Valkyrie Elysium ตำนานนักรบ Odin ที่ไม่มีอะไรให้จดจำจากซีรีส์ Valkyrie Profile
Valkyrie Elysium ให้ความรู้สึกเหมือนเกมที่ยังปรุงมาไม่ได้ที่ แต่ต้องนำออกมาจำหน่ายเพื่อคร่าเวลาตามกำหนดการเกมหลัก และเห็นได้ชัดเลยว่าการเปลี่ยนถ่ายสตูดิโอผู้สร้างจากเดิมที่เป็น tri-Ace มาเป็น Soleil นั้นไม่ได้มอบอนาคตที่สดใสให้กับเฟรนไชส์อันเป็นที่รักนี้เลยแม้แต่น้อย หากต้องการให้สำเร็จ Square Enix อาจต้องยึดเอาแนวทางของ Enix กลับมาใช้กับ Valkyrie Elysium อีกครั้งและวางแผนการเล่าเรื่องและความลื่นไหลของเกมเพลย์ให้ได้ดีกว่านี้มากๆ เพราะในตอนนี้ แม้แต่แฟนพันธุ์แท้ Valkyrie Profile อย่างผู้รีวิวเองยังต้องพูดเลยว่า Valkyrie Elysium นั้นไม่ได้เป็นความรื่นรมย์ในการเล่นเกมสักเท่าไหร่นักเลย ตรงกันข้าม ตลอดเวลา 20 ชั่วโมงที่ใช้ไปกับตัวเกมนั้นมันทำให้เราได้แต่หวนกลับไปคิดถึง Valkyrie Profile ที่เราเคยรักมากขึ้นทุกที แทนที่จะรู้สึกผูกพันธุ์กับเกมตรงหน้าที่กำลังเล่นอยู่นี้
The Good
- ระบบการต่อสู้แบบเน้น Action ทำได้รวดเร็วและหลากหลายดี
- Naglfar และเหล่าบอสประจำฉากออกแบบมาได้สวยงามและน่าเกรงขามมาก
- ระบบ Einherjar ยังคงเป็นจุดเด่นของซีรีส์ตามสไตล์ Valkyrie Profile
- ฉากจบแบบ Multiple Endings เพิ่มโอกาสในการกลับมาเล่นใหม่ได้
The Bad
- เนื้อเรื่องเป็นเส้นตรงเด่และตื้นเขิน ไม่มีอะไรที่จะเหนือการคาดเดาเลย
- ใช้องค์ประกอบฉากและศัตรูแบบซ้ำไปซ้ำมาจนช้ำ
- กลิ่นอายความเป็น RPG หายไปจากภาคนี้เยอะมาก
- การปรากฏตัวของตัวละครบางตัวในแต่ละสถานที่ขาดที่มาที่ไป ทำให้เรื่องขาดความน่าเชื่อถือไป
- Side Quest ไม่น่าสนใจ เนื้อเรื่องไม่ได้จูงใจให้เข้าไปเล่น ต้องอาศัยไอเท็มที่จะได้หลังจบเควสต์มาจูงใจแทน
- ยังมีเฟรมเรตกระตุกให้เห็นอยู่เรื่อยๆ บน PlayStation 5 ในเวอร์ชั่นที่รีวิวนี้
-
เนื้อเรื่อง
-
เกมเพลย์และการควบคุม
-
ภาพและกราฟิก
-
เพลงและดนตรีประกอบ
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
ตอนที่ Square Enix ประกาศเปิดตัวเกม Valkyrie Elysium เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น ในฐานะของแฟนซีรีส์ Valkyrie Profile นี่ต้องบอกว่าดีใจมากๆ และไม่ได้คาดคิดเลยว่า SE จะเอาซีรีส์นี้กลับมาลงให้กับคอนโซลในฐานะเกมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากนับรวมเกมจากซีรีส์ Valkyrie Profile ทั้งหมดแล้ว เกม Valkyrie Elysium นี้จะถือเป็นไตเติลที่ 5 จากซีรีส์ โดยก่อนหน้านี้ SE เองได้ทำเกม Valkyrie Profile ภาคที่ 4 ไว้ชื่อว่า Valkyrie Anatomia: The Origin ในรูปแบบของเกมมือถือกาชาที่ต้องเล่นแบบออนไลน์ ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่นัก (ปัจจุบันปิดเซิร์ฟเวอร์ไปแล้ว) และหลังจากนั้นมา 6 ปีก็แทบไม่มีข่าวสารอะไรเกี่ยวกับซีรีส์ Valkyrie Profile ออกมาให้ได้ติดตามกันอีกเลย ทำให้หลายๆ คนคิดว่า Valkyrie Anatomia: The Origin คงเป็นเกมสุดท้ายของซีรีส์นี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในที่สุด Square Enix ก็ตัดสินใจประกาศเปิดตัวเกม Valkyrie Elysium ออกมา ซึ่งจะสานต่อตำนานเทพพิทักษ์โลกและ Odin ที่มีแฟนนับล้านรอคอยอยู่ทั่วโลกแบบเซอร์ไพรส์สุดๆ และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ผู้รีวิวเองก็รออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้กลับไปร่วมเดินทางกับ Valkyrie และเหล่า Einherjar อีกครั้ง จนในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อ Square Enix ติดต่อมาให้โอกาสได้รีวิว Valkyrie Elysium บน PlayStation 5 ที่เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา
ความรู้สึกแรกเลยหลังจากได้เล่น Valkyrie Elysium นั้นคงต้องบอกว่า “ไม่ค่อยประทับใจ” ส่วนหนึ่งอาจเพราะรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนจาก Turn Based RPG ไปเป็น Action RPG แบบชนิดที่จะกลายไปเป็นแอคชั่นมุโซล้วนอยู่แล้ว และเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นเส้นตรงและตื้นเขินมาก ต่างจาก Valkyrie Profile ที่เคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง และถ้าใครอยากทราบเหตุผลโดยละเอียดพร้อมทั้งคะแนนรีวิว Valkyrie Elysium นั้นก็ขอเชิญติดตามรีวิวนี้กันต่อได้เลย
Valkyrie Elysium : กำเนิด Valkyrie คนใหม่
Ragnarok คือจุดจบของทุกสรรพสิ่งที่ไม่เว้นแม้แต่เหล่าทวยเทพ และจากการต่อสู้ครั้งนี้เองที่ทำให้มหาเทพ Odin แทบเพรี่ยงพร้ำเสียท่าและสิ้นสลายไปกับมัน อย่างไรก็ตาม Odin ที่กำลังอ่อนแอถึงขีดสุดได้ตัดสินใจรวบรวมเอากำลังที่เหลืออยู่สร้าง Valkyrie หรือเทพผู้พิทักษ์ขึ้นมาเพื่อหมายจะให้ได้เป็นตัวแทนในการชำระล้างดวงวิญญาณที่มืดมนทั้งหลายเพื่อกอบกู้โลกกลับคืนมาอีกครั้ง และ Valkyrie ที่ถือกำหนดมาด้วยการสรรค์สร้างของ Odin ในครั้งนี้มีนามมา Maria (ชื่อในวงการ)
Maria ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเป้าหมายใหญ่ และเป็นเป้าหมายเดียวที่เธอจะถือยึดไว้เป็นตัวขับเคลื่อนในชีวิต เป้าหมายนั้นก็คือการทำทุกอย่างเพื่อรับใช้มหาเทพ Odin ผู้สร้าง ซึ่งหนึ่งในคำสั่งจาก Odin นั้นก็คือการล้างบาปให้กับเหล่าวิญญาณที่หลงทาง เพื่อกอบกู้เอาพลังของ Odin กลับคืนมา และเพื่อล้างบาปให้กับโลกใบนี้หลังสงคราม Ragnarok
แม้ Maria จะไม่เหลือความทรงจำใดๆ เลยเกี่ยวกับตัวเธอเอง แต่เธอก็ไม่สนใจและยินดีที่จะทำตามคำสั่งของ Odin ทุกอย่าง เธอไม่มีทั้งความรู้สึก ความสงสาร ความเห็นใจ หรือความเสียใจ แต่สิ่งเดียวที่เธอมีและยึดมั่นเอาไว้เสมอนั้นคือภารกิจของ Valkyrie ที่เธอจะต้องทำมันให้สำเร็จ เธอเริ่มออกเดินทางตามคำสั่งของ Odin เพื่อรวบรวมเหล่าวิญญาณกล้า Einherjarให้มาเป็นนักรบข้างกายเธอในภารกิจกอบกู้โลกนี้ พร้อมทั้งออกตามหาของสำคัญทั้ง 4 ที่จะช่วยให้ภารกิจของเธอและ Odin สำเร็จลุล่วงไปได้
เมื่อการเดินทางของ Maria คือการเรียนรู้
ตลอดการเดินทางเพื่อชำระบาปให้กับเหล่าดวงวิญญาณที่ยังยึดติดและการตามหาของสำคัญทั้ง 4 ของ Odin นั้น ตัว Maria เองได้สัมผัสและเข้าใจความเป็นมนุษย์ ได้เติบโตและเติมเต็มความทรงจำที่สูญหายไป และได้ใกล้ชิดทางความรู้สึกอันส่งผลให้เกิดความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเหล่า Einherjar ทั้ง 4 ของเธอมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยหล่อหลอมให้เธอกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อยๆ มี “หัวใจ” และ “ความคิด” ที่เป็นของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มปริศนานาม Armand ที่โชคชะตาบางอย่างนำพาให้เขาได้มาพบกับ Maria นั้น ยิ่งทำให้เธอเริ่มกังขาในภูมิหลังและตัวตนของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรรู้สึกเลยในฐานะนักรบของ Odin
และการได้พบกับ Hilde หนึ่งใน Valkyrie ที่เหมือนจะเป็นปรปักษ์กับ Odin และแผนการของเขา รวมถึงการได้เผชิญกับเรื่องราวที่เกี่ยวพันไปถึง Fenrir เทพชั้นสูงที่มีดีกรีระดับเดียวกับ Odin นั้น เริ่มทำให้ Valkyrie คิดตั้งข้อสงสัยในพระประสงค์ขององค์พระบิดาผู้สร้าง
…หรือแท้จริงแล้วเธอหาใช่ผู้พิทักษ์ไม่ ….หรืออันที่จริงผู้พิทักษ์กับหุ่นเชิดนั้นคือสิ่งเดียวกัน…หรือว่าจริงๆ แล้วเธอโดนปั่นหัวให้คิดไปเช่นนั้นจากผู้ไม่หวังดีกันแน่
…เธอจะต้องหาคำตอบของเรื่องทั้งหมดนี้ให้จงได้
เนื้อเรื่องหลักที่เป็นเส้นตรงเด่ และ Side Quest ที่ช่างไร้ชีวิตชีวาและความน่าสนใจ
Valkyrie Elysium คือเกมในซีรีส์ Valkyrie ที่มีเนื้อเรื่องหลักเบาหวิวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ถึงแม้ว่าธีมเรื่องจะดูแกรนด์มาก เพราะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ Ragnarok ที่ควรจะเล่นไปได้หลายประเด็นมากๆ แต่ผู้สร้างกลับเลือกที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดเป็นเส้นตรงแบบไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย นี่จึงทำให้เรื่องราวของ Maria ใน Valkyrie Elysium นั้นดูอ่อนไปมากทีเดียวเมื่อเทียบกับเนื้อเรื่องของภาคหลักที่ผ่านๆ มาจากซีรีส์เดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น เนื้อเรื่องของเหล่า Einherjar ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของมนต์เสน่ห์ในโลก Valkyrie Profile นั้นก็อ่อนแอและไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นอย่างเรารู้สึกอยากเอาใจช่วยหรืออยากเข้าใจเหล่าตัวละครที่กลายมาเป็น Einherjar มากขึ้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นใน Valkyrie Profile: Lenneth และ Valkyrie Profile 2: Silmeria (ที่แม้จะมี Einherjar ให้ตามมาใช้งานมากกว่านี้ แต่เนื้อเรื่องของเหล่า Einherjar พวกนั้นก็ดูมีความหมายและความน่าสนใจกว่าเยอะ) ทั้งหมดนี้ทำให้ Valkyrie Elysium สูญเสียเทมโป้ของตัวเกมไปมากจนส่งผลให้ผู้เล่นแทบจะไม่อินไปกับสถานการณ์อะไรที่เกิดขึ้นเลย
บรรดา Side Quests ที่มีมาให้เล่นเองก็เหมือนกัน หลายต่อหลาย Side Quest ไม่ได้มีความน่าสนใจพอให้เข้าไปเล่นเลย แต่กลับเป็นเนื้อเรื่องพื้นๆ ที่เราต้องไปเล่นเพื่อเอาไอเท็มที่จะได้รับตอนจบ Side Quest แทน ยกตัวอย่างเช่น Side Quest คุณตานักสะสมหนังสือที่เราต้องไปตามหาหนังสือมาให้คุณตาที่เอาจริงๆ ไม่ได้ช่วยเสริมเนื้อเรื่องหลักอะไรเลยแม้แต่น้อย แถม Side Quest แบบนี้ยังมีให้เห็นบ่อยมากๆ ตลอดทั้งเกมอีกด้วย
Side Quest ที่ควรจะขายเนื้อเรื่องหน่อยอย่างเรื่องภูมิหลังของตัวละคร Einherjar เช่น Eygon และ Cypher เองก็ถูกเล่าออกมาได้อย่างไม่น่าสนใจและตะกุกตะกักจนสัมผัสได้ถึงความไม่สมูธ หลายต่อหลายครั้งที่เอาเรื่องเหตุบังเอิญหรือ Coincident มาใช้มากเกินไปจนทำให้หาเหตุผลในเนื้อเรื่องนั้นๆ ไม่เจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปรากฏตัวของตัวละคร Armand เลยส่งผลให้อารมณ์ร่วมลดลงไปอีกอย่างที่ว่ามาในข้างต้น
อย่างไรก็ตาม Valkyrie Elysium ยังคงมีความพยายามในการสร้างมนเสน่ห์จากฉากจบที่หลากหลายเหมือนอย่างภาคก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยในภาคนี้จะมาพร้อมกับฉากจบแบบ Multiple Endings ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและรูปแบบการเล่นของผู้เล่นว่าจะได้ฉากจบแบบใด
Hollow Blossom และ Verdant Blossom ของสะสมภายในเกมที่มีผลกับปลายทางยิ่งกว่า Side Quest
ในระหว่างการเล่น Valkyrie จะได้พบเจอกับ Hollow Blossom และ Verdant Blossom ซึ่งคือดอกไม้ที่กักขังเอาจิตวิญญาณของผู้คนที่สูญสิ้นไปแล้วเอาไว้ โดยเหล่ามวลหมู่ดอกไม้พวกนี้จะทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้วายชนม์ในแต่ละยุคสมัยในโลกก่อนเหตุการณ์ Ragnarok ออกมาให้กับตัว Maria ได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น
แม้ในความเป็นจริง เรื่องราวที่บอกเล่าจากเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่ใน Hollow Blossom และ Verdant Blossom นั้นจะเป็นน้ำเสียมากกว่าเนื้อ แต่เจ้าดอกไม้พวกนี้กลับมีผลต่อฉากจบที่เราจะได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยทุกๆ ครั้งก่อนที่เราจะเข้าแผนที่ไปทำภารกิจหลักและภารกิจรองนั้น ตัวเกมเองจะมีเมนูขึ้นมาแจ้งจำนวนของ Hollow Blossom และ Verdant Blossom ที่มีอยู่ในฉากนั้นๆ ให้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อให้เราสามารถตามเก็บได้จนหมด ซึ่งในตรงนี้ผู้รีวิวเองคงไม่สามารถลงรายละเอียดเยอะได้เพราะเกรงว่าจะเป็นการสปอยเนื้อหาสำคัญภายในเกมเอาได้ นอกจากจะบอกไว้ว่าพวกมันสำคัญมาก และอยากให้พยายามตามเก็บมันให้หมดนะ
ท้ายที่สุดแล้วคงต้องบอกว่า Valkyrie Elysium นั้นไม่น่าจะเหมาะกับสายเสพย์เนื้อเรื่อง แต่อาจจะถูกใจสายฟันไม่เลี้ยงหรือ Hack ‘n Slash มากกว่านั่นเอง
Action RPG ที่มีแต่แอคชั่นจนแทบไม่เหลือความเป็น RPG ในฉากต่อสู้
สำหรับแฟนซีรีส์ Valkyrie Profile นั้นคงจะคุ้นชินกันอยู่แล้วกับรูปแบบเกมเพลย์ที่ค่อนข้างไม่เสถียรและเปลี่ยนไปตามการทดลองของสตูดิโอที่เป็นผู้พัฒนาหลักของตัวเกมในภาคนั้นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเหมือนกันในแทบทุกภาคคือการมีอิลิเมนต์ของคววามเป็นเกม Dungeon Crawler หรือเกมตะลุยดันเจี้ยนอยู่ในนั้นเสมอโดยใน Valkyrie Profile: Lenneth และ Valkyrie Profile 2: Silmeria เกมเพลย์จะมีลักษณ์เป็น JRPG ที่มีกลิ่นความเป็น Action เข้ามาผสม แต่ไม่ได้เป็นสไตล์หลัก โดยยังคงยึดรูปแบบการต่อสู้แบบ Turn Based RPG เมื่อตัดเข้าฉากต่อสู้ ในขณะที่ Valkyrie Profile: Covenant of the Plume ซึ่งเป็นภาคที่ 3 ของซีรีส์นั้นจะเน้นเกมเพลย์ไปในรูปแบบของเกมวางแผนการรบหรือ SRPG คล้ายๆ กับ Final Fantasy Tactics แทนการใช้ Turn Based RPG แบบ 2 ภาคแรก ก่อนที่ในภาค 4 ที่ออกให้กับมือถืออย่าง Valkyrie Anatomia: The Origin นั้นจะกลายมาเป็นเกมกาชาไปเลย
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับ Valkyrie Elysium ที่มีรูปแบบการเล่นหรือเกมเพลย์แบบ Action RPG โดยสมบูรณ์ และอันที่จริงต้องบอกว่าตัวเกมเองนั้นค่อนไปทาง Action จ๋า โดยเอาอิลิเมนต์ของความเป็น RPG เพียงเล็กน้อยเท่านั้นมาผสม เอาเข้าจริงผู้รีวิวเองแอบคิดว่าภาคนี้น่าจะเรียกตัวเองเป็นเกมแอคชั่นตะลุยดันเจี้ยนหรือ Dungeon Crawler มากกว่าจะเรียกระบบตัวเองว่า Action RPG เสียอีก ซึ่งนี่ทำให้เสน่ห์ของ Valkyrie Profile มันหายไปเยอะมาก และเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้รีวิวเองในฐานะแฟนเกม Valkyrie Profile รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
หนึ่งในอิลิเมนต์ของ RPG ที่ยังคงมีอยู่คือเรื่องของระบบธาตุ ที่ศัตรูทุกตัว และ Einherjar ของเราจะมีธาตุเฉพาะตัวที่จะแพ้ทางกันและกัน โดยแบ่งออกเป็นธาตุหลักเช่น สายฟ้า ไฟ น้ำ ดิน แสงสว่าง และความมืด ซึ่งศัตรูแต่ละตัวที่เราต้องเผชิญนั้นจะมีสัญลักษณ์ธาตุที่แพ้แสดงอยู่ตรงเกจเหนือหัว โดยเกจนั้นจะบอกค่าธาตุและค่าพลังชีวิตของศัตรู ซึ่งหากเราโจมตีศัตรูด้วยธาตุหรืออาวุธที่ศัตรูตัวนั้นแพ้ เกจธาตุทางซ้ายมือจะเพิ่มขึ้นจนสุดหลอด ทำให้ศัตรูเข้าสู่สถานะ Elemental Crush และไม่สามารถโจมตีได้ชั่วคราว เปิดโอกาสให้เราโจมตีพวกมันได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นนั่นเอง (ในระหว่างนี้ หากเราโจมตีศัตรูด้วยธาตุที่มันแพ้ เราจะยืดเวลาสถานะ Elemental Crush ของศัตรูออกไปได้อีกด้วยนะ)
เสน่ห์ประจำตัวทุกภาคของ Valkyrie Profile นั้นคือการเรียกใช้ Einherjar ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับระบบ “เพื่อน” ในเกม RPG เกมอื่นๆ นั่นเอง แต่ Einherjar ในซีรีส์ Valkyrie นั้นจะเป็นเหล่าดวงวิญญาณผู้กล้าที่ยังมีบ่วงอยู่ภายในโลกและต้องการมาเข้าร่วมกับ Valkyrie เพื่อการชำระล้างบาปและปกป้อง Valkyrie ซึ่งใน Valkyrie Elysium นั้น เหล่า Einherjar ก็ยังคงถือเป็นตัวละครสำคัญที่มีผลกับรูปแบบการเล่นและการดำเนินเรื่องของตัวเกม โดยเราจะเลือกซัมม่อนกี่ตัวก็ได้ตั้งแต่ 1 – 4 Einherjar ในฉากต่อสู้ แต่ต้องแลกมาด้วย Soul Gauge ที่จะลดลงตาม Einherjar ที่ซัมม่อนมา และเมื่อ Soul Gauge ลดลงหมด เราก็จะไม่สามารถซัมม่อน Einherjar มาร่วมต่อสู้ได้ ทั้งนี้ Einherjar ทุกตัวจะมีธาตุเป็นของตัวเอง ซึ่งการเลือกใช้ Einherjar ให้เหมาะกับกลุ่มศัตรูที่เจอนั้นจะทำให้การเล่นของเราเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว เพราะเราสามารถใช้ Einherjar ช่วยตีเพื่อเพิ่มเกจธาตุของศัตรู ในขณะที่เราเองก็โจมตีศัตรูด้วย Divine Arts ที่เป็นธาตุจุดอ่อนของพวกมันไปเรื่อยๆ ได้
ใน Valkyrie Elysium จะไม่มีการตัดฉากเมื่อเจอศัตรูอีกต่อไป ตรงกันข้าม เราจะสามารถเข้าไปโจมตีศัตรูในฉากได้ทันทีเหมือนกับเกมในสมัยปัจจุบันทั่วไป ทั้งนี้รูปแบบการโจมตีนั้นจะขึ้นอยู่กับอาวุธและ Divine Arts ที่เราเลือกสวมใส่ให้กับตัวละคร Maria ของเรา โดยอาวุธแต่ละตัวนั้นจะมีวิธีการกดปุ่มเพื่อใช้งานท่าการโจมตีต่างๆ ที่มีให้เราสามารถปลดล็อกได้จากการพัฒนาอาวุธมากมาย ซึ่งถ้าใครจินตนาการไม่ออกให้นึกถึงเกมอย่าง Devil May Cry 5 ที่การปลดล็อกสกิลหรือพัฒนาอาวุธแต่ละขั้นนั้นจะทำให้เราสามารถใช้งานอาวุธที่สวมใส่นี้ได้หลากหลายขึ้น โดยต้องจำปุ่มและจังหวะการกดให้ถูกต้องเพื่อใช้ท่าหรือสกิลที่ได้มาจากการพัฒนานั่นเอง
เพื่อกำชัยในศึกแห่งทวยเทพ Valkyrie ต้องรู้จักพัฒนาอยู่เสมอ
ความเป็น RPG ของ Valkyrie Elysium นั้นมาอยู่ในระบบซัพพอร์ตตัวละครแทบทั้งหมดเลย เพราะถึงแม้ว่า Maria จะไม่มีการเลเวลอัพเหมือนเกม RPG ทั่วไป แต่เราสามารถพัฒนาอาวุธและสกิลของตัวละคร Maria ได้ด้วยการใช้ Gem หรืออัญมณีที่ดรอปจากศัตรู หรือจากหีบสมบัติและการตีกล่องลังและของต่างๆ ในฉาก โดย Gem นั้นก็จะแบ่งออกเป็นหลายชนิด และในการใช้งานแต่ละครั้งก็ต้องผสม Gems ให้ได้ตามข้อกำหนดของสกิลหรือการพัฒนาอาวุธชนิดนั้นๆ ที่จะมีระบุเอาไว้ให้ในส่วนของรายละเอียดการพัฒนาแล้ว
การพัฒนาในส่วนของสกิลนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ Attack, Defend และ Support ซึ่งเราสามารถพัฒนาสามสายสกิลไปด้วยกันได้อย่างอิสระ โดยแต่ละสายสกิลจะเพิ่มความสามารถให้เราแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่นสาย Attack นั้นจะเป็นการเน้นการเพิ่มพลังโจมตีในส่วนของ Physical Attack หรือการโจมตีด้วยอาวุธ และ Magical Attack หรือการโจมตีด้วยพลังเวทย์มนต์ ในขณะที่ Defend นั้นจะว่าด้วยเรื่องของการป้องกันและการเพิ่มค่าสแตตต่างๆ อย่างพลังชีวิต พลังวิญญาณ หรือ Soul Gauge และ พลังเวทย์ หรือ Arts Gauge และ Support นั้นจะว่าด้วยการพัฒนาสกิลด้านอื่นๆ ที่จะมาช่วยซัพพอร์ต Maria ซึ่งทั้ง Defend และ Support นั้นจะมีสกิลที่น่าสนใจอย่างการเลือกซัมม่อน Einherjar ของเรามาอัตโนมัติได้ในเวลาคับขัน
ในขณะที่การพัฒนาอาวุธนั้นจะสามารถอัพเกรดได้ด้วยการกด L2 ที่ผลึกคริสตัลที่ใช้สำหรับการเซฟเกม โดยนอกจากจะสามารถใช้ Gems ในการพัฒนาได้แล้ว เรายังสามารถอัพเกรดค่า Proficiency ของอาวุธได้จากการใช้งานอาวุธเหล่านั้นให้บ่อยขึ้นด้วย โดยจะไล่ระดับไปตั้งแต่แรกสุดตอนได้อาวุธมา คือระดับ G หากอาวุธประเภทนั้นๆ ถูกใช้งานบ่อยมากพอ
ข้อเสียสำคัญที่เห็นเด่นชัดมากในระบบการอัพเกรดหรือพัฒนาสกิลและอาวุธนั้นคือการที่ตัวเกมกั๊ก Gem บางประเภทไว้ให้สามารถหาได้เมื่อเราเล่นเกมหลักไปถึงระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น (เช่น Ruby ที่เริ่มหาได้ตอนประมาณ Chapter 4 ในขณะที่ Silver นั้นเริ่มหาได้ประมาณ Chapter 6 และ Black กับ Rainbow นั้นเริ่มมีมาให้เจอกันก็ Chapter 8 โน่นเลย) ซึ่งข้อกำหนดนี้ทำให้เราไม่สามารถที่จะฟาร์มสกิลและพัฒนาอาวุธได้ในช่วงเวลาที่เราต้องการ แต่กลับต้องดำเนินเนื้อเรื่องหลักไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เริ่มมี Gem ประเภทนั้นๆ โผล่มาให้เห็นแล้วจึงจะค่อยฟาร์มได้ โดยส่วนตัวผู้รีวิวเองมองว่าเป็นระบบที่ค่อนข้างล้าสมัยมาก เพราะมันทำให้เกิดการสะดุดเวลาเล่นค่อนข้างมาก ต่างกับ RPG ในสมัยปัจจุบันที่ส่วนมากจะเน้นเพิ่มความยากแบบไดนามิกตามพัฒนาการของตัวละครในเกม แต่ปล่อยให้คนฟาร์มในสิ่งที่ต้องการได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่มามีข้อกำหนดอะไรแบบนี้ที่เสี่ยงจะทำให้ประสบการณ์การเล่นนั้นสะดุดหรือติดขัดลง
ในส่วนของ Divine Arts หรือเวทย์มนต์ต่างๆ นั้นเราสามารถเก็บได้จากหีบสมบัติหรือผ่านการทำ Side Quest ภายในเกม ซึ่งเราต้องสวมใส่ให้กับ Valkyrie ของเราเมื่อได้รับมา เราถึงจะสามารถใช้งานได้ ในส่วนนี้ผู้เล่นอาจต้องระวังให้ดีเพราะ Divine Arts หลายๆ อันไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลัก แต่จะได้จากการทำเนื้อเรื่องรองหรือ Side Quest นะ
จุดเด่นที่สุดคือการออกแบบบอสประจำด่านที่ทั้งสวยงามและน่าสะพรึงมาก
สิ่งหนึ่งที่ Valkyrie Elysium ทำได้ดีมากๆ นั้นคืองานออกแบบตัวละคร โดยเฉพาะกับเหล่าบอสประจำด่านที่ทำออกมาได้อย่างน่าเกรงขามและน่าจดจำมากๆ
การต่อสู้กับบอสประจำฉากหรือ Naglfar และเหล่าทวยเทพนี้คือสิ่งที่ทำให้ Valkyrie Elysium ยังคงตรึงเราให้เล่นมันต่อไปได้เรื่อยๆ จนจบ ความอลังการของตัวละคร ผนวกกับรูปแบบการโจมตีและแทกติกที่เราต้องใช้ในการโค่นพวกมันลงนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในกรเล่น Valkyrie Elysium
แต่แม้ระบบการต่อสู้และบอสประจำฉากจะดีสักเพียงใด Valkyrie Elysium กลับมีปัญหากับการใช้องค์ประกอบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่มีที่สิ้นสุด
กว่า 20 ชั่วโมงแห่งความจำเจ
ปัญหาที่หนักกว่าเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างตื้นเขินของ Valkyrie Elysium นั้น สำหรับตัวผู้รีวิวเองคิดว่าเป็นที่ความซ้ำซากจำเจของศัตรู ฉาก และบอสประจำฉากเองด้วย อันที่จริงในเมื่อเกมไม่ได้ตั้งใจจะขายเนื้อเรื่องเป็นหลักแล้ว ผู้พัฒนาอย่าง Soleil น่าจะพัฒนาองค์ประกอบฉากและศัตรูให้มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป
แม้ว่าระบบการต่อสู้จะสนุกสนานและรวดเร็วสักเพียงใด แต่เมื่อผู้เล่นต้องเจอกับฉากและองค์ประกอบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ท้ายที่สุดแล้วมันก็จะกลายเป็นความน่าเบื่อที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งใน Valkyrie Elysium นั้น นอกจากที่ฉากใหญ่แต่ละฉากจะถูกใช้สำหรับ 2 Chapter เป็นอย่างต่ำสำหรับเนื้อเรื่องหลักแล้ว เนื้อเรื่อง Side Quest เองก็ยังพาผู้เล่นกลับไปจุดเดิมแบบไม่รู้จบ โชคยังดีที่ Side Quest แต่ละครั้งนั้นไม่ยาวสักเท่าไหร่นักเลยยังพอบังคับจิตตัวเองให้เล่นใหม่ได้เพื่อของที่รออยู่ปลายทาง
อย่างไรก็ตาม ที่น่าตำหนิไปกว่านั้นคือหลายต่อหลายครั้งเราจะเห็นการหยิบเอาอิลิเมนต์หรือองค์ประกอบฉากเดิมๆ ที่เคยอยู่ในฉากก่อนหน้ามาใช้งานอย่างไม่พยายามจะซ่อนหรือบางทีก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ยกตัวอย่างเช่นสภาพภายในของอาคารบ้านเรือนบางแห่งที่เราสามารถเข้าไปสำรวจได้ที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่เป็นโมเดลอาคารของฉากในด่านใหม่ๆ อีกครั้งอย่างไม่เกรงใจคนเล่นเกมเลย
หรือแม้แต่ Naglfar เองที่เป็นประหนึ่งบอสประจำฉาก ใน Side Quest ของตัวละคร Einherjar นั้น เราก็ต้องกลับมาสู้กับศัตรูเหล่านี้ใหม่อีกครั้งทั้งๆ ที่เราได้กำจัดมันไปแล้ว และแม้ว่าเนื้อเรื่องใน Side Quest จะพยายามเชื่อมโยง Naglfar เหล่านั้นกลับมาผูกดวงกับ Einherjar เราใหม่อีกหนสักเพียงใด แต่ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นความซ้ำซากจำเจที่รู้สึกได้ว่าเป็นความพยายามแบบไร้ความพยายามของผู้สร้างจริงๆ
นักรบ Valkyrie ที่ค่อนข้างน่าผิดหวังของ Odin
Maria (ชื่อในวงการ) คือ Valkyrie ที่น่าผิดหวังที่สุดในบรรดา Valkyrie ทั้งหมดจาก Odin เรื่องราวของเธอเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องราวของ Lenneth (Valkyrie Profile: Lenneth) หรือแม้แต่ Silmeria (Valkyrie Profile 2: Silmeria) ไม่เพียงเท่านั้น เหล่า Einherjar ที่รายล้อมรอบตัวเธอก็ไม่ได้มีเนื้อเรื่องภูมิหลังที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย หรือแม้แต่ Odin เองที่การกลับมาในครั้งนี้ก็ไร้ซึ่งชั้นเชิงโดยสิ้นเชิง เอาจริงคงต้องบอกว่า Valkyrie คู่ต่อสู้อย่าง Hilde นั้นยังดูลึกลับและมีแรงจูงใจในการกระทำที่น่าสนใจกว่า Maria และผองผู้พิทักษ์ฝั่งดีมากนัก ทำให้คิดไปได้ว่าหรือจริงๆ แล้ว Square Enix เองอาจไม่ได้ตั้งใจจะให้กำเนิด Valkyrie ภาคนี้ออกมา แต่เพียงแค่หยิบยื่นโปรเจคใหม่ให้กับสตูดิโอ Soleil ไปทำ แล้วค่อยมาครอบชื่อ Valkyrie Profile เองทีหลัง จึงไม่มีข่าวคราวอะไรหลุดออกมาก่อนวันเปิดตัวเลยว่าจะมีเกมใหม่จากซีรีส์ Valkyrie Profile ออกมา
แม้โดยส่วนตัวแล้วผู้รีวิวอาจไม่ได้ชื่นชมการเปลี่ยนแปลงระบบการต่อสู้มาเป็น Action แทบจะเต็มตัวมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือหนึ่งในสิ่งที่ดีที่เราได้จากการเล่น Valkyrie Elysium ในครั้งนี้ แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตกม้าตายเพราะการใช้องค์ประกอบเดิมๆ มากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจืดชืดและไร้ความสดใหม่ ทำให้ในช่วงหลังๆ เกมดรอปลงไปเยอะมากจริงๆ แต่ตัวเนื้อเรื่องเองก็ค่อยๆ เด่นขึ้นเล็กน้อยให้เพียงพอที่ผู้เล่นจะสานต่อตำนาน Valkyrie Maria นี้ได้จนจบ
ความไร้เหตุผลของการปรากฏตัวของตัวละครบางตัวในสถานที่ต่างๆ นั้นก็เป็นอีกเรื่องที่ถือว่าน่าเป็นห่วงมากๆ ใน Valkyrie Elysium เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนผู้สร้างไม่ได้ปราณีตกับเรื่องราวเลย แต่กลับกลายเป็นว่าอยากใส่อะไรมาในตอนไหนก็ใส่มา ทำให้เส้นเรื่องในส่วนนั้นที่ควรจะเป็นซีนอารมณ์ของเกมกลายเป็นไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้ตามที่ผู้สร้างต้องการ ตรงกันข้าม มันกลับกลายเป็นจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ จนน่าขัดใจ
อีกหนึ่งสิ่งที่จะอดพูดถึงเลยไม่ได้คือความลื่นไหลของภาพที่ต้องยอมรับว่าแม้แต่บน PlayStation 5 เองก็มีเฟรมเรตตกให้เห็นอยู่ค่อนข้างบ่อยในฉากมะรุมมะตุ้มที่มีศัตรูปรากฏเยอะแยะไปหมด รวมไปถึง Einherjar ที่ซัมม่อนมาแบบจัดเต็มพร้อมท่า Divine Arts แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ ซึ่งในส่วนนี้อาจทำให้หลายๆ คนขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับผู้รีวิวเองถือว่าพอเข้าใจได้ และไม่ได้ทำให้รู้สึกเสียอารมณ์ในการเล่นแต่อย่างใด
Valkyrie Elysium ให้ความรู้สึกเหมือนเกมที่ยังปรุงมาไม่ได้ที่ แต่ต้องนำออกมาจำหน่ายเพื่อคร่าเวลาตามกำหนดการเกมหลัก และเห็นได้ชัดเลยว่าการเปลี่ยนถ่ายสตูดิโอผู้สร้างจากเดิมที่เป็น tri-Ace มาเป็น Soleil นั้นไม่ได้มอบอนาคตที่สดใสให้กับเฟรนไชส์อันเป็นที่รักนี้เลยแม้แต่น้อย หากต้องการให้สำเร็จ Square Enix อาจต้องยึดเอาแนวทางของ Enix กลับมาใช้กับ Valkyrie Elysium อีกครั้งและวางแผนการเล่าเรื่องและความลื่นไหลของเกมเพลย์ให้ได้ดีกว่านี้มากๆ เพราะในตอนนี้ แม้แต่แฟนพันธุ์แท้ Valkyrie Profile อย่างผู้รีวิวเองยังต้องพูดเลยว่า Valkyrie Elysium นั้นไม่ได้เป็นความรื่นรมย์ในการเล่นเกมสักเท่าไหร่นักเลย ตรงกันข้าม ตลอดเวลา 20 ชั่วโมงที่ใช้ไปกับตัวเกมนั้นมันทำให้เราได้แต่หวนกลับไปคิดถึง Valkyrie Profile ที่เราเคยรักมากขึ้นทุกที แทนที่จะรู้สึกผูกพันธุ์กับเกมตรงหน้าที่กำลังเล่นอยู่นี้
แต่สำหรับผู้เล่นที่เพิ่งจะมาสัมผัสประสบการณ์ Valkyrie Profile นี้เป็นครั้งแรกใน Valkyrie Elysium และชื่นชอบเกมแนว Hack ‘n Slash โดยอาจไม่ได้ยึดติดกับความสมบูรณ์ของการเล่าเรื่องแล้วล่ะก็ Valkyrie Elysium น่าจะเป็นอีกหนึ่งเกม Hack ‘n Slash ที่น่าจับตามองของปีนี้เลย และเชื่อว่ามันจะตอบโจทย์ผู้เล่นกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณ Square Enix สำหรับการสนับสนุนโค้ดรีวิวเกม Valkyrie Elysium เวอร์ชั่น PlayStation 5 มา ณ โอกาสนี้