Review : Until Dawn กลับมาสานต่อความสยองพร้อมของใหม่!
Until Dawn ยังคงเป็นเกมยืนหนึ่งของเกมแนวตัวเลือก ที่ตัวเกมยังคงให้ความตื่นเต้น และ ความน่ากลัวแม้จะมีอายุกว่า 9 ปีแล้วโดยเฉพาะหากคุณไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน Until Dawn 2024 ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าตัวต้นฉบับแน่นอน และ แม้แต่คุณเคยเล่นมาแล้วเหมือนผม คุณก็จะยังสนุกกับมันได้เพราะเกมนี้จะมีฉากต่างๆเพิ่มเข้ามา และ เปลี่ยนเนื้อเรื่องเล็กน้อยเพื่อให้เข้าใจง่ายมากขึ้น ไม่อยากสปอยว่าที่เปลี่ยนมามีอะไรบ้างแต่ไปดูกันเอาเอง
จุดเด่น
- เนื้อเรื่องดีเหมือนได้ดูหนัง ( แน่นอน )
- ปรับแต่งเกมได้ลึก เพื่อให้เข้ากับเรา
- มีของใหม่เพิ่มขึ้นจากต้นฉบับ
ต้องปรับปรุง
- มีบัคกราฟฟิคอยู่บ้างที่ยังไม่แก้
- อนิเมชั่นบางจุดดูยังทำไม่เสร็จ
- บัคเกมเพลย์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น
-
ภาพ และ กราฟิก
-
เสียง และ ดนตรีประกอบ
-
เกมเพลย์
-
เนื้อเรื่อง
Until Dawn คือเกมแนวถามตอบ และ เลือกเส้นทางหนึ่งในเกมที่ดังที่สุดในแนวนี้ โดยตอนนี้ตัวเกมเวอร์ชั่น Remake ได้มาสู่สายตาชาวโลกแล้ว และ เป็นหนึ่งในเกมที่มีการคาดหวังมากที่สุดในปีนี้เลย และ เป็นเกมในความทรงจำหลายๆคนไม่ว่าจะมาจากการที่ดูคนอื่นเล่น หรือ เล่นเอง แล้วตัวเกมจะดีหรือไม่สมการรอคอยไหมเรามาดูกันเลย!
เนื้อเรื่อง
เราจะได้เล่นเป็นเหล่าเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศกัน และ ปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยง จนกระทั้งแกล้งกันเกินเลย Hannah พี่สาวของ Josh ที่ถูกแกล้งหนักจนใจสลายวิ่งหนีออกไปตจากบ้าน จนกระทั้ง Beth ได้วิ่งตามไปทั้งคู่ได้เจอกับอุบัติเหตุสร้างความเสียใจให้กับกลุ่มเพื่อนเป็นอย่างมาก ครบรอบปี พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้งเพื่อลำลึกความหลัง แต่ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นพวกเขาเหมือนถูกใครบางคนไล่ล่า จนต้องหนีตายจากบ้านพักตากอากาศนี้จนกว่าจะถึงรุ่งสางนั้นเอง
ไม่อยากจะพูดอะไรเยอะเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง และ ที่ผมบอกไปก็เป็นเนื้อเรื่องข้างต้นเท่านั้น แน่นอนว่าเกมแนวนี้เนื้อเรื่องคือที่สุด และ เนื้อเรื่องนั้นจะเปลี่ยนไปตามการเลือกของเราแบบระบบ Butterfly Effect ที่เป็นจุดขายของเกม นิสัยตัวละคร ปมดราม่า และการหักมุม จะให้อารมณ์เหมือนหนังสยองขวัญกลางป่าเกรด B(ชม) มากๆ ทำให้เรานั้นจะพอเดาทางสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังสนุกได้อยู่ดี ด้วยความที่ตัวเกมจะเล่นอยู่รอบๆเนื้อเรื่องแบบหนังพวกนี้ด้วยทำให้บางฉากสำคัญๆ ที่จะมีตัวละครที่ทำอะไรน่าหงุดหงิด ในฉากแบบนั้นพอเราได้มีส่วนร่วมกับมัน ก็ทำให้เราได้อินกับเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นไปอีก
คัตซีน และ ภาพ
เป็นหนึ่งใน Element ของเกมแนวนี้ที่ไม่ควรจะมองข้ามเพราะนี้คือสิ่งที่เราจะได้เห็นไปตลอดทั้งเกม เป็นเหมือนหน้าตาของตัวเกม ตัวภาพทำออกมาได้สวยตามมาตราฐานของเกมยุคนี้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาไปมากกว่านั้น เรื่องแสงตกกระทบจะทำออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แน่นอนว่ามันดูรู้เรื่องแหล่ะแต่มันก็ไม่ได้สวย หรือน่าพอใจเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะฉากที่เป็นไฟจากแสงเทียน เราจะเห็นการโหลดไฟได้อย่างชัดเจน ทำให้มันทำลายอรรถรสเราลง แต่กลับกันไฟฉายแล้วดูสวยกว่าเยอะ
ด้านการแสดงสีหน้าของตัวละคร หรือ การแสดงของนักแสดงทำให้เราจะรู้สึกเหมือนได้ดูหนังจริงๆ และ จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจนิสัยของตัวละครได้ง่ายขึ้น และ ตัวละครเหล่านี้ทุกตัวเลย แม้แต่ตัวละครที่โพล่ออกมาแค่แปปเดียวก็ตาม
แน่นอนว่าภาพของภาคนี้จะต้องสวยกว่าภาคต้นฉบับอยู่แล้ว สภาพแวดล้อมต่างๆถูกทำขึ้นมาใหม่ และ ดูสวยงามขึ้น หน้าตาของตัวละครที่ถูกปรับให้เข้ายุคเข้าสมัยมากขึ้น และ มีการเพิ่มเติมฉากต่างๆเข้ามาทั้งฉากเสริมที่ช่วยให้เราเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น หรือ ฉากที่เราสามารถเลือกได้ก็จะมีเหมือนกัน ทำให้แม้จะเล่นภาคที่แล้วมาแล้ว จะมาเล่นภาคนี้อีกรอบนึงก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่
ส่วนด้านคัตซีนเราก็จะได้เห็นการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติจากนักแสดงโมแคป แต่เราจะสังเกตุได้ว่าจะมีบางฉากเหมือนกันที่ตัวเกมนั้นไม่ใช้โมแคป แต่จะใช้การอนิเมทด้วยมือแต่ในส่วนนี้เนี่ยหล่ะที่จะเห็นความแข็งของการขยับตัวของตัวละครอย่างชัดเจน ยิ่งในฉากที่สลับระหว่างโมแคปไปเป็นอนิเมชั่นเราจะสังเกตุได้ง่ายมาก และ แน่นอนมันก็ทำลายอรรถรสที่เรามีลงไป ในบางฉากพอเข้าใจได้ว่าเขาไม่สามารถทำโมแคปฉากแบบนี้ได้ เพราะอาจเป็นฉากที่พาดโพนเกินไป หรือ มนุษย์จะทำไม่ได้ แต่นอกจากฉากที่กล่าวมา บางฉากก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเป็นฉากทำมือเลย
และ จากการที่ไปส่องมาว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ผมก็ได้รู้ว่าฉากที่กล่าวมาที่การขยับตัวนั้นดูแข็งๆส่วนใหญ่ จะเป็นฉากใหม่ที่ถูกเติมเข้ามาที่ในภาคต้นฉบับไม่มี เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะทางทีมงานต้องการจะเพิ่มคอนเท้นท์เข้าไประหว่างฉากแต่ก็มีเวลาไม่พอจนออกมาเป็นแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดมันไม่ทำให้ อะไรแย่ลงแต่มันก็ทำให้บางทีฉากที่ไม่ควรตลกมันดันดูตลกขึ้นมา
เกมเพลย์
เกมการเล่นพื้นฐานยังเหมือนเดิม การกระทำของเราส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องฉากที่เราจะได้เจอ ชะตากรรมของตัวเราหรือเพื่อนๆ ทำให้หัวใจหลักของเกมนี้คือการเลือกทางเลือกที่คิดว่าจะส่งผลดีที่สุดที่จะเป็นไปได้ แต่ตัวเกมก็ไม่ได้ยกคำถามมาให้เราตอบแบบอันนึงผิดอันนึงถูก คำถามส่วนใหญ่ หรือ ปัญหาส่วนใหญ่มักจะออกแนวเล่นกับความกลัวตัวละครตายของผู้เล่น และ นิสัยของเรา เช่น เราเลือกที่จะบอกความจริงที่ทำร้ายเพื่อน หรือ เลือกจะโกหกแต่ปกป้องเพื่อน หรือจะเป็น เลือกว่าจะเสี่ยงเพื่อโอกาศที่มากขึ้น หรือ เลือกที่จะเน้นปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย
แม้จะมีทางเลือกแบบถูกผิดอยู่บ้างแต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่เช่นกัน เพราะส่วนใหญ่ทางเลือกพวกนี้ถ้าเราหาข้อมูล หรือ สำรวจมาก่อนเราจะพอที่จะรู้ได้ว่าทางไหนถูกหรือผิด เพราะเกมนี้ก็มี Totem ที่จะช่วยให้เราสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือบางทีการที่เราไม่ทำอะไรเลยก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเช่นกัน
QTE
นอกจากการเลือกถามตอบ แอคชั่นหลักของเกมนี้ก็จะมี QTE(Quick Time Event ) สามรูปแบบอย่างแรกก็คือ QTE ทั่วไปที่จะมีปุ่มขึ้นมาให้เรากดให้ถูกในเวลาที่กำหนด และ QTE แบบที่เราต้องเล็งไปยังเป้าหมายก่อนเวลาหมด แต่ Until Dawn จะมีระบบนึงที่เข้ากับตัวเกม และ ไม่ค่อยเห็น QTE เกมอื่นทำกันเท่าไหร่ นั้นคือให้นิ่งเมื่อเจอสถานการณ์กดดันโดยตัวเกมจะจับเซนเซอร์จอยของเราให้เราอยู่นิ่งๆ เราต้องห้ามขยับ QTE พวกนี้บางอันทำพลาดคือตายเลยนะครับ
ใครที่ไม่ชอบ QTE ก็อย่าพึ่งเสียใจไป เพราะว่าตัวเกมนั้นมีให้ปรับเยอะมากๆ เช่นย QTE แบบกดปุ่มเราสามารถเลือกได้หลายแบบตัดแต่งได้ตามใจชอบ อยากให้มันขึ้นแบบ Random ปุ่มกด หรือแบบเดียวโพล่แบบสุ่มที่หรือกลางจอเท่านั้น ขนาดใหญ่แค่ไหน หรือกดอัตโนมัติ บังคับแพ้ เราจัดการได้หมดเลย นั้นรวมไป QTE แบบเล็งเป้า หรือ อยู่นิ่งๆเราก็สามารถปรับได้ หากเรารู้สึกว่าคงจะจับจอยอยู่นิ่งๆไม่ได้แน่ เราก็สามารถปรับให้มันกลายเป็น QTE แบบที่ต้องลากจอยให้ตรงแทนได้
ด้วยการตั้งค่าต่างๆนี้เราจะสามารถเลือกเล่นเกมในแบบที่ชอบ และ เมินสิ่งที่เราไม่ชอบของเกมนี้ไปได้ การให้อิสระกับผู้เล่นมากขนาดนี้คือสิ่งที่ดีโดยเฉพาะเกมที่เน้นการเล่าเรื่องเป็นส่วนใหญ่ การทำแบบนี้จะทำให้ไม่มีอุปสรรคมาทำให้เราสามารถติดตามเนื้อเรื่องต่อไปได้
ส่วนถ้าเป็นบัคที่ทำเล่นต่อไม่ได้ หรือเล่นลำบากอันนี้ก็เจอครับ เจอตอนที่เราจะสามารถเลือกได้ แต่ตัวเกมกลับไม่มีอินเตอร์เฟสอะไรขึ้น และ ค้างไปยาวไปเลย เราต้องเลือกแบบ Blind และ นั้น! คือเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเกมแบบนี้เลย! ( ไม่มีภาพตัวอย่างให้เพราะเป็นฉากสำคัญในเนื้อเรื่อง สปอยเยอะแน่นอน )
สรุป
Until Dawn ยังคงเป็นเกมยืนหนึ่งของเกมแนวตัวเลือก ที่ตัวเกมยังคงให้ความตื่นเต้น และ ความน่ากลัวแม้จะมีอายุกว่า 9 ปีแล้วโดยเฉพาะหากคุณไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน Until Dawn 2024 ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าตัวต้นฉบับแน่นอน แต่แม้คุณเคยเล่นมาแล้วเหมือนผม คุณก็จะยังสนุกกับมันได้เพราะเกมนี้จะมีฉากต่างๆเพิ่มเข้ามา และ เปลี่ยนเนื้อเรื่องเล็กน้อยเพื่อให้เข้าใจง่ายมากขึ้นได้ลองแนวทางใหม่ๆ หรือแก้ไขความผิดพลาดแต่ก่อนของตัวเอง ไม่อยากสปอยว่าที่เปลี่ยนมามีอะไรบ้างแต่อยากให้ไปเจอกันเอาเอง