vivo X200 Pro 5G เรือธงชิป Dimensity 9400 พร้อมนวัตกรรมกล้อง ZEISS 200MP สุดล้ำ
vivo X200 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่เป็นให้ได้ครบครันทุกความต้องการครับ นวัตกรรมล้ำยุคใส่มาล้นเครื่อง เก่งกาจด้านการถ่ายภาพและวิดีโอ ทั้งความสามารถด้านการซูมภาพระดับ 100x ได้แบบคมชัด และการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์พร้อมทั้งพอร์ตเทรตได้ในหลากหลายระยะ ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันเหมือนมีเลนส์เกรดโปรไว้ใช้งานหลายตัว คุณภาพของภาพและวิดีโออยู่ในระดับท็อปสุดของตลาด ทั้งในด้านคุณภาพและจำนวนฟังก์ชันที่มีให้ใช้งาน
ประสิทธิภาพสูงมาก ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 9400 ทำงานร่วมกับ RAM และ ROM ที่เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดทั้งหมด รันดัวยระบบ FunTouch OS 15 ที่มีการพัฒนา AI ขึ้นมาเพื่อรีดประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ยอดเยี่ยม ซึ่งซอฟท์แวร์ของ vivo ก็ทำได้ดีในด้านนี้เสมอมาอยู่แล้ว ในสเปคที่เท่าๆ กัน ระบบของ vivo ก็มักจะมีความลื่นไหลและการตอบสนองที่ดีกว่าอยู่เสมอครับ
ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูงทั้งในและนอกตัวเครื่อง ใช้เทคนิคการผลิตแบตเตอรี่ BlueVolt ของตัวเองโดยเฉพาะ สามารถทำแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000mAh ใส่เข้าไปในตัวเครื่องที่มีขนาดไม่ต่างไปจากรุ่นอื่น ได้มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 และ IP69 ทนน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทางในอุณหภูมิสูงถึง 80 องศา และใช้วัสดุเกรดดีในการผลิตตัวเครื่อง กระจกจอแกร่งพิเศษ เป็นกระจกหน้าจอแบบ Armor Glass ที่มีความทนทานต่อการตกกระแทกได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 11 เท่า
vivo X200 Pro คือตัวเลือกที่โดดเด่นในทุกเรื่อง ใครมองหาสมาร์ตโฟนที่เป็นตัวจบทั้งการใช้งานและการถ่ายภาพไม่ควรมองข้าม มีการประกาศราคาและโปรโมชั่นออกมาเรียบร้อยแล้ว และเป็นโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดอย่างมากเลยทีเดียวครับ
The Good
- กล้องถ่ายภาพปรับแต่งมาอย่างแม่นยำ ในมาตรฐานที่จับมือกับ ZEISS และใช้เซนเซอร์หลัก LYT-818 ที่จับมือกับทาง Sony
- ติดตั้งกล้อง ZEISS APO Telephoto Camera เซนเซอร์เลนส์ซูม HP9 ที่ทำงานบนความละเอียดสูงถึง 200MP
- มีชิปพิเศษสำหรับการประมวลผลภาพและวิดีโอ vivo V3+ ติดตั้งอยู่ภายใน
- แข็งแรงทนทาน มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 และ IP69 และกระจกจอ Armor Glass ที่มีความทนทานมากกว่ารุ่นก่อนถึง 11 เท่า
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่มากถึง 6000mAh ด้วยขนาดตัวเครื่องที่บางแค่ 8.2 มม.
- รองรับระบบชาร์จไว 90W FlashCharge และ 30W Wireless FlashCharge
- ชิปเซ็ต Dimensity 9400 แรงมากที่สุดในตลาดขณะนี้
- ดีไซน์หน้าจอแบนแบบ Micro Quad Curved Screen ขอบมุมโค้งเล็กน้อยทั้ง 4 ด้าน เพิ่มความสวยงาม แต่ยังให้การใช้งานไม่ต่างไปจากจอแบน
- จอภาพความสว่างสูง 4500nits สีสันสดใส เสริมด้วยมาตรฐาน ZEISS Master Color สีสันตรง และช่วยถนอมสายตา
- ใช้ระบบ Android 15 และ FunTouch OS 15 ใหม่ล่าสุด รองรับ Circle To Search และการทำงานของ AI ในภาษาไทยเรียบร้อย
The Bad
- ไม่มีรูหูฟังบนตัวเครื่องโดยตรง
- บริเวณชุดกล้องหลังมีความหนา ที่ต่างกับฝาหลังตัวเครื่องด้านล่างค่อนข้างชัดเจน
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
vivo X200 Pro สมาร์ตโฟนเรือธงที่เปิดตัวออกมาพร้อมการนำเสนอเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพที่ใช้นวัตกรรมล่าสุด รองรับการถ่ายภาพซูมในระดับ 100x ที่ได้ภาพคมชัด และคุณสมบัติการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในเกรดกล้องมือโปรตามสไตล์ของ ZEISS รวมกับความสามารถด้านการถ่ายวิดีโอที่สามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดระดับ 8K และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps Dolby Vision ได้ด้วยตัวเอง
เรียกได้ว่าครบครันความสามารถในด้านการถ่ายภาพ บวกรวมกับการใช้ชิปเซ็ตตัวแรงล่าสุดของวงการอย่าง Dimensity 9400 ประสิทธิภาพขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ใส่เข้ามาในตัวเครื่องพรีเมียม ทั้งเรื่องของวัสดุ, หน้าจอ, และแบตเตอรี่ ผลิตมาในความทนทานสูง ได้มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 และ IP69
มีการใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาครบให้ทุกองค์ประกอบ ทำให้ในขณะนี้นับได้ว่า vivo X200 Pro เป็นเรือธงมาตรฐานใหม่ของวงการสมาร์ตโฟนในขณะนี้เลยครับ
ในบทความรีวิวนี้ผมจะพามารู้จักคุณสมบัติต่างๆ ในการใช้งานของ vivo X200 Pro กันให้มากขึ้นครับ
vivo X200 Pro เป็นสมาร์ตโฟนในซีรี่ส์เรือธง ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับ vivo X200 ซึ่งเป็นรุ่นน้องในซีรี่ส์อีกรุ่นหนึ่ง โดยมีการประกาศราคาจำหน่ายออกมาเรียบร้อยแล้ว เราจะมาดูความแตกต่างระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องของทั้งสองตัวนี้กันก่อนนะครับ
• vivo X200 มาในขนาดความจุ RAM 12GB + 256GBราคา 29,999 บาท
• vivo X200 Pro มาในขนาดความจุ RAM 16GB + 512GB ราคา 39,999 บาท
ตัวเครื่องภายนอก
vivo X200 Pro ถูกออกแบบด้วยวัสดุเกรดดีในการผลิต โครงเครื่องและปุ่มกดต่างๆ ถูกผลิตมาด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ แข็งแกร่งและช่วยลดน้ำหนักตัวเครื่องโดยรวม ถูกผลิตขึ้นมาในมาตรฐาน IP68 และ IP69 ช่วยให้ vivo X200 Pro สามารถทนทานต่อน้ำและฝุ่นในระดับสูงสุดของวงการ ทนน้ำได้ลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที และทนต่อน้ำที่เข้ามาด้วยแรงดันสูงได้จากทุกทิศทาง ในอุณหภูมิสูงสุดถึง 80 องศา ซึ่งทำให้ตัวเครื่องเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อาจเสี่ยงต่อความเสียหาย ทั้งฝุ่น, แดด และฝนตกหนัก
รวมถึงนำไปใช้ลุยถ่ายภาพในงานวันสงกรานต์ของไทย ก็ไม่ต้องกลัวความเสียหายจากปืนฉีดน้ำเลย
มีเข้ามาจำหน่ายในไทยสองสีได้แก่ Titanium Gray สีเทาขัดเงาลวดลายพิเศษ มีประกายแสงและดูหรูหรา เป็นสีที่แปลกตาเฉพาะตัวไม่ค่อยเหมือนใคร และอีกหนึ่งสีคือ Midnight Black สีดำด้านที่เข้าได้กับทุกสถานการณ์ สีแบบคลาสสิกที่ใครๆ ชอบ บวกกับเลนส์กล้องขนาดใหญ่ดูเป็นมืออาชีพด้วยครับ ^^
ดีไซน์ตัวเครื่องค่อนข้างบาง มีขนาดเพียง 8.2 มม. มีน้ำหนัก 223 กรัม (สี Titanium Gray หนัก 228 กรัมและบาง 8.29 มม.) การออกแบบฝาหลังโค้งมนยังช่วยลดการกดทับมือในระหว่างใช้งานนานๆ แม้จะหรูหราแต่ไม่บอบบาง
หน้าจอมาตรฐาน ZEISS Master Color ถูกปรับแต่งสีสันและการแสดงผลในแบบของ ZEISS ใช้จอภาพ VM8 AMOLED เทคโนโลยี LTPO สมเป็นเครื่องระดับเรือธง ให้ภาพที่คมชัดและมีความลึกของสีดำที่ตัดกับความสดของสีสันภาพ ดูมีมิติ เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์
จอมีขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ให้ความสว่างสูงสุดได้ถึง 4500nits รองรับ HDR10+, Netflix HDR, Dolby vision ความละเอียด 2800×1260 รีเฟรชเรทแบบไดนามิก ปรับเปลี่ยนได้เองตั้งแต่ 0.1 ไปจนถึง 120Hz รองรับการแสดงสีสัน 1.7 พันล้านสี จอภาพของ vivo X200 Pro ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากครับ ใช้กระจกหน้าจอแบบ Armor Glass ที่มีให้ในเฉพาะใน X200 Pro เท่านั้น สามารถทนทานต่อการตกกระแทกได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 11 เท่า
ขอบจอเล็กมาก ใช้การออกแบบจอแบนดีไซน์ใหม่ Micro Quad Curved Screen ทำขอบมุมจอโค้งเอาไว้เพียงเล็กน้อยทั้ง 4 ด้าน เพื่อเพิ่มความพรีเมียมคล้ายกับจอโค้งและลดการสัมผัสที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังคงสามารถติดฟิล์มได้ง่ายๆ และให้อารมณ์การรับชมแบบเต็มตาคล้ายจอแบนได้เช่นเดิม
มีเทคโนโลยี Full Range Luminance 2160Hz PWM Dimming ช่วยลดการกระพริบของหน้าจอที่จะก่อให้เกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตาเวลาใช้งานในที่แสงน้อย และมีการติดตั้ง Blue Light Filter ที่ลดแสงสีฟ้าอันเป็นอันตรายต่อดวงตาซึ่งยังคงสำคัญ และแนะนำให้เปิดโหมดถนอมสายตาเอาไว้เสมอสำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ตโฟนเป็นระยะเวลานานๆ นะครับ
ใช้พื้นที่เล็กๆ ติดตั้งกล้องหน้า 32MP รองรับการสแกนลายนิ้วมือหน้าจอโดยตรงด้วยระบบ 3D Ultrasonic สแกนได้แม่นและรวดเร็วครับแม้นิ้วเราจะเปียกชื้นก็ตาม
และนี่คือสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่มาก! แม้จะใส่เทคโนโลยีเข้ามาเต็มเครื่องขนาดนี้ แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่แบบ BlueVolt ของ vivo จึงสามารถติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh ในตัวเครื่องที่มีขนาดไม่ต่างจากรุ่นอื่น
และรองรับการชาร์จเร็ว 90W FlashCharge แวะชาร์จเพียง 30 นาทีก็ได้แบตเตอรี่กลับมาเกินครึ่ง ใช้งานต่อได้เต็มวันสบายๆ และรองรับระบบชาร์จไร้สาย 30W ด้วยครับสำหรับรุ่นนี้
อุปกรณ์ภายในกล่องก็มีที่ชาร์จ 90W FlashCharge สาย USB Type-C และเคสซิลิโคนแถมมาให้เรียบร้อย
รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ nano รองรับ 5G Dual SIM Dual Standby แต่จะไม่รองรับ micro SDcard ได้เพิ่มเติมนะครับ และไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. เช่นกัน
กล้องถ่ายภาพ
กล้องหลังคือสิ่งที่เป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดของ vivo X200 Pro ข้อหนึ่งครับ ใช้ระบบกล้องสามตัว AI Triple Camera ที่มากับเทคโนโลยีที่สูงมากในทุกๆ เลนส์เลยครับ ฟังก์ชันกล้องเยอะมากกกกกๆๆๆๆ และทุกฟังก์ชันทำงานออกมาได้ดี และมีความสามารถในการซูมภาพนิ่งได้ 100x แบบคมชัดสุดๆ และการซูมภาพวิดีโอแบบ 20x ที่เก็บรายละเอียดได้เหมือนเดินเข้าไปถ่าย
ยังมีความสามารถอีกมากมายในการถ่ายภาพทิวทัศน์, การถ่ายภาพบุคคลพอร์ตเทรต ทั้งหมดอยู่ในระดับเกรดกล้องมืออาชีพ และยังได้่เปรียบกว่าการพกกล้องโปรในเรื่องของการปรับแต่งหลังการถ่ายอีกด้วยนะครับ ฟังก์ชันแก้ไขหลังการถ่ายของทาง vivo ก็ยังคงใส่มาให้เยอะมากที่สุดในวงการอยู่เช่นเดิม
เรามาดูรายละเอียดด้านสเปกกล้องของ vivo X200 Pro กันก่อนดีกว่า
ตัวเลนส์กล้องออกแบบมาได้อย่างดุดัน มีสัญลักษณ์ ZEISS และการตีตรา T* บ่งบอกว่าเป็นการเคลือบเลนส์แบบ ZEISS T* Coating บนชุดกล้องทุกตัวเอาไว้เรียบร้อย การโค๊ดติ้งหน้าเลนส์เป็นจุดเด่นของเลนส์ ZEISS มาโดยตลอด มันช่วยเพิ่มความใสเคลียร์ของภาพ เพิ่มความคมชัด ลดการเกิดโกสต์หรือแฟร์ที่อาจจะปรากฏบนภาพลงได้ ไม่ว่าเราจะถือถ่ายกล้องในสภาพแสงใดก็ตาม
- กล้องหลักใช้เทคโนโลยี ZEISS True Color ติดตั้งเซนเซอร์ Sony LYT-818 50MP มีขนาดที่ใหญ่ 1/1.28″ เพื่อรองรับการเก็บรายละเอียดของภาพในทุกโหมด
- กล้องที่สองเป็น Ultra-Wide ใช้เซนเซอร์ ISOCELL JN1 50MP ขนาด 1/2.76″
- กล้องที่สามเป็นตัวทีเด็ด เทคโนโลยี ZEISS APO Telephoto ใช้เซนเซอร์ ISOCELL HP9 ที่มีความละเอียดสูงถึง 200MP
กล้องทั้งสามตัวทำงานร่วมกับฟีเจอร์ AI ที่ติดตั้งในระบบกล้อง ช่วยปรับแต่งภาพโดยอัตโนมัติทั้งในระหว่างการโฟกัส ระหว่างถ่าย และโปรเซสสุดท้ายหลังสิ้นสุดการถ่าย ทั้งหมดทำงานอยู่เบื้องหลังแบบที่ผู้ใช้ไม่ต้องรอการทำงานใดๆ และที่สำคัญคือภายใน vivo X200 Pro ยังมีการใส vivo V3+ Imaging Chip เอาไว้ภายในด้วย ชิปพิเศษที่รับหน้าที่ช่วยประมวลผลภาพและวิดีโอ ถูกสอนมาให้วิเคราะห์ด้านภาพโดยตรง
และเจ้าเลนส์ตัวที่สาม ZEISS APO Telephoto ที่มีความละเอียดสูงถึง 200MP มันคือความได้เปรียบ ที่ทำให้การซูมภาพระดับ 100x ยังคงรายละเอียดที่คมชัดได้ในแบบที่สมาร์ตโฟนในอดีตไม่เคยทำได้มาก่อนอีกด้วย ถ่ายเสร็จพร้อมใช้ สีสันตรงแม่นยำตามมาตรฐานของ ZEISS APO แบบที่ไม่ต้องรอโปรเซสนาน
ภาพซูมในสภาพแสงเริ่มน้อย จะเห็นว่าตัวกล้องยิ่งซูมไกลจะยิ่งสามารถชดเชยแสงได้มาก และตัว HDR ก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมครับแม้จะถ่ายจากระยะไกลมากก็ตาม
ถ้านำไปถ่ายงานคอนเสิร์ตหรือเทศกาลดนตรี ที่มีแสงฉากหลังอลังการ คือตรงกับความสามารถของเครื่องรุ่นนี้มากที่สุด เพราะตัว AI จะแนะนำโหมดการถ่ายภาพ “เวที” ที่ใส่เข้ามาให้โดยเฉพาะ แสงสีมาครบ รายละเอียดการซูมยอดเยี่ยม นั่งอยู่ไกลๆ ก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้เหมือนอยู่ใกล้ชิดติดขอบเวทีเลยครับ
รวมถึงความสามารถซูมภาพวิดีโอได้สูงสุด 20x พร้อมกับมีเทคโนโลยี “Pure Sound Recording” ที่เป็นการซูมเสียงไปยังทิศทางที่แม่นยำ การเก็บภาพวิดีโอจะเก็บเสียงที่สมจริงในทิศทางที่เข้ากันมาด้วย หรือนำไปเก็บเสียงจากในงานคอนเสิร์ต ก็จะได้ยินเสียงของดนตรีและเสียงร้องที่ชัดเจนมากกว่าปกติด้วยครับ
และด้วยความสามารถในการจัดการแสงบนเวที ผมเลยลองเอาไปใช้ในงานเปิดตัวของ vivo X200 Series ในไทยมาด้วย เพราะเวทีในฮอลล์ส่วนใหญ่จะมีความห่างที่ต้องการเลนส์ระยะประมาณ 250mm หรือการถ่าย 10x ซึ่งถ้าพกเลนส์กล้องจริงไปจะใหญ่มากครับ แต่ถ้ามี X200 Pro ผมบอกได้เลยว่าเลิกพกกล้องใหญ่ไปงานแบบนี้ได้เลย ระยะขนาดนี้กับคุณภาพระดับนี้ ถ่ายจบหลังกล้องแบบไม่ต้องแต่งภาพเพิ่มก็พร้อมใช้งานได้ทันที
จะเห็นว่าการซูมที่มีคุณภาพมากๆ ไม่ได้มีเพื่อความบันเทิงหรือการท่องเที่ยวอย่างเดียวครับ แต่มันคือเครื่องมือที่ใช้ทำงานในระดับอาชีพได้เลย
โหมดถ่ายภาพอื่นๆ มีอีกเยอะมาก เพราะในโหมดหลักยังมีโหมดย่อยอยู่ด้านในอีกมากมายเลยครับ เช่นโหมดทิวทัศน์ มาในรุ่นนี้มีการใส่ฟิลเตอร์สำหรับการถ่ายวิวทิวทัศน์มาโดยเฉพาะ เช่น “เน้นบรรยากาศ” ที่จะสร้างภาพออกมาโทนอุ่นให้รู้สึกสมจริงไปกับสถานที่ หรือ “ภาพแบบนุ่มนวล” จะเพิ่มความสว่างและความนุ่มของแสงในภาพให้กับเรามากขึ้น เป็นต้น
ยังมีการถ่ายภาพที่เล่นกับสปีดชัตเตอร์ เช่น การถ่ายภาพสายน้ำ, แสงไฟ, พลุดอกไม้ไฟ ,หรือเส้นแสงดาวใส่เข้ามาให้ใช้ และยังมีโหมดที่เล่นกับท้องฟ้า ด้วยการทำภาพจำลอง AR เป็นกลุ่มดาว หรือมีความสามารถในการหาตำแหน่งแผนที่ดาวได้ด้วยนะครับ
แต่กล้อง vivo X200 Pro ไม่ใช่เก่งแค่เรื่องของการซูมภาพและการถ่ายทิวทัศน์เท่านั้น เพราะรุ่นนี้ยังยืนหนึ่งในเรื่องของการถ่ายภาพพอร์ตเทรตเช่นเคยครับ ระบบถ่ายภาพด้วยการจำลองระยะต่างๆ ของเลนส์ในตำนานจาก ZEISS ยังคงคุณภาพระดับสูงของวงการได้เช่นเดิม เพราะรองรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้มากมาย ทั้งในเรื่องของระยะ การละลายหลัง และเอกลักษณ์ของแสงและไฟโบเก้ โดยเฉพาะระยะ 85 และ 135 ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในสไตล์ของเลนส์ ZEISS Planar ทำให้มือถือตัวเดียว สร้างความหลายหลายของระยะมุมมองและระยะความลึกของฉากหลังได้อย่างมากมายเลยครับ
การถ่ายวิดีโอก็ยอดเยี่ยมครับ รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 8K และสามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K HDR 60fps ได้ด้วยนะครับ รองรับการถ่าย Dolby Vision ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะรองรับการถ่ายวิดีโอแบบพอร์ตเทรตละลายฉากหลัง มีสไตล์ให้เลือกใช้งานเปลี่ยนอารมณ์ได้ 6 สไตล์ด้วยกัน เลือกปรับระยะชัดลึกชัดตื้นได้เอง ทำงานพร้อมโหมดปรับแต่งใบหน้า และรองรับการซูมภาพวิดีโอแบบพอร์ตเทรตได้สามระยะ 1x (23mm), 2x (46mm) และ 3.7x (85mm)
และ vivo X200 Pro ได้ก้าวผ่านการปรับจุดโฟกัสใหม่หลังการถ่าย ที่ไม่ได้จำกัดแค่ภาพนิ่งอีกต่อไปแล้วนะครับ เพราะเราสามารถมาเลือกจุดโฟกัสได้หลังการถ่ายของภาพวิดีโอได้ด้วย มาทัชจุดโฟกัสที่ต้องการใหม่ในไฟล์วิดีโอได้เลย จะไปโฟกัสที่ฉากหลัง หรือย้ายบุคคลที่ต้องการจะโฟกัส ก็สามารถทำได้ในความสามารถของ “วิดีโอพอร์ตเทรต”
สามารถเลือกโฟกัสใหม่, ปรับระยะชัดลึกใหม่ หรือจะใส่ LUTs แก้สีใหม่ สามารถทำได้หลังการถ่ายวิดีโอไปแล้ว โดยตัวของสมาร์ตโฟนเองทั้งหมดเลยครับ
ความสามารถในการปรับแต่งภาพนิ่งยังคงมีอยู่ครบเช่นกัน รวมถึงความสามารถในการปรับภาพด้วย AI เช่น “การปรับปรุงภาพถ่ายด้วย AI” เป็นการซ่อมแซมภาพที่ขาดความคม ใบหน้าหมองดูคล้ำ หรือภาพถ่ายเก่าที่เรามี สามารถนำมาให้ AI ปรับเพิ่มความคมชัดให้ภาพดูสมัยใหม่มากขึ้นได้ครับ
และมีความสามารถในการ “ลบด้วย AI” สามารถลบวัตถุ บุคคล หรือเงาจากแสงสะท้อน สามารถลากลบด้วยตัวเองหรือให้ AI ทำการวิเคราะห์และลบให้เราก็ได้เช่นกัน จากการลองลบฝูงชนในฉากหลังของภาพ ตัว AI ก็สามารถสแกนและลบผู้คนออกไปได้หมดในคลิ๊กเดียวครับ พร้อมเติมฉากหลังเข้ามาได้แบบเนียนๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายในหลายระยะ จากหลายโหมดของ vivo X200 Pro
ประสิทธิภาพและการใช้งานภายใน
ระบบภายในอุปกรณ์รันด้วย Android 15 ตัวล่าสุด ครอบทับบน FunTouch OS 15 ที่เป็นระบบล่าสุดด้วยเช่นกัน หัวใจสำคัญของ vivo X200 Pro คือชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400 ที่ถูกพัฒนาด้วยกระบวนการผลิตระดับ 3 นาโนเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและยังลดการใช้พลังงานไปพร้อมกัน เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพที่สูงที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน ณ ปัจจุบันครับ
Dimensity 9400 มีแกนประมวลผลแบบ 8 แกน ทุกแกนจะมีประสิทธิภาพสูงทั้งหมด (3.626 GHz × 1 + 3.3 GHz × 3 + 2.4 GHz × 4) ใช้ GPU Arm 12-Core G925 แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้ามากถึง 41%
RAM ใช้เทคโนโลยี LPDDR5X ขนาด 16GB และสามารถขยายได้อีก 16GB เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่และมีขนาดใหญ่มาก ใช้หน่วยความจำ UFS 4.0 มีเข้ามาจำหน่ายในไทยขนาดเดียวครับ คือรุ่น 512GB
ทั้งชิปเซ็ต ทั้ง RAM และ ROM อยู่ในระดับท็อปของวงการทั้งชุด การเล่นเกมกราฟิกระดับ AAA หรือการตัดต่อวิดีโอ 4K และการสตรีมมิงในความละเอียดสูง ชิปเซ็ตตัวนี้บน vivo X200 Pro ให้ผลลัพท์ในเกรดที่ดีที่สุดแล้วของสมาร์ตโฟนในระบบ Android รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ช่วยให้การเล่นเกมที่รองรับมีภาพกราฟิกที่สวยและสามารถแสดงรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น
จากการลองทดสอบใช้งาน เล่นเกมได้ลื่นไหล ทดสอบกับ SOLO Leveling: Arise เกมที่กินสเปคค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนเครื่องอื่นๆ ตัวนี้รักษาเฟรมเรทได้เสถียรที่สุดแล้ว ระบายความร้อนได้ยอดเยี่ยมด้วยครับ ไม่มีความร้อนหรืออุณหภูมิสูงจนรู้สึกต้องเป็นกังวลขึ้นมาเลยตลอดการใช้งาน
ที่สำคัญ! แบตเตอรี่อึดมากกกกก ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000mAh แถมระบบและชิปเซ็ตยังกินพลังงานน้อย ตัวนี้ใช้งานแบบเปิดจอต่อเนื่องยังอยู่ได้สบายๆ มากกว่า 10 ชั่วโมงเลยครับ ถ้าวันไหนใช้งานเบาๆ ก็อยู่กันได้ข้ามวัน แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องเรือธงที่มีความแรง และมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ก็ตาม เดินถ่ายรูปเป็นพันรูป ตกถึงค่ำแบตก็ยังเหลือเกินกว่าครึ่งอยู่เลยครับ ซึ่งตัว vivo X200 Pro สามารถชาร์จไฟย้อนกลับออกไปให้อุปกรณ์อื่นแบบไร้สายได้ด้วยนะครับ
มีความสามารถด้าน AI ใส่เข้ามาให้ใช้งานพร้อมรองรับภาษาไทยแล้ว เช่น การแปลการสนทนาเสียงแบบเรียลไทม์ เปลี่ยนเสียงพูดจากภาษาอื่นให้กลายเป็นภาษาที่เราเข้าใจได้ทันที (ตอนนี้รองรับ 7 ภาษา อังกฤษ, ฮินดี, อินโดนีเซีย, จีนประยุกต์, จีนดั้งเดิม, มาเลเซีย และภาษาไทย) โดยจะแปลภาษาให้ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายคู่สนทนาด้วยนะครับ พร้อมกับถอดความออกมาเป็นบันทึกจดไว้ได้ด้วย AI และสามารถกดฟังย้อนหลังได้ด้วยเช่นกัน
มีความสามารถในการใช้ AI ในการช่วยเขียน, ทำสรุป, ดึงสิ่งที่ต้องออกมาแสดงเป็นรายการ รวมถึงการแปลภาษาจากข้อความ โดยทั้งหมดรองรับการใช้งานในภาษาไทยเรียบร้อยแล้วครับ
และความสามารถ Circle To Search จากทาง Google ก็ใส่เข้ามาให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
สรุปท้ายรีวิว
vivo X200 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่เป็นให้ได้ครบครันทุกความต้องการครับ นวัตกรรมล้ำยุคใส่มาล้นเครื่อง เก่งกาจด้านการถ่ายภาพและวิดีโอ ทั้งความสามารถด้านการซูมภาพระดับ 100x ได้แบบคมชัด และการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์พร้อมทั้งพอร์ตเทรตได้ในหลากหลายระยะ ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันเหมือนมีเลนส์เกรดโปรไว้ใช้งานหลายตัว คุณภาพของภาพและวิดีโออยู่ในระดับท็อปสุดของตลาด ทั้งในด้านคุณภาพและจำนวนฟังก์ชันที่มีให้ใช้งาน
ประสิทธิภาพสูงมาก ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 9400 ทำงานร่วมกับ RAM และ ROM ที่เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดทั้งหมด รันดัวยระบบ FunTouch OS 15 ที่มีการพัฒนา AI ขึ้นมาเพื่อรีดประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ยอดเยี่ยม ซึ่งซอฟท์แวร์ของ vivo ก็ทำได้ดีในด้านนี้เสมอมาอยู่แล้ว ในสเปคที่เท่าๆ กัน ระบบของ vivo ก็มักจะมีความลื่นไหลและการตอบสนองที่ดีกว่าอยู่เสมอครับ
ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูงทั้งในและนอกตัวเครื่อง ใช้เทคนิคการผลิตแบตเตอรี่ BlueVolt ของตัวเองโดยเฉพาะ สามารถทำแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000mAh ใส่เข้าไปในตัวเครื่องที่มีขนาดไม่ต่างไปจากรุ่นอื่น ได้มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 และ IP69 ทนน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทางในอุณหภูมิสูงถึง 80 องศา และใช้วัสดุเกรดดีในการผลิตตัวเครื่อง กระจกจอแกร่งพิเศษ เป็นกระจกหน้าจอแบบ Armor Glass ที่มีความทนทานต่อการตกกระแทกได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 11 เท่า
vivo X200 Pro คือตัวเลือกที่โดดเด่นในทุกเรื่อง ใครมองหาสมาร์ตโฟนที่เป็นตัวจบทั้งการใช้งานและการถ่ายภาพไม่ควรมองข้าม มีการประกาศราคาและโปรโมชั่นออกมาเรียบร้อยแล้ว และเป็นโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดอย่างมากเลยทีเดียวครับ
ราคาและโปรโมชั่น
• vivo X200 5G (12GB + 256GB) ราคา 29,999 บาท
• vivo X200 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 39,999 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ! เมื่อซื้อสินค้ารุ่น vivo X200 หรือ vivo X200 Pro รับฟรีของสมนาคุณดังนี้:
- vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง (มูลค่า 10,999.-)
- Premium Case (มูลค่า 890.-)
- โปรเก่าแลกใหม่ รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินสูงสุด 8,000.-
เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ