำมาเลือกใช้คู่กับระยะที่ต้องการได้เลย
กล้องหน้า 32MP รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่ละลายหลังได้เช่นกัน พร้อม AI Beauty ปรับแต่งใบหน้าเนียนใส และไม่ปรับจนเกินจริงมากไปด้วยนะครับ
การตัดภาพบุคคลทำได้มีเอกลักษณ์ตามฟิลเตอร์ที่เรียกใช้จริง ทั้งแบบนุ่มนวล, คลาสสิก และแบบดุดัน เลือกผสมใช้ได้กับโบเก้ฉากหลังทั้ง 5 แบบอิสระ แล้วแต่ช่างภาพจะต้องการได้เลย ไม่ว่าจะแสงกลางวันชัดๆ หรือแสงกลางคืน ผมบอกเลยได้หมดครับ เพราะภาพบุคคลในที่แสงน้อยก็ทำออกมาได้ดีครับ
Xiaomi 15 Ultra ไม่เพียงแค่ถ่ายภาพนิ่งได้ยอดเยี่ยม แต่ยังถ่ายวิดีโอได้ในระดับมืออาชีพ ด้วยฟีเจอร์ด้านกล้องวิดีโอที่ใส่มามากมาย เพื่อรองรับการใช้งานของครีเอเตอร์ที่ต้องการบันทึกภาพวิดีโอ
- บันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30fps คุณภาพสูง คมชัดทุกรายละเอียด
- รองรับ 4K Dolby Vision ที่ 60fps ทุกเลนส์
- บันทึกวิดีโอแบบ 10-bit Log ที่ 4K 60fps รองรับมาตรฐาน ACES (Academy Color Encoding System)
- โหมด Cinematic Slow Motion ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 120fps
- ระบบกันสั่น Ultra Image Stabilization
- 4-Mic Array บันทึกเสียงระดับสตูดิโอ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน
- วิดีโอโบเก้ ละลายฉากหลังได้แบบเรียลไทม์
- AI Beauty ปรับแต่งใบหน้าของแบบได้เนียน ด้วยการจับโฟกัสใบหน้าได้หลายบุคคลพร้อมกัน
Xiaomi 15 – ระบบกล้องที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกไลฟ์สไตล์
ถึงแม้จะเป็นรุ่นรอง แต่ Xiaomi 15 ยังคงใช้เทคโนโลยีกล้องระดับสูงจาก Leica เช่นกัน โดยมาพร้อมกับ Triple Lens System อาจจะเป็นรองในเรื่องของระยะการซูม แต่ในด้านคุณภาพ ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับ ถ้าไม่นับรุ่นพี่ของมัน หรือพวกสมาร์ตโฟนกล้องโต เจ้ารุ่นนี้ก็ให้คุณภาพของการถ่ายภาพอยู่ในระดับท็อปของวงการเช่นกัน
ระบบกล้อง Xiaomi 15
- กล้องหลัก Leica Main Camera – 50MP f/1.62
- เซ็นเซอร์ Light Fusion 900
- พิกเซลขนาด 2.4μm Super Pixel
- ช่วง Dynamic Range 13.5EV
- ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Leica Telephoto – 50MP f/2.0
- เซ็นเซอร์ JN5
- ระยะโฟกัส 60mm Floating Telephoto Lens
- รองรับการถ่าย 10cm Macro
- HDR สูงถึง 11.5EV ให้ภาพที่มีความลึกและมิติสูง
- กล้อง Leica Ultra-Wide – 50MP f/2.2
- มุมกว้าง 115°
- เซ็นเซอร์ JN1
- HDR สูงถึง 11.5EV
- กล้องหน้า – 32MP f/2.0
Xiaomi 15 รองการซูมในระยะตั้งแต่ 0.6x ไปจนถึง 60x โดยจะมีตัว AI มาช่วยเกลี่ยภาพเสริมความคมชัดให้ด้วยเช่นกัน จากที่ทดสอบสำหรับรุ่นนี้ การซูมภาพที่ 30x ยังทำออกมาได้ดีครับ คมแบบเห็นรายละเอียดได้ชัด
รองรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ 4 ระยะ 23mm, 35mm, 60mm และ 75mm มีสไตล์จากเลนส์หลักในตำนานของ Leica และฟิลเตอร์มาให้เลือกผสมใช้ได้เช่นกัน
ตัวเล็กๆ แต่กล้องไม่เล็กนะครับ คุณภาพคับติ้วจากเครื่องขนาดแค่นี้ ไม่ธรรมดานะครับ กลางวันกลางคืนก็ได้หมดเหมือนกัน ^^
การใช้งานภายใน และฟีเจอร์ Xiaomi HyperAI ใหม่ล่าสุด!
Xiaomi 15 และ 15 Ultra ใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกัน Snapdragon 8 Elite ผลิตบนสถาปัตยกรรม 3nm ชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในขณะนี้ทำงานร่วมกับ RAM LPDDR5X และหน่วยความจำเทคโนโลยีใหม่สด UFS 4.1 ที่ให้ความเร็วสูงสุดของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนด้วยเช่นกัน
- Xiaomi 15 มาในขนาดตัวเลือก 12GB + 256GB และ 12GB + 512GB โดยสามารถขยาย RAM ได้อีก 6GB ด้วยหน่วยความจำที่ยังไม่ได้ใช้งาน
- Xiaomi 15 Ultra มากับขนาดตัวเลือก 16GB + 512GB และ 16GB + 1TB สามารถขยาย RAM ได้อีก 8GB ด้วยหน่วยความจำที่ยังไม่ได้ใช้งาน
จะสังเกตเห็นว่าในระบบของ Xiaomi จะมีพื้นที่หน่วยความจำเพิ่มเติมจากเทคโนโลยีการจัดเรียงคลัสเตอร์เฉพาะของ Xiaomi เช่นในรุ่นหน่วยความจำ 512GB จะได้พื้นที่เพิ่มมาอีก 16GB ฟรีๆ
ประสิทธิภาพเหลือล้น เป็นตัวแรงประจำระบบ Android สามารถรันทุกอย่างได้ไหลลื่นแม้แต่เกม 3D กราฟิกระดับ AAA ไม่มีปัญหาเลยความแรงระดับนี้ พร้อมใช้ได้ 100% กับทุกแอปใน Google Play Store
หน้า UI มีการปรับอนิเมชั่นเคลื่อนไหวให้รู้สึกสมูธและสวยงาม การตอบสนองว่องไว แต่แผ่วเบา คล่องตัว การเคลื่อนไหวบนหน้าจอต่อเนื่องเป็นแผ่นเดียวกันไปหมดเวลาเข้าและออกแอป
ระบบถูกออกแบบมาได้ฉลาดมาก มีทั้งตัวช่วยเพิ่มความสะดวก อย่างเช่น “กล่องเครื่องมือด้านข้าง” จะเป็นชุดเรียกใช้แอปพลิเคชั่นด่วนให้ออกมาในรูปแบบป๊อบอัพได้ทันที หรือแนะนำเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ที่กำลังทำงานอยู่ เช่น การเปิดปิดระบบเสียง Dolby เมื่อตรวจพบการเล่นวิดีโอ หรือการอัปเสกลความคมชัดของภาพ เป็นต้น
ระบบไหลลื่นมากๆ ตอบสนองไว ไม่แลคค้างช้าใดๆ ให้เห็นเลยตลอดการใช้งาน ประสิทธิภาพสูงสมเป็นเรือธงประจำปี 2025 ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ การันตีความไวทันใจในการใช้ทั้งสองตัวเลยครับ
เครื่องมือด้านความปลอดภัยใส่มาครบ ทั้งตัวสแกนไวรัส, สแกนไฟล์ขยะ, การล็อคแอปหรือซ่อนแอป รวมถึงการโคลนแอปเดียวกันให้สามารถใช้งานได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว
HyperConnect การเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์
ทั้งคู่รันด้วย Android 15 ครอบทับไว้ด้วย Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งเป็นระบบล่าสุดจากทาง Xiaomi ภายในมีฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องหลายอย่างเช่น HyperConnect การเชื่อมต่ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในระบบนิเวศของ Xiaomi ได้ง่ายขึ้น อย่าง Home Screen+ 2.0 ที่ทำให้เราใช้งานมือถือบนแท็บเล็ต Xiaomi Pad 7 Series ได้อย่างไร้รอยต่อ, Call Sync – รับสายโทรศัพท์จาก Xiaomi 15 ด้วยแท็บเล็ตหรืออุปกรณ์ที่ล็อกอิน Xiaomi ID เดียวกันได้, Playback Transfer – โอนเสียงระหว่างมือถือ หูฟัง และลำโพง ไปมาข้ามอุปกรณ์ได้ง่ายๆ
ระบบเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้ที่มีสมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต และอุปกรณ์ที่อยู่ในระบบนิเวศของ Xiaomi หลายอุปกรณ์ สามารถเข้าถึงคุณสมบัติที่จะเพิ่มความสะดวกในการทำงานได้มากกว่าเดิมครับ
รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม เชื่อมต่อกับ Mac / iOS ผ่าน Xiaomi Connectivity Service
ตอนนี้ อุปกรณ์ Xiaomi จะสามารถเชื่อมต่อกับ iPhone, iPad และ Mac ได้อย่างราบรื่นผ่านแอป “Xiaomi Connectivity Service” เมื่อติดตั้งลงบนอุปกรณ์ของ Apple ก็จะทำให้สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มและเข้าถึงไฟล์ได้อย่างสะดวก
- สามารถใช้รับส่งไฟล์ไปมาแบบไร้สายความเร็วสูงระหว่าง iPhone, iPad กับสมาร์ตโฟน Xiaomi 15 Series ได้แล้ว
- จะรองรับ Home Screen+ บน iPad และ Mac ในเร็วๆ นี้ สามารถแชร์ไฟล์แบบ ลากและวาง ระหว่างอุปกรณ์ Apple และ Xiaomi 15 Series
- จะสามารถใช้งานร่วมกับชุดโปรแกรม iWork ของ Apple ได้เต็มรูปแบบ เช่น Keynote, Numbers และ Pages โดยเปิดไฟล์จากอุปกรณ์ Xiaomi ได้โดยตรง
Xiaomi HyperAI – AI อัจฉริยะเพื่อการใช้งานที่ล้ำกว่าเดิม
ทั้งสองรุ่นมาพร้อม Xiaomi HyperAI ที่มี Google Gemini AI เข้ามาร่วมกันเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในชีวิตประจำวัน ทั้งการแปลภาษา, การแปลเอกสาร, การค้นหา และการแก้ไขรูปภาพต่างๆ ในตอนนี้ Xiaomi HyperOS 2.0 บน Xiaomi 15 Series พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบในภาษาไทยเรียบร้อยแล้วครับ
หนึ่งในหัวใจของ Xiaomi HyperAI คือการทำงานร่วมกับ Google Gemini เพื่อช่วยประมวลผลด้านภาษาและภาพอย่างล้ำลึกถึงภายในระบบ โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่เราสามารถใช้งานได้ เช่น
- Image Generation – การใช้โมเดลสร้างภาพ (Generative Model) ที่สามารถสร้างหรือปรับแต่งภาพใหม่ได้ตามคำสั่งผู้ใช้ เช่น สร้างภาพประกอบบทความ, สร้างภาพพื้นหลัง, หรือแม้แต่ “เติม” ส่วนที่ขาดหายของรูปภาพ แค่พิมพ์หรือพูดบอกสิ่งที่ต้องการลงไปใน Google Gemini
- Screen Content Understanding (Gemini Overlay) – เมื่อผู้ใช้เปิดเนื้อหาใด ๆ บนหน้าจอ ระบบจะสามารถ “อ่าน” และ “เข้าใจ” เนื้อหานั้น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ เช่นให้ Gemini มาช่วยแปล หรือมาสรุปความในคลิปวิดีโอที่กำลังดูเป็นต้น
- Circle to Search – ฟีเจอร์การค้นหาแบบ “ลากวงกลม” หรือ “ไฮไลต์” บนหน้าจอเพื่อให้ AI ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนนั้น ค้นหาโดยเจาะจง Crop รูปหรือข้อความบางส่วน แล้วสั่งค้นหาหรือแปลไปในตัวได้ทันที
กลุ่มฟีเจอร์ Productivity AI
ที่ Xiaomi ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยฝังมาอยู่ใน Xiaomi 15 เรียบร้อยแล้ว
- AI Writing – ช่วยเขียนข้อความ สรุปเนื้อหา หรือร่างบทความ รวมถึงวางแผนการทำงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการเขียนอีเมล จดหมาย โพสต์โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ให้ช่วยทำแผนการเดินทางท่องเที่ยว แค่บอกสิ่งที่ต้องการ ไม่ต้องเขียนหรือพิมพ์เองเลยครับ
- AI Recorder – การบันทึกเสียงและถอดเสียง (Transcribe) อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ประหยัดเวลาจดบันทึกในการประชุมหรือการสัมภาษณ์ โดยมีความสามารถในการแยกเสียงผู้พูดออกมาให้กับเราได้
- AI Interpreter – ล่ามแปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้ทั้งข้อความและเสียง รองรับหลายภาษาโดยเฉพาะภาษาไทยพร้อมใช้ 100% แล้ว นำไปเป็นล่ามติดตัว และสามารถทำงานได้ในโหมดสนทนาแบบเห็นหน้ากัน โดยจะแบ่งครึ่งหน้าจอ
- AI Subtitles – สร้างคำบรรยาย (Subtitle) อัตโนมัติจากวิดีโอหรือเสียงในเครื่อง หรือเสียงที่ได้รับจากไมโครโฟนเครื่องก็ได้เช่นกัน ใช้ในงานตัดต่อวิดีโอ หรือดูภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศได้สะดวก หรือใช้เพื่อจดบันทึกการเรียนการสอนของอาจารย์ รวมถึงใช้เพื่อจะฟังในภาษาที่เราไม่เข้าใจก็ได้เช่นกัน
กลุ่มการทำงาน Creativity AI
ฟีเจอร์ที่ใช้สร้างสรรค์และการปรับแต่งภาพและวิดีโอ
- AI Erase Pro เครื่องมือ AI สำหรับปรับลบวัตถุหรือบุคคลภาพ ทำได้แบบง่ายด้วยการวงเลือกเอง หรือให้ AI ทำการสแกนให้ มีความสามารถที่ดีขึ้นกว่าตัวก่อน แก้ไขภาพที่ยากได้ง่ายๆ ผลงานออกมาเนียนมากครับ
- AI Image Expansion การขยายขอบภาพออกไป เพิ่มองค์ประกอบภาพเข้ามาได้เอง ใช้ในกรณีที่ต้องการภาพที่กว้างขึ้นโดยสร้างฉากหลังเพิ่มเติมเข้ามา
- AI Image Enhancement ปรับแต่งภาพถ่ายให้อัตโนมัติ เช่น เพิ่มความคมชัด ปรับความสว่าง/คอนทราสต์ หรือแก้สีผิดเพี้ยน
- AI Remove Reflection ลบเงาสะท้อนในกระจกหรือพื้นผิวมันเงาในภาพถ่าย ทำให้ภาพชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องถ่ายใหม่ในสถานการณ์ที่มีแสงสะท้อน
- AI Magic Sky การเปลี่ยนสีท้องฟ้า เปลี่ยนสภาพอากาศ หรือการจำลองกลุ่มทางช้างเผือก หรือออโรร่า ใส่เข้ามาในภาพ ทำให้กลายเป็นท้องฟ้าที่มีความเคลื่อนไหวก็ได้เช่นกัน
- AI Film – การให้ AI ทำการคำนวนภาพและวิดีโอที่เราเลือก เพื่อใส่เอฟเฟกต์และเสียงประกอบออกมาเป็นคลิปสั้นให้เราอัตโนมัติ
- AI Live Wallpapers, ภาพพื้นหลังแบบไดนามิก สร้างวอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหว (Live Wallpaper) จากภาพที่เรามี อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ เวลาในวัน หรือใส่การเคลื่อนไหวเข้าไปในภาพนิ่งให้เราได้อัตโนมัติ
เหล่านี้คือความสามารถที่มีอยู่ใน Xiaomi 15 และ 15 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงที่พร้อมสำหรับยุค AI แบบสมบูรณ์ ที่พร้อมใช้งานในภาษาไทยแบบเต็มขั้นแล้วครับ
ตัวเครื่องและการออกแบบ
Xiaomi 15 Ultra – ดุดัน มืออาชีพ เครื่องแกร่ง ทนทานสูง
Xiaomi 15 Ultra มาพร้อมกับโครงเครื่องอลูมิเนียมแข็งแกร่ง มีความทนทานสูงจากการกระทบหรือตกกระแทก ด้วยการใช้กระจกหน้าจอ Xiaomi Shield Glass 2.0 และผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
มีเข้ามาจำหน่าย 3 สี ได้แก่ สีเงิน Silver Chrome, สีขาว White และสีดำ Black ซึ่งเป็นสีที่เห็นในรีวิวนี้ สีดำเข้มตัดลวดลายกับเส้นแดง ดีไซน์แบบ “Refined Camera-Inspired” ให้อารมณ์ของกล้องถ่ายภาพของ Leica มาเต็มๆ
ตัวใหญ่! เพราะใส่มาเต็มแบบไม่ต้องอาย ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 6.73 นิ้ว เป็นจอ AMOLED คุณภาพสูง รองรับเทคโนโลยี HDR10+, Dolby Vision รีเฟรชเรท 120Hz Dynamic ความสว่างสูงสุด 3,200nits ความละเอียดสูงมาก WQHD+ (3200 x 1440)
รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic Fingerprint Sensor สแกนลายนิ้วมือได้แม้มือเปียก ให้สีที่แม่นยำกว่าหน้าจอทั่วไปเพราะรองรับ Original Color Pro | Pro HDR
หน้าจอจึงสวยมาก ภาพคม สีตรงและสดใส ความสว่างดี ขอบจอโค้งลงเล็กน้อยให้ดูหรูหรา มาพร้อมลำโพงคู่ Dolby Atmos รุ่นนี้เสียงลำโพงดีมากๆ มีเนื้อแสงและความหนักของแบส ใช้งานรับชมภาพยนตร์ไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเลยครับ
ตัวโมดูลกล้องหลังใหญ่! ใส่แบบไม่ต้องอายใครเช่นกัน เพราะเป็นการประกาศเลยว่านี่คือมือถือกล้องเทพ! ขนาดตัวเครื่อง 161.3 x 75.3 x 9.35 มม. (รุ่น Silver Chrome หนา 9.48 มม.) และหนัก 226 กรัม (Black, White), 229 กรัม (Silver Chrome) ไม่ใช่มือถือสำหรับคนชอบเบา แต่สำหรับคนชอบของดี
แต่อย่างไรก็ตามมีการกระจายน้ำหนักออกไปด้วยรูปทรงที่โค้งมน และการจับถือที่มั่นคง แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ก็ยังถือใช้งานได้ไม่ลำบากสำหรับคนมือเล็กๆ
แบตเตอรี่ภายในให้มาในขนาด 5,410mAh รองรับชาร์จเร็ว 90W HyperCharge และแบบไร้สายที่ 80W HyperCharge ถือว่าชาร์จเร็วมากทั้งสองแบบ สามารถชาร์จแบต 50% ได้ในเวลาแค่ประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง
ซึ่งจริงๆ แล้ว Xiaomi 15 Ultra รองรับโปรโตคอลชาร์จไวเยอะมากนะครับ ทั้งระบบ HyperCharge ของทาง Xiaomi เอง และรองรับ QC3+ / QC3.0 / QC2.0 / PD3.0 / PD2.0 / MI FC 2.0 จะมาแบบไหนก็ใช้ได้หมด และสามารถทำตัวเองเป็นแท่นชาร์จไร้สายสำหรับชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นก็ได้นะครับ (Xiaomi 15 ก็ทำได้เช่นกัน)
ตัวเครื่องไม่รองรับการใส่ microSD Card เพิ่มเติม แต่รองรับ 2 ซิมการ์ดทั้งแบบ nano และแบบ eSim จะสลับใช้กันยังไงก็ได้ระหว่าง nano Sim และ eSim แต่ใช้ได้สูงสุดคือ 2 ซิม
ตัวเครื่องรองรับสัญญาณไร้สายเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด 5G SA 4×4 MIMO, WiFi 7, และ Bluetooth 6.0 เทคโนโลยีการจับสัญญาณครบเครื่อง สามารถใช้ข้อมูลมือถือมาเร่งความเร็ว WiFi หรือจะจับสัญญาณ WiFi สองคลื่นความถี่คู่กันก็ได้ เพิ่มเพิ่มความเสถียรหรือเร่งความเร็วในการดาวน์โหลด
Xiaomi 15 – เรือธงกะทัดรัด ตัวเล็กที่ทรงพลังมากที่สุดในตลาด
Xiaomi 15 ถูกออกแบบให้ เล็กและเบากว่า Xiaomi 15 Ultra ทำให้เหมาะกับการใช้งานมือเดียว ตัวเครื่องบางเพียง 8.08 มม. และหนักเพียง 191 กรัม ดีไซน์ All-around Fluid Design ให้สัมผัสที่เรียบลื่นและหรูหรา ใช้การออกแบบคล้ายกับ Xiaomi 14 รุ่นก่อนหน้าไม่ต่างกันนัก
ขนาดหน้าจอ 6.36 นิ้ว CrystalRes 2670 x 1200 พิกเซล, รีเฟรชเรต 1-120Hz, ความสว่างสูงสุด 3200 nits ขอบหน้าจอบางมากกก!! บางแค่ 1.38 มม. เท่านั้น! ที่เหลือคือหน้าจอทั้งหมด รองรับการสแกนนิ้วแบบ Ultrasonic Fingerprint Sensor สแกนลายนิ้วมือได้แม้มือเปียก
กรอบอลูมิเนียมแข็งแรง ใช้กระจกจอ Xiaomi Shield Glass ผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 มีเข้ามาจำหน่ายทั้งหมด 4 สี Black, White, Green และ Liquid Silver ขนาดตัวเครื่อง 152.3 x 71.2 x 8.08 มม. (ส่วนรุ่น Liquid Silver บาง 8.48 มม.) น้ำหนัก 191 กรัม (สำหรับสี Black, White, Green), 192 กรัม (สำหรับสี Liquid Silver)
โดยสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นที่นำมารีวิวบทความนี้ จะรองรับ Dolby Vision, HDR10+, Pro HDR และเทคโนโลยีป้องกันแสงสีฟ้า TÜV Rheinland Certified มาด้วยกันทั้งสองรุ่นเลยครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเปิดดูแอปอย่าง Netflix ก็พร้อมจะใช้งานในเทคโนโลยี Dolby Vision ได้ทันทีทั้งสองรุ่นเลย เทคโนโลยีจอไม่ต่างกันมาก ต่างแค่ขนาดและความละเอียดของหน้าจอเท่านั้นเอง
Xiaomi 15 ใช้ลำโพงคู่สเตอริโอ เสียงดีใช้ได้เลยครับ แม้จะไม่เท่ากับรุ่นพี่ Ultra แต่ว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน ตัวแค่นี้แต่เสียงมีพลัง นับเป็นจุดเด่นของรุ่นได้เช่นกันในด้านระบบเสียง และรองรับ Dolby Atmos เหมือนกันด้วยครับ
Xiaomi 15 จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการ มือถือขนาดกะทัดรัด, จอ AMOLED คุณภาพสูง และดีไซน์พรีเมียมที่บางเบา แบตเตอรี่ภายในใส่มาให้ในขนาด 5,240mAh รองรับชาร์จเร็ว 90W HyperCharge และแบบไร้สาย 50W HyperCharge
รองรับ 2 ซิมการ์ดทั้งแบบ nano และแบบ eSim สามารถสลับใช้ร่วมกันแบบไหนก็ได้ และรองรับสัญญาณไร้สายทั้ง 5G SA 4×4 MIMO, WiFi 7, และ Bluetooth 6.0 จะสังเกตว่าเทคโนโลยีการจับสัญญาณมาไม่ต่างไปจากรุ่นใหญ่เลย ไม่รองรับการใส่ microSD Card เพิ่มเติม และไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงนะครับ
สรุปท้ายรีวิว
Xiaomi 15 Ultra และ Xiaomi 15 ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนพรีเมียม ทั้งในแง่ของการถ่ายภาพ, ดีไซน์ตัวเครื่อง, วัสดุงานประกอบ คุณภาพหน้าจอและระบบเสียง ขนาดแบตเตอรี่และเทคโนโลยีการชาร์จ พร้อมซอฟท์แวร์ใหม่ที่อัดด้าน AI มาครบที่สุดจาก Xiaomi และรองรับการทำงานข้ามอุปกรณ์ได้ครบกว่ารุ่นใดๆ
✅ Xiaomi 15 Ultra – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรือธง จอใหญ่ WQHD+, วัสดุพรีเมียม และการถ่ายภาพระดับโปร ให้ประสบการณ์กล้องระดับมืออาชีพ ที่ให้คุณภาพของการถ่ายภาพสูงที่สุดที่สมาร์ตโฟนจะให้ได้ในปัจจุบัน เทียบชั้นได้กับกล้องโปรด้วยขนาดเซ็นเซอร์และประสิทธิภาพการประมวลผลของซอฟต์แวร์
✅ Xiaomi 15 – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรือธง ขนาดกะทัดรัด, จอ AMOLED คุณภาพสูง และดีไซน์พรีเมียมที่บางเบาพกพาง่าย และคุณภาพการถ่ายภาพคุณภาพสูงที่ซ่อนรูปอยู่ในตัวเครื่องขนาดเล็ก
Xiaomi 15 Series คือสมาร์ตโฟนที่มอบประสบการณ์ใช้งานเรือธงที่ครบเครื่อง + ตีบวกด้วยกล้องเทพ + เสริมด้วย AI = ใครสนใจสูตรสำเร็จชุดนี้จากเสียวหมี่ ก็ห้ามพลาดครับ!
ราคาและโปรโมชั่น
- Xiaomi 15 Ultra รุ่นความจุ 16GB + 1TB สี Silver Chrome วางจำหน่ายในราคา 46,990 บาท ที่ Xiaomi Store และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee, TikTok Shop พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi 15 Ultra Photography Kit และบริการอื่นๆ มูลค่ารวม 32,824 บาท
- Xiaomi 15 Ultra รุ่นความจุ 16GB + 512GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver Chrome, Black และ White วางจำหน่ายในราคา 42,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee, TikTok Shop พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi 15 Ultra Photography Kit และบริการอื่นๆ มูลค่ารวม 32,824 บาท
- Xiaomi 15 รุ่นความจุ 12GB + 512GB มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Green, Black, White และสีพิเศษ Liquid Silver (ซึ่งสี Liquid Silver จะจำหน่ายจำนวนจำกัดเฉพาะบน mi.com เท่านั้น)20 วางจำหน่ายในราคา 29,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee, TikTok Shop พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi Watch S3 และบริการอื่นๆ มูลค่ารวม 27,724 บาท
- Xiaomi 15 รุ่นความจุ 12GB + 256GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Green, Black, White วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท ที่ Xiaomi Store และ mi.com เท่านั้น พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi Watch S3 และบริการอื่นๆ มูลค่ารวม 27,724 บาท