vivo X Series ไม่เคยหยุดนิ่งเลยครับกับการพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพ เปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาแต่ละรุ่น มีของใหม่และความประทับใจใหม่ๆ มาตลอด เป็นซีรี่ส์ที่ผู้รีวิวไม่เคยหยุดประหลาดใจเลยสักรุ่น
vivo X80 Pro 5G และ X80 5G คือสองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ออกมาในฐานะเรือธงของแบรนด์ vivo และสิ่งที่ใส่เข้ามาคือประสบการณ์การถ่ายภาพระดับใหม่ ในแบบที่เหมือนการใช้กล้องเลนส์โปรเข้าไปอีกขั้นครับ ด้วยโหมดการถ่ายภาพที่ไม่ได้เน้นมาแค่มุมกว้าง Ultra Wide แบบเดิมตามสไตล์เก่งของสมาร์ทโฟนเท่านั้นอีกแล้ว เพราะใน vivo X80 Series จะมาพร้อมกับการถ่ายภาพจากเลนส์เทเลโฟโต้ ที่อัพเกรดการใช้งานมาให้ใช้ถ่ายกันได้แบบที่มืออาชีพต้องการมากขึ้น
เป็นที่รู้กันในการถ่ายภาพว่าการถ่ายด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ เป็นระยะเลนส์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพบุคคลนั้นเอง ภาพมีความลึกของมิติ ตัวแบบดูห่างกับฉากหลัง และด้วยฟังก์ชั่นกล้องอีกมากมายรวมถึงฟิลเตอร์สวยๆ ที่จูนและดูแลมาให้จาก ZEISS กล้องรุ่นนี้จึงหวังผลสูงได้เลยกับภาพ Portrait บุคคล
และในด้านการถ่ายภาพอื่นๆ ก็คุณภาพสูงมากในทุกโหมดเพราะเลนส์กล้องทั้งหมดใน vivo X80 Series ได้รับการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานของการเคลือบเลนส์ของ ZEISS T* ตามตราสัญลักษณ์ที่ได้รับมาประทับด้านข้างชุดกล้อง ถูกปรับมาเพื่อช่วยปรับปรุงให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้ค่าสีแม่นยำ สีสันสวยสมจริง
และรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับชิป vivo Pro Imaging Chip V1+ ที่จะเข้ามาดูแลหลายเรื่องครับ เน้นที่การสแดงผล รวมไปถึงเรื่องการการถ่ายวีดีโอ ด้วย AI Video Enhancement หรือตัว AI ที่คอยทำงานให้ในขณะถ่ายวีดีโอให้เราได้ด้วยไม่ใช่แค่ภาพนิ่งอีกต่อไป และความสามารถในการลดความสั่นไหวระดับไม้กันสั่น Gimbal Portrait Camera และยังเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดระดับ 8K อีกด้วยครับ
vivo X80 Series การออกแบบเด่นเฉพาะตัว ด้วยการจัดวางกล้องแบบ Cloud Window 2.0 กรอบหน้าต่างเหลี่ยมขนาดใหญ่ด้านหลัง สีสันหรูด้วยการเลือกใช้โทนสีเข้ม มีเข้ามาจำหน่ายในสี Cosmic Black สำหรับรุ่น vivo X80 Pro 5G มีเพียงสีเดียว แต่สำหรับตัว vivo X80 5G จะมีให้เลือกสองสีครับ คือสีดำ Cosmic Black และสีฟ้าสดใส Urban Blue ที่มาพร้อมกับเคสสีเดียวกันภายในกล่องด้วย ^^
ทั้งสองรุ่นมีขนาดเครื่องพอๆ กันเพราะหน้าจอมีขนาดเท่ากัน แต่ความแตกต่างของ vivo X80 Pro 5G และ X80 5G มีรายละเอียดต่างกันหลายจุด ที่เป็นจุดหลักก็จะเป็นชุดกล้องหลังและหน่วยประมวลผลที่ใช้ต่างค่ายกันครับ ซึ่งผมจะใล่รายละเอียดที่แตกต่างกันในรีวิวบทความนี้ไปทีละเรื่อง โดยจะเน้นการรีวิวหลักไปที่ตัว vivo X80 Pro 5G นะครับ
ทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอขนาดใหญ่มาก 6.78 นิ้ว ขอบจอไม่มีเลยครับเพราะจอจะโค้งเลยกรอบลงไปเป็น 3D flexible screen ด้านหน้าเครื่องเป็นจอแบบเต็มๆ เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลอยู่ตลางกลางขนาดเล็กๆ
โดยในรุ่นโปรจะให้หน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า เป็นจอ AMOLED E5 ความละเอียด 2K WQHD+ ที่สามารถปรับรีเฟรชเรทหน้าจอได้อัตโนมัติ ตั้งแต่ 1-120Hz ตามการใช้งานเพื่อการประหยัดพลังงาน สวนรุ่นน้อง X80 5G จะเป็นจอ AMOLED 120Hz Refresh Rate เช่นเดียวกัน แต่ความละเอียดจะอยู่ที่ FHD+ แทนครับ
รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง โดยเฉพาะรุ่นโปร vivo X80 Pro 5G ใช้ระบบสแกนนิ้วที่แอดวานส์มาก เป็นระบบสแกน 3D Ultrasonic Fingerprint สแกนไวและใช้งานได้แม้นิ้วเราจะเปียกน้ำเปียกเหงือก็ตามครับ ทำงานได้ไวแค่ตอนสแกนนิ้วเริ่มต้น ก็เร็วจนตกใจครับ วางนิ้วแล้วก็แทบจะเสร็จเลย
กล้องหลังจะมีความแตกต่างกันในสองรุ่นครับ ตัวโปรจะมีกล้องที่เกรดดีกว่า โดยเป็นชุดกล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลักจะเป็นเซนเซอร์ Ultra-Sensing GNV ความละเอียด 50MP ตรวจจับแสงได้ดีเป็นพิเศษเพราะมีขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว มีการผสานเทคโนโลยีกันสั่น Gimbal เข้ากับเลนส์ถ่ายภาพเพื่อลดการสั่นในระดับสูงสุด ทำงานร่วมกันกล้องความละเอียดสูงอีกสามเลนส์ สำหรับการถ่ายเทเลโฟโต้ 12MP เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide 48MP และเลนส์ซูมพิเศษ Periscope telephoto 8MP สุดยอดเทคโนโลยีทุกเลนส์ครับ
ส่วนในรุ่น vivo X80 5G จะใช้เป็นกล้องหลังสามเลนส์ ตัวเซนเซอร์หลักใช้ IMX866 RGBW Ultra-Sensing Sensor ความละเอียด 50MP ทำงานร่วมกับเลนส์เทเลโฟโต้และ Ultra Wide ความละเอียด 12MP +12MP ที่จะไม่มีเหมือนรุ่น PRO ก็คือเลนส์ซูมพิเศษ Periscope telephoto นั้นเองครับ
แบตเตอรี่ขนาด 4,700 mAh สำหรับรุ่น vivo X80 Pro 5G และ 4,500 mAh สำหรับรุ่น vivo X80 5G ต่างกันเล็กน้อย แต่การใช้งานไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ครับ แบตเตอรี่อยู่ได้วันต่อวัน ไม่ถือว่าแบตอึดแต่ก็ไม่หมดเร็วมากเกินไป สิ่งที่เป็นทีเด็ดคือระบบชาร์จไฟ ที่รองรับ 80W FlashCharge ชาร์จไวมาก เสียบแค่ประมาณ 10 นาทีได้แบตกลับมา 50% แล้วครับ ^^ และรุ่น vivo X80 Pro 5G ยังรองรับการชาร์จไวแบบไร้สาย 50W Wireless FlashCharge อีกด้วย
ระบบเสียงลำโพงคู่ Hi-Fi คุณภาพเสียงดีมีมิติ แม้ตัวเครื่องจะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. แต่ทาง vivo แถมหูฟังที่เป็น USB Type C มาให้เลยภายในกล่องครับ ^^ ซึ่งอุปกรณ์ภายในกล่องมีเคสมาให้ครับ พร้อมที่ชาร์จ 80W FlashCharge มาให้ภายในกล่องเลยครับ พร้อมชุดหูฟัง USB Type C และเคสซิลิโคนกันกระแทก
การใช้งานภายใน
รันบนระบบ Android 12 ครอบทับด้วย FunTouch OS 12 ซึ่งเป็นระบบรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน ด้านสเปคแรงทั้งคู่ แค่ใช้ต่างค่ายกันเท่านั้น โดยรุ่น vivo X80 Pro 5G จะใช้ชิปเซ็ตเรือธง Qualcomm รุ่นล่าสุด Snapdragon 8 Gen 1 มาตรฐานระดับ 4 นาโน ให้ Ram ขนาด 12GB รองรับการขยายแรม Extended RAM ได้อีก 4GB หน่วยความจำภายใน UFS 3.1 ขนาด 256 GB สเปคระดับกลุ่มแรงสุดในสมาร์ทโฟน Android ปัจจุบันครับ
vivo X80 5G จะใช้ชิปตัวท็อปจากค่าย Mediatek เป็น MTK 9000 มาตรฐานระดับ 4 นาโนเช่นกัน ให้ Ram ขนาด 12GB ที่รองรับการขยายแรม Extended RAM ได้ 4GB และหน่วยความจำภายใน UFS 3.1 ขนาด 256 GB สเปคแทบจะเหมือนกันทั้งสองรุ่นครับ แรงมากทั้งคู่ เรื่องเล่นเกมหรือการใช้งานต่างๆ ไม่ต้องห่วงเลยแรงเกินจะพอ
ด้วยตัวเครื่องมีหน้าจอขนาดใหญ่มาก และขอบจอแทบไม่มี รวมถึงลำโพงคู่เสียงดี และด้วยโปรเซสเซอร์ระดับเรือธง พร้อมกับชิปเสริม vivo V1+ รองรับการเพิ่มเฟรมเรทเกมให้นิ่งและราบลื่นตลอดการใช้งาน ประสิทธิภาพมาเต็มครับ และยังได้อรรถรสด้านอารมณ์ด้วยการใส่มอเตอร์แนวราบ X-Axis ที่สามารถสร้างการสั่นในรูปแบบที่แตกต่างในขณะใช้งานหรือการเล่นเกมไว้ด้วย
โหมดสำหรับการเล่นเกม Ultra Game Mode นอกจากก็จะมีเครื่องมือช่วยให้เราเล่นเกมได้ราบลื่นขึ้นด้วยการเร่งประสิทธิภาพต่างๆ ให้พร้อมที่สุดสำหรับการเล่นเกม ยังสามารถเพิ่มเฟรมเรทในขณะเล่นเกมให้กับเราได้ด้วยในเกมที่รองรับ ภาพที่เห็นก็จะละมุนและมีการเคลื่อนไหวที่ราบลื่นสวยงามขึ้นครับ และเปิดระบบการสั่นแบบ 4 มิติ ให้เกมที่รองรับสามารถสร้างการสั่นให้รับกับการกระทำภายในเกม เช่นสั่นเมื่อมีการยิงปืนใน PUBG เป็นต้นครับ
เรียกใช้งานเครื่องมือสำหรับการเล่นเกมได้จากการสไลด์ด้านข้างหน้าจอ เลือกระดับประสิทธิภาพที่ต้องการ แรงสุดหรือประหยัดพลังงาน แต่แนะนำว่าสเปคระดับนี้ เปิดแค่โหมดสมดุลก็ลื่นสุดๆ แล้วครับ
เอามาใช้ดูหนังหรืองานบันเทิง ก็เหมือนจอภาพยนตร์พกพาเลย เพราะหน้าจอไซด์ใหญ่ขนาดนี้ ความเต็มตาก็มาเต็มๆ ^^ ระบบจะช่วยปรับปรุงภาพให้ภาพดูมีรายละเอียดและสดใสมากขึ้น ในแอพที่ใช้รับภาพยนตร์และวีดีโออย่าง Netflix หรือ Youtube ให้เราได้ด้วยครับ
ภาพสวยเสียงดี จอใหญ่มาก และขอบจอไม่มีแบบนี้ ดูหนังฟังเพลงก็เหมาะสมสุดๆ เลยครับ ด้านหน้าทั้งเครื่องมีแต่หน้าจอล้วนๆ
ใช้ดู Netflix ก็จะรองรับภาพแบบ HDR เพราะหน้าจอตัวนี้รองรับ HDR 10+ ด้วยนั้นเองครับ
ระบบภายในของ vivo มีการปรับแต่งได้เยอะ สมกับชื่อ FunTouch OS เราปรับตั้งค่าได้แม้กระทั่งอนิเมชั่นเอฟเฟ็กต์การสแกนหน้าและสแกนลายนิ้วมือครับ รวมถึงเอฟเฟ็กต์ขณะเสียบสายชาร์จก็เลือกได้ด้วย
มาพร้อมกับความปลอดภัย ที่ดูแลสแกนไวรัสหรือการทำงานจากแอพที่ประสงค์ร้ายที่อาจจะหลุดรอดมาเข้าเครื่องของเรา รวมถึงการปกป้องการชำระเงินผ่านแอพที่มีการทำงานด้านธุรกรรม ดูแลแยกไว้ต่างหากไม่ให้การทำงานนอกเหนือที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่มย่ามได้เลย
การปรับหน้าจอแสดงผลที่เลือกระดับความละเอียดหน้าจอ และระดับรีเฟรชเรทได้เอง เพื่อการถนอมพลังงาน แต่ผมแนะนำให้เปิดเป็นระบบอัตโนมัติเอาไว้ครับ เพราะหน้าจอจะสามารถปรับระดับรีเฟรชเรทได้เองตั้งแต่ 1 จนถึง 120Hz ตามความเหมาะสมในการแสดงผลขณะนั้นๆ เพื่อการถนอมพลังงานและยังได้ความสวยงามเต็มที่ในยามที่สมควรของมันได้เองครับ
ในการใช้งานจากที่ผมทดสอบด้วย vivo X80 Pro 5G เล่นเกมเป็นระยะเวลานานแบบต่อเนื่อง ตัวเครื่องมีความร้อนสะสมให้พอรู้สึกเท่านั้นครับ ถึงเครื่องจะแรงสเปคสูงแต่เวลาใช้งานจริงไม่เจอปัญหาผิดปกติใดๆ จากความร้อนเลยแม้จะเอาไปใช้ภายนอกอาคารที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ น่าจะเพราะระบบระบายความร้อนที่ภายในตัวเครื่อง มีการใส่ Vapor Chamber กับแผ่นระบายความร้อนกราไฟท์ขนาดใหญ่ ที่ครอบคลุมพื้นที่จุดกำเนิดความร้อนได้กว้างกว่า vivo X70 รุ่นก่อนถึง 76% ทำให้โทรศัพท์ค่อนข้างเย็น และด้วยการรักษาอุณหภูมิได้ดี ก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานในขณะนั้นๆ และส่งผลต่ออายุการใช้งานในระยะยาวด้วยครับ
กล้องถ่ายภาพ
กล้องหลัง 4 ตัวคุณภาพสูงทุกตัว โดยกล้องหลักจะเป็นใช้เซนเซอร์ Ultra-Sensing GNV ความละเอียด 50MP ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว เลนส์เทเลโฟโต้ 12MP เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide 48MP และเลนส์ซูมแบบ Periscope telephoto 8MP จะเห็นว่ากล้องมีความหลากหลายมาก ทำให้ vivo X80 Pro 5G ได้เปรียบในการสร้างระยะการถ่ายภาพในแบบเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่องของการถ่ายภาพบุคคล
มีการผสานเทคโนโลยีกันสั่น Gimbal เข้าไปเพื่อช่วยลดการสั่นในการถ่ายในระดับสูงสุด ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญมากในการถ่ายภาพแบบเทเลโฟโต้เพราะเป็นระยะมุมมองภาพที่ค่อนข้างไกลและเกิดการสั่นไหวได้ง่าย รวมถึงการถ่ายวีดีโอด้วยครับ มีตัว AI ทำงานภายใต้ตัวเลือกให้เราสลับใช้กับการปรับแต่งภาพให้มีสีสันตามธรรมชาติจาก ZEISS Natural Color ซึ่งทำงานให้เราได้ทั้งในการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวีดีโอด้วยเช่นกันครับ
ระยะการถ่ายภาพรองรับตั้งแต่มุมกว้าง 0.6 ไปจนถึงการซูมแบบดิจิทัลที่ 60x (สำหรับรุ่น X80 Pro 5G) และระยะ 20x (สำหรับรุ่น X80 5G) ทดสอบการถ่ายแบบซูมภาพในระยะ 5x ภาพยังคมอยู่เลยครับ
กล้องรุ่นนี้จุดเด่นคือระยะการถ่ายภาพ ที่นอกจากจะมีภาพมุมกว้างตามสไตล์ของกล้องสมาร์ทโฟนแล้ว ก็ยังมีโหมดเทเลโฟโต้ที่ปรับระยะการถ่ายได้เหมือนเลนส์สำหรับพอร์ทเทรตโดยตรง เช่นในระยะนิยม 50mm ภาพพอร์ทเทรตกำลังสวย มีความแคบและความลึกที่พอเหมาะ ใครชอบระยะการถ่ายพอร์ทเทรตแบบนี้ไม่ต้องใช้กล้องเลนส์แล้วครับ เพราะสามารถใช้ได้จากสมาร์ทโฟนแล้วครับ vivo X80 Pro 5G และทำออกมาได้ดีมาก มาพร้อมกับฟิลเตอร์จาก ZEISS Portrait style ต่างๆ เลียนแบบอารมณ์สีภาพจากเลนส์ชื่อดังในตำนานต่างๆ เช่น ZEISS Biotar , Distagon, Planar, Sonnar
เลือกใช้งานได้เลยว่าอยากได้แนวภาพลักษณะไหน สไตล์ภาพสวยถูกใจคนชอบพอร์ทเทรตแน่นอน ^^
ZEISS Biotar เลนส์โปเก้หมุนในตำนาน ^^ ผมชอบตัวนี้มากที่สุดเลยครับ ถ่ายก่อนแล้วมาเลือกระดับการเบลอหลังภายหลังได้ อยากให้โบเก้จัดมากแค่ไหน หรือจะโฟกัสจุดไหนก็เลือกเอาตามใจได้เลย
ภาพจากแนวสีคลาสสิคๆ ของฟิลเตอร์ ZEISS Biotar และโบเก้หมุนมาเสิร์ฟแล้วครับ ^^
แนวภาพพอร์ทเทรตจะคลาสสิคมาก ให้อารมณ์แตกต่างกันไปตามแต่ฟิลเตอร์ที่ใช้ครับ Biotar , Distagon, Planar, Sonnar
กล้องมุมกว้างใน vivo X80 Series ก็สามารถถ่ายโบเก้พอร์ทเทรตได้เช่นกันครับ ใครชอบภาพแนวกว้างเพื่อเก็บโลเคชั่นแบบนี้ ก็สามารถปรับแต่งฟิลเตอร์ และระดับการเบลอหลังการถ่ายแล้วได้เช่นกัน
อยากได้โบเก้ข้างหลังแบบเบลอนิดๆ หรือแบบสุดๆ ไปเลย แค่ปรับค่า F จาก F14 ไปจนถึง F 0.95 ให้ได้ระบบตรงใจแล้วกดบันทึกครับ ภาพผลลัพท์ทำออกมาได้แทบทุกภาพ
พอร์ตเทรตกลางคืนก็ยังสวยงามครับ ตัว AI ปรับแสงและเพิ่มรายละเอียดให้กับบุคคลได้สวย
ตัว AI สามารถจับบุคคลได้มากกว่า 1 คนพร้อมกันด้วยนะครับ เป็นระบบ AI ภาพหมู่ครับ เมื่อพบบุคคลที่มากกว่า 1 คนในภาพ
ฟิลเตอร์สีสันอื่นๆ ที่ใส่เข้ามาให้ก็มีอีกเยอะนะครับ ทั้งฟิลเตอร์กลางวันและกลางคืน มีแปลกๆ เยอะเลยทีเดียว ^^
โหมดการถ่ายวีดีโอ ก็จะมี AI ทำงานให้แล้วเช่นกัน และยังมีโหมดการถ่ายวีดีโอที่ได้รับปรับปรุงมาจาก ZEISS ด้วยเช่นกัน
ZEISS Cinematic Video ทำวีดีโอภาพสวยๆ แบบวีดีโอโบเก้ไฟดวงสวยๆ ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมครอปสัดส่วนภาพออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์ จะบอกว่าด้วยชิป vivo Pro Imaging Chip V1+ ทำให้กล้องรุ่นนี้ไม่กลัวกลางคืนเลย ถ่ายภาพวีดีโอหรือภาพนิ่งก็เอาอยู่หมดครับ
ระบบกล้องมีโฟกัสที่ว่องไว มี AI ที่ทำงานได้ในการทำงานลักษณะวีดีโอ รองรับความละเอียดสูงถึงระดับ 8K และสามารถถ่ายวีดีโอ HDR10+ ได้ด้วยตัวเองได้ พร้อมโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ มีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโหมดโปรที่ปรับแต่งได้เองทั้งสปีดชัตเตอร์, ISO, ค่าความสว่าง และระยะการซูมที่ใส่เข้ามาให้ในโหมดโปรด้วยเช่นกัน
โหมดเล่นกับกลางคืน ถ่ายแสงดาว ถ่ายพระจันทร์ โหมดการถ่ายภาพแบบเล่นกับแสงโดยการปรับสปีดชัตเตอร์ให้ช้าเพื่อเก็บแสงในระยะนานมากขึ้น ซึ่งเป็นเทคนิคแบบพวกโปรชอบใช้
เราสามารถถ่ายภาพพวกนี้เล่นได้บนสมาร์ทโฟนง่ายๆ โดยไม่ต้องมีขาตั้งกล้องพกไปเลย ^^
กล้องคุณภาพสูง ความสามารถเยอะทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ และยัมีฟิลเตอร์จากมือโปรอย่าง ZEISS และยังมีระบบกันสั่นระดับเดียวกับ Gimbal ในตัวเอง ตัว AI ทำงานได้ทั้งกลางวันกลางคืน รวมถึงภาพนิ่งและวีดีโอ ตรวจจับสิ่งที่จะถ่าย พร้อมปรับกล้องให้เหมาะสม เช่นกล้อง ULTRA Macro ก็จะทำงานเองเมื่อเข้าไปอยู่ในระยะไม่ต้องไปปรับโหมดเองครับ
ความสามารถครบมากๆ ครับ เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้กล้องที่ยอดเยี่ยมในปัจจุบันเลยทีเดียว
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมที่ตั้งใจมาเป็นที่สุดของ vivo พัฒนาสเปคมาทุกด้าน ครบเครื่องมากครับ มีทั้งความแรงของหน่วยประมวลผล งานประกอบและออกแบบระดับพรีเมี่ยม ระบบชาร์จพลังงาน 80W และระบบระบายความร้อน จอสวยเสียงใสใช้งานเอนเตอร์เทนเมนต์คือดีมาก เพราะจอใหญ่ไร้ขอบสีสันสดใส
พัฒนากล้องถ่ายภาพมาอีกขั้นสมเป็น vivo X Series การจับมือกับ ZEISS เพื่อปรับจูน, การโค๊ทหน้าเลนส์ และใช้ฟิลเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์จากเลนส์ในตำนานต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยรของตัวกล้องที่ใส่มาเยอะมากที่สุดของกล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่ใส่เทคโนโลยีกันสั่น Gimbal, กล้องเลนส์ซูม Periscope telephoto ที่ทำงานกับฟังก์ชั่นต่างๆ สร้างงานภาพถ่ายได้เหมือนกล้องโปรเลยครับ ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ อาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำด้วยความฉลาดของซอฟท์แวร์และระบบกันสั่นในตัว ประสิทธิภาพกล้องดีมากๆ
ราคาจำหน่ายและโปรโมชั่น
vivo X80 Pro 5G รุ่น Ram 12GB/256GB เปิดราคามาที่ 39,990 บาท
- ของแถมพรีออร์เดอร์เป็นที่ชาร์จไร้สาย vivo Wireless Charger / หูฟัง vivo TWS 2 ANC / บัตรรับประกัน VIP X Series รวมของแถมมูลค่า 15,997 บาท
vivo X80 5G รุ่น Ram 12GB/256GB เปิดราคามาที่ 29,990 บาท
- ของแถมพรีออร์เดอร์เป็นหม้อทอดไร้น้ำมัน / หูฟัง vivo TWS 2 ANC / บัตรรับประกัน VIP X Series รวมของแถมมูลค่า 14,888 บาท
เปิดจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันจำหน่ายวันที่ 27 พฤษภาคม 2565