vivo Watch 3 จอสวย! บางเบาใส่สบาย แบตใช้งานได้นาน 16 วัน
ทนทาน สวยงาม สวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียหายหรือแบตเตอรี่หมดได้ง่ายๆ ใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่าสองสัปดาห์ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง และไม่รู้สึกเกะกะแม้จะใส่ไปทำงานจนถึงเข้านอน เพราะตัวบางและเบามาก ทนน้ำระดับ 5ATM ลุยน้ำได้ไม่ต้องถอดแม้แต่ตอนจะอาบน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำ
ฉะนั้น vivo Watch 3 จึงอยู่ในสถานะที่จะใส่เป็นนาฬิกาติดตัวในเวลาเราไปข้างนอก หรือจะใส่เป็นอุปกรณ์ติดตัวที่ไม่ต้องถอดแบบสายข้อมืออัจฉริยะก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะได้ประโยชน์จากความสามารถ และความงามจากหน้าจอที่ใหญ่กว่า คมชัดมากกว่า มีประโยชน์ในการใช้งานที่มากกว่านั่นเองครับ
vivo Watch 3 คุณสมบัติครบ ใช้งานได้ดี ตอบสนองไว ระบบทำมาใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน และที่สำคัญทาง vivo ประกาศราคาออกมาไม่แพงเลย
The Good
- หน้าจอแสดงผลสวย ภาพคมชัด ความสว่างสูง
- ตัวเรือนบางน้ำหนักเบา สวมใส่ได้สบาย
- ใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ความแข็งแรงสูง
- ทนน้ำลึก 50 เมตร (5ATM) สามารถลงเล่นกีฬาทางน้ำได้
- รองรับโหมดออกกำลังมากกว่า 100 โหมด
- แบตเตอรี่อึด สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 16 วันต่อการชาร์จครั้งเดียว
- รองรับการโทรสนทนาและรับสายได้ผ่านบลูทูธ
- มีหน่วยความจำในตัว สามารถเก็บไฟล์เพลงเพื่อใช้ฟังได้โดยไม่ต้องมีสมาร์ตโฟน
- ติดตั้ง GPS มาให้ในตัว
The Bad
- ไม่รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ iOS
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
vivo Watch 3 สมาร์ทวอทช์เรือนแรกจาก vivo ที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ตัวเรือนสวย น้ำหนักเบา ออกแบบมาให้สามารถสวมใส่ติดตัวได้ตลอดทั้งวัน เพราะนอกจากจะมีน้ำหนักที่เบามากแล้ว ตัวเรือนก็ยังมีขนาดบาง และมีอายุแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานมากถึง 16 วัน ต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียวด้วย
มีความสามารถในการเป็นผู้ช่วยสำหรับใช้คู่กับสมาร์ตโฟน, เป็นเครื่องมือช่วยดูแลด้านสุขภาพ และเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับคนชอบการออกกำลังกาย พร้อมให้หยิบใช้งานได้ครบทุกคุณสมบัติ รวมถึงการเป็นนาฬิกาแฟชั่นที่ใส่เพื่อความสวยงามได้ด้วย ^^ ออกแบบมาได้หรู ดูดี ใช้วัสดุเกรดดีในการผลิต
เรามาดูกันว่า vivo Watch 3 จะมีคุณสมบัติอะไรที่น่าสนใจมาให้เราบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความรีวิวนี้ได้เลยครับ
การออกแบบ
vivo Watch 3 น่าจะถูกใจคนชอบนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบาๆ กันแน่นอน เพราะตัวมันมีน้ำหนักเพียงแค่ 36 กรัมเท่านั้น ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เบามากๆ ไม่ต่างไปจากสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่นิยมใส่ติดตัวกันไว้ตลอดเวลา แต่ในน้ำหนักที่เท่าๆ กัน vivo Watch 3 กลับให้ความสามารถที่มากกว่า และมีหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่ามากเลยทีเดียวครับ
หน้าจอแสดงผลมีขนาดใหญ่และภาพสวยมาก ใช้กระจกหน้าจอเป็นกระจกโค้ง 3D Curved หน้าจอขนาด 1.43 นิ้ว ความคมชัด 466×466 สีสันสดใสในสไตล์ของจอ AMOLED ความสว่างสูงสุด 1000nits ใช้งานได้เห็นชัดเจนทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง
ความเข้มของสี 100000:1 การแสดงผลสวยงาม รีเฟรชเรท 60Hz อนิเมชั่นเคลื่อนไหวละมุนสายตา เป็นจอรองรับการทัชเต็มรูปแบบ แตะ ปัด ทัชสัมผัส ใช้งานได้เต็มพื้นที่ และด้วยการออกแบบขอบจอโค้งทำให้การสไลด์หน้าจอทำได้ง่ายมากครับ
การแสดงผลสวยจริงๆ อ่านอะไรก็เห็นได้ชัดเจนเพราะมีขนาดใหญ่ และหน้าจอตัวนี้มีเซนเซอร์วัดแสงที่สามารถปรับความสว่างของหน้าจอได้เองโดยอัตโนมัติแบบสมาร์ตโฟน ไม่ต้องมาคอยปรับเพิ่มแสงหรือลดแสงหน้าจอด้วยตัวเอง
รองรับฟังก์ชั่น Always-on Display หรือการแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอตลอดเวลา แม้ในขณะที่เราพักมือลงไปหรือวางนาฬิกาทิ้งไว้ เพื่อให้เราเห็นการแจ้งเตือนและวันเวลาได้ตลอดเหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วไป แต่การแสดงผลจะถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้พลังงานน้อยกว่าโหมดปกติอย่างมาก และเมื่อเรายกข้อมือขึ้นมาดู หน้าจอของนาฬิกาก็จะกลับมาเป็นโหมดการแสดงผลในรูปแบบตามปกติให้กับเราเอง
โดยหน้าจอ Always-on Display จะมีลวดลายและหน้าตาที่แตกต่างกันไปตามหน้าปัดนาฬิกาที่เราเลือกใช้ แต่ละแบบไม่ซ้ำกันเลยครับ
ตัวเรือนถูกผลิตมาในมาตรฐานทนน้ำระดับ 5ATM สามารถใส่เพื่อลงเล่นกีฬาทางน้ำได้เลย ทนต่อแรงดันน้ำระดับ 50 เมตร ใส่อาบน้ำ ล้างมือ หรือลงว่ายน้ำในสระว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องถอด แต่ต้องดูสายนาฬิกาที่เราเลือกนำมาใช้งานด้วยว่าเป็นสายที่สามารถโดนน้ำได้หรือไม่?
vivo Watch 3 จะมีการนำเข้ามาจำหน่ายสองสี โดยจะให้สายนาฬิกามาสองประเภทที่แตกต่างกันครับ สีแรกคือ สีขาว Moonlight White (มูนไลท์ไวท์) ใช้สายวัสดุหนังแบบนาฬิกาคลาสสิก ให้ความรู้สึกเรียบหรู ออกแบบมาให้เข้ากันกับตัวเรือนสีเงิน เหมาะสำหรับสายแฟชั่น ใส่ทำงาน หรือใส่เป็นสมาร์ทวอทช์เรือนสวยๆ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อาจจจะไม่เหมาะสำหรับการใส่ลุยน้ำหรือเล่นกีฬาหนักๆ สักเท่าไหร่ครับ
ตัวสายหนังของ Moonlight White จะมีขนาดความยาว 147 มม. – 210 มม. กว้าง 22 มม.
อีกหนึ่งสีคือ สีดำ Asteroid Black (แอสเทียรอยด์แบล็ก) จะให้มาเป็นสายที่ผลิตจากวัสดุซิลิโคน ทนทาน กันน้ำ มีความเป็น Sport และ Casual ในตัว ใช้การยืดสายแบบรูสลัก ออกแบบมาเพื่อใช้ในกิจกรรมการออกกำลัง การลุยน้ำลุยฝน ลุยได้ทุกที่ที่อยากจะไป สวมใส่ง่ายถอดสบาย เน้นความคล่องตัวและความทนทานเป็นหลักครับ
ตัวสายซิลิโคนของ สีดำ Asteroid Black มีขนาดความยาว 147 มม. – 216 มม. กว้าง 22 มม.
โดยตัวสายของ vivo Watch 3 เราสามารถถอดสลับสายได้ถ้าต้องการ หาสายใหม่มาใช้งานก็เปลี่ยนได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ด้วยการกดปุ่มสลักยึด 1 จุดที่ใต้ตัวเรือนเท่านั้นเองครับ แต่ในสายหนังสีขาว Moonlight White เราจะได้หัวต่อสายที่สามารถไปสลับใช้กับสายนาฬิกาขนาด 22 มม. ทั่วไปมาด้วยนะครับ
ตัวเรือนแข็งแกร่งมากแม้น้ำหนักเบา ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ ความแข็งแรงสูง
มีปุ่มควบคุมสองจุดครับ ด้านบนเป็นเม็ดมะยม Digital Crown เป็นทั้งปุ่มกดและปุ่มหมุนในตัว ทำหน้าที่เป็นปุ่มเข้าหน้ารวมแอปพลิเคชั่น และทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมเพื่อกดกลับหน้าแรกไปในตัว สามารถหมุนเพื่อเป็นการเลี่อนหน้าจอได้ด้วย โดยจะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไลน์เนียร์ที่จะตอบสนองให้เรารับรู้เมื่อทำการหมุน
Digital Crown ผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูงสลักลาย เพิ่มความหรูหราดูดีให้กับนาฬิกาอย่างมากครับ โดยจะมีปุ่มควบคุมด้านล่างตัวเรือนอีกหนึ่งปุ่ม ทำหน้าที่เป็นปุ่มช็อตคัดเรียกใช้งานด่วนตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ โดยค่าพื้นฐานของปุ่มด้านล่างนี้จะเป็นปุ่มสำหรับการเรียกใช้โหมดออกกำลังกายต่างๆ ขึ้นมานั่นเองครับ
ด้านหลังตัวเรือนติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดสุขภาพเอาไว้มากมาย วางเรียงกันไว้ในรูปแบบ Star Ring เป็นการรวม Tricolor-LED 5 ช่อง กับเซนเซอร์โฟโตไดโอด 4 ช่อง ที่ภายในได้ใส่เซนเซอร์ LED สำหรับการตรวจวัดหัวใจเอาไว้มากถึง 24 ตัว (เซนเซอร์แสงสีเขียว 8 ช่อง เซนเซอร์แสงสีแดงและแสงอินฟาเรด 16 ช่อง) ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ การคำนวนระดับออกซิเจนในเลือด และการวิเคราะห์ด้านสุขภาพและการใช้พลังงาน ในขณะที่เรากำลังออกกำลังกายหรือมีการเคลื่อนไหวระหว่างวัน
ทำด้านหลังมาได้เรียบร้อย ละมุนผิว ไม่มีขอบคมหรือทำให้รู้สึกระคาย
ใช้ระบบฐานชาร์จไฟที่ยึดกันไว้ด้วยแม่เหล็ก วางนาฬิกาลงฐานให้ตรงตำแหน่งขั้วรับไฟเพื่อชาร์จพลังงานได้ทันที จากที่ทดสอบสามารถชาร์จไฟได้โดยเฉลี่ยประมาณ 1 นาทีได้ 1% ครับ โดยฐานชาร์จจะมีแถมมาให้เป็นอุปกรณ์ภายในกล่อง พร้อมกับตัวนาฬิกา และคู่มือการใช้งานเบื้องต้นครับ
คุณสมบัติการใช้งาน
vivo Watch 3 ใช้ระบบ vivo BlueOS ซึ่งเป็นระบบที่ vivo พัฒนาขึ้นมาเองสำหรับใช้ในอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ เป็นระบบที่กินพลังงานน้อยมากๆ แบตเตอรี่จึงอยู่ได้นานหลายวัน แต่การตอบสนองทำได้รวดเร็วยอดเยี่ยม มีความลื่นไหลในการสั่งงาน
vivo Watch 3 จะมีหน่วยความจำในตัวเองนะครับ สำหรับการนำเข้าไฟล์เพลงไปเก็บที่ตัวนาฬิกา เราจึงสามารถใช้นาฬิกาเชื่อมต่อกับหูฟังเพื่อฟังเพลงได้ทันที โดยไม่ต้องมีสมาร์ตโฟนติดตัวไว้แต่อย่างใด สามารถเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธเข้ากับนาฬิกาได้โดยตรง
มีพื้นที่หน่วยความจำภายใน 4GB เก็บเพลงได้เกือบพันเพลง นำไปฟังในตอนออกกำลังกายได้เลย วิ่งไปเดินไปแล้วก็ฟังเพลงไป ไม่ต้องพกมือถือ เราสามารถโอนถ่ายไฟล์เพลงจากสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อเข้าสู่ตัวนาฬิกาได้โดยตรงแบบไร้สาย
แต่ก่อนจะใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ของ vivo Watch 3 ก็ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน Android ซะก่อนนะครับ เพื่อใช้งานคู่กันและเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ของตัวสมาร์ทวอทช์ (ยังไม่รองรับกับอุปกรณ์ในระบบ iOS) โดยสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านแอปพลิเคชั่นที่ชื่อ vivo Health << ดาวน์โหลด
ในแอป vivo Health มีการตั้งค่ามากมายของนาฬิกา ใช้ในการอัปเดทซอฟท์แวร์ และมีคลังหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกใช้หลายร้อยรูปแบบ ทั้งแบบหน้าปัดสวย เท่ และในแบบน่ารักๆ
มีเป็นตัวการ์ตูนอนิเมชั่นเคลื่อนไหวมาให้ด้วยนะครับ ออกมาขยับบนหน้าจอ เราสามารถทัชเพื่อให้มันเปลี่ยนท่าทางได้ด้วย ^^ ทำมาได้น่ารักดี
สามารถใช้รูปภาพส่วนตัวของเรามาทำหน้าปัดนาฟิกาได้ด้วยเช่นกัน มีการปรับแต่งได้หลากหลาย สร้างเป็นหน้าปัดในสไตล์ที่เป็นของเราเองคนเดียว
vivo Watch 3 เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน Android เรียบน้อยแล้วก็จะเป็นผู้ช่วยได้หลายอย่าง ทั้งดูการแจ้งเตือน เช็คข้อความ อ่านอีเมล รองรับภาษาไทยได้สมบูรณ์แบบครับ และรองรับกับการแจ้งเตือนของทุกแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งอยู่ในสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อ เลือกกำหนดได้เองว่าต้องการรับการแจ้งเตือนแอปไหนที่จะให้ไปเตือนและแสดงบนนาฬิกา
รองรับการแสดงผลภาษาไทยสมบูรณ์ จอใหญ่อ่านง่าย ไม่ต้องเพ่งมอง
รวมถึงสามารถใช้รับสายเรียกเข้ามาได้ด้วย คุยผ่านนาฬิกาได้เลยเพราะติดตั้งมาให้ทั้งลำโพงและไมโครโฟน หรือจะใช้นาฬิกาสำหรับการโทรออกก็ได้เช่นกัน แค่อยู่ในระยะสัญญาณการเชื่อมต่อบลูทูธก็พอครับ (ประมาณ 15 เมตร)
ลืมวางมือถือเอาไว้ในห้อง บนโต๊ะทำงาน ถ้าอยู่ภายในบ้านหรือพื้นที่เดียวกัน เราก็สามารถใช้นาฬิกากดปฏิเสธสายหรือรับสายได้เลยทันทีครับ
ลำโพงมีเสียงดังชัดเจนพอที่จะได้ยินแม้จะคุยในสถานที่เปิด และตัวไมค์รับเสียงก็รับเสียงได้คมชัดกว่าที่คาดไว้ด้วยครับ จากที่ได้ลองใช้งาน เสียงพูดของเราไปถึงปลายทางได้ชัด ปลายสายแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นแทรกเข้าไมค์เลย แม้จะยืนคุยในที่ที่มีเสียงรบกวนเช่นในห้างสรรพสินค้าก็ตาม
มีความสามารถในการควบคุมสมาร์ตโฟนระยะไกล เช่นการควบคุมเพลงที่กำลังเล่นอยู่บนสมาร์ตโฟน หรือใช้ค้นหาตำแหน่งซึ่งกันและกัน โดยการกดให้อุปกรณ์ส่งเสียงบอกตำแหน่งของตัวเองได้ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีฟังก์ชั่นใช้นาฬิกาเป็นรีโมทชัตเตอร์กล้องให้กับสมาร์ตโฟน ทำงานเป็นไฟฉายโดยใช้แสงไฟหน้าจอ หรือใช้เป็นนาฬิกาปลุกส่วนตัวที่จะปลุกด้วยการสั่นและเสียง
โดยตัวมันเองมี NFC ฝังอยู่ภายใน สามารถใช้นาฬิกาในการจดจำบัตร Access Card ที่นิยมใช้ระบุ UID โดยการอ่านผ่านสัญญาณ NFC ได้ครับ เช่นบัตรเข้าทำงาน บัตรเช็คชื่อเข้าเรียนของนักศึกษา หรือบัตรเข้าประตูหอพัก โดยต้องเป็นบัตร Access Card ที่ใช้ความถี่ 13.56MHz และไม่มีการเข้ารหัสเอาไว้นะครับ ถึงจะทำงานได้
ต้องบอกว่า vivo Watch 3 เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่มาในรูปทรงนาฬิกา แต่ว่าสามารถใส่ติดตัวแบบ 24/7 ได้เลยครับ เพราะตัวมันเบา ขนาดบาง ไม่หนักไม่เกะกะใดๆ แม้แต่ตอนใส่นอน รวมถึงระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่ มันสามารถอยู่ได้นานกว่าสองสัปดาห์ต่อการชาร์จพลังงานเพียงครั้งเดียว แม้เราจะเปิดการซิงก์ข้อมูลกับมือถือเอาไว้ตลอดเวลาก็ตาม
เหตุผลที่ควรใส่ vivo Watch 3 ติดตัวไว้เพราะความสามารถในด้านการตรวจจับสุขภาพครับ มันสามารถตรวจจับข้อมูลการเคลื่อนไหว การยืน การเดิน การขึ้นบันได รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออกซิเจนในเลือด และระดับความเครียดของร่างกาย
เป็นตัวช่วยเตือนให้กับเราได้ถ้าพบภาวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติมากเกินไป หรือระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น โดยมีความสามารถในการตรวจวัดอัตโนมัติให้กับเราได้ตลอดทั้งวัน
นอกจากนั้น vivo Watch 3 ยังมีคุณสมบัติในการตรวจจับระดับความดังของเสียงในพื้นที่ที่เราอยู่ด้วยนะครับ มันสามารถตรวจวัดระดับเดซิเบลในพื้นที่ และเตือนเราได้ว่าระดับกำลังอยู่ในระดับที่มีความอันตราย
เราจึงสามารถใช้นาฬิกาในตรวจจับความดังเสียงได้ด้วยนะครับ อยากรู้ว่าระดับเสียงที่กำลังได้ยินในพื้นที่ ณ ขณะนั้นดังอยู่ในระดับกี่เดซิเบล ก็สามารถใช้ vivo Watch 3 วัดระดับได้เลย
มีเครื่องมือช่วยในการดูแลสุขภาพของเรา เช่น เป็นผู้ช่วยฝึกการหายใจให้ถูกต้อง เพื่อช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด และการฝึกหายใจเพื่อเตรียมสมาธิให้พร้อมกับการเข้านอนได้มากขึ้น เป็นความสามารถที่ฝังเข้ามาให้แล้วในระบบสำหรับคนที่ต้องการจะฝึกสมาธิตัวเองครับ
แน่นอนว่าสามารถวัดคุณภาพการนอนหลับของเราได้ด้วย ในกรณีถ้าเราใส่นอน มันจะตรวจจับการนอนควบคู่กับอัตราการเต้นของหัวใจในขณะนอนหลับ คำนวนออกมาเป็นคะแนนการนอน เราสามารถนำข้อมูลไปใช้อ้างอิงเพื่อพัฒนาคุณภาพการผักผ่อนของตัวเราเองได้ และมันมีความแม่นยำมากๆ โดยเราสามารถเข้าไปดูข้อมูลร่างกายของเราย้อนหลังได้ ภายในแอปพลิเคชั่น vivo Health ที่เราทำการเชื่อมต่อเอาไว้บนสมาร์ตโฟน
และไม่ใช่แค่การแสดงข้อมูลวันต่อวัน แต่เมื่อเราใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ตัวระบบจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเฉลี่ยออกมาเป็นรายอาทิตย์ รวมไปถึงแบบรายเดือนให้เราด้วย ฉะนั้นจึงเหมาะมากสำหรับการใส่ Watch 3 เป็นอุปกรณ์ติดตัวเอาไว้ เพราะยิ่งใส่นานก็ยิ่งได้ข้อมูลสถิติร่างกายที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น
โดยตัวนาฬิกายังเป็นผู้ช่วยสำหรับคนชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬาได้สบายๆ รองรับโหมดกีฬามากกว่า 100 โหมด ครอบคลุมกีฬาของโลกทุกชนิดที่นิยมเล่นกันแน่นอน
โดยจะจัดเก็บเป็นสถิติที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายของกีฬาชนิดนั้นๆ ที่ระบบมีการออกแบบมาให้อย่างเหมาะสมเรียบร้อยแล้ว
โดยตัวนาฬิกามีการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับตำแหน่งเอาไว้ทั้ง 5 กลุ่มดาวเทียมมาตรฐานโลก ได้แก่ GPS (สหรัฐอเมริกา), GLONASS (รัสเซีย), BEIDOU (จีน), GALILEO (สหภาพยุโรป) และ QZSS (ญี่ปุ่น) ทำให้มันสามารถระบุพิกัดตำแหน่งของตัวเอง และมาสร้างแผนที่ให้ดูภายในแอป vivo Health หลังการออกกำลังกายได้ เราไม่ต้องพกสมาร์ตโฟนในขณะไปเดินออกกำลังกายแต่อย่างใดเลยครับ
สามารถแสดงข้อมูลหลังการออกกำลังได้อย่างละเอียดทั้งบนตัวนาฬิกาเอง หรือสามารถจะไปดูย้อนหลังได้บนแอปพลิเคชั่นในสมาร์ตโฟนได้ด้วยเช่นกัน
สรุปท้ายรีวิว
ทนทาน สวยงาม สวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียหายหรือแบตเตอรี่หมดได้ง่ายๆ ใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่าสองสัปดาห์ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง และไม่รู้สึกเกะกะแม้จะใส่ไปทำงานจนถึงเข้านอน เพราะตัวบางและเบามาก ทนน้ำระดับ 5ATM ลุยน้ำได้ไม่ต้องถอดแม้แต่ตอนจะอาบน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำ
ฉะนั้น vivo Watch 3 จึงอยู่ในสถานะที่จะใส่เป็นนาฬิกาติดตัวในเวลาเราไปข้างนอก หรือจะใส่เป็นอุปกรณ์ติดตัวที่ไม่ต้องถอดแบบสายข้อมืออัจฉริยะก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะได้ประโยชน์จากความสามารถ และความงามจากหน้าจอที่ใหญ่กว่า คมชัดมากกว่า มีประโยชน์ในการใช้งานที่มากกว่านั่นเองครับ
vivo Watch 3 คุณสมบัติครบ ใช้งานได้ดี ตอบสนองไว ระบบทำมาใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน และที่สำคัญทาง vivo ประกาศราคาออกมาไม่แพงเลยครับ
ราคาและโปรโมชั่น
vivo วางจำหน่าย Watch 3 อย่างเป็นทางการใน 2 ตัวเลือกสี ได้แก่
- สีดำแอสเทียรอยด์ แบล็ก (Asteroid Black) ในราคา 6,499 บาท
- สีขาวมูนไลท์ ไวท์ (Moonlight White) ในราคา 6,999 บาท
โดยผู้ที่สั่งซื้อภายในวันที่ 25 ตุลาคม – 3 พฤจิกายน 2567 ผ่านทุกช่องทางการจำหน่าย จะได้รับของสมนาคุณเป็น หูฟัง TWS 3e (มูลค่า 1,799 บาท) ไปด้วยเลยครับ